ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #22 : 19 - สิ่งที่ต้องจัดการ - “ข้าอยากทำชุดนี้สุดๆ ไปเลยล่ะ”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 352
      1
      7 ม.ค. 54

     

    บทที่ 19

    สิ่งที่ต้องจัดการ

     

    อาเน่มองดูเมืองพรีม่า ผ่านรูที่เจาะไว้ทั่วกล่องซึ่งบรรจุตน

    เธอเคยคิดว่าหลังจากปราบไวเวิร์นแล้ว จะมาเดินเที่ยวชมเมืองด้วยกันกับเมลิส เวลานั้นคนในเมืองคงจะไม่แปลกใจกับขนาดและรูปร่างหน้าตาของเธอแล้ว หลายคนน่าจะยินดีเข้ามาทักทาย แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาเน่ก็อยากหลบเงียบๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครมากกว่า

    ใช่เพราะคนเมืองพรีม่ากล่าวโทษหรือจะทำร้ายเธอ ทว่าเด็กหญิงแมนเดรกก็ไม่อาจสบายใจที่พวกเขาชื่นชม วีรกรรม ของเธอในการปราบมังกรทั้งครอบครัวได้เลย

    ถึงอย่างนั้น หากมาถึงพรีม่าโดยไม่ได้เที่ยวชมเมืองก็คงจะน่าเสียดาย ผู้กล้าเฮลิออสจึงช่วยซื้อกล่องสำหรับพกพาสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ที่บุผ้านวมนิ่มและตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ ให้เมลิสพาแมนเดรกไปเดินชมเมือง นี่เป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะพักอยู่ที่พรีม่า ก่อนจะเดินทางกลับพรุ่งนี้เช้า

    อาเน่ยังคงไม่สบายใจ เมื่อเห็นเด็กเล็กๆ เล่นฆ่าไวเวิร์น ไม่ว่าจะด้วยดาบของเล่น หรือตุ๊กตารูปตัวเธอเองกับผู้กล้าอื่นๆ และตุ๊กตาไวเวิร์นที่มีข้อต่อแยกส่วนได้ทั้งหาง ปีก ขาแต่ละข้าง หรือแม้กระทั่งคอ

    แต่มีอะไรที่เธอทำได้บ้างหรือ

    มาเทียสอธิบายความจำเป็นของการฆ่าไวเวิร์นให้แล้ว เมลิสเองก็บอกว่าอาเน่ไม่ได้ทำผิด หากไม่ฆ่าไวเวิร์นพวกนั้น มันก็คงจะยังรังควานชาวเมืองต่อไป (แม้เด็กหญิงจะแอบบอกว่าเธอเองก็ไม่ชอบคนเมืองนี้เช่นกัน) หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีคนตายตอนที่มันทำลายโรงละคร หนังสือต่างๆ ก็ใช่จะไม่เคยบอก ว่าชีวิตของหลายๆ สิ่งดำรงอยู่ได้ด้วยการฆ่าฟัน สัตว์ใหญ่ฆ่ากินสัตว์เล็กเพื่อเอาชีวิตรอด มนุษย์เองก็ต้องกินเนื้อสัตว์ ต้องกำจัดวัชพืช แมลงศัตรูพืช หรือสัตว์ต่างๆ ที่มารังควาน คุกคามความเป็นอยู่ของตน

    ถึงอย่างนั้น...มันก็น่าจะมีวิธีที่ดีกว่าการฆ่ากันโดยไม่จำเป็นไม่ใช่หรือ

    ไม่มีใครให้คำตอบข้อนี้ได้ แม้มาเทียสกับเมลิสจะยืนยันแข็งขัน ต่อไปจะไม่ให้อาเน่ต้องจับดาบปราบมังกรอีกแล้ว ต่อไปพวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ในพาร์ฟ อาเน่เป็นครอบครัวของพวกเขา...

    ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รู้กระทั่งว่า...อาเน่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเกิดมาเพื่ออะไรน่ะหรือ

    จอมมารรู้...หรือที่แท้แค่หลอกลวงกันนะ ถ้าอาเน่รู้ว่าตนเองเกิดมาได้อย่างไร ทำไมจึงเป็นแมนเดรกประหลาดที่มีความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์ ความว้าวุ่นในใจนี้จะสงบลงได้ไหม

    ห้วงความคิดหยุดชะงักเมื่อเด็กหญิงผู้ถือกล่องอยู่หยุดเดิน อาเน่มองออกไป เห็นมาเทียสกำลังเจรจากับพ่อค้าร้านหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นร้านขายผ้าที่แอนนาลีฝากซื้อของ

    ยังหลาละพันเกลอยู่เหรอครับช่างตีเหล็กถามเสียงดังขึ้น

    ใช่ เป็นของที่เก็บในโกดังช่วงนั้นน่ะ ราคาเลยไม่ได้ลงตามไปด้วย ต้องรอให้ของชุดใหม่เข้ามาก่อน

    แต่ตอนนี้ก็ไม่มีภัยไวเวิร์นแล้ว...

    ถึงไม่มีภัยไวเวิร์น ค่าจ้างเก็บของกับขนส่งในตอนพวกมันยังบุกโจมตีอยู่ ก็ไม่ได้ลดลงไปด้วยนะ พ่อค้าอธิบาย ถ้าอยากซื้อในราคาปรกติ ก็รอถึงต้นสัปดาห์หน้าก็แล้วกัน ร้านอื่นๆ เขาก็ขายไม่ถูกไปกว่านี้หรอก

    แต่ว่า... มาเทียสทำท่าจะแย้ง แต่แล้วก็เงียบไป เขาพึมพำขอบคุณ ก่อนจะโค้งศีรษะให้พ่อค้าผ้า แล้วกวักมือเรียกเมลิสให้เดินตามมา

    อาเน่ขยับตัวไปที่ด้านหลังของกล่อง ดูผ่านช่องมองขณะที่เมลิสเดินผ่านหน้าร้าน เห็นพ่อค้าร่างท้วมบ่นงึมงำว่า พวกบ้านนอก พลางสั่นศีรษะ

    แวบหนึ่ง เธอนึกเสียใจยิ่งกว่าเดิมที่ปราบไวเวิร์นพวกนั้น

     

    * * * * *

     

    ช่างตีเหล็กเกาหัวแกรกอยู่บนม้านั่งสาธารณะ ข้างกายน้องสาว

    เขาไม่อยากให้เมลิสรู้ว่าเวลานี้พี่ชายกำลังมีปัญหาหนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เงินที่เขานำติดตัวมาในการเดินทางไม่ได้มีมาก ที่มากกว่ากลับเป็นเงินค่าฝากซื้อของของแอนนาลี ช่างตัดเสื้อเพื่อนสนิทของเขา

    และสามพันในห้าพันนั้นก็หมดไปกับค่าไถ่ตัว กับค่าพาปูหนีบเจ้าปัญหาเข้าโรงละครเรียบร้อยแล้ว

    เหลืออีกสองพัน ที่จริงแอนนาลีอยากได้ผ้าฝ้ายขนแกะอินดิก้าห้าหรือหกหลา เธอฝากเงินค่าผ้ามาสามพันเกล และค่าซื้อโลหะผสมสำหรับทำเครื่องประดับอีกสองพันเกล เวลานี้มาเทียสมีเงินติดตัวอยู่พันสองร้อยเกล ต่อให้รวมกับอีกสองพัน เขาก็ยังซื้อผ้าฝ้ายขนแกะได้แค่สามหลา เหลืออยู่อีกสองร้อย...ซึ่งดูเหมือนเป็นเศษเงินไปถนัดใจในเมืองของแพงมหาวินาศแห่งนี้

    เรื่องโลหะผสมนั้นไม่กระไรดอก เพราะเขารู้ลู่ทางสั่งเข้ามาถึงพาร์ฟ เผลอๆ จะได้ถูกกว่าค่าวัตถุดิบในเมืองพรีม่าที่ยังไม่ยอมลดลงเสียที แต่ผ้าฝ้ายขนแกะต่างหากที่เป็นปัญหา มันควรจะถูกลงโดยเร็ว ไม่ใช่ยังตรึงเพดานราคาไว้อยู่อย่างนี้

    หรือจะไม่ซื้อ แล้วกลับไปบอกแอนนาลีตรงๆ ดี ว่าเงินไม่พอจริงๆ จากนั้นก็แบ่งเงินค่าจ้างที่ได้จากเฮลิออสไปคืนเธอ แทนส่วนที่เขาใช้ไปก่อน

    แต่แบบนี้ หญิงสาวคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ที่ไม่ได้รับ ของฝากตามที่สั่งไว้เลยสักอย่าง

    หรือเขาจะยืมเฮลิออสมาใช้ก่อน (เอริเธียคงไม่ยอมให้ยืมเงิน...นอกเสียจากมีสัญญาเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยสุดบ้าเลือด เซ็นด้วยเลือด และจ่ายด้วยเลือดเป็นประกัน  ส่วนอัลบัสนั้นเขาไม่อยากยืม...ไม่นับว่ายังไม่ได้สนิทกันถึงขั้นขอยืมเงินได้ โดยไม่โดนอีกฝ่ายหาว่าถูกจอมมารเข้าสิง) ถึงอัศวินจะขอโทษช่างตีเหล็กที่ต้องให้รอสมาคมผู้กล้าอนุมัติเงินค่าจ้างของเขา ก็น่าจะพอมีเงินสดให้หยิบยืมสักสามพันเกลอยู่ไม่ใช่หรือ

    มาเทียสไม่ชอบหยิบยืมหรือเป็นหนี้ใคร แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น อัศวินเองก็คงจะเข้าใจ

    ถ้าอย่างนี้ก็ต้องไปหาเฮลิออสในวันนี้ แล้วก็กลับมาให้ทันร้านปิดในตอนเย็น

    หลังจากปราบไวเวิร์นเสร็จ อัศวินก็จัดแจงให้สมาชิกในคณะทุกๆ คนย้ายโรงแรมอย่างเงียบๆ (เว้นเพียงเอริเธีย ซึ่งต้องพักรักษาตัวที่เรือนรักษาของวิหารประจำเมือง) ทั้งยังกระจายกันไปพักคนละที่เพื่อหลบพวกนักข่าวกับกลุ่มคลั่งไคล้ผู้กล้า การไปไหนมาไหนหรือกระทั่งติดต่อกันจึงยากขึ้น และเฮลิออสก็เพียงแต่นัดให้พวกเขามาพบกันที่จัตุรัสกลางเมืองในเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อเดินทางกลับด้วยกัน

    ช่างตีเหล็กเพิ่งตระหนักได้ในตอนนั้น ว่าเขาไม่รู้ว่าเวลานี้ผู้กล้าพักอยู่โรงแรมใด และใช้ชื่อปลอมว่าอะไร ...หรือต่อให้บอกชื่อจริง ก็ใช่ว่าคนของโรงแรมจะยอมให้คนธรรมดาๆ อย่างเขาพบอัศวินได้ง่ายๆ

    ด้วยเหตุนี้อาจเหลือทางเดียว รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า แล้วขอยืมเงินจากอัศวินไปซื้อก่อนเดินทางออกจากเมือง ถึงอย่างไรมาเทียสกับเมลิสก็พักอยู่ในพรีม่าถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทางกลับเองไม่ได้ ค่าที่พักจะแพงเกินไป และใช้เวลานานเกินไป

    ชายหนุ่มกำลังจะลุกจากม้านั่งพอดี เมื่อจู่ๆ ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาถามเขา

    ท่านจะซื้อผ้ากี่หลาหรือ

    หือม์? มาเทียสไม่ทันตั้งตัว และออกจะระแวงหน่อยๆ ท่านเป็นใคร

    เขาเพ่งแล้วเพ่งอีก แต่ก็แน่ใจว่าตนไม่รู้จักผู้ชายผมสีดำตรงหน้า มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังแต่งกายดี เนื้อผ้าดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าของพวกขุนนาง แม้จะไม่รุ่มร่ามหรูหราเท่า และมีดาบสะพายอยู่ที่เข็มขัด

    อ้อ...ข้าลืมไป ชายอีกคนลอก ใบหน้า ที่มุมคางขึ้นเล็กน้อย นี่ข้าเอง เฮลิออส ข้าใช้หน้ากากแบบเดียวกับที่น้องข้าใช้น่ะ

    อ๋อ... ช่างตีเหล็กรับ ท่านเฮลิออสนี่เอง ว่าแต่หน้ากากนั่น...หามาจากไหนหรือขอรับ

    น้องสาวข้าให้มา นางมีหน้ากากสำรองอยู่หลายอัน เป็นรุ่นที่ใช้เวทมนตร์เปลี่ยนหน้าตาได้ตามต้องการ

    อา... มาเทียสรับ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ แสดงว่าท่านกับนางปรับความเข้าใจกันได้แล้วหรือขอรับ

    ก็ระดับหนึ่ง เรื่องแก้คำสาป ข้าว่าจะหาทางช่วยนางเท่าที่ทำได้

    ก็ดีนะขอรับ ลองนางให้หน้ากากท่านมาใช้ ก็แสดงว่านางคงยกโทษให้ท่านแล้ว ชายหนุ่มเปรย พลางนึกว่า...กระทั่งเอริเธียก็คงไม่หน้าเงินขนาดขายหน้ากากให้พี่ชายตัวเองดอกกระมัง

    เปล่า นางขายให้ข้าน่ะ

    ...ชายหนุ่มเงียบค้าง

    แต่ในราคาพิเศษนะ

    ...พิเศษ...หมายความว่าคงถูกกว่าปรกติสินะ... มาเทียสนึกอยู่ในใจ ว่ากระทั่งแม่มดดำก็คงไม่คิดราคาหน้าเลือดกับพี่ชายของตนเองแท้ๆ ก่อนจะหาทางตอบอย่างเหมาะสม

    ถ้านางลดราคาให้ ก็แสดงว่าท่านเป็นคนที่พิเศษสำหรับนางมากแล้วล่ะขอรับ

    เปล่า นางบอกว่าเพิ่มราคาอีกสองพันเกล เป็นค่าขายต่อ

    ...

    แต่ข้าดีใจนะ ที่นางขายให้ข้า ก็แสดงว่านางยกโทษให้ข้าแล้ว แล้วที่เรียกเงินเพิ่ม ก็แสดงว่านางยอมให้ข้าช่วยออกเงินสร้างปราสาทกระจกเงาแก้คำสาปของนาง เป็นเรื่องน่ายินดีใช่ไหมล่ะ

    เมื่อเห็นสีหน้าสุดซึ้งใจในความเป็นพี่ชายที่แสนดี (โดยหาได้ถือสาการขูดรีดของน้องสาวแต่ประการใด) ของอีกฝ่าย ช่างตีเหล็กได้แต่ตอบอ้อมแอ้มว่า ขอรับ แล้วรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว

    ท่านตามพวกเรามาหรือ

    เปล่า ข้าออกมาเดินเล่น แล้วเห็นพวกท่านเดินอยู่พอดี เลยตามมาว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง อีกฝ่ายพูดพลางหยิบถุงเงินที่ข้างเอวตนออกมา ท่านจะซื้อผ้ากลับไปให้แอนนาลีใช่ไหม กี่หลา ข้าจะออกเงินให้

    เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกขอรับ คือนางฝากเงินมาเป็นค่าผ้าอยู่แล้ว

    แต่ราคาผ้ายังไม่ลดใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้น ท่านคงซื้อไปตั้งแต่แรกแล้ว

    เอ่อ...มาเทียสเกาหัวแกรก เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

    เท่าไร ถ้าท่านเกรงใจนัก ก็บอกมาแค่ส่วนที่ยังขาดอยู่ก็ได้ ข้าจะช่วยออกให้

    ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้จำใจตอบ

    สามพันเกลขอรับ...แต่ท่านเฮลิออสหักจากค่าจ้างของข้าเถอะขอรับ ถือว่าข้าเบิกล่วงหน้าไป

    อะไรกัน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญแอนนาลีเถอะ

    หา? มาเทียสยิ่งงงหนักไปกว่าเดิม

    ข้าพอรู้ว่านางจะเอาไปทำชุดประกวดของเมือง ดังนั้นถือว่าข้าร่วมเป็นผู้ออกทุนโดยไม่ประสงค์ออกนามสักคนได้ไหม อัศวินนับเหรียญทองสามเหรียญ ส่งให้แก่มือของช่างตีเหล็ก

    ...ท่านไปรู้จักแอนนาลีตั้งแต่เมื่อไรหรือเขารับเงินไปอย่างลังเล

    ก็ตอนที่ท่านให้ข้าพาอาเน่ไปตัดชุด จากนั้นข้าก็แวะไปที่ร้านของนางอีกที นาง...เป็นคนที่น่ารักดีนะ ร้านของนางดูสบายๆ แล้วชากลิ่นกุหลาบ กับขนมม้วนน้ำผึ้งกับอบเชยที่นางทำก็...อร่อยมาก

    มาเทียสได้แต่หัวเราะแหะๆ ...ไม่บอกไปว่าขนมม้วนนั้นคงเป็นหนึ่งในของเยี่ยมไข้ที่เขาทำให้อาจารย์ (ตอนได้ข่าวลวงจากจอมมารว่าท่านไม่สบาย) และทำเผื่อให้หญิงสาวกับครอบครัวซึ่งชอบขนมสูตรของแม่เขาไม่น้อย

    อย่างไรก็ดี เขาสะกิดใจว่าท่าทางของเฮลิออสฟังดูเหมือนเด็กหนุ่มกำลังตกหลุมรักอย่างพิกล แต่ก็คิดอีกทางว่าอัศวินเป็นคนชื่นชอบสิ่งของสวยงามกับอาหารอร่อยๆ ...แอนนาลีทำของแต่งร้านทำนองนั้นไว้มากมายจนช่างตีเหล็กเองยังนึกชมทุกครั้งที่แวะไป และน้ำชาหอมกรุ่น กับขนมที่เธอนำมาให้ก็คงสร้างความประทับใจอีกอย่าง

    เขารู้ ผู้กล้าไม่ใช่คนที่จะคิดเกี้ยวพาราสีหญิงสาวในเมืองเล็กเล่นๆ และช่างตัดเสื้อหญิงเองก็เป็นผู้ใหญ่พอจะมองทะลุลูกไม้ของ หมาป่า ทั้งหลายทั้งปวงในคราบผู้ชาย จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไร

    นางสนิทกับท่านมากไหมเฮลิออสถามขึ้นอีกครั้ง

    ก็พอควร เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แล้วต่อมาข้าก็ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของตาของนาง ช่วงนั้นเลยได้พบกันบ่อย แต่พักหลังก็ห่างๆ กันไปชายหนุ่มตอบตามตรง นางชอบทำงานผ้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หน้าหนาวทีไรก็ถักผ้าพันคอกับถุงมือมาให้ข้ากับน้องสาวบ้าง ไม่ก็พวกผ้าห่มผ้านวม

    ดีนะ อัศวินรับ แล้วก็เงียบไปอีกครั้ง

    แต่เรื่องเงิน ข้าก็ยังเกรงใจท่านอยู่ดี มาเทียสตัดสินใจเอ่ยปาก ข้าคิดว่า—”

    ข้าให้ก็คือข้าให้ ขืนไม่ยอมรับ ข้าจะโกรธจริงๆ นะ

    เอ่อ... ช่างตีเหล็กคิดถึงอาการกระฟัดกระเฟียดกึ่งระอา ตลอดจนขึ้นเสียงเรียกชื่อ เซเลน่า ของผู้กล้าสวมเกราะเงินในเวลาเดินทาง (ซึ่งทุกครั้งมีที่มาจากแม่มดดำ) แล้วก็นึกสงสัยว่านั่นยังไม่ถือว่าโกรธของจริงใช่ไหม

    อย่างไรก็ดี เขาไม่อยากถูกเรียกชื่อ มาเทียส ดังๆ ด้วยความโกรธบ้าง และลองอีกฝ่ายยืนกรานหนักแน่นขนาดนี้แล้ว ก็คงจะคาดหวังให้เขายอมรับโดยดุษณีนั้นเอง

    ข้าเห็นท่านเป็นมากกว่าลูกจ้าง เห็นเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ...ข้ารู้ว่าให้เงินแล้วมาพูดอย่างนี้คงฟังแปลกๆ แต่ข้าก็ไม่รู้จะมอบอะไรให้ท่านดี ท่านเป็นคนดีนะ มาเทียส ถ้าไม่ได้พบท่าน เมลิส กับอาเน่ ข้าก็คงไม่ได้ปรับความเข้าใจกับน้องสาวข้าเป็นแน่ แต่ที่สำคัญ...ข้าสนุกมากเลย ทั้งตอนที่อยู่ในเมืองของท่าน กับตอนที่เราเดินทางด้วยกัน เฮลิออสพูดต่อไปเรื่อยๆ ข้าคงอยู่ที่พาร์ฟตลอดไปไม่ได้ เมื่อคลายคำสาปให้แกรมแล้วก็คงต้องรับภารกิจไปทั่วตามเดิม แต่หากมีเวลาหรือโอกาส ข้าจะแวะไปหาพวกท่านที่พาร์ฟแน่นอน

    ข้าก็อยากให้ท่านมาเยี่ยมบ่อยๆ ขอรับ มาเทียสรับ ก่อนจะจับมือที่อีกฝ่ายยื่นให้ ข้าก็อยากเป็นเพื่อนกับท่านเหมือนกัน

    งั้นก็ดี ผู้กล้าซึ่งสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าพยักหน้ารับ ท่านไปซื้อผ้าให้แอนนาลีเสร็จแล้ว เราไปหาร้านเนื้อย่างเล็กๆ นั่งกินนั่งดื่มกันดีไหม เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง ข้าเบื่ออาหารทะเล แล้วก็เบื่อภัตตาคารโรงแรมเต็มที

    ขอรับ ครั้งนี้ ช่างตีเหล็กรับอย่างเห็นด้วยเต็มที่

    การเดินทางมาพรีม่าก็มีความทรงจำดีๆ เช่นกัน

     

    * * * * *

     

    หกพันเกลเชียวเหรอ!” แอนนาลีกลับขึ้นเสียงสูงทันที เมื่อได้รู้ราคาผืนผ้าเนื้อนุ่มที่เธอเพิ่งลูบพลางเอ่ยปากชมนักชมหนา หลังขอบคุณมาเทียสที่นำมันมาให้ถึงร้าน

    คือ...เขาบอกว่ากว่าราคาผ้าจะลดลงเท่าเดิมก็อีกตั้งสัปดาห์ แล้วข้าก็อยู่รอไม่ได้

    แมท หญิงสาววางม้วนผ้าลงบนจักรเย็บผ้า ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตน แล้วเอ่ยเสียงจริงจัง ถ้าข้าสั่งผ้าฝ้ายขนแกะจากสมาคมค้าผ้าที่นี่ ข้าจะได้รับผ้าในห้าวัน หลาละแค่แปดร้อยเกลด้วยนะ

    ...ถูกกว่าถึงพันสองร้อยเกล... มาเทียสคำนวณส่วนต่างในใจได้รวดเร็ว และก็หัวเราะเจื่อนๆ

    งั้นข้าจะไม่คิดเงินค่าเหล็ก กับค่าทำเครื่องประดับก็แล้วกัน ขอโทษที่ใช้เงินของเจ้าจนหมดนะ แอน

    แต่เจ้าออกเงินของตัวเองไปตั้งพันหนึ่ง หญิงสาวไม่ยอมพลาด ข้าจำได้ว่าให้ไปห้าพัน แต่นี่ผ้าหกหลานะ

    ช่างเถอะ ถ...ถือว่าข้าออกเงินสนับสนุนงบประมาณทำชุดก็ได้ ก็มันเป็นความภูมิใจของเมืองเรานี่เขาจำได้ว่าต้องรักษาความลับของเฮลิออส (และตั้งใจกับตนเองว่าจะไม่มีวันพลาดเหมือนคราวแม่มดดำ)

    แอนนาลีโคลงศีรษะ

    อย่ากังวลเลย ช่างตีเหล็กยังคงย้ำ ข้าได้ค่าจ้างจากท่านผู้กล้ามาเยอะจนไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ

    แต่เจ้าจะเก็บเงินไว้เป็นค่าพาเมลิสไปรักษาไม่ใช่เหรอ แล้วก็ยังต้องจ่ายค่าไถ่ตัวอาเน่ให้แม่มดนั่นอีก

    ต่อให้จ่ายค่าตัวของอาเน่ ก็ยังเหลือเงินอยู่เรือนหมื่น เท่ากับข้าเก็บเงินได้เร็วกว่าที่เคยคิดตั้งมากอยู่ดี ชายหนุ่มบอกตามตรง ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจหรอก เราเพื่อนกัน ก็ต้องช่วยกันให้เต็มที่อยู่แล้ว

    แค่ เพื่อน เองเหรอ สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของแอนนาลี ทำเอาผู้ฟังชะงักกึก ข้ารอเจ้าไปพูดกับท่านตากับท่านพ่อมาตั้งสามปีแล้วนะ ไม่สิ ตั้งแต่เจ้าบอกตอนแปดขวบว่าจะขอข้าเป็นเจ้าสาวด้วยซ้ำ

    เอ่อ... ชายหนุ่มเริ่มไม่รู้จะพูดอย่างไรดี คือข้า...

    ข้าล้อเล่น ขอโทษนะ หญิงสาวยิ้มแหย ก่อนจะค้อมศีรษะ ความจริงคือ ข้าไม่ได้รอใครเป็นพิเศษหรอก แค่รู้สึกว่ายังไม่มีผู้ชายคนไหนที่เขาชอบข้า แล้วข้าเองก็ชอบเขาเหมือนกันเลยสักคน เจ้าเองก็ทำงานเก็บเงินเพื่อเมลิสมาตลอด เรื่องจะมีครอบครัวคงยังไม่เคยคิดแน่ๆ

    ก็จริง...มาเทียสรับ

    ข้าก็ตัดเสื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ สบายใจดี ...ต่อให้มีใครหาว่า เรื่องมากนักเลยขึ้นคาน ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ก็ไม่สนหรอก แอนนาลียักไหล่ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มหนาบนชั้นวางของข้างจักร พลางพูดต่อไป แต่ถ้าเป็นเจ้า ข้าก็ดีใจนะ เจ้าเป็นคนดี จริงใจ แล้วก็จริงจัง ที่จริงถ้าหัดเข้าสังคม แต่งตัว เอาเสื้อที่ข้าทำให้มาใส่บ้าง สาวๆ คงจะแอบมองเจ้ามากขึ้นอีกเยอะเชียวล่ะ

    ล้อเล่นน่า ช่างตีเหล็กหัวเราะ

    ข้าพูดจริงนะ แต่เอาเถอะ เจ้าเพิ่งกลับมาคงมีอะไรที่ต้องจัดการอีกเยอะ ข้าไม่ควรรั้งเจ้าไว้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แอนนาลีหยิบกระดาษออกแบบปึกหนึ่งส่งให้เขา นี่เป็นแบบเครื่องประดับที่ข้าต้องการ ช่วยไปทำมาหน่อยนะ ขนาดกับสัดส่วนของนางแบบ ข้าเขียนไว้ให้แล้ว

    อา... มาเทียสรับกระดาษพวกนั้นมาพลิกดู ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นชุดเกราะลักษณะโปร่งอ่อนช้อย แทนที่ของพวกสร้อย แหวน กำไล และเครื่องประดับผมที่ตนคิดในทีแรก นี่มัน...

    ข้าจะทำเทพีฤดูใบไม้ผลิที่เป็นนักรบ...ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดของอาเน่น่ะ ตอนเจ้าไปพรีม่า ข้าไปขอให้ฟรานซิสออกแบบให้ แอนนาลีนั่งเท้าคาง มองมาอย่างคาดหมาย ไม่รู้ว่าจะถูกใจกรรมการหรือเปล่า แต่ข้าอยากทำชุดนี้สุดๆ ไปเลยล่ะ

    ข้าเข้าใจ ช่างตีเหล็กพยักหน้า ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

     

    รู้สึกเหมือนนี่เป็นตอนลมสงบต่อเนื่องจากตอนที่แล้วอีกนิด ดูความคิดของอาเน่ เฮลิออส มาเทียส แอนนาลี การช็อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ และความสัมพันธ์ระหว่างช่างตีเหล็กกับช่างตัดเสื้อบ้าง

    ที่จริง คิดว่าถ้าแอนนาลีพูดอะไรเกี่ยวกับเฮลิออสบ้างก็ดีเหมือนกัน แต่ในตอนนี้ยังหาจุดที่เข้าไม่ถูก คิดว่าอาจจะดูตอนรีไรท์อีกรอบครับ (หรือทิ้งไว้แบบนี้ดี แสดงว่าแอนจังเธอไม่ได้คิดถึงคนไกลตัว...ที่ฝันหวานถึงคนทำขนมผิดคนดีนะ ฮา...)

    ชุดของแอนนาลีจะชนะหรือไม่ และงานเทศกาลที่มีอัศวินผู้กล้ากับจอมเวทขาวเข้าร่วมจับตาระวังจอมมารจะเป็นยังไง โปรดติดตามชมตอนต่อไปครับ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×