คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [พิเศษ] ข้อมูลตัวละคร สถานที่ และสรุปเนื้อหาช่วงที่ 1
ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องช่วงที่ 1 (เรียงตามลำดับการปรากฏตัว)
* ภาพประกอบโดย Anithin เขียนโดย bluemouse
1. คริสซอร์ (Chrysaor - ชื่อภาษากรีก แปลว่า "ดาบสีทอง")
- นักบวชหนุ่มแห่งศาสนจักรอาร์โคเซีย ผู้ครองครอบเทวาวุธ 'ดาบแสงสุริยัน'
- ฝีมือสูงส่งเลิศล้ำ ทะนงถือดี เย่อหยิ่งเอาแต่ใจ
2. หญิงสาวปริศนา
- สูญเสียความทรงจำ ทำให้มีบุคลิกเซื่องซึมและความคิดไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ๆ
- รูปโฉมงดงาม และนั่นเองที่ชักนำภัยมาสู่ตัว
3. เมลิสซ่า (Melissa - ชื่อภาษากรีก แปลว่า "ผึ้ง")
- เด็กสาวแห่งหมู่บ้านนักเลี้ยงผึ้ง หลานสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน อาศัยอยู่กับพี่ชาย
- ร่าเริง เฉียวฉลาดเจ้าความคิด
- เสน่ห์แรงมาก แค่เพิ่งเข้าวัยแตกเนื้อสาวได้ไม่นานก็มีไอ้หนุ่มมารุมล้อมขายขนมจีบเป็นฝูง ทั้งบ้านใกล้เรือนเคียงและต่างถิ่น
4. มัธคาร์ (Mathkar - มาจาก Madhukar หรือ มธุกร เป็นภาษาฮินดี แปลว่า "ผึ้ง")
- พี่ชายของเมลิสซ่า เป็นผู้ที่ช่วยเหลือหญิงสาวปริศนาเอาไว้
- มีน้ำใจ อ่อนโยน แต่เพราะเป็นคนตรง ยอมหักไม่ยอมงอ จึงมักสร้างปัญหาให้กับตัวเองและมีเรื่องบาดหมางกับคนในหมู่บ้านเป็นประจำ
- สิ่งหนึ่งที่น่าพิศวงเกี่ยวกับตัวเขาคือ ลืมร่มบ่อยมากโดยไม่ทราบสาเหตุ
5. ซอร์ดีโอ (Sordeo - ชื่อภาษาละติน แปลว่า "ความสกปรก", "สำแดงความถ่อย")
- ลูกชายคนเดียวของรองหัวหน้าหมู่บ้าน
- รวมข้อเสียทุกอย่างของลูกผู้มีอันจะกินอยู่ในตัว ทั้งอันธพาล วางอำนาจ มักมาก ปากมอม
- แต่ลึก ๆ แล้วนั้น มีอดีตที่ไม่เคยบอกเล่าให้ใครฟังซ่อนอยู่
6. เฟอร์ทิส (Fortis - ชื่อภาษาละติน แปลว่า "ความแข็งแกร่ง", ความกล้าหาญ")
7. เฟลีน (Feline – ชื่อภาษาละติน เกี่ยวกับแมว)
- สุภาพบุรุษจอมกะล่อน (?) ผู้สามารถใช้เวทมนตร์แต่บอกว่าตัวเองไม่ใช่จอมเวท
- หลงรักเมลิสซ่าตั้งแต่แรกพบเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ยังเด็กมาก จดจำและเฝ้าคิดถึงเธอตลอดมา แต่อนิจจา สาวเจ้าจำเขาไม่ได้เลย หนำซ้ำยังยืนยันเสียงแข็งว่าไม่รู้จักอีกต่างหาก
- แมวพูดได้สีขนประหลาด อาจารย์ของเฟอร์ทิส ความเป็นมายังไม่ชัดเจน
- เข้มงวด ช่างเสียดสี
8. เซอร์โว (Curvo – ชื่อภาษาละติน แปลว่า “เส้นโค้ง”, “น้อมคำนับ”, “มารยา”, “อำนาจ ผู้มีอิทธิพล”)
- นายกองแห่งทัพอัศวินศักดิ์สิทธิ์
- สุขุม สุภาพ เชิงดาบเป็นเยี่ยม
- เบื้องหน้าเป็นเช่นนั้น แท้จริงแล้ว เขาเป็นจอมเวท แต่ด้วยสาเหตุบางประการ จึงมารับใช้อยู่ใต้บัญชาของศาสนจักรซึ่งเป็นดินแดนคู่อริของเผ่าพันธุ์ตน
- ดูเหมือนว่าจะเคยรู้จักกับพ่อและแม่ของมัธคาร์
9. เพอร์นิลล่า (Pernilla - ชื่อภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า "หินก้อนเล็ก")
- สาวใช้ประจำตัวของคริสซอร์
- เรียบร้อย สงบปากสงบคำ
- ในอีกฐานะหนึ่ง เธอคือ 'แอ็กนัส' ผู้อุทิศตนรับบาดแผลทั้งมวลแทนสาวกแห่งเทพเจ้า
10. ฟีรัส (Ferus – ชื่อภาษาละติน แปลว่า “ดุร้าย”, “กราดเกรี้ยว รุนแรง”)
- สุนัขป่าพันธุ์พิเศษ ‘ฟีราเคนิส’ มีสติปัญญา ความสามารถ ตลอดจนประสาทสัมผัสเหนือกว่าสุนัขทั่วไปหลายเท่า
11. อิเรทัส (Iratus – ชื่อภาษาละติน แปลว่า “โกรธเกรี้ยว”)
- หน่วยสืบเสาะและสอดแนมจากดินแดนจอมเวท ผู้มีพลังของสุนัขป่า ออกปฏิบัติการคู่กับฟีรัสอยู่เป็นนิจ
- ด้านฝีมือและทักษะเฉพาะตัวเหมาะกับงานที่ทำเป็นอย่างมาก แต่นิสัยส่วนตัวไม่สมกันเลยแม้แต่น้อย ใจร้อน วู่วาม ทำสิ่งใดก็ใส่จนสุดโต่ง
12. ลิเบอร์ (Liber – ชื่อภาษาละติน แปลว่า “เด็ก”, “หนังสือ”, “ผู้มีอิสระ”)
- หน่วยสืบเสาะและสอดแนมจากดินแดนจอมเวทเช่นกัน ถ้าฟีรัสกับอิเรทัสเข้าขากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เขากับอิเรทัสก็เหมือนน้ำกับไฟ ลิ้นกับฟัน ขัดแย้งกันได้ทุกที ทุกที่ ทุกเวลา (โดยมากแล้วอิเรทัสเป็นฝ่ายแพ้)
- พูดน้อย เนิบเนือย แต่แทงใจดำทุกถ้อยคำ เจ้าหลักการ เปี่ยมเหตุผล ละเอียดรอบคอบ พูดง่าย ๆ คือคนละขั้วกับเพื่อนคู่หู
เกี่ยวกับชื่ออื่น ๆ (เรียงตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ)
ศาสนจักรอาร์โคเซีย (Arkosia, The Holy Church of Arkosia)
- ดินแดนเรืองอำนาจของมนุษย์ ปกครองโดยคณะนักบวชแห่งมหาวิหาร
มหาวิหารซินเธีย (Cynthia - Cathedral of Saint Cynthia)
- หนึ่งในห้ามหาวิหาร เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม 'วิหารแห่งจันทรา'
ไฮฟ์ (Hive)
- หมู่บ้านนักเลี้ยงผึ้ง ตั้งอยู่บริเวณชายแดนของอาร์โคเซีย
- มีหัวหน้าหมู่บ้านกับรองหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้นำ คัดเลือกบุคคลที่จะมารับตำแหน่งด้วยระบบเสียงข้างมากจากบรรดาตัวแทนของแต่ละครอบครัว (น่าเศร้าที่ว่าเบื้องหลังนั้นมีการใช้วิธีต่าง ๆ นานาเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นเงินสินบน หยิบยื่นผลประโยชน์ตอบแทน ไปจนถึงข่มขู่ปองร้าย ใส่ความคู่แข่ง) ในกรณีที่หัวหน้าหมู่บ้านเสียชีวิตหรือพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุปัจจุบันทันด่วน รองหัวหน้าจะขึ้นรักษาการณ์แทนชั่วคราวจนกว่าจะมีการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ
- น้ำผึ้งซึ่งเป็นสินค้าสร้างรายได้หลักของหมู่บ้านมีคุณภาพสูง ขนาดที่ว่ากระทั่งมหาวิหารจากเมืองหลวงยังต้องส่งคนรอนแรมมาซื้อหาเลยทีเดียว
- จากสาเหตุข้างต้น สถานะทางการเงินของสมาชิกหมู่บ้านโดยเฉลี่ยจึงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ละบ้านสะสมทรัพย์สินไว้มากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็น บางคนถึงกับมีสัมพันธ์อันดีกับผู้มีศักดิ์ฐานะใหญ่โต (รวมถึงมีช่องทางและเส้นสายอภิสิทธิ์ในหลาย ๆ เรื่อง)
มหาวิหารเลวิส (Lewis - Cathedral of Saint Lewis)
- หนึ่งในห้ามหาวิหาร เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม 'วิหารแห่งตะวัน'
เนิร์ฟเธน (Nervthen)
- ดินแดนของเผ่าพันธุ์มนตรา ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ใจกลางจิตวิญญาณแห่งผืนพิภพ'
- ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอาร์โคเซีย บางคราผู้คนที่ไม่ต้องการเอ่ยชื่อดินแดนนี้ตรง ๆ จึงเรียกว่า 'แดนพายัพ'
นีเวียส (Niveus - Octagon Sanctuary of Niveus)
- สำนักเวทอันดับหนึ่งและศูนย์กลางการปกครองของเนิร์ฟเธน ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในแผ่นดิน แบ่งออกเป็นแปดวิหาร ปกครองโดย 'สภาอาวุโส' หรือกลุ่ม 'ผู้เฒ่า' จอมเวทซึ่งเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านประสบการณ์ สติปัญญา และพลังอำนาจ
เทอร์รัส เดอี (Terrus Dei - ชื่อภาษาละติน แปลว่า "แผ่นดินของพระเจ้า")
- เมืองหลวงของอาร์โคเซีย
* * * * *
ตารางความสัมพันธ์ของตัวละครในช่วงที่ 1
* * * * *
สรุปเนื้อหา The Rebel's Saga - กบฏมายา มนตราเทวยุทธ์ ช่วงที่หนึ่ง
บทนำ
บนแผ่นดินนี้มีสองดินแดนที่เป็นศัตรูกันมาช้านาน คือศาสนจักรอาร์โคเซีย ของมนุษย์ผู้นับถือเทพรังสรรค์อาร์โคส และเนิร์ฟเธนทางตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นแผ่นดินที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ใจกลางจิตวิญญาณแห่งผืนพิภพ" ของเหล่าผู้มีเวทมนตร์ หรือ 'จอมเวท' ศาสนจักรอาร์โคเซียถือว่าเหล่าจอมเวทเป็นเผ่าพันธุ์นอกรีต และเข่นฆ่ากำจัดจอมเวทที่ล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนของตนมากมาย
เหตุร้ายบังเกิดขึ้นต่อทั้งสองดินแดนในราตรีหนึ่ง เมื่อมีมือสังหารลึกลับที่น่าจะเป็นจอมเวทหญิงบุกเข้าไปสังหารเหล่าอัศวินที่อารักขามหาวิหารเลวิสแห่งอาร์โคเซีย และมีอีกบุรุษลึกลับ บุกไปสังหารเหล่าจอมเวทที่มหาวิหารนีเวียสแห่งเนิร์ฟเธนในเวลาเดียวกัน ยังผลให้คณะนักบวชแห่งอาร์โคเซีย และเหล่าผู้เฒ่าแห่งเนิร์ฟเธนจำต้องประชุมอย่างเร่งด่วน เพื่อสืบหาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น นักบวชแห่งอาร์โคเซียพบว่ามี "สิ่งที่หายไปจากตน" และจอมเวทแห่งเนิร์ฟเธนพบว่า "พวกมนุษย์มีอำนาจซึ่งอาจเหนือไปกว่าจอมเวท"
และนั่น คือชนวนของความขัดแย้งครั้งใหญ่ ที่กำลังจะปะทุขึ้นระหว่างสองเผ่าพันธุ์
* * * * *
ช่วงที่ 1 - หมู่บ้านแห่งผึ้ง
บทที่ 1
ไม่กี่ราตรีต่อมา ห่างออกไปในไฮฟ์ หมู่บ้านของคนเลี้ยงผึ้งชั้นเลิศที่ชายแดนของอาร์โคเซีย เหตุการณ์เล็กๆ ที่ดูไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องใดก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ในยามฝนพรำ มัธคาร์ หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน ช่วยเหลือหญิงผมทองบาดเจ็บคนหนึ่งได้ในป่า ชุดนักบวชหญิงที่ตกอยู่ใกล้ร่างของเธอดูเหมือนจะเป็นเครื่องบอกสถานะ แต่ที่ข้างกายของเธอยังมีศพยับเยินของชายอีกคน อีกทั้งร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวย่อมแฝงนัยไม่สู้ดี มูอาทา หัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจจะส่งคนไปแจ้งเรื่องของหญิงลึกลับต่อกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งอาร์โคเซียทันทีหลังฝนตก ยังความโกรธให้แก่มัธคาร์ ผู้เห็นว่าปู่ของเขาเห็นแก่ตัว ปกป้องแต่เพียงหมู่บ้าน เหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน ที่มูอาทาสั่งประหารเออร์ลีอา แม่ของมัธคาร์ ซึ่งยักยอกน้ำผึ้งที่ต้องส่งศาสนจักรไปเพื่อช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง ยังผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างปู่หลานเลวร้ายลงนับแต่นั้น
อย่างไรก็ดี หญิงสาวผมทองไร้ความทรงจำโดยสิ้นเชิงว่าตนเป็นใคร มัธคาร์จึงได้แต่รอให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมา
บทที่ 2
เมลิสซ่า น้องสาวของมัธคาร์ดเห็นว่าควรซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่หญิงสาว และเพราะชาวหมู่บ้านไฮฟ์ไม่ยอมขายให้ เธอจึงได้ออกไปที่ฮอร์เน็ต หมู่บ้านใกล้เคียง
ที่นั่น มีเด็กหนุ่มผมเกรียนคนหนึ่งเข้ามาทักเธอ ว่าจำเขาได้หรือไม่ เมลิสซ่าตอบตามตรงว่าจำไม่ได้ และรีบผละไป แต่เมื่อซื้อเสื้อผ้าเสร็จ เธอยังไม่อาจกลับหมู่บ้านได้ตามที่ตั้งใจ เพราะฝนตกหนักขึ้นอีกเสียก่อน เด็กสาวจึงได้แต่นั่งรอที่เพิงหลบฝน จนกระทั่งกองอัศวินที่ผ่านมาอาสาจะให้ติดม้ามาด้วย เซอร์โว หัวหน้ากองอัศวินไม่อาจห้ามความประหลาดใจ...เมื่อพบว่าเมลิสซ่าหน้าตาเหมือนอาเบลล่า หญิงซึ่งเขาบอกว่าเป็น 'สหาย' ของตนในอดีต
ด้านมัธคาร์ เห็นเมลิสซ่าหายไปจนใกล้เย็น อีกทั้งฝนยังตก จึงตัดสินใจออกตามหาน้องสาว และทิ้งหญิงผมทองไว้ที่บ้านของตนเพียงลำพัง โดยไม่ทันนึกถึงภัยที่อาจเกิดขึ้นจากซอร์ดีโอ ลูกชายของรองหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งหมายตาหญิงสาวที่เขาเดาว่าเป็นนักบวชหญิงศีลขาดหนีตามชายชู้
ในเวลาเดียวกัน ดีนัว รองหัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นอริกับหัวหน้าหมู่บ้านมูอาทาอย่างลับๆ และหวังชิงตำแหน่งมาโดยตลอด ก็ได้อาศัยโอกาสที่มัธคาร์ช่วยหญิงลึกลับ ข่มขู่มูอาทาด้วยเรื่องที่เขารู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านแสร้งประหารเออร์ลีอา แต่ที่จริงปล่อยให้เธอหนีไป...
บทที่ 3
ขณะที่หญิงสาวผมทองอยู่ในบ้านของมัธคาร์เพียงลำพัง ซอร์ดีโอกับลูกน้องก็บุกเข้ามา...
เมลิสซ่าพูดคุยกับนายกองเซอร์โวเรื่องแม่ที่ตายไป และนึกถึงเรื่องเมื่อครั้งแม่ใช้ยาจากน้ำผึ้งและนมผึ้งช่วยชีวิตเด็กชายคนหนึ่ง จนเป็นเหตุให้ท่านถูกประหารชีวิต แต่ไม่ทันได้พูดอะไรกับเซอร์โวมากนัก เด็กสาวก็ถูกใครบางคนพาตัวไปจากต่อหน้านายกองอัศวิน
มัธคาร์ไปถึงฮอร์เน็ต พบว่าพวกอัศวินกำลังตามหาหญิงคนหนึ่ง เมื่อรู้ว่าหญิงที่ว่าเป็นน้องสาวของตนซึ่งถูกลักพาตัวไป ชายหนุ่มก็สติแตกจนแสดงพิรุธเรื่องหญิงผมทองต่อพวกอัศวิน จึงถูกพวกเขาคุมตัวไว้
บทที่ 4
เมลิสซ่าพบว่าคนที่พาตัวเธอมาคือเฟอร์ทิส เด็กหนุ่มผมเกรียนที่เพิ่งพบในวันนี้ เขาใช้วิชาที่ดูเหมือนจะเป็นเวทมนตร์ แต่กลับบอกว่าตน "ไม่ใช่จอมเวท" เด็กหนุ่มยังคงอ้างว่าตนเคยพบเด็กสาวมาก่อน แต่ไม่ทันเตือนว่าควรระมัดระวังนายกองอัศวินเพราะเหตุใด ที่มือของเขาก็ปรากฏรอยแผลยาวจากของมีคมขึ้นอย่างลึกลับ และแมวสีม่วงที่ซ่อนอยู่ในปกเสื้อคลุมของเฟอร์ทิสก็ปรากฏตัวออกมาต่อว่าเด็กหนุ่มที่ชักช้าจนไปไม่ถึงไฮฟ์
ที่บ้านของมัธคาร์ หญิงผมทองพยายามต่อสู้ขัดขืนซอร์ดีโอ และหยิบมีดในครัวมาแทงเขาด้วยความจนตรอก แต่เธอก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าแผลที่มือของเขาหายดีแทบในทันที ...สุดท้าย ก็ดูเหมือนเธอจะไม่มีทางหนีรอดจากลูกชายรองหัวหน้าหมู่บ้านได้เลย
ขณะที่ดีนัวกับมูอาทากำลังเจรจากันอยู่ กองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงหมู่บ้าน และมูอาทาได้ทีพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบรองหัวหน้าหมู่บ้าน ด้วยเรื่องลูกสาวของดีนัว ซึ่งดีนัวอ้างว่าหนีออกไปจากบ้าน แต่ที่แท้ตนเองส่งไปยังที่อื่น... ยังผลให้ดีนัวจำต้องตอบตกลง เพื่อไม่ให้เรื่องนี้รู้ถึงหูของซอร์ดีโอ ลูกชายเขา
เซอร์โวที่มากับกองอัศวินไปยังหลุมศพของเออร์ลีอา และตระหนักแน่ใจว่าเธอยังไม่ตาย ...นั่นเพราะ "เขาเองยังมีชีวิตอยู่"
บทที่ 5
เฟอร์ทิสใช้มนตร์ย้ายร่างพาเมลิสซ่ามาถึงหน้าประตูหมู่บ้านไฮฟ์ แต่ไม่ทันได้แยกจากกัน จู่ๆ เขาก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ล้มลงกระอักเลือดสิ้นสติไป แมวสีม่วงจึงต้องสั่งการให้เมลิสซ่าดึงตัวเด็กหนุ่มลงมาหลบพวกอัศวินที่ข้างทาง เด็กสาวเลยไม่ทันได้เห็นว่าพี่ชายของเธอถูกมัดมือมากับพวกอัศวินด้วย
มูอาทาประหลาดใจและเป็นห่วงที่มัธคาร์ หลานชายของตนถูกจับตัว แต่ไม่ช้าก็แก้ความเข้าใจผิดกันได้ อีกทั้งยังได้รู้ว่านายกองเซอร์โวเป็นเพื่อนเก่าของมัธซาร์ พ่อของมัธคาร์ เขายิ่งกว่าโล่งใจที่หญิงผมทองซึ่งมัธคาร์ช่วยไว้เป็นภิกษุณีคนสำคัญของศาสนจักร และพวกเซอร์โวมาอารักขาเธอกลับไป แต่กลับพบเรื่องน่ากังวลอีกครั้ง เมื่อคนของตนรายงานมาว่าหญิงสาวหายตัวไปจากบ้านของมัธคาร์ ทิ้งไว้เพียงรอยเลือดบนเตียง และเศษเสื้อผ้า มัธคาร์เชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของซอร์ดีโอ ซึ่งมีพฤติกรรมฉาวที่ชาวบ้านรู้กันดี และไปด้อมๆ มองๆ ที่บ้านของเขาครั้งหนึ่ง มูอาทาจึงสั่งคนให้รีบตามหาทั้งหญิงผมทอง และซอร์ดีโอกับลูกน้องในทันที
หญิงผมทองยังอยู่ไม่ไกล เธอผู้ไร้ความทรงจำฝ่าสายฝนออกไปร้องไห้ในสถานที่แห่งหนึ่ง
ที่มหาวิหารเลวิส คริสซอร์ นักบวชผู้มีฉายา "ดาบแสงสุริยัน" กลับคืนมาหลังจากหายตัวไปหลายราตรี หญิงรับใช้ชื่อเพอร์นิลล่า ซึ่งมีแผลที่แขนแสดงความห่วงใยต่อเขา แต่คริสซอร์กลับตอบรับด้วยวาจาและท่าทีเย็นชาเชือดเฉือน เขากล่าวหาว่าเธอเป็นห่วงเพราะหากเกิดอะไรกับเขา เธอก็จะตายแทน ไม่ได้อยู่เสพสุขในฐานะ "แอ็กนัส" เช่นนี้อีก
บทที่ 6
เมลิสซ่าพบว่าพวกจอมเวทไม่มีเวทมนตร์ที่ใช้รักษาได้ในชั่วพริบตา จึงได้ตัดสินใจไปเอากล่องเครื่องปฐมพยาบาลที่บ้านของตนมาช่วยเหลือเฟอร์ทิส
ซอร์ดีโอหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ขณะย้อนคิดถึงตอนที่พลังประหลาดผลักเขาออกจากร่างของหญิงผมทอง รุนแรงจนถึงแก่กระอักเลือด แต่ยังรอดมาได้ด้วยอำนาจคงกระพันแปลกประหลาดของตน เมื่อได้รู้ว่าพวกอัศวินศักดิ์สิทธิ์มาถึงหมู่บ้าน และมัธคาร์ฟ้องความผิดของเขา ลูกชายรองหัวหน้าหมู่บ้านจึงพาลูกน้องหนีไป โดยจับเมลิสซ่าที่บังเอิญพบในระหว่างทางเป็นตัวประกัน
แมวขนม่วงซึ่งรออยู่กับร่างไร้สติของเฟอร์ทิสถูกพบโดยนายกองเซอร์โว ผู้เรียกเธอว่า "เฟลีน" และเรียกเฟอร์ทิสเป็น "ลูกศิษย์" ของเธอ
บทที่ 7
เซอร์โวยื่นเงื่อนไขให้เฟลีนบอกที่อยู่ของเมลิสซ่า เพื่อแลกกับการช่วยชีวิตเฟอร์ทิส ผู้ได้รับบาดเจ็บแทน 'มากิสเตอร์' ของเด็กหนุ่ม
มัธคาร์พบหญิงผมทองในที่ที่เขาเคยพบเธอกับศพชายลึกลับ เธอยังคงไร้ความทรงจำ แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดกับสถานที่แห่งนี้ เขากับพวกอัศวินพาเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านของมูอาทา ก่อนได้รู้ว่าซอร์ดีโอพาเมลิสซ่าหนีไป ชายหนุ่มยิ่งร้อนใจ แต่เซอร์โวก็ปลอบให้เขาวางใจ และรับรองว่าจะตามหาน้องสาวของเขาให้ได้
เมลิสซ่ามาได้สติในอารามร้าง ซึ่งพวกซอร์ดีโอพาเธอมากบดาน เมื่อรู้เหตุที่ชายหนุ่มพาเธอหนีมา เด็กสาวก็ทำเป็นรักเขาและขอให้เขาแต่งงานกับเธอในคืนนั้น เพื่อจะได้อาศัยโอกาสที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ใช้มีดสั้นที่ติดมาจัดการเขาเสีย
เซอร์โวซึ่งที่แท้เป็นจอมเวทยื่นเงื่อนไขกับเฟลีนอีกครั้ง ให้ช่วยตามหามากิสเตอร์ของเฟอร์ทิส
บทที่ 8
มัธคาร์ได้เห็นภาพของปู่ที่ห่วงใยเมลิสซ่า ทำให้ตระหนักได้ว่าปู่รักเขากับน้องสาวมากเพียงใด แต่ขณะที่มูอาทากำลังจะบอกความจริงเรื่องแม่ต่อชายหนุ่ม ทั้งสองก็ได้ยินเสียงประหลาดเข้าเสียก่อน
ซอร์ดีโอมองออกในทันทีว่าเมลิสซ่าเพียงเล่นละครหลอกเขา แต่เพราะท่าทางของเด็กสาวตอกย้ำให้นึกถึงความลวงหลอกของผู้หญิง ทั้งแม่ พี่สาว และ "นอสทรี" ที่ทิ้งเขาไป ชายหนุ่มจึงตอบรับ และคิดจะทำลายเธอเพื่อสนองความปรารถนาของตน
การเจรจาของเฟลีนกับเซอร์โวยังไม่ได้ข้อสรุป จู่ๆ เซอร์โวก็ชักดาบออกฟัน เผยตัวผู้บุกรุกซึ่งเข้ามาลอบสังหารท่านหญิงภิกษุณี
บทที่ 9
เซอร์โวกับเฟลีนร่วมมือกันต่อสู้กับมือสังหาร ซึ่งใช้เส้นไหมดำเป็นอาวุธ จนทำให้มือสังหารได้รับบาดเจ็บ และใช้ระเบิดควันพรางกาย เพื่อหลบหนีออกไปทางหน้าต่าง
มัธคาร์วิ่งตามเสียงกระจกแตกไปพบมือสังหารหญิงคนนั้น แต่ขณะที่เธอกำลังจะสังหารชายหนุ่ม มูอาทากลับเข้ามารับอาวุธอาบยาพิษของเธอแทน ชายหนุ่มเฝ้าดูใจปู่จนวาระสุดท้าย แต่มูอาทาก็ไม่อาจรวบรวมเรี่ยวแรงบอกออกไปได้สำเร็จ ว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่
ท่านหญิงภิกษุณีจำต้องย้ายที่พักเนื่องจากมือสังหาร แต่เมื่อลงไปพบความวุ่นวายข้างล่าง และเห็นร่างโชกเลือดของหัวหน้าหมู่บ้าน ความทรงจำของหญิงสาวก็ปั่นป่วนขึ้นจนสิ้นสติไป
ซอร์ดีโอเผยออกมาว่าตนมองแผนการของเมลิสซ่าปรุโปร่ง แต่ขณะที่กำลังจะขืนใจเด็กสาว ฝูงผึ้งในอารามร้างก็ลุกฮือกรูเข้าปกป้องเธอ แผลเหล็กในที่ร่างกายของชายหนุ่มหายได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่อาการแพ้พิษผึ้งก็กำเริบขึ้นจนคุกคามชีวิต ขึ้นอยู่กับเด็กสาวผู้รู้วิธีปรุงยาแก้พิษผึ้ง ว่าจะตัดสินใจช่วยชีวิตเขาหรือไม่
บทที่ 10
เมื่อมูอาทาตายไป ดีนัวรีบฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความผิดของซอร์ดีโอ โดยการฟ้องเซอร์โวเรื่องที่หัวหน้าหมู่บ้านไว้ชีวิตเออร์ลีอาผู้ทำความผิด ทั้งยังใส่ไฟเรื่องที่เธอกับลูกทั้งสองอาจเป็นจอมเวท จนเมื่อเสร็จสิ้นการเจรจา เขาก็อดถามนายกองอัศวินถึงหญิงรับใช้ของวิหารที่ชื่อ "เพอร์นิลล่า" ไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน เพอร์นิลล่ากำลังทำแผลที่แขนอยู่ในห้องพักของตน พอดีกับที่คริสซอร์ซึ่งซ้อมดาบเสร็จมาพันแผลให้เธออย่างไม่ทะนุถนอมเท่าใดนัก ก่อนจะรีบออกไป
ที่นอกมหาวิหารเลวิส หน่วยสืบสวนของพวกจอมเวท ซึ่งนำโดยลิเบอร์ได้มาซุ่มอยู่ พวกเขาตามรอยเลือดของมนุษย์ผู้ก่อเหตุสังหารหมู่จอมเวทที่วิหารนีเวียสได้โดยใช้ความสามารถในการตามกลิ่นของฟีราเคนิส สุนัขป่าเวทมนตร์ นามว่าฟีรัส อิเรทัส จอมเวทผู้ใช้ฟีรัสโกรธแค้นคริสซอร์ที่สังหารพวกพ้องของตน ลิเบอร์จึงได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเข้าไปสังหารนักบวชหนุ่มเสีย โดยไม่ให้ใครจับได้
บทที่ 11
เซอร์โวปฏิเสธว่าตนไม่รู้จักเพอร์นิลล่า และเตือนดีนัวว่าผู้ที่กลายเป็นข้ารับใช้ของนักบวชเท่ากับตัดญาติมิตรสิ้นแล้ว และเหมือนอยู่กันคนละโลก นายกองอัศวินกลับมาที่ห้องพักของตน พร้อมกับจดหมายที่มูอาทาเขียนถึงเออร์ลีอา ซึ่งดีนัวเก็บมาได้ นายกองอัศวินคิดถึงเงื่อนงำการตายด้วยอุบัติเหตุของมัธซาร์ พ่อของมัธคาร์กับเมลิสซ่า และหนทางไปของสองพี่น้องหลังสิ้นหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อนั้นเอง จึงมีผู้ติดต่อเขามาทาง "กระจก"
เฟอร์ทิสได้รับการรักษาจากท่านหญิงภิกษุณีซึ่งฟื้นคืนสติแล้ว และต้องการช่วยเหลือมัธคาร์กับเมลิสซ่า เซอร์โวปรามไม่ให้เฟลีนนำเรื่องอำนาจรักษาของศาสนจักรไปบอกพวกจอมเวท และเปรยว่าหากท่านหญิงยังมีความทรงจำอยู่ ก็คงจะไม่ยอมรักษาเด็กหนุ่มผู้มีสายเลือดจอมเวทเป็นอันขาด
เมลิสซ่ายอมรักษาพิษผึ้งให้ซอร์ดีโอ เพื่อให้เขากลับไปรับโทษ แต่หลังจากที่ทุกคนหลับไปในอารามร้าง ก็ถูกกองโจรของเคลปโตรมยา โดยตั้งใจจะนำไปขายที่มอร์ติกา
บทที่ 12
อิเรทัสกับฟีรัสต่อสู้กับคริสซอร์ ซึ่งแม้จะโจมตีรุกไล่ฝ่ายจอมเวท แต่ก็ไม่ยอมเสี่ยงแลก กลับป้องกันตนเองจากการบาดเจ็บอย่างเหนียวแน่นโดยตลอด จนกระทั่งจอมเวทผู้ใช้หมาป่าสบช่องว่าง ใช้กรงเล็บตะปบเข้าที่กลางลำตัวของนักบวชหนุ่มสำเร็จ คริสซอร์จึงได้ระเบิดพลังอันกราดเกรี้ยวออกมา
อิเรทัสรอดมาได้เพราะความช่วยเหลือของลิเบอร์ ซึ่งเผยว่าเขาใช้อิเรทัสเข้าไปล่อความสนใจ เพื่อส่งจอมเวทอื่นๆ ไปสอดแนมทิศทางสถานที่ในมหาวิหารเลวิส เผื่อไว้หากต้องใช้มนตร์ย้ายร่างบุกเข้ามา
นอกจากการปะทะกับคริสซอร์ อิเรทัสได้สังเกตว่ามหาวิหารมีร่องรอยของการซ่อมแซมปิดทับรอยเลือด และฟีรัสก็บอกชายหนุ่ม ว่ามีสัมผัสของพลังเวทเบาบางอยู่ในบริเวณนั้น
บทที่ 13
หลังงานศพของปู่ มัธคาร์ตั้งใจจะไปตามหาน้องสาว และพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่อื่น เซอร์โวจึงแนะนำว่าจะให้ทั้งสองย้ายเข้าไปอยู่ในเทอร์รัส เดอี เมืองหลวงของศาสนจักรอาร์โคเซีย และให้มัธคาร์เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตามพ่อของเขา ทั้งยังบอกความจริงว่าเออร์ลีอา แม่ของทั้งสองยังมีชีวิตอยู่
เฟอร์ทิสกับเฟลีนออกเดินทางไปตามหามากิสเตอร์ของตน กับเมลิสซ่า โดยไม่กล้าบอกความจริงเรื่องลับลมคมในของเซอร์โวต่อมัธคาร์
เมลิสซ่าพยายามใช้คำพูดโน้มน้าวให้นายโจรเคลปโตพาตนกลับหมู่บ้าน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ดี นายโจรได้บอกเรื่องบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ...ว่าที่ตัวเธอสามารถเรียกใช้ผึ้งได้อาจเป็นเพราะมีสายเลือดของจอมเวท หรือเป็นสิ่งที่พวกจอมเวทเรียกอย่างเหยียดหยามว่า "เด็กพันทาง"
* * * * *
ติดตามเนื้อหาต่อไปได้ใน ช่วงที่ 2 - เมืองแห่งปักษา
ความคิดเห็น