ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebels' Saga - กบฏมายา มนตราเทวยุทธ

    ลำดับตอนที่ #6 : -- 1.5 -เหตุไม่คาดฝัน- “เจ้าก็ตายแทนข้า ไม่ได้อยู่เสพสุขในฐานะ ‘แอ็กนัส' อีก“

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 207
      1
      15 ต.ค. 53

    เนื่องด้วยผู้อ่านหลายท่านในหลายบอร์ด ทักมาเรื่องการสลับฉากชวนงง ก็เลยคิดว่าต้องขอแถไถ เอ้ย ขอแถลงไขสักเล็กน้อย แหะ ๆ tongue

          นิยายเรื่องนี้ ทดลองเขียนโดยยึดลักษณะประมาณนี้เป็นหลัก smile
          1. มีตัวเอกเป็นกลุ่ม
          2. ดำเนินเรื่องหลายทางควบคู่กันไป
          3. ความเป็นมา ปริศนา หรือการกระทำใด ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยตัวละครหนึ่งหรือเหตุการณ์หนึ่ง อาจจะถูกบอกเล่า แสดงคำตอบ หรือส่งผลกระทบ ผ่านทางตัวละครอื่นหรือเหตุการณ์อื่น เป็นวงจรย้อนกลับไปมา

          ในด้านกลวิธี ผมเคยชินกับการเขียนฉากสั้น ๆ จึงเลือกใช้วิธีเอาฉากสั้น ๆ มาตัดสลับ ประกอบต่อกัน แต่ด้วยความชอบอะไรหลากหลาย จึงมักทะลึ่งพรวดใส่ตัวละครเข้าไปทีละเยอะ ๆ และเพราะฝีมือการสร้างตัวละคร ตลอดจนการเชื่อมโยงในแต่ละฉากของผมเองยังด้อยอยู่มาก หลายจุดจึงถ่ายทอดออกมาได้ตะกุกตะกักประดักประเดิดเอาการ ข้อนี้จะนำไปปรับปรุงฝึกปรือครับ

          ช่วงราว ๆ สิบบทแรก อยากหยอดปริศนาสำคัญ และปูพื้นตัวละครหลัก ๆ ทั้งหมดไว้ จึงอาจจะสลับกลับไปกลับมาเยอะไป (ไม่) หน่อย แต่ในบทถัดจากนั้น จะพยายามจัดเนื้อหาที่สามารถบ่งบอกพร้อมกันได้ให้รวมอยู่ในคราวเดียว และลดจำนวนครั้งการตัดสลับเปลี่ยนตัวเดินเรื่องให้น้อยลงครับ

          ทั้งหมดนี้ เป็นความอ่อนหัดแต่ดันเอาแต่ใจของผมเอง กระนั้น ถ้าอ่านแล้วยังพอได้รับความบันเทิงอยู่บ้าง ก็อยากให้ติดตามกันต่อไปนะครับ
          please m(_ _)m

          - bluemouse

          ...................


          โดยส่วนตัว ผมเองก็ชอบวิธีดำเนินเรื่องแบบฉากสั้นๆ ตัดไปตัดมานะ คงเพราะติดจากซีรี่ส์ฝรั่งอย่าง ER, Prison Break, แล้วก็การ์ตูนแนวหักเหลี่ยมหลายฝ่ายอย่าง Code GEASS ด้วย

          แต่ก็ยอมรับเหมือนกัน ว่าวิธีดำเนินเรื่องแบบนี้ คนอ่านก็ต้องมีสมาธิและความจำดีมาก เพราะขนาดผมเอง หลุดไม่ได้ดูสักช่วง ก็ยังตามยากบ้าง ดังนั้น เลยคิดละลองทำ "ตัวช่วย" ไว้สำหรับสรุปเรื่องกับตัวละครหลัก หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ smile

          - Anithin

          


          ...................


    บทที่ 5 - เหตุไม่คาดฝัน


      

    ฟิ้ว... เฟอร์ทิสเป่าปากคล้ายถอนใจ เมื่อภาพรอบด้านกลับแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง และเท้าของทั้งสองยังอยู่บนพื้นดินเรียบร้อยดี อย่างน้อย คราวนี้ข้าก็ไม่พาท่านทิ้งดิ่ง หรือลงไปว่ายน้ำเล่นในบึงแหละนะ

    ยะ...ยังจะพูดเล่นอีก เมลิสซ่าทำสีหน้าไม่ถูก ครั้นอีกฝ่ายยังกุมมือตนนิ่งอยู่ก็สะบัดทิ้งเสีย ถึงแล้วก็ปล่อยมือสิ!”

    คนอะไร ข้าเป็นสาวเป็นนาง เกิดมานอกจากท่านปู่กับพี่มัธคาร์แล้ว ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะเนื้อต้องตัวขนาดนี้เลย... เด็กสาวค่อนขอดในใจ นึกถึงตอนที่จู่ๆ คนตรงหน้าก็โอบตนเองเอาดื้อๆ ...ถึงจะเพื่อพาลงจากหลังคา (ที่เขาพาขึ้นไปปล่อยไว้เอง) ก็เถอะ

    ปล่อยก่อนตรวจสอบได้อย่างไร เกิดเวทย้ายร่างยังทำงานไม่สมบูรณ์ ท่านโผล่มาที่นี่แค่หัวกับตัว แขนขาหรือแม้แต่นิ้วหายไปสักข้าง ข้ากู้คืนไม่ได้หรอกนะ เด็กหนุ่มกลับพูดขึงขัง แม้แววตาพราวระยับ

    เด็กสาวตะครั่นตะครอขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ...ตาบ้านี่ พอ แมวประหลาดพูดได้ บอกว่าต้องรีบมาไฮฟ์ เขาก็รับว่าจะใช้ มนตร์ย้ายร่าง อีกรอบ แล้วก็หอบหิ้วเธอมาด้วยเอง...ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ทันตอบตกลงด้วยซ้ำ

    แบบนี้ยังมีหน้ามาขู่ฟ่อให้กลัวกันอีก

    แต่ที่จริง เมลิสซ่าก็ต้องยอมรับว่าตนอยากกลับถึงบ้านเร็วๆ เหมือนกัน พลบค่ำแล้ว ฟ้าคลุ้มฝนมืดมัวลงไปมาก ป่านนี้พี่มัธคาร์กับพี่หญิงคงเป็นห่วงเธอแย่...

    อ้าว!” เด็กสาวร้องขึ้น เหตุเพราะเพิ่งสังเกตแสงตะเกียงลิบๆ อยู่เบื้องหน้า ในความมืดสลัวรอบกาย มือเล็กชี้ไปทางนั้น ก็ไหนว่าถึงไฮฟ์แล้ว...ประตูหมู่บ้านยังอยู่ตรงโน้นเลยนี่

    ถึง แบบ ใกล้ ใกล้ เฟอร์ทิสลากเสียงช้าๆ ท่านว่าพวกชาวบ้านจะคิดอย่างไร ถ้าจู่ๆ มีคนสองคนโผล่มากลางลานหมู่บ้านจากอากาศธาตุ ...หรือพี่ชายท่านจะคิดอย่างไร ถ้าจู่ๆ ท่านโผล่ขึ้นที่กลางบ้านพร้อมหนุ่มหล่อแสนสง่างามสักคน

    หลงตัวเอง เมลิสซ่าเชิดจมูก หันหลังให้คนที่ยกตนเองเป็นหนุ่มหล่อแสนสง่า แล้วก็ก้าวฉับๆ ไปพร้อมร่มกับถุงเสื้อผ้าในมือ ขอบคุณที่มาส่ง ถ้าท่านว่าง ข้าคงเชิญท่านเข้าไปดื่มชาสักถ้วย แต่ท่านบอกว่าตัวเองมีธุระ น่าเสียดายนะ

    ใช่ น่าเสียดายที่ไม่ได้ลากจอมเวทสุดกวนเข้าบ้าน จับวางยานอนหลับในชา แล้วให้พี่มัธคาร์สะสางบัญชีแทนเธอซะให้เข็ด ยังมีพี่หญิงอยู่ในบ้านทั้งคน แถมมาข้องแวะกับพวกจอมเวทตอนมีอัศวินของวิหารอยู่ใกล้ๆ มันออกจะเสี่ยงเกินไปหน่อย

    ไว้เสร็จเรื่องก็เลี้ยงข้าสิ เขายังพูดตามหลังมา ชาใส่น้ำผึ้ง...แบบที่แม่ท่านทำตอนนั้น ข้ายังจำรสของมันได้ติดใจ—“

    เสียงพูดของเฟอร์ทิสกลับกลายเป็นร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

    เมลิสซ่าหันกลับมาอย่างตกใจ ครั้นแล้วก็ยืนตัวชาเมื่อพบเด็กหนุ่มทรุดตัวงออยู่บนพื้นดินโคลน ที่ร้ายกว่านั้นคือเขากำลังอาเจียน...สิ่งที่กระอักออกมาเป็นเลือดสีคล้ำกองโต

    เด็กสาวทิ้งทั้งร่มและถุงเสื้อผ้า วิ่งมาคุกเข่าลงพยุงเขา

    เป็นอะไรไป!”

    เฟอร์ทิสไม่ตอบ ร่างยังดิ้นทุรน เจ้าแมวตัวเล็กกระโดดลงมาจากหลังหมวกคลุมของเขาเมื่อไรไม่รู้ และจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาตื่นตระหนกไม่แพ้กัน

    บ้าน่า! เจ้านั่นมัน...โดนอะไรหนักข้อถึงขั้นนี้เชียว!”

    เจ้านั่น? เจ้านั่นไหน? เมลิสซ่าตั้งคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นครามครัน เพราะเจ้าแมวเอาแต่พึมพำอะไรก็ไม่รู้ ก่อนจะใช้อุ้งเท้าแตะหน้าผากของเด็กหนุ่มเบาๆ

    เขาสงบลงทันที ศีรษะฟุบลงกับพื้นดินโคลนจนเปื้อนไปทั้งแถบ เห็นชัดเจนว่าสิ้นสติไปแล้ว แม้ร่างจะยังกระตุก และกระอักเลือดออกมาอีกเฮือก

    ไม่ได้แก้อะไรหรอกนะ แค่ทำให้ไอ้ที่หนักมันทรมานน้อยลง แมวนั้นพูดอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้จะแก้สัญญากันยังไงนี่สิ

    สัญญา? สัญญาอะไร?

    เด็กสาวไม่ได้รับคำตอบตามเดิม แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมากลางเสียงฝน...เสียงกีบเท้าม้า

    แมวประหลาดหันหัวไปทางเสียงเช่นกัน ก่อนจะเงยมองเมลิสซ่า

    ไม่ได้การ! เจ้าช่วยดึงเฟอร์ทิสเข้าไปหลบก่อน! อย่าให้พวกอัศวินมันเห็นเข้าล่ะ!”

    เด็กสาวไม่ทันเห็นด้วยซ้ำ ว่าผู้ควบม้าใกล้เข้ามาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ (และก็ไม่รู้ด้วยว่าแมวสีม่วงรู้ได้อย่างไร) แต่ก็เข้าใจความจำเป็นเร่งร้อนของสถานการณ์ดี เธอลุกขึ้น หิ้วปีกเด็กหนุ่มจากด้านหลัง แล้วฉุดลากเต็มกำลัง จนลากเขาลงมาในพุ่มไม้ข้างทางสำเร็จ

    แต่ดงไม้นั้นทั้งชื้นทั้งแฉะ กบเขียดที่ร่ำระงมกระโดดหนีไปตัวละทิศละทาง มีบางตัวหลงทิศพุ่งมาชนขาเธอ

    ...แหยะ...

    ไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าเผ้าผม ชุดกระโปรงออกนอกบ้านตัวเก่ง มันเปียกฝนชุ่ม เปื้อนโคลนโชกไปตั้งแต่ตอนวิ่งเข้าไปประคองอีกฝ่ายโดยไม่ทันคิดอะไรแล้ว

    นี่มันวันอะไรกันเนี่ย... เด็กสาวโอดครวญ ทำไมข้าต้องมาเจอตาพ่อมดพิลึกกับแมวพูดได้นี่ด้วย...แล้วจู่ๆ ตานี่เป็นอะไรไป ...เกิดเขาตายขึ้นมาข้าจะทำอย่างไร...

    อย่างไรก็ดี เสียงฝีเท้าม้าที่ดังหนักหน่วงเข้ามาทุกทีทำให้เมลิสซ่าหมอบนิ่งไม่กระดุกกระดิก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเพื่อยืนยันตัวตนของกลุ่มผู้มาเยือน

    เธอจึงไม่ได้เห็น...ว่ามีพี่มัธคาร์ที่ถูกมัดมือไพล่หลังอยู่บนหลังม้าตัวหนึ่งในนั้น

     

    ...................

     

    มูอาทาคิดว่าตนคุมดีนัวอยู่หมัดแล้ว ด้านอัศวินศักดิ์สิทธิ์คงรับหน้าได้ไม่มีปัญหา ด้านหลานทั้งสอง เขาก็สั่งให้คนสนิทที่ไว้ใจได้ไปยังบ้านของมัธคาร์กับเมลิสซ่า บอกให้ซ่อนตัวหญิงบาดเจ็บ กับสิ่งใดก็ตามที่มากับนางเสียให้มิดชิด...อย่างน้อยก็จนกว่าแขกไม่ได้รับเชิญจะกลับไปหมดสิ้น

    แต่ภาพของมัธคาร์ ซึ่งถูกมัดมือไพล่หลังคุมตัวเข้ามาโดยคนเหล่านั้น...ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของหัวหน้าหมู่บ้านแม้แต่น้อย

    หลานชายข้ามีความผิดใด ชายชราตั้งคำถามกับพวกอัศวินที่ยืนเงียบ หลังจากบอกให้รอนายกองซึ่งกำลัง สำรวจ อีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านกลับมาเจรจา ไยพวกท่านจึงจับเขาเหมือนนักโทษเช่นนี้

    ที่ฮอร์เน็ต เขามาถามหาน้องสาวที่หายตัวไปกับพวกเรา แต่พอถามว่าที่ไฮฟ์มีบุคคลแปลกหน้ามาที่นี่หรือไม่ เขาก็วิ่งหนีทันที จึงต้องคุมตัวไว้ก่อน เพราะอาจมีพิรุธ

    ข้าเป็นห่วงน้องสาวข้า! มีเวลาตอบคำถามพวกท่านที่ไหน!” มัธคาร์พูดเสียงดัง ข้าแค่วิ่งจากเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของข้า! มันผิดด้วยหรือ!”

    มูอาทากลับเย็นสันหลังวาบกว่าเดิม

    เจ้าว่าอะไรนะ...เมลิสซ่าหายตัวไป?

    แม่หญิงน้อยผู้นั้นชื่อเมลิสซ่าหรือ ชายวัยกลางคนสูงสง่า แต่งเกราะอย่างหัวหน้าอัศวินเดินเข้ามาในที่ประชุมพอดี และเป็นหลานสาวของท่าน บุตรสาวของเออร์ลีอา?

    ใช่ ไม่ทราบท่านนายกองรู้ได้อย่างไร มูอาทาจำใจรับตามจริง

    ข้าเคยเป็นคนรู้จักของเออร์ลีอา บังเอิญพบแม่หญิงน้อยที่เพิงหลบฝนในฮอร์เน็ต เห็นนางคุ้นหน้านักจึงถามถึง ไม่นึกว่าตอนพูดคุยกัน จู่ๆ นางก็หายตัวไป ข้าจำต้องมาที่นี่เพราะภารกิจเร่งด่วน จึงทิ้งคนไว้ตามหา แล้วรีบมายังไฮฟ์ นายกองมองอัศวินที่ยังคุมตัวมัธคาร์อยู่ ครั้นแล้วก็เหมือนชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง

    ...ก่อนเอ่ยชื่อที่ทำให้ชายชราตกใจเป็นที่สุด

    มัธซาร์...นั่นเจ้าหรือ!”

    มัธคาร์ซึ่งจ้องมองนายกองอัศวินมาแต่แรกดูตื่นตะลึงไม่แพ้กัน ทว่าไม่มีใครเอ่ยคำใดขึ้นก่อน จนหัวหน้าหมู่บ้านตัดสินใจอธิบาย

    ถึงไม่นึกว่าจะมีคนรู้จักของลูกชายมาที่นี่ แต่นายกองอัศวินมาจากที่ที่ชายหนุ่มเคยไปอยู่นานหลายปี คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดที่จะรู้จักกัน

    นี่หลานชายข้าเอง ลูกชายคนโตของมัธซาร์กับเออร์ลีอา เขาได้ยินว่าน้องสาวหายตัวไป ย่อมเป็นห่วงมาก จึงลืมรักษามารยาทตอบคำถามพวกท่านอัศวิน ได้โปรดอย่าถือสาเลย หัวหน้าหมู่บ้านให้คำตอบแทนคนทั้งสอง ในใจภาวนา ขอให้อัศวินผู้นี้รู้จักลูกสะใภ้ของตนในทางดี...เช่นเดียวกับลูกชาย ขอบคุณท่านนายกองที่มีน้ำใจช่วยตามหาหลานสาวข้า ผู้ใดกันที่ท่านตามหา โปรดบอกมา พวกเราชาวหมู่บ้านไฮฟ์จะให้ความร่วมมือเต็มที่

    ที่ข้าได้รับคำสั่งให้ตามหา คือพระเถระและภิกษุณีสำคัญ ซึ่งคาดว่าถูกลักตัวจากมหาวิหารเลวิส และมหาวิหารซินเธียในเวลาเดียวกัน อัศวินวัยกลางคนตอบ มีรูปลักษณ์ตามภาพเหล่านี้

    อัศวินอีกสองคนก้าวเข้ามา คลี่ม้วนภาพที่พวกเขาถืออยู่คนละม้วน บนผ้าใบเนื้อดีเป็นภาพสีน้ำมันของคนสองคนในชุดพระเถระและภิกษุณีเต็มยศ วาดอย่างประณีต นัยน์ตาประหนึ่งมีชีวิต...หากว่าสิ่งที่เจ้าของนัยน์ตาทั้งคู่ถ่ายทอดยังเรียกได้ว่ามีชีวิต

    พระเถระผู้ยังหนุ่มแน่น โครงหน้างามราวรูปสลักเทพเจ้า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นเส้นตรงหนักแน่น ศีรษะสวมมงกุฎทองประกอบยศ ดวงตาสีฟ้าเย็นเยียบ เสียดแทงราวคมดาบที่อาจกรีดเฉือนทุกสิ่ง

    ภิกษุณีวัยสาวสะคราญ ดวงหน้าหวานล้ำปานเทพธิดา แม้นริมฝีปากบางได้รูปไร้รอยยิ้ม เรือนผมสีทองคลุมด้วยผ้าขาวทอดิ้นทองลวดลายประณีต ดวงตาสีดั่งท้องฟ้า เรียบเฉยราวไร้ความรู้สึก ราวกับโล่ที่ปกป้องสิ่งใดก็ตามซึ่งอยู่เบื้องหลังแววตามิให้เล็ดลอดออกมา

    มูอาทาแน่ใจว่าตนไม่เคยเห็นพระเถระในรูป แต่ภิกษุณีนี้ไม่ผิดแน่...แม้นเขาเห็นเธอเพียงไม่กี่แวบ

    อา... ชายชราแทบถอนใจ...หมดปัญหาไปเปลาะหนึ่ง เช่นนั้นขอให้ยินดีเถิด ภิกษุณีที่ท่านตามหาอยู่ที่นี่เอง หลานชายข้าเป็นผู้พบและพยาบาลนาง เดี๋ยวข้าจะให้คนไปเชิญนางมาที่นี่

    คนสนิทที่มูอาทาให้ไปยังบ้านของมัธคาร์กลับมาพอดี เร่งรีบกระหืดกระหอบ สีหน้าไม่สู้ดี แต่ยังพยายามเก็บอาการไว้ เมื่อเห็นพวกอัศวินไปจนถึงชาวบ้านชุมนุมกันอยู่อีกมากมาย

    ทว่า เพราะไม่เห็นความจำเป็นของการปิดบังอีกต่อไป ชายชราจึงหันไปเรียกชื่อเขา

    นักบวชหญิงที่มัธคาร์ช่วยไว้เป็นคนสำคัญในพระนครที่ถูกลักพามา ท่านนายกองมาอารักขานางกลับไป เจ้าช่วยไปเชิญนางมาที่นี่หน่อยได้ไหม

    ชายวัยกลางคนกลับกลืนน้ำลายฝืดๆ ทันที

    ข...ข้าไม่พบนางเลยขอรับ

    ไม่พบนาง...ในบ้านของมัธคาร์หรือ มูอาทาขมวดคิ้วอีกครั้ง

    ขอรับ...เมื่อข้าไปถึง ประตูบ้านทั้งหน้าหลังเปิดค้างอยู่ ในบ้านมีร่องรอยการต่อสู้ มีดหั่นผักเปื้อนเลือดตกอยู่บนพื้นกับชุดภิกษุณี... ผู้เล่ากลืนน้ำลายอีกครั้ง ราวกับหวาดกลัวที่จะพูดต่อ แล้วก็...บนเตียงมีรอยเลือด กับ...เศษเสื้อผ้าถูกฉีกทึ้ง แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย

    ทุกคนในที่ประชุมเงียบกันไปหลายอึดใจ...จนใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

    ซอร์ดีโอ!” เป็นมัธคาร์ที่ยังถูกมัดมืออยู่นั่นเอง ไอ้ระยำซอร์ดีโอ! เป็นมันแน่ๆ ! ก่อนเมลิสซ่าออกไปซื้อของ...และข้าออกไปตามนาง...มันแวะมาที่บ้านข้าหนหนึ่ง! พวกท่านก็รู้ว่ามันเป็นคนอย่างไร...ทำไมจะไม่กล้าทำหยาบช้ากระทั่งกับภิกษุณีศักดิ์สิทธิ์เล่า!!”

    พูดจาพล่อยๆ ! ดีนัวร้องขึ้นบ้าง แม้สีหน้าจะเผือดซีดลงจนเห็นได้ชัด ถึงลูกข้าจะเสเพลไปบ้าง ก็ยังรู้กาลเทศะ รู้อะไรควรไม่ควร! เขาไม่ทำเช่นนี้แน่!”

    มูอาทาเริ่มปวดศีรษะหนึบ เรื่องที่เขาคาดไว้ว่าย่อมเลวร้ายกลับกลายเป็นดีเหลือเชื่อ...ก็น่าดีใจ แต่เรื่องร้ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้นั้น...ก็น่าหวาดหวั่นเกินไป

    นึกว่าทุกสิ่งจะจบลงด้วยดี แต่หากลูกชาย (ที่ใครๆ ในไฮฟ์ระอาใจกับนิสัยเสียกันถ้วนหน้า) ของดีนัวล่วงละเมิดภิกษุณีสำคัญของมหาวิหารจริงๆ ...พวกเขาคงไม่แคล้วถูกเผาทั้งเป็นยกหมู่บ้านแน่

    อย่าเพิ่งด่วนสรุป มัธคาร์ หัวหน้าหมู่บ้านพยายามเตือนสติ ซอร์ดีโอกับผู้ติดตามล้วนไม่ได้อยู่ที่นี่ อาจมีเหตุอื่นก็ได้ ท่านนายกอง ข้าจะให้พวกชาวบ้านออกตามหาภิกษุณีผู้นั้นร่วมกับอัศวินของท่านเอง

    ต้องหาตัวให้ได้...ต่อให้ต้องค้นหาทั้งคืนหรือนานกว่านั้น เขาจะให้ศาสนจักรมีเหตุพิโรธหมู่บ้านตนอีกไม่ได้เป็นอันขาด

     

    ...................

     

    ...เสียงฝน...

    ...อื้ออึง...

    ...หนาว...

    ...เจ็บ...

    เพียงการขยับเปลือกตา...ก็ส่งหยดน้ำให้ไหลพรั่งพรู หลอมรวมกับน้ำตาของฟ้า

    หญิงสาวยืนนิ่งบนถนนดินโคลนทั้งเท้าเปลือยเปล่า ผมยาวสีทองเปียกลู่แนบหลัง เศษผ้าที่เหลือติดกายน้อยเกินจะเรียกได้ว่าปกคลุมเปียกโชกจนแนบร่างขาวโพลน

    คราบเลือดบนริมฝีปากและร่างกายถูกชะออกไปแล้ว...ราวกับไม่เคยมีโลหิตแดงตกต้องผิวขาวดุจหิมะมาก่อน

    แต่นั่นไม่อาจลบล้างสิ่งที่เกิดขึ้น...ทั้งภาพ...เสียง...สัมผัส...

    ...สกปรก...

    ...สกปรก...

    ...สกปรก สกปรก สกปรก!!...

    หญิงสาวคู้กายซบดิน ร้องไห้เสียงดังราวกับจะแข่งกับฝนฟ้า เธอเจ็บ...เจ็บในที่ที่บอกไม่ถูก...เจ็บทั้งๆ ที่ไร้ความทรงจำ...เจ็บทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเจ็บ...

    ที่รู้ก็เพียงอยากร้องไห้ที่นี่...ให้สิ่งที่ตนจำไม่ได้...สิ่งที่สูญเสียไป...สิ่งที่บัดนี้ตนยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร

    ...รู้เพียงว่าหากยังมีสิ่งนั้น...เธอก็คงไม่เจ็บปวดมากมายมหาศาลอย่างตอนนี้...ไม่ทุกข์ทรมานอย่างตอนนี้...

    ...คงไม่รู้สึกว่าตนเองสกปรกหยาบช้า...ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเคยทำอะไรลงไปเช่นนี้...

     

    ...................

     

    ยามดึกสงัด มหาวิหารเลวิสกลับโกลาหลอีกครั้ง เพราะการกลับมาของ คนผู้นั้น

    ทว่าครานี้ เป็นการโกลาหลอันน่ายินดี ผิดแผกจากเมื่อเจ็ดวันก่อน

    ดาบแห่งมหาวิหารหวนคืนสู่มหาวิหาร

     

    ...................

     

    พรุ่งนี้ข้าจะไปกราบทูลพระมหาสังฆราชา กับพระราชาคณะทั้งหลายเอง หรือยังไม่พอใจ?ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชา ต่อนักบวชชราผู้มีสมณศักดิ์ต่ำกว่า

    ...ข้าคงมิบังอาจตัดสิน คู่สนทนาตอบอย่างยำเกรง แต่มีเรื่องที่ท่านควรรู้...เรื่องที่เกิดในเวลาท่านไม่อยู่ในมหาวิหาร

    เรื่องอันใดอีก

    ...โล่รัศมีจันทรา อันตรธานไปจากมหาวิหารซินเธียเช่นกัน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านหรือไม่

    หึ ชายในชุดนักบวชซึ่งเปรอะเปื้อนคราบไคลของการเดินทาง...และอาจรวมถึงคราบอื่น...แค่นหัวเราะ ดาบมีขาของดาบ โล่ก็มีขาของโล่ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าโล่ที่พวกท่านว่าป้องกันได้ทุกอย่างนั่นหายไปไหน

    หมายความว่า...นางไม่ได้ไปกับท่าน?

    ข้าจำเป็นต้องมีตัวเกะกะพรรค์นั้นอยู่ด้วยหรือ สีหน้าและน้ำเสียงบอกความดูแคลนเต็มที่ รีบไปเสียที ข้าอยากพักผ่อนเต็มแก่แล้ว

    ...ขอรับ นักบวชชราคำนับผู้อ่อนวัยกว่าอย่างนอบน้อม ครั้นแล้วจึงออกไปจากห้องอย่างเงียบงัน

    ทันทีที่ลับร่างอีกฝ่าย ชายหนุ่มเจ้าของห้องทิ้งกายลงบนเก้าอี้นวมตัวยาวหุ้มผ้าไหม หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

    ...ก่อนต้องพลันลืมขึ้นในครู่ถัดมา กับเสียงเคาะประตู และเสียงเรียกอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    ท่านคริสซอร์ เสื้อผ้ากับน้ำอาบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ

    เสียงของนาง...

    ดาบแห่งแสงสุริยันลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไปยังประตูห้อง แล้วเปิดมันออกทันใด

    หญิงสาวร่างเล็กที่อยู่เบื้องหน้าผงะถอยไปเล็กน้อย แต่ยังช้าเกินกว่าแขนซ้ายถูกคว้า แขนเสื้อยาวของชุดแบบเรียบๆ สีเทาอย่างข้ารับใช้ถูกถกขึ้น เผยผ้าพันแผลหนาบนท่อนแขน ซึ่งยังมีคราบสีน้ำตาลซึมแห้งกรังอยู่จางๆ

    แผลลึกไหม คริสซอร์ถามเรียบเฉย

    ม...ไม่เจ้าค่ะ เจ้าของร่างเล็กจนเหมือนเด็กสาวมากกว่าหญิงสาวตอบเสียงสั่น ท่านคริสซอร์...ไม่ต้องห่วง—“

    ใครเป็นห่วงเจ้า นักบวชหนุ่มย้อนเสียงเย็น ข้าแค่อยากรู้ว่าตัวเองพลาดไปยังไง ไม่สังเกตจากแผลเจ้าแล้วจะรู้ได้หรือ

    นิ้วขาวยาวเรียว...อ่อนนุ่มราวไม่เคยกรำงานหนักหรือแม้แต่จับศาสตราวุธฉีกกระชากผ้าพันแผล ทึ้งมันลงพื้นเป็นริ้วๆ จนเห็นปากแผลยาวที่ยังมีเลือดปนหนองซึมออกมาจางๆ บนผิวขาวจัดของหญิงสาว

    คริสซอร์เพ่งมองแผลนั้นอีกครู่ จึงปล่อยแขนของเธอให้ตกลง หญิงรับใช้ก้มหน้า ดึงแขนเสื้อลงปิดบังรอยแผลอย่างเงียบงัน

    ...ก่อนกลั้นใจเอ่ย

    แต่...ข้าเป็นห่วงท่านคริสซอร์จริงๆ ข้า...เกรงว่าท่านจะไม่กลับมาอีก เหมือนกับ--”

    อ้อ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ นั่นสิ เจ้าจะไม่ห่วงข้าได้อย่างไร เพอร์นิลล่า ในเมื่อถ้าข้าพลั้งพลาดถึงตายขึ้นมา...

    มือเรียวเชยคางของหญิงสาว นัยน์ตาสีฟ้าเยียบเย็นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลบนดวงหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัย ซึ่งเบิกกว้างตื่นหวาดขึ้นทุกขณะ

    เจ้าก็ตายแทนข้า ไม่ได้อยู่เสพสุขในฐานะ แอ็กนัส อีกต่อไป ดาบแห่งแสงตะวันกล่าว เรียบเฉย เย็นชา เชือดเฉือน ...ทั้งๆ ที่มีโอกาสออกจากหมู่บ้านหลังเขา มีอาหารดีๆ กิน มีเสื้อผ้างามๆ ใส่ ใช้ชีวิตสุขสบายทุกอย่าง ...มิหนำซ้ำได้ชื่อว่า ผูกพัน กับคนของเทพเจ้าอย่างพวกเรามากกว่าใคร

    คริสซอร์ปล่อยมือจากคางของอีกฝ่ายอย่างไม่เบานัก แล้วก็หันกาย เดินไปตามทางเดินสู่ห้องอาบน้ำ ไม่รอว่าหญิงสาวจะตามมา หรือเดินหนีไป หรือทำประการใดอีก

    ...ข้าไม่เหมือน โล่ ที่โง่เขลานั่น...

    ใช่...ไม่เหมือน แต่เขาก็ยังปล่อยมันให้หนีไป...กับแอ็กนัส หน้าโง่ของมัน

    โล่ที่ไม่ควรมีจิตใจ กับ แอ็กนัส เบาปัญญาที่ไม่ควรมีความรู้สึก โล่เช่นนั้นไม่จำเป็น แอ็กนัสที่มีชีวิตอยู่แค่เพื่อมัน...ก็ไม่จำเป็น

    มีคมดาบที่สามารถทิ่มแทงทะลวงทุกสิ่งได้แล้ว...ไยโล่ที่สามารถป้องกันได้ทุกสิ่งจึงจำเป็น

    ดังนั้น เขาจะเป็นดาบอยู่ที่นี่ จะเป็นเทวาวุธเพียงหนึ่งเดียวขององค์เทพเจ้า

    ดาบก็คือดาบ คืออาวุธสังหาร

    ดาบไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก

    ...................


          รูปตัวละคร


    คริสซอร์


    เพอร์นิลล่า


    เนื่องจากตอนนี้ไม่ค่อยว่าง และสี่ช่องที่ลงไปก็หมดสต็อกแล้ว จากนี้ไปถ้ามีการ์ตูนสี่ช่อง อาจเป็นฉบับย้อนหลังของตอนที่ลงไปแล้ว หรือลงแบบตามสะดวกตามเนื้อเรื่องช่วงนั้นครับ

          ...................


          คอมเมนต์ท้ายบท 'บทที่ 5 - เหตุไม่คาดฝัน'

          สวัสดีท่านผู้อ่านขอรับ
          
          พอลองมาเขียนเองก็ให้เฟอร์ทิสกะล่อนโดยซื่อบ้าง คงเพราะเห็นหมอนี่เป็นคนท่าทางกล้าพูดกล้าแสดงออก เข้าไปทักหนูเมแบบไม่อ้ำอึ้งแหละนะ แต่หยอดมุกจีบสาวได้ไม่ทันไรก็มีอันต้องลงไปกระอักเลือดเพราะโดนไบก้อน เหลือง (???) ซะงั้น

          เกิดอะไรขึ้นกับแม่หญิงปริศนา ก่อนเขียนได้คุยกับคุณ Blue Mouse แล้ว แต่อยากเก็บไว้ให้อีกคนเล่ามากกว่า จึงโยนบทให้เธอทำมิวสิคกลางสายฝนแทน ^^a แล้วก็ตั้งใจเขียนให้ล้อกับตอนที่ตื่นมาตอนแรกเล็กน้อยครับ

          ส่วนตัวละครที่ปรากฏชื่อทั้งสอง คริสซอร์กับเพอร์นิลล่า ที่จริงคริสซึน (ชื่อเล่น) เป็นตัวละครที่ออกมาแล้วในบทแรก ในเมื่อคุณ Blue Mouse ยังไม่ได้คิดไว้ ผมเลยนำมาคิดต่อยอด รวมถึงเพอร์นิลล่า ซึ่งที่จริงก็เป็นตัวละครที่ไม่ใหม่นักเหมือนกัน ^^a

          ความหมายชื่อ มัธซาร์ (Mathsar) แผลงมาจาก มธุสร (ชื่อนางเอกเรื่อง ล่า ของทมยันตี แม่ของเด็กหญิงมธุกรในเรื่อง) ที่แปลว่า "เสียงอันไพเราะ" คริสซอร์ (Chrysaor) ชื่อภาษากรีก แปลว่า "ดาบสีทอง" ส่วน เพอร์นิลล่า (Pernilla) เป็นชื่อภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า "หินก้อนเล็ก"

          และเนื่องจากคราวที่แล้วเปิดโหวตรูปหน้าของเซอร์โวแบบมีหนวดกับ ไม่มีหนวดไป คะแนนเสียงที่ได้รับนั้น...เท่ากัน 3 คะแนนทั้งสองรูป ก็คิดว่าคงจะรอคะแนนเสียงเพิ่มเติมนะครับ ^^a

          น้อมรับทุกความเห็นขอรับ

          - Anithin
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×