ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #73 : -- ๑๗ – สิ่งที่เด็กชายไร้ความเจ็บปวดไม่อยากลบล้าง - “เธออยากลืมไหม นิกซ์”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 219
      0
      9 ธ.ค. 53

    ๑๗สิ่งที่เด็กชายไร้ความเจ็บปวดไม่อยากลบล้าง

     

    นิกซ์ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับการลอบฆ่าที่ทำให้ตนเองต้องมานอนในโบสถ์ร้างคืนนี้ แต่ก็โล่งอกที่ราดากับซีเรนายอมกลับไปแต่โดยดี ซ้ำแอนเธียยังช่วยสร้างบรรยากาศในโบสถ์ให้สดใสขึ้น

    เธอบอกว่าอยากให้เขารู้สึกเหมือนมา เที่ยวค้างกลางแจ้ง ในสมัยที่ยังมีดวงตะวันอยู่ จึงนำเชื้อเพลิงเหลวแบบกระป๋องมาก่อกองไฟในมุมหนึ่ง เลือกเห็ดที่กินได้ในโบสถ์นั้น กับแป้งสังเคราะห์และเนื้อเทียมหั่นเป็นชิ้นพอคำ จุ่มซอสปรุงรสก่อนเสียบแท่งไม้ปิ้ง และอุ่นซุปกระป๋องมาแบ่งกับเขา

    ระหว่างนั้น ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อย แอนเธียถามนิกซ์ว่าเขาเคยกินอาหารเหมือนมาปิกนิกอย่างนี้บ้างไหม และเด็กชายก็ตอบว่าเคยไปปิกนิกกับครอบครัว เมื่อพ่อได้พักจากงานราวสองสามวัน

    ส่วนมากพวกเขาจะไปที่สวนสัตว์ หรือสวนสาธารณะ แม่จะเตรียมอาหารที่กินง่ายไป และหากเป็นวันพิเศษจริงๆ อย่างวันเกิดของเขา แม่จะซื้อผัก เนื้อสด กับไข่มาทำแซนด์วิชด้วย

    แอนเธียยิ้มรับคำตอบของเด็กชาย ก่อนจะเล่าถึงวิธีท่องเที่ยวแบบชาวอัสลาน ...ขี่ม้าไปเรื่อยๆ กลางทุ่ง พลบค่ำก็แวะพักก่อกองไฟ ย่างหรือต้มเนื้อกับแป้ง หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ตั้งกระโจม แต่หากมาเป็นกลุ่มเล็กก็จะนอนในถุงนอนหนังสัตว์ คล้ายกับถุงนอนที่เธอนำมาคืนนี้ แต่อบอุ่นสบายตัวกว่า

    นิกซ์ไม่รู้หรอกว่าอบอุ่นเป็นอย่างไร แต่ก็คิดว่าการนอนในถุงขนสัตว์นุ่มๆ น่าจะสบายดี ถ้าได้เที่ยวแบบนั้นสักครั้ง ได้นอนในถุงนอนบนผืนหญ้าที่มีกลิ่นสดชื่นชื้นน้ำค้าง มองฟ้าที่เป็นสีดำด้วยตัวมันเอง ไม่ใช่เพราะหมอกฝุ่นขมุกขมัว และเห็นดาวที่แอนเธียบอกว่าเหมือนกากเพชรระยิบระยับพราวไปหมดก็น่าสนุกดี

    เซราก็ไม่เคยเที่ยวแบบนั้น เซราเล่าว่าแทบไม่เคยออกนอกคีรีเอด้วยซ้ำ ถ้าได้ไปด้วยกัน เซราคงดีใจ

    พอคิดถึงเซราขึ้นมาตอนจัดถุงนอน เด็กชายก็เพิ่งนึกอะไรได้อีกอย่าง

    เซราอยู่กับพวกเทมพลาร์ ถ้าต้องหลอกพวกเทมพลาร์ว่าเขาตายไปแล้ว ก็ต้องหลอกเซราด้วยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเซราจะรู้สึกอย่างไร

    ถึงจะเจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่คนรู้จักตายไปก็น่าเสียใจไม่ใช่หรือ

    คุณแอนเธีย บอกความจริงกับเซราหรือเปล่าฮะ ว่าผมปลอดภัยดี

    คนถูกถามชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบช้าๆ

    บอกจ้ะ

    นิกซ์รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้น

    ดีแล้วฮะ ผม...ไม่อยากให้เซราเสียใจ ถ้าคุณแอนเธียกลับไปส่งเขาพรุ่งนี้ได้ ฝากบอกเขาแทนผมด้วยนะฮะ ว่าขอโทษที่ไปส่งไม่ได้

    เด็กชายนิ่งไป เพิ่งตระหนักได้ว่าบางทีทั้งสองอาจจะพบกันไม่ได้อีกแล้วด้วยซ้ำ

    ล...แล้วไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ แต่ก็ฝากขอบคุณเซราสำหรับทุกอย่างด้วยนะฮะ ผม...ดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับเซรา แล้วก็...ขอให้เซรามีความสุขมากๆ ด้วย

    แอนเธียเพียงมองเขานิ่งอยู่ สายตาของเธอค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป...แลดูเศร้าสร้อยอย่างประหลาด

    คุณแอนเธีย?นิกซ์กลับไม่สบายใจอีกครั้ง ม...มีอะไรหรือเปล่าฮะ

    ฉันขอโทษนะ นิกซ์ หญิงสาวเอ่ย เซรา...จำเธอไม่ได้อีกแล้ว

    .........

    ...จำไม่ได้อีกแล้ว...

    เด็กชายไม่เข้าใจ ครั้นจะถาม แอนเธียก็ดึงผ้าคาดผมออกจากศีรษะ เสยผมขึ้น เผยเส้นสายสีดำคล้ายรอยสักบนหน้าผาก

    แล้วก็หันศีรษะด้านข้าง เสยผมอีกแห่งให้นิกซ์เห็นรอยแผลดวงกลมเหมือนเหรียญ คล้ายกับที่เคยเห็นจากซีเรนา

    คุณแอนเธีย...นี่มัน...

    ฉันเป็นเนฟิลิม เหมือนกับเธอ เหมือนกับพวกเขา คุณหมอโจเซฟเป็นคนผ่าตัดเขาฉันออกไป ตามคำขอของหลวงพ่อนิโคลัส หญิงสาวพูดเสียก่อน ความสามารถของฉันคือการอ่านความทรงจำ และดึงความทรงจำจากคนอื่น ทำให้เขาลืมความทรงจำนั้นไป ฉันใช้ความสามารถนั้นกับเซรา

    แอนเธียเล่าต่อว่าที่จริงเซรารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่นิกซ์ถูกลอบฆ่า รวมทั้งเรื่องที่เด็กหญิงบอกว่าจะช่วยเขา หญิงสาวยังย้ำว่าเซราจริงใจกับเด็กชายจริงๆ แต่ก็รู้ว่าพ่อกับพี่ชายของเด็กหญิงจะไม่มีวันฟังเด็ดขาด ดังนั้นจึงเสี่ยงให้ทั้งสองรู้ว่านิกซ์ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้

    เด็กชายไม่ได้คิดเรื่องนั้นมากหรอก เพราะแทบมีเพียงความคิดเดียวที่วนเวียนในศีรษะ

    ...เซราลืมเขา หากเจอหน้ากันอีก เซราก็จะจำเรื่องที่เคยผ่านมากับเขาไม่ได้ จะจำไม่ได้ด้วยว่าเคยคุยกับเขา เคยปลอบเขา...

    ...เซราเป็นคนแรกและคนเดียวที่บอกว่าเขาไม่สกปรก แต่เซราจะลืมเรื่องนั้นไป...

    ฉันขอโทษนะ นิกซ์ แอนเธียย้ำคำเดิม ถึงจะอ้างว่าทำเพื่อช่วยชีวิตเธอยังไง ฉันก็ทำผิด ฉันขโมยความทรงจำของเซรา แล้วก็ล่วงล้ำเรื่องส่วนตัวของเธอกับเขา ถ้าเธอจะโกรธจนยกโทษให้ไม่ได้ ฉันก็เข้าใจ ฉันเพียงแต่อยากขอโทษจริงๆ เท่านั้น

    เด็กชายกะพริบตาปริบๆ ความรู้สึกหลายอย่างอัดแน่นในอก คงมีความโกรธและตัดพ้ออยู่ในนั้นด้วย แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของหญิงสาว...เขาก็โกรธไม่ลง

    แอนเธียช่วยชีวิตเขาไว้ เธอไม่เคยโกรธ ไม่เคยว่าเขา ไม่เคยคาดคั้นให้เขาทำอะไรที่ไม่อยากทำ ซ้ำยังช่วยพูดแย้งราดาแทนเขาด้วยไม่ใช่หรือ

    ไม่เป็นไรฮะ เด็กชายกลืนน้ำลาย ก็...คุณแอนเธีย...ทำเพื่อช่วยผมจริงๆ นี่ฮะ แล้วที่จริง...เซราลืมไปก็อาจจะดีแล้วด้วย ถึงยังไงก็กลับมาเจอกันไม่ได้อีก ถ้าเซรายังจำผมได้ อาจจะขอให้พ่อกับพี่ชายช่วยผมอีก แล้วก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพวกเขาจะฆ่าผมจริง เซราคงเสียใจ หรือไม่อย่างนั้น เซราอาจจะถูกพวกเขาต่อว่า...ที่ช่วยเด็กปีศาจอย่างผม...เซราอาจจะเดือดร้อนไปด้วย...

    นิกซ์พยายามพูดไปเรื่อยๆ พร้อมกับนึกหาสารพันเหตุผลที่เนฟิลิมอย่างเขากับธิดาของมหาสังฆราชา...ซึ่งอาจเป็นสตรีผู้สวมอาภรณ์แสงสุริยันตามที่ราดาว่ามาด้วย...ไม่ควรได้พบหรือรู้จักกัน

    เขาเข้าใจหลายอย่าง...แต่ก็ยังเจ็บ ยังมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ มีบางอย่างที่เจ็บทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ

    ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ...เจ็บในที่ที่ร่างกายไม่รู้สึก แต่รับรู้อยู่ทั้งใจว่าเจ็บ

    น้ำตาไหลลงอาบแก้ม เด็กชายปาดแล้วปาดอีก ปาดแล้วก็สูดน้ำมูก นึกเรื่องพูด...พูด...พูด พูดจนนึกไม่ออก แต่ก็ยังพูดซ้ำๆ ...ทั้งๆ ที่ปากสั่นจนไม่เป็นคำ

    แอนเธียไม่พูดปลอบเขา ไม่บอกเขาให้หยุดร้องไห้ แต่เธอโอบเขาไว้ด้วยสองแขน กอดเขาไว้ ให้เด็กชายร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเธอ

    นิกซ์กอดตอบ เหมือนคนใกล้จมน้ำเกาะขอนไม้ เหมือนไม่มีเหตุผลอื่นใด...นอกจากไม่มีมนุษย์คนไหนกอดเขาอย่างนี้มานานแล้ว อ้อมกอดของแอนเธียไม่ได้แน่นจนอึดอัด แต่ก็อบอุ่น

    เด็กชายรู้สึกว่ามันอบอุ่น...ทั้งๆ ที่ร่างกายของเขาไม่อาจรับรู้ความร้อนหนาวหรืออุณหภูมิใดๆ ทั้งสิ้น นิกซ์คิดว่าความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่คนอื่นพูดถึงเป็นอย่างนี้เอง เหมือนความรู้สึกแสนสบายที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่...ทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจถูกทิ่มแทงด้วยความเจ็บแปลบ

    แอนเธียกอดเขา นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นนาน จนแรงกระตุกจากการสะอื้นค่อยๆ ทุเลาลง และน้ำตาค่อยๆ เหือดแห้ง เมื่อนั้นเธอจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

    เธออยากลืมไหม นิกซ์ หญิงสาวคลายมือจากอ้อมกอด หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้เขา ฉัน...ทำให้เธอลืมได้เหมือนกัน เรื่องอะไรก็ตามที่เจ็บปวด เรื่องของหัวหน้าคณะหรือใครก็ตามที่ทำร้ายเธอ หรือ...แม้แต่เรื่องของเซรา ถ้าจำแล้วเจ็บปวดกว่าลืม ให้ฉันรับทุกอย่างแทนเธอไหม

    แอนเธียพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ใต้แสงไฟจากเชื้อเพลิงกระป๋อง ในดวงตาสีเขียวหยกแทบมีน้ำตาคลอตามเขา

    ฉันทำอย่างนั้นได้จริงๆ ฉันจะไม่บอกว่าลืมหรือไม่ลืมดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับเธอเลือกเอง อยากลืมไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ แล้วก็อย่าบอกว่าตัวเองต้องจำเพื่อจะได้เข้มแข็ง ทำสิ่งที่เธอเองสบายใจที่สุด เท่านั้นก็พอ

    เด็กชายนิ่งงันไปอีกครู่ และครั้นจะพูดตอบ...น้ำตาก็พลันหลั่งไหลลงมาอีก ราวกับทำนบทลาย กลบคำพูดมากมายที่วิ่งวนอยู่ในสมองไปจนสิ้น

    ...ผมไม่อยากลืม...ไม่ใช่เพราะอยากเข้มแข็งหรืออะไรเลย...ผมแค่ไม่อยากลืม...แค่ไม่อยากลืมพ่อกับแม่...ไม่อยากลืมเซรา...ไม่อยากลืมพี่เอบ...พี่มิดจ์...พี่วาเนสซา...พี่เวอร์จิเนีย...ไม่อยากลืมใครๆ ที่ดีกับผม...ไม่อยากลืมเวลาที่มีความสุขกับคนคนนั้น...ก็เท่านั้นเอง...

    ...บางอย่างมันเจ็บ...แต่มันก็เกิดไปแล้ว...ถึงลืมไปอย่างไรมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว...ถ้าลืม...ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ ...

    นิกซ์นึกถึงคำพูดแว่วๆ ที่พ่อกับแม่เคยปลอบเขา นึกขึ้นมาได้ราวกับมีมืออันอ่อนโยนหยิบยื่นสิ่งสำคัญที่ลืมไปแล้วให้อีกครั้ง...

    ตอนนั้นเขาร้องไห้ หวั่นกลัวไปสารพัด...เพราะจู่ๆ ตนเองก็มีเขากับดวงตาประหลาดในชั่วข้ามคืน กลัวจะกลายเป็นปีศาจไปจริงๆ กลัวพ่อแม่ไม่รัก กลัวพ่อแม่จะเอาเขาไปทิ้งหรือฆ่าเหมือนนิทานที่เคยอ่าน

    แต่พ่อกับแม่กลับกอดเขาไว้ บอกว่าเขายังเป็นลูกที่พวกท่านรัก เขายังเหมือนเดิม เขาไม่ใช่ปีศาจ

    พ่อเคยบอกว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต...ไม่ว่าจะดีหรือร้าย...ล้วนมีความหมายทั้งสิ้น เป็นบทเรียนที่มีไว้จดจำและก้าวผ่านไป เป็นเหมือนเหรียญที่ต้องมีทั้งสองด้าน

    เด็กชายอยากจดจำ...อย่างน้อยก็อยากจำว่าเซราเป็นเพื่อนเขา อยากจำว่าเซราเคยบอกว่าเขาไม่สกปรก อยากจำไว้บอกแม่ว่าไม่เป็นไร เขาไม่เคยและจะไม่รังเกียจแม่ ไม่เห็นว่าแม่สกปรก อยากจำไว้บอกใครก็ตามที่ถูกทำร้ายเหมือนกันว่าพวกเขาไม่ผิด ไม่สกปรก พวกเขาไม่ใช่คนไม่ดี พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และจะได้พบคนที่ปลอบโยนพวกเขา เหมือนกับที่นิกซ์พบเซราและคุณแอนเธีย

    และในเมื่อพูดอะไรไม่ออกอีก เด็กชายก็สั่นศีรษะแรงๆ ทั้งๆ ที่สะอื้นร้องไห้ไม่หยุด สั่นศีรษะจนหากเป็นคนธรรมดาคงรู้สึกปวดคอไปแล้ว สั่นศีรษะราวกับจะบอกโลกทั้งโลก เบื้องนอกโบสถ์ร้าง เบื้องนอกเก็ตโต เบื้องนอกเขตแดนของโซลาริส เบื้องนอกแผ่นดินทั้งมวลที่ตกอยู่ในหมอกดำมืดมิด

    ตลอดเวลานั้น แอนเธียโอบเขาไว้เงียบๆ อีกครั้ง เธอไม่พูดอะไร แต่ในไม่ช้าก็ฮัมเพลง เป็นทำนองที่นิกซ์ไม่รู้จัก เพลงไหลเรื่อยเหมือนสายน้ำ เหมือนธารน้ำตาที่ค่อยๆ ลบล้างความเจ็บปวดไปจากหัวใจ

    แต่ไม่ได้ลบล้างความจริงที่ว่ามันเคยเกิดขึ้น และสิ่งที่มันทิ้งไว้จะยังคงอยู่กับเขา อยู่ไปจนชั่วชีวิต

    * * * * *

     
    คนเขียนขอคุย

    สวัสดีผู้อ่านเรื่องนี้ทุกท่านครับ

    ขออภัยที่ไม่ได้คุยท้ายตอน หรือทักทายในเรื่องนี้มากเท่าไหร่นะครับ แต่ก็ขอบคุณจากใจจริงที่ติดตามมาโดยตลอดครับ m[_ _]m

    สำหรับเรื่องนี้ เส้นทางของนิกซ์ก็ได้มาถึงครึ่งทางแล้ว เป็นจุดที่ตั้งใจว่าถ้าได้ตีพิมพ์ (หรือควักตังค์ตีพิมพ์เอง) จะตัดจบเล่มแรกหลังจากบทคั่นเวลา ซึ่งเป็นบทสรุปในช่วงกลางเรื่องพอดี และฉากนี้ก็เป็นไคลแม็กซ์ย่อยที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกด้วย เป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวด แต่ก็ยังมีความสุขที่อยากจดจำอยู่ในนั้นด้วย

    จากนี้ไป เส้นทางของนิกซ์ ราดา เซรา และแอนเธียจะเป็นอย่างไร ก็หวังว่าจะติดตามต่อไปจนสุดทางนะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×