ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebels' Saga - กบฏมายา มนตราเทวยุทธ

    ลำดับตอนที่ #17 : ช่วงที่ 2 - เมืองแห่งปักษา - 1 - มุ่งมั่น “ได้ยินอย่างนั้นข้าก็สบายใจ”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 133
      0
      26 พ.ย. 53

    บทที่ 1

    มุ่งมั่น

     

    เด็กสาวเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่  หอบหายใจหนัก  มือขวากุมท้องน้อยแน่นเกร็ง  ใบหน้าที่ขาวจัดยามนี้ยิ่งขาวโพลน  เลือดแดงฉานหลั่งซึมเนื้อผ้าดำแผ่ขยายเป็นวง  อาบย้อมจนเป็นสีหม่นเข้ม  ดูราวกับเป็นหลุมลึกทะลวงลงในร่าง

    โทรมเชียวนะ  ซีเลนที

    เงาร่างหนึ่งซึ่งยืนย้อนแสงอยู่ด้านข้างเปรยขึ้นลอย ๆ

    เด็กสาวไม่ได้หันไปมอง  ทำเสมือนไม่รับรู้ถึงการมาของผู้พูด  แต่อีกฝ่ายก็ดูจะไม่สนใจการเมินเฉยของเธอเช่นกัน

    สองครั้ง คนคนนั้นเอ่ย พลาดติดกันสองครั้งแล้ว  เล่นเอามึน  ครั้งแรกยังพอเข้าใจ  แต่ครั้งที่สองนี่รับไม่ได้อย่างรุนแรง  เจ้าเข้าไปถึงตัวนางได้แล้วแท้ ๆ

    ซีเลนทีมิได้ตอบคำ  เพียงจัดการกับบาดแผลของตนต่อไป

    ว่าแต่...ทำไมถึงคิดฆ่าเจ้าหนุ่มนั่นล่ะ คำถามยังคงตามมา ปกติเจ้าไม่ค่อยชอบลงไม้ลงมือกับพวกกระจอกนอกเหนือเป้าหมาย  แต่นี่...เห็นได้ชัดว่าเจ้าสติแตกทันทีที่เจอมัน

    "แอบดูอีกแล้วเรอะ" มือสังหารหญิงปริปากในที่สุด "พฤติกรรมทุเรศ"

    เหมือนกันมากรึไง คนถามพูดต่อไป  ไม่แยแสคำหยัน ใช่สินะ  ต้องเหมือนกันมากแน่ ๆ  เจ้าถึงมองไอ้หนุ่มเลี้ยงผึ้งนั่นเป็น มันไปได้

    "พูดมากเกินไปแล้ว  เรื่องที่ข้าใช้ให้ไปสืบล่ะ  ว่าไง"

    ทำต่อไหวเร้อ  เจ็บหนักแบบนี้

    เด็กสาวเหยียดยิ้มดูแคลน สาเหตุเดียวที่ข้าไม่ตัดลิ้นเจ้า  ก็เพราะมันยังกระดกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาได้อยู่  อย่าทำให้คุณค่าเพียงหนึ่งของมันต้องหมดไปเลย

    คู่สนทนาหัวเราะ

    "ก็ตามคาด  ไอ้สองตัวที่เจ้าเจอเมื่อสามวันก่อนไม่ใช่แค่โจรสวะ  แต่มีพรรคพวก...โขยงใหญ่  แถมมือดีซะด้วย"

     

    ...................

     

    อาชาพ่วงพีห้อเต็มเหยียดมาตามเส้นทางโคลนเลน  ไอฝนตกค้าง  อากาศรอบข้างยังชื้นเย็น  แต่เด็กหนุ่มผู้ขี่ร้อนใจปานไฟเผา

    เฟอร์ทิสกำลังควบม้ามุ่งตรงสู่ต่างเมือง

    ...ปัญหาอาจบานปลายกว่าที่คิด

    เขาย้อนนึกถึงคำพูดของเจ้าจอมเวทผู้ดีนั่น

    เจ้าบอกว่า  มากิสเตอร์ของเจ้ากำลังห่างออกไปทางเหนือเรื่อย ๆ สินะ

    แล้วยังไง เด็กหนุ่มย้อนถาม

    เซอร์โวชี้มาที่รอยผึ้งต่อยตามมือกับแขนเขา

    ที่อารามร้างนอกหมู่บ้าน  ทหารของข้าพบรังผึ้ง  กับกองไฟเพิ่งดับ  ในนั้นมีร่องรอยผงสลบเจือปน  เป็นชนิดเผาเพื่อให้เป็นควัน  ส่งผลชะงัด...ไม่ใช่ของที่คนทั่วไปจะพกพา  อีกอย่าง  เราได้รับแจ้งว่า  ในคืนเดียวกัน  ขบวนสินค้าผ่านทางเพิ่งโดนปล้นไป

    โจรภูเขา?

    เฟลีนถาม  เซอร์โวผงกศีรษะ

    สำหรับโจรในแถบถิ่นนี้  เมื่อจับเด็กหญิงหน้าตาดีนางหนึ่ง  คุณชายไร้ประโยชน์กับชายกำยำสองคนได้แล้วขึ้นเหนือ  ที่เดียวที่มันจะไปก็คือ...

    มอร์ติกา

    ทั้งเฟลีนและเซอร์โวเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

    มอร์ติกา? เฟอร์ทิสทวนชื่อนั้น

    "ไม่เคยไปรึ" แมวขนม่วงถาม

    "ไม่ครับ"

    เอานี่ไป นายกองอัศวินหยิบถุงผ้าขนาดย่อมขว้างมา  เด็กหนุ่มตวัดมือรับไว้  กันไม่ให้กระแทกใส่หน้า  และต้องร้อง เฮ่ย  แขนเขาตกวูบ  น้ำหนักของมันไม่ใช่เบา

    อะไรของท่าน

    มอร์ติกาเป็นเมืองแห่งการค้าเสรีที่เจริญรุ่งเรืองสูงสุดของพวกมนุษย์ บุรุษนักรบบอก ทั้งที่อาณาเขตไม่ใหญ่โต  กำลังพลใช่ว่ามากมาย  ซ้ำยังตั้งอยู่ระหว่างอาร์โคเซียกับเนิร์ฟเธน  แต่กลับปกครองตนเอง  ไม่ได้อยู่ภายใต้ทั้งสองฝ่าย  เจ้าคิดว่าอะไรคือสาเหตุล่ะ

    ข้าเรียนมาน้อย  ไม่รอบรู้เท่าท่านหรอก  เฉลยเถอะ

    จอมเวทในคราบอัศวินผายมือ คำตอบอยู่ในนั้น

    เฟอร์ทิสมองของในมืออย่างลังเลไม่ใคร่ไว้ใจ  แต่เห็นว่าเฟลีนไม่ได้ห้ามหรือคัดค้าน  จึงค่อย ๆ คลี่ปากถุงออกดู  และก็พบ

    เงิน

    ง่ายดาย  แต่จริงแท้

    เก็บดี ๆ  มันคือสิ่งจำเป็นเมื่อไปถึงที่นั่น เซอร์โวกล่าว

    จะดีเรอะ  ข้าอาจเบี้ยวท่าน  เชิดเงินหนีไปก็ได้ เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม

    ชายวัยกลางคนยิ้มตอบ

    เจ้าไม่กล้าหรอก

    เฟอร์ทิสกลืนน้ำลาย  ไม่ต่อปากต่อคำอีก  แต่ไม่วายทำหน้าข้องใจ

    "ท่านมีอัศวินถึงหนึ่งกองร้อยให้ใช้สอย  จัดการเองจะไม่จบลงอย่างรวบรัดกว่าหรือ"

    "เหตุผลก็สั้น ๆ  ...เพราะเขาทำไม่ได้"

    เฟลีนเป็นฝ่ายตอบแทน

    หนึ่งนั้น  อำนาจของศาสนจักรแผ่ไปไม่ถึงมอร์ติกา...อย่างน้อยในฉากหน้าก็เป็นแบบนั้น  ที่แน่ ๆ  จะระดมพลอัศวินศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเสาะค้นหรือจับกุมคน  ไม่ใช่คิดทำก็ทำได้เลย  อีกหนึ่ง...ซึ่งเป็นการคาดเดาของเธอเอง...เซอร์โวมาในหน้าที่ตามหาตัวหญิงผมทองนางนั้น  หากคิดเคลื่อนย้ายกำลังพลด้วยเหตุนอกเหนือจากคำสั่งเดิมที่ได้รับมา  ต้องได้รับการอนุญาตจากระดับสูงเสียก่อน  ต่อให้ใช้ข้ออ้างว่า 'ไล่ล่าคนที่บังอาจลบหลู่ท่านหญิงผู้สูงศักดิ์' ก็เถอะ

    อาร์โคเซียมีหรือจะมอบสิทธิ์สั่งการเต็มตัวให้แก่ผู้มีรากเหง้าจากเนิร์ฟเธน

    และ  เฟลีนยังไม่หยุดเพียงเท่านี้

    "ลองว่าโดนส่งไปที่นั่น  พวกเขาคงถูกจับแยกจากกันแน่  ไม่ทราบว่าระหว่างยายหนูน้อยกับมากิสเตอร์ของเฟอร์ทิส  ท่านจะให้เราถือการตามหาใครเป็นสำคัญ"

    ชายวัยกลางคนชะงัก  ชั่วแวบเดียว  แต่เพียงพอที่จะพลิกผัน

    เฟลีนย่อมรู้แล้ว  นี่ไม่ใช่การตามล่าผู้ต้องหาคดีร้ายแรงที่หนีไปพร้อมตัวประกัน  แต่เป็นการเสาะหาคนกลับคืน  ทั้งลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่และเด็กสาวนักเลี้ยงผึ้งล้วนสำคัญกับเขา

    คำถามนี้หยั่งเชิงว่าใครมีคุณค่ามากกว่า

    และเป็นการขู่  ว่าพวกเธออาจเล่นแง่  ไม่ทำเต็มกำลัง  แสร้งเป็นช่วยเหลือคนที่ไม่ถูกเลือกอย่างขอไปที  หากเซอร์โวตอบไม่ตรงตามจริง  เขาคือผู้สูญเสีย

    แต่ไม่ว่าจะโป้ปดหรือตอบตามตรง  หรือแม้กระทั่งไม่ตอบ  ความจริงก็ได้แสดงออกมาแล้ว

    แรกเริ่มเดิมที  ศิษย์อาจารย์คู่นี้มาเพราะซอร์ดีโอ  ดังนั้นการตามหาชายหนุ่มให้เจอย่อมมีน้ำหนักสูงกว่า  ถ้าเป้าหมายของเซอร์โวเป็นเช่นเดียวกัน  ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุดชั่งใจ

    การที่เขาชะงักงัน  เท่ากับเป็นการยืนยันโดยปริยายว่า  หากต้องเลือก  เขาจะเลือกเมลิสซ่า

    นั่นแตกต่างกันอย่างมากมาย

    สำหรับเฟลีนกับเฟอร์ทิส  เมลิสซ่าเป็นบุคคลที่ช่วยหรือไม่ก็ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อพวกตนเลย

    เมื่อผนวกเข้ากับการที่เขาไม่สามารถไปยังมอร์ติกา  จาก ข้อเสนอทำงานแลกผลตอบแทน จึงแปรเปลี่ยนเป็นการ จำยอมขอร้องให้ช่วยเหลือ  นายกองอัศวินย่อมต้องมอบผลได้หรือเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น  เพื่อให้พวกเธอทุ่มเทลงแรง

    ดูเหมือนผู้ที่หยิบยื่นทางเลือกจะสลับกลับกันเสียแล้ว

    เซอร์โวหัวเราะออกมา

    "บ้าชะมัด  เฟลีน  คุยกับท่านมันดีตรงที่ประหยัดถ้อยคำ  แต่เสียตรงที่ปิดบังความจริงไม่ได้เลยนี่แหละ"

    กล่าวถึงตรงนี้  เฟอร์ทิสกลับแทรกขึ้น

    "ต่อให้ท่านบอกว่าต้องให้ความสำคัญกับเจ้าโย่งหื่นกามนั่นมากกว่า  ข้าก็จะยึดถือการช่วยเหลือเมลิสซ่าเป็นอันดับแรกอยู่ดี"

    จอมเวทผู้สูงวัยกว่าทั้งสองนิ่งอึ้ง  มองเขาด้วยสายตาตะลึงงัน

    เซอร์โวพลันลุกจากที่นั่ง  เดินตรงเข้ามา  ก้มลงจับจ้องเด็กหนุ่มซึ่งตัวเล็กกว่า  เมื่อยืนเทียบกันแล้ว  ทั้งสองต่างชั้นกันมากมาย  ไม่เพียงความสูง  ยังมีพลังอำนาจ  แต่เฟอร์ทิสเงยหน้าสู้สายตาอย่างไม่เกรง  ผิดจากท่าทางหวาดหวั่นเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง  คล้ายกับว่าเรื่องนี้เท่านั้นที่เขาไม่ยอมลงให้ใครเด็ดขาด

    และแล้ว  บุรุษนักรบก็ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก

    "ได้ยินอย่างนั้นข้าก็สบายใจ"

     

    ...................

     

    ...................

     

    เอาล่ะ  ใกล้เข้าระยะที่ข้าสามารถใช้มนตร์ย้ายร่างไปมอร์ติกาได้แล้ว  ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน

    เฟลีนที่เกาะอยู่บนบ่าพูดขึ้น  ภวังค์ความคิดของเด็กหนุ่มหยุดลง

    เวลาไม่คอยท่า วิฬาร์ร่างจ้อยกล่าว เราต้องแยกกันหา  ข้าจะไปที่เขตสว่าง  ส่วนเจ้าไปที่เขตมืด

    เฟอร์ทิสทำหน้างง

    ที่ตั้งของมอร์ติกาด้านตะวันออกเฉียงใต้ติดกับอาร์โคเซีย  ด้านตะวันตกเฉียงเหนือติดกับเขตปกครองรอบนอกของเนิร์ฟเธน  คนที่นั่นเลยแบ่งมันเป็นสองซีก  เรียกเป็นที่รู้กันว่าเขตสว่างกับเขตมืด นางแมวอธิบาย เขตสว่างก็ตามชื่อ  เน้นการค้าที่มีภาพลักษณ์เจริญหูเจริญตา  สำหรับผู้พิสมัยเรื่องงดงาม  และไม่คิดเสพรับสิ่งไม่น่าอภิรมย์  ส่วนเขตมืด  คือที่มาของคำร่ำลือ 'มอร์ติกามีขายทุกอย่าง'  ทุกสิ่งสรรพที่ผู้คนควานคว้าล้วนหาได้ที่นั่น...แน่นอน  ต้องมีเงิน  ในเขตนั้น  ต่อให้เจ้าสาปนักบวชกลายเป็นตะกวด  ขอแค่เงินอุดปากหนาพอ  ก็ไม่มีใครไปแจ้งอัศวินศักดิ์สิทธิ์"

    เป็นความรู้ใหม่ที่น่าตกใจเอาการ  เอ  เดี๋ยวสิ  ท่านโยนไอ้อย่างยากมาให้ข้านี่นา เฟอร์ทิสแสร้งท้วง ส่งข้าไปในดงอับแสง  ส่วนท่านไปเที่ยวดูของสวย ๆ สบายแฮ

    ถ้าเจ้าเป็นมนุษย์ก็คงใช่กระมัง แมวขนม่วงหัวเราะหึ แต่สำหรับผู้ใช้เวทมนตร์  มันตรงข้ามกัน  ในเขตมืด  มีเงินบวกลวดลายนิดหน่อยก็พอเอาตัวรอด  แต่เขตสว่างมีแค่นั้นไม่พอ  แกะดำอย่างเรา ๆ เข้าไปสืบหาคนน่ะมันเด่นเป็นสง่ายิ่งกว่าอะไร  ต้องรู้จักอำพราง  รอคอยอดกลั้น  เคลื่อนไหวแนบเนียน  ซึ่งคนโผงผางโฉ่งฉ่างอย่างเจ้าไม่มีสักข้อ

    เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ  ไม่อาจโต้แย้ง

    เดินทางทางบกจากฝั่งอาร์โคเซียเข้าได้แต่ประตูทิศใต้  เมื่อไปถึง  เจ้าค่อยเลาะขอบเมืองเข้าเขตมืด  ถามหาถนนทางรอด  สุดถนนนั้นมีชุมนุมยกเมฆ  มันเป็นแหล่งขายข่าวสาร  เจ้าควรเริ่มจากที่นั่น  ข้าไปเองไม่ได้  สารรูปนี้ยุ่งยากเกินไป  และสถานะข้าก็เป็นพวกมีคนต้องการหัว  อาจต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายปิดปากเกินตัว

    เดี๋ยว  งั้นท่านจะทำยังไง  เดินหาด้วยตัวเองหรือ เฟอร์ทิสร้อง  เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้  ถ้าแยกกันแล้ว  เฟลีนเท่ากับอยู่โดดเดี่ยว

    ข้ามีวิธี

    "แต่ว่า..."

    เด็กหนุ่มทราบดี  อาจารย์ของตนเป็นผู้มีฝีมือ  แต่ด้วยรูปลักษณ์กับขนาดตัวเช่นนี้  เขาอดไม่ได้ที่จะกังวล

    "อย่าดูถูกกันนักสิ  ก่อนพบเจ้า  ข้าก็อยู่ของข้ามาได้" แมวม่วงตัวน้อยเหมือนจะยิ้ม "ลืมแล้วรึไง  วิชาทั้งหมดที่เจ้ามี  ข้าเป็นคนสอนให้เอง  จะบอกว่าข้ายังต้องอาศัยการคุ้มครองจากเจ้ารึ"

    ว่าแล้วก็กระโดดมายืนที่คอม้าเบื้องหน้าเขา

    ก่อนไป  ข้ามีเรื่องอยากบอกสามข้อ

    น้ำเสียงของเฟลีนเป็นน้ำเสียงจริงจังยามเอ่ยเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  เด็กหนุ่มจึงปิดปากเงียบรอฟัง

    ข้อแรก  คนตรงไปตรงมาอย่างเจ้าอาจยอมรับไม่ได้  และคิดว่าเงินไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง  แต่ว่า  มอร์ติกาไม่มีสิ่งมีชีวิตที่คิดแบบเจ้าอาศัยอยู่หรอก  ต่อให้อยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้

    เฟอร์ทิสขมวดคิ้ว  แต่ยังคงผงกศีรษะรับ  ใช่  ท่านเฟลีนพูดถูก  เขานึกค้านตั้งแต่ตอนที่เจ้านายกองนั่นบอกพลางใช้สายตามองเขาราวกับเป็นเด็กไร้เดียงสาแล้ว

    ข้อสอง  เจ้าใช้เวทมนตร์ได้ตามสมควรถ้าต้องป้องกันตัว  แต่เฉพาะพวกที่มีตราสัญลักษณ์ประจำเมืองบนปกเสื้อเท่านั้น  ห้ามตอแยโดยเด็ดขาด  มันเป็นคนของเจ้าเมือง

    ครับ

    ข้อสุดท้าย  คำที่เจ้าตอกใส่หน้าเซอร์โวเมื่อตอนเช้านั่น...

    เฟอร์ทิสสะดุ้งโหยง

    "ข้า...ขอโทษครับ"

    เด็กหนุ่มคอตก  เขารู้ตัว  ไม่ฉลาดเลยที่อวดดื้อถือดีเผยความคิดในใจ  ทำให้ความมีเปรียบที่ผู้เป็นอาจารย์ฉวยมาได้ต้องสูญไปแบบนั้น

    ทว่า  นางมิได้ตำหนิ  เพียงจ้องมองเขา  และกล่าวเสียงราบเรียบ

    "อย่าได้ลืมสิ่งที่เจ้าเอ่ยเองกับปาก  จำมันให้ขึ้นใจ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  จงคำนึงถึงเป้าหมายไว้"

    เด็กหนุ่มงุนงง  แล้วจึงค่อย ๆ คลี่ยิ้มกว้าง  พยักหน้ารับหนักแน่น

    ...ณ ตอนนี้  เฟอร์ทิสยังไม่ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำเตือนนั้น

     

    ...................

     

    ...เด็กหญิงก๋ากั่นอายุราวสิบสามสิบสี่  ผิวคล้ำแดดเล็กน้อย  ผมสีน้ำตาล  อาจถักเปีย  ชายหนุ่มผิวทองแดง  รูปร่างกำยำสองคน  และตัวสูงผิวขาว  ท่าทางไม่เอาไหนอีกหนึ่งคน  พวกเขาเพิ่งเข้าเมืองมาวันนี้  มีใครพบเห็นบ้างหรือไม่...

    ในตรอกแคบยาวเหยียดหลังร้านอาหารขนาดใหญ่แถบชานเมือง  เฟลีนยืนอยู่บนหลังคา  เบื้องล่างลงไปคือฝูงแมวเลี้ยงและจรจัดนับร้อยจากทั่วมอร์ติกาที่มารวมตัวกันตามคำเรียก ของเธอ

    คำตอบมีมากมาย  สัตว์ตัวน้อยทยอยกันบอกกล่าว  ทว่า  บ้างก็รูปร่างหน้าตาตรง  แต่เวลาไม่ใช่  บ้างเวลาใช่  แต่รูปร่างหน้าตาไม่ตรง

    กระทั่งมาถึงรอบของแมวหนุ่มอ้วนท้วนสะอาดสะอ้านตัวหนึ่ง

    มันพบ...เด็กผู้หญิงซึ่งเข้าลักษณะและเงื่อนไขเวลาดังที่เธอบอกไป

    แต่ปัญหาใหญ่กว่าก็บังเกิด

    แมวอ้วนเจอเธอในถิ่น ไร้มลทิน ส่วนสว่างไสวที่สุดของเขตสว่าง

    ...ส่วนที่มอร์ติกาแบ่งปันแก่ศาสนจักรเพื่อสายสัมพันธ์อันดี  กิจการกว่าเก้าในสิบมีนักบวชหรือนายทหารอัศวินถือผลประโยชน์  คุมส่วนได้ส่วนเสีย

    พื้นที่นั้น  จอมเวทมีสถานะเทียบเท่าเชื้อโรคพันธุ์หนึ่ง  ถูกเห็นเป็นโดนกำจัด

    จุดที่มันพบเด็กหญิงคือ พาเดร ...สถานติดต่อรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมสำหรับเศรษฐีผู้มั่งคั่ง

    กิจการค้ามนุษย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายที่แสนงดงามเอื้ออารี

     

    ...................

     

    ทันทีที่ประตูหน้าหักกลาง  ยามเฝ้าด่านร่างยักษ์กระเด็นเข้ามาในค่ายด้วยสภาพบาดแผลเกลื่อนกลาด  เสียงเอะอะวุ่นวายก็ดังขึ้น

    ...และเงียบลงในเวลาไม่นาน  บรรดาโจรภูเขากระชับอาวุธข้างกาย  กระจายกำลังกันตามตำแหน่ง  หยัดยืนตั้งท่าเตรียมประจัญ  แสดงให้เห็นถึงความช่ำชองเชิงรุกที่สอดประสานกัน  และความเชี่ยวชาญเชิงรับ เตรียมพร้อมกับทุกเหตุเปลี่ยนแปลง

    ผู้มาเยือนค่อย ๆ เดินเข้ามา  อย่างแช่มช้า  เยื้องกราย

    เหล่ามิจฉาชีพล้วนงงงัน  ด้วยว่าอีกฝ่ายมาเพียงคนเดียว  และตะลึงงัน...ด้วยรูปลักษณ์

    แม้ปิดบังโฉมหน้าด้วยผ้าแพรและสวมใส่อาภรณ์ดำ  แต่ทั้งหมดรู้สึกว่านางช่างพร่าพรายตานัก  ลี้ลับเย้ายวนชวนค้นหา  ขณะเดียวกันก็แฝงความสง่าระคนบอบบางน่าทะนุถนอม

    ยิ่งพิศยิ่งหลงใหลเลื่อนลอย  ยิ่งย่างใกล้ยิ่งพาให้เคลิบเคลิ้มคล้อยตาม  ราวกับต้องมายา...

    "ตื่นโว้ย!"

    เสียงของหัวหน้ากลุ่มโจรดังขึ้น  ก้องกระแทกรูหู  เรียกสติพวกพ้องกลับคืน

    ทุกคนสั่นศีรษะและรีบคืนสู่ท่วงท่าสู้ศึกดังเดิม  ใจเต้นไม่เป็นส่ำ  ทั้งยังหวาดเสียวไม่คลาย  เด็กนี่งดงามเกินไป  เมื่อครู่ขอแค่นางเอ่ยปาก  พวกตนคงกรูเข้าไปหาให้ฆ่าทิ้งกันถ้วนทั่วด้วยความยินดี

    หามคนเจ็บเข้าไปรักษา ขณะออกคำสั่ง  เคลปโตยังจ้องเขม็งใส่ผู้บุกรุก เจ้าเป็นใคร

    ก่อนอื่น  ข้าไม่ชอบคำเทือก ๆ แม่หญิงน้อย หรือ อีหนู  เรียกข้าว่าซีเลนที เธอบอก  ไม่ยี่หระแม้แต่นิดว่ายืนอยู่กลางวงล้อม

    เอาล่ะ  แม่หญิงซีเลนที  เจ้ามาไม้ไหนกันวะ นายโจรถาม

    "โอ้  อย่าเพิ่งปั้นหน้าดุสิ  คุณหัวหน้า เด็กสาวหัวเราะคิกคัก สุนัขเฝ้าประตูตัวอื่น ๆ กองกันอยู่ข้างนอกนั่น...แค่สั่งสอนพอประมาณเท่านั้น  ข้าไม่ชอบรังแกคนอ่อนแอโดยไม่จำเป็น  มีรอยขีดข่วนนิดหน่อยแต่แขนขาอยู่ครบ  จริง ๆ ก็ตั้งใจจะคุยด้วยดี ๆ หรอก  คนของท่านดันปากเปราะ  แถมทำท่ารุ่มร่ามเองนี่  ข้าก็ต้องป้องกันตัว"

    เสน่ห์เจ้ามากล้นเพียงนี้  ข้าคงโทษพวกมันไม่ได้ ชายวัยกลางคนยิ้มเย็น "ธรรมเนียมเยี่ยมเยียนของเนิร์ฟเธนออกจะยอมรับได้ยากหน่อยนะ  มาถึงก็เล่นคนของผู้เหย้าซะคางเหลือง"

    ซีเลนทีประหลาดใจเล็กน้อย  ฝ่ายตรงข้ามสมเป็นคนมีประสบการณ์  เพียงแวบเดียว  ดูออกว่าเธอคือจอมเวท...ไม่เสียเที่ยวที่มา

    เคลปโตก็รู้  กุหลาบงามตรงหน้ามีหนามแหลมคม  เป็นประเภทไม่ควรล้อเล่น

    "อย่ามัวร่ำไรเลย  เจ้ามีธุระปะปังอันใดมิทราบ" นายโจรพูดเสียงขรึม  ไม่เหลือท่าทีช่างสัพยอกหยอกเย้าอีก

    "ข้ามีการค้าน่าสนใจมาเสนอ" เด็กสาวว่า  ดวงตากลมโตขยิบยั่วเยาะ "เนื้อชิ้นงาม"

    "ใคร"

    "ศาสนจักร"

     

    ...................

     

     

             คอมเมนต์ท้ายบท 'บทที่ 1 - มุ่งมั่น'

     

             เข้าสู่บท 'เมืองแห่งปักษา' คู่ศิษย์อาจารย์เด็กหัวเหม่งกับแมวขนม่วงก็มีเหตุให้ต้องแยกออกจากกันจนได้

             หลังจากที่หลีสาวตอนต้น  จากนั้นก็นอนสลบยาวลูกเดียวเลย  ในที่สุดเฟอร์ทิสก็เริ่มมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้างแล้ว :จะตามสาวเจ้ากลับบ้านได้รึไม่ต้องคอยดูกันต่อไป :)

             ส่วนนักฆ่าหญิงชุดดำที่เคยออกมาก่อนหน้า  ตอนนี้ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเฉลยชื่อว่าซีเลนที (ภาษาละติน silenti : dead)  ในเนื้อเรื่องช่วงที่สองนี้  เธอก็จะมีบทบาทมากขึ้นเช่นกันครับ

             และ  สำหรับสถานที่ใหม่ที่ตัวละครจะต้องเดินทางไป  - มอร์ติกา  (เป็นชื่อเมืองแห่งการค้าเสรี  ในนิยายเรื่องก่อนหน้าของคุณ Anithin  ดังนั้นจริง ๆ แล้ว  อยากให้คุณ Anithin เป็นคนเริ่มวางสภาพของเมืองมากกว่า  แต่เผอิญว่าตัวบทมาลงที่ตาของผมพอดี แหะ ๆ)

              'เมืองแห่งการค้าที่มีขายทุกอย่าง' หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของนิยายแฟนตาซี :เวลาที่พูดถึงเมืองลักษณะนี้  ผมมักจะตีความไปในทางลบและนึกไปถึงตลาดมืด  บรรยากาศทึม ๆ น่ากลัว ๆ  อาชญากรพลุกพล่าน  แดนฉ้อฉล  เขตอนาธิปไตยสมบูรณ์  ทำนองนี้  ทีแรกก็ว่าจะให้มอร์ติกาเป็นอย่างนั้น  แต่ในความเป็นจริง  ถ้ามันเป็นแหล่งตลาดมืดล้วน ๆ ก็ไม่น่าจะโด่งดังในฐานะเมืองการค้าเสรี  และในเมื่อมัน 'มีขายทุกอย่าง' ก็หมายความว่าต้องรองรับลูกค้าทุกประเภท  ในเบื้องต้นจึงแบ่งออกเป็นสองโซนไปเลยน่าจะเข้ากว่า

     

             แล้วเจอกันในบทถัดไปของถัดไปครับ :)

     

             bluemouse


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×