ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #119 : -- ๔ – การหลบหนีของเด็กชายไร้ความเจ็บปวด - “ปลดปล่อย?”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 177
      0
      14 ก.พ. 54

    การหลบหนีของเด็กชายไร้ความเจ็บปวด

     

    ...เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่นา

    นิกซ์กอดเข่าอยู่ในกรง กรงเหล็กแบบเดียวกับที่เคยขังเขาในคณะละครสัตว์ รอบด้านมีเสียงอื้ออึง...เสียงกรีดร้อง...เสียงปืน...เสียงไฟลามเลียเนื้อไม้...ปะทุดังเปรี๊ยะๆ...เสียงหวดแส้...และเสียงโห่ฮากลั้วหัวเราะ ไม่ใช่จากกลุ่มคนที่ยืนล้อมรอบกรง ก่นด่าขว้างปาเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ทว่าดังจากภาพใดภาพหนึ่งในนับร้อย พัน หรือล้านภาพที่เคลื่อนไหวระริกท่ามกลางม่านมืดรอบซี่กรง บัดเดี๋ยวภาพหนึ่งก็หดเล็กพร่าเลือน อีกบัดเดี๋ยวก็ขยายใหญ่ แจ่มชัดเหมือนจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ บังคับให้เขาดูและฟัง

    สำหรับเด็กชายที่มีร่างกายซึ่งไม่อาจเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้เป็นดุจคำสาปหลอกหลอน เขาไม่อาจห้ามความเจ็บปวดของคนเหล่านั้นได้ ไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดของทุกคนได้ ได้แต่เฝ้ามอง...ขณะที่คนต่างๆ ในนั้นทุกข์ทรมาน...

    ไม่อาจทำอะไรได้เลย นับตั้งแต่คืนสติขึ้นมาอย่างสับสนในที่แห่งนี้ ที่ซึ่งพิลึกพิลั่นราวกับฝันร้าย แต่ก็ยังแจ่มชัดทุกผัสสะ...เท่าที่คนไร้ความเจ็บปวดร้อนหนาวอย่างเขาจะสัมผัสได้

    ...ในเมื่อไม่อาจทำอะไร แล้วไยเจ้าจึงยังอยู่ที่นี่... เสียงหนึ่งถามเขา ...เนฟิลิมน้อย หากที่นี่ทุกข์ทรมานสำหรับเจ้า ไยจึงไม่ออกไป เจ้ามีอำนาจที่จะกลืนกินลูกกรงเหล่านี้ และออกไปสู่โลกแห่งแสงเบื้องนอกมิใช่หรือ...

    ออกไปแล้วจะทำอะไรได้ นิกซ์ตั้งคำถาม มิได้เอ่ยโดยตรง แต่กลับได้ยินเสียงของตนสะท้อนก้องซ้ำไปมา ออกไปแล้วจะมีอะไร

    ไม่มีอะไรทั้งนั้น...นอกจากความเสียใจ เจ็บปวด และโกรธเคือง ที่แจ่มชัดและกระทบเขามากกว่าในนี้

    เซราโกรธเขา เซรากลัวและเรียกเขาว่าปีศาจ พี่แอนเธียก็คงยอมรับเขาไม่ได้อีก ใครกันจะยอมรับปีศาจอย่างเขาได้ ถึงไปเจอแม่ จะยิ้มให้ท่านอีกได้อย่างไร ในเมื่อเขาฆ่าคน ใช้พลังของดวงตาซ้ายกลืนกินคนเข้าไปทั้งคน ทั้งๆ ที่คนคนนั้นเจ็บปวดและร่ำร้องหาแม่ของตน...ก็ยังกลืนกินเข้าไป พรากคนคนนั้นไปจากแม่ที่รออยู่...เหมือนกับที่เด็กชายเคยถูกพรากมา

    และที่ร้ายกว่านั้น...เขากลัว กลัวตนเอง กลัวสิ่งที่อีกใบหน้าหนึ่งของตนทำลงไป กลัวใบหน้าที่นิกซ์ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่...และเมื่อรู้แล้วก็ไม่อยากยอมรับเลยว่ามี ว่าเขาเองก็ฆ่าคนได้ง่ายดาย ทำร้ายคร่าชีวิตคนอื่นเพื่อสนองความสะใจของตัวได้ง่ายดาย...เหมือนโจรที่เคยทำร้ายครอบครัวเขา เหมือนหัวหน้าคณะ...

    ข้างนอกนั้นมีอะไร เขาไม่อยากรับรู้อีกแล้ว

    ...ที่เจ้าไม่ออกไป เพราะกลัวความเจ็บปวดข้างนอกนั้นหรือ... เสียงแผ่วต่ำทอดอ่อนโยน ...ทั้งๆ ที่เจ้ามีอำนาจจะดับความเจ็บปวดทั้งมวลลงแท้ๆ ...

    ผมไม่เข้าใจ เด็กชายเงยหน้า หมายหาที่มาของเสียงที่เอ่ยต่อเขา คุณ...คุณเป็นใคร

    ...ยังมิชัดเจนอีกหรือ เนฟิลิมน้อย ข้าคือผู้ให้กำเนิดเจ้า และเนฟิลิมทั้งมวล...

    ให้กำเนิด... นิกซ์ทวนคำอย่างพรั่นพรึง กระนั้นสมองยังคงทำงานดีเหลือเกิน ...ให้กำเนิดเนฟิลิม...อนธการเทพ...เหรอ

    ...อมตเทพ อสุรเทพ จ้าวแห่งโลกมืด อนธการเทพ ข้ามีนามมากมายเหลือเกิน ทว่า...ตลอดเวลานับพันนับหมื่นปี มนุษย์มิเคยรู้เลย ว่าแท้จริงแล้วข้าเป็นเช่นไร...

    หากท่านเป็นอนธการเทพจริง ทำไม...ทำไมถึงอยากให้ผมออกไปข้างนอกล่ะ

    ...เพื่อปลดปล่อยเศษซากของโลกที่กำลังเสื่อมสลายนี้...

    ปลดปล่อย?

    ...ด้วยอำนาจกลืนกินของเจ้า...

    น...นั่นหมายถึง...ฆ่า...ทุกคนใช่ไหม !” เด็กชายผุดลุกขึ้น เผลอถอยหลังไปจนชิดลูกกรง แต่แล้วก็ร้องพร้อมกับรีบผละออกมาเมื่อได้ยินเสียงเฉอะแฉะ และสัมผัสกลิ่นคาวเลือดกับความชื้น

    ลูกกรงที่เขาเห็นเป็นสีน้ำตาลดำของสนิม ที่จริงถูกเคลือบไว้ด้วยเลือด...เลือดซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใด

    ...ก็เลือดของครูเซเดอร์ที่เจ้ากลืนกินไปอย่างไรเล่า เลือดของมนุษย์คนแรกที่เจ้าปลดปล่อยจากความทุกข์ทรมานของกรงขังแห่งเลือด เนื้อ กระดูก วิญญาณ และทุกสิ่งที่จักต้องเสื่อมสลาย... เสียงของ อนธการเทพ กลับอ่อนโยนผิดเนื้อความนัก ...จงอย่าเชื่อที่สาวกแห่งเทพอีกองค์ซึ่งทอดทิ้งมนุษย์พร่ำอ้างว่าการฆ่าเป็นบาปเลย การฆ่าที่แท้คือการปลดปล่อย ความเจ็บปวดนั้นบังเกิดขึ้นเพียงครู่เดียว และจักสิ้นสุดลงตลอดกาล...

    แต่...ถ้ามีคนถูกฆ่า ก็ต้องมีคนเสียใจนิกซ์นึกอะไรไม่ออกนอกจากแย้ง

    ...ผู้ที่เสียใจคือผู้ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง...ไม่จริงหรือ แม่กับเจ้าซึ่งยังมีชีวิตอยู่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่พ่อผู้สิ้นชีวิตของเจ้าต่างหากที่นิ่งสงบ พ้นจากทุกข์ทั้งมวล...

    แล้วรู้ได้ยังไงว่าพ่อไม่มีความทุกข์ เด็กชายตั้งคำถาม

    ...แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรเล่าว่าเขามีความทุกข์...

    นิกซ์นิ่งงัน

    ...นั่นอย่างไร เจ้าไม่รู้ว่าเขามีความทุกข์ แต่ตัวเจ้ารู้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่มีชีวิตอยู่ต่างหากที่เป็นทุกข์ ไม่จริงหรือ ผู้ที่ตายไปแล้วคือผู้ที่ไม่รับรู้สิ่งใดอีก ในเมื่อไม่รับรู้สิ่งใด ความทุกข์ย่อมไม่บังเกิด...

    ...เช่นนี้ เจ้าไม่ควรดับชีวิตของผู้ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังทั้งมวลเสีย ให้วิญญาณกับความเสียใจของพวกเขาไม่มีอยู่อีกต่อไปดอกหรือ...

    แต่พี่แอนเธียเคยบอกว่า...ถึงมีความทุกข์แค่ไหนก็...อย่าคิดตายหนีความทุกข์...ต้องมีชีวิตอยู่...มอบสิ่งดีๆ ให้คนอื่น แล้วถึงจะได้พบความสุข...ตราบใดที่มีชีวิตอยู่...ก็สร้างความสุขให้ตัวเองกับคนอื่นได้

    ...ทั้งทุกข์และสุขล้วนไม่จีรัง และผันผวนเปราะบางเหลือเกิน เนฟิลิมน้อย ความว่างเปล่าต่างหากที่เป็นนิรันดร์ แม้นไร้ความสุข ก็จะไร้ความทุกข์...

    ...อีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าทุกๆ คนที่เจ้ารู้จัก รวมทั้งผู้หญิงคนนั้นมีความสุขดีอยู่หรือ...

    ภาพชุดหนึ่งปรากฏขึ้นรอบด้าน ใหญ่โตราวกับจอภาพยนตร์ ขณะภาพอื่นๆ หายไป นิกซ์เห็นเด็กหญิงชาวอัสลานยืนตัวชาอยู่กลางวงล้อมของกระโจมที่ถูกแผดเผา โผเข้าซุกเอวร้องไห้กับหญิงชรา เบื้องหน้าศพของผู้หญิงและเด็กอีกคนหนึ่ง อีกภาพเธอโตขึ้นมา ถูกครูเซเดอร์กลุ่มหนึ่งกดร่างไว้กับพื้น ฉีกกระชากเสื้อจากร่าง อีกภาพเป็นเธอทิ้งตัวลงร้องไห้กับศพย่า ทั้งที่ร่างกายปกคลุมเพียงด้วยเศษเสื้อผ้ารุ่งริ่ง ท่ามกลางศพของครูเซเดอร์พวกนั้น และอีกภาพ...เป็นเด็กหญิงที่มีเขาโตขึ้นจนสังเกตได้ สวมชุดคนไข้สีมอซอ ดวงตาแห้งผากไร้ชีวิตชีวา นั่งกอดเข่าในมุมห้องมืดข้างเตียงคนไข้เก่า คลับคล้ายห้องในร้านหมอโจเซฟ

    นั่นมัน...เขาเริ่มปะติดปะต่อความคิด...ทั้งที่หวาดหวั่น ...พี่แอนเธีย...เหรอ

    ไม่มีเสียงตอบ แต่เด็กชายก็แน่ใจ เขาก้มหน้าลงหนีภาพเหล่านั้น กำมือแน่นขณะนึกถึงภาพแอนเธียที่ยิ้มแย้มให้เขา...พูดกับเขาอย่างสดใส ร้องเพลงคลอตอนทำอาหาร เล่นกับแมวทั้งสาม...

    ดูแตกต่างกันเป็นคนละคน ต่างกันจนไม่น่าเชื่อว่าใต้รอยยิ้มของแอนเธีย ใต้ชีวิตอันแสนสงบสุขในแต่ละวันมีเรื่องเลวร้ายมากมายเหล่านี้

    ...เจ้าคิดว่าเธอลืมเรื่องพวกนั้นไปแล้วหรือ...

    ...เจ้าคิดว่าเธอไม่มีความเจ็บปวดเลยหรือ...

    ...แล้วตัวเจ้าเล่า...ไม่มีความเจ็บปวดเลยหรือ...

    ภาพรอบด้านเปลี่ยนไป เป็นภาพของตัวเขาเอง สมัยยังอยู่กับพ่อแม่ ยังได้ไปโรงเรียน มีชีวิตเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป ตัดกับตอนที่พบพวกโจร ตอนที่พ่อถูกฆ่าและแม่ถูกฉุดคร่า ตอนที่ตนเองถูกนำมาขาย ตอนที่อยู่ในคณะละครสัตว์ และตอนที่หัวหน้าคณะทำกับเขา เหมือนที่ครูเซเดอร์พวกนั้นทำกับแอนเธีย...

    แค่นึกว่าความสุขเหล่านั้นจะไม่มีวันหวนกลับมา หรือบัดนี้เขายังตามหาแม่ไม่พบ เด็กชายก็รู้สึกเหมือนน้ำตาพาลจะไหล ไม่อาจบอกได้ว่าบัดนี้ตนมีความสุข ไม่มีความทุกข์ใดๆ อยู่เลย

    ...เช่นนี้แล้ว...เจ้ายังจะขังตนเองอยู่ในกรงเลือดเนื้อ กับอดีตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไปหรือ...

    ไม่... เด็กชายสั่นศีรษะ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่

    เมื่อรู้ว่ากรงนี้ประกอบขึ้นจากเลือดเนื้อของคนที่ตนคร่าชีวิตไป เมื่อรู้ว่าภาพความทุกข์ของแอนเธียและทุกๆ คนจะดำเนินไปเช่นนี้ไม่มีวันสิ้นสุด ความกลัวอีกอย่างจึงบังเกิด...มากพอจะกลบทับความกลัวสิ่งที่จะพบในโลกภายนอกนั้น เช่นเดียวกับสร้างความสงสัยที่เขาอยากถามต่อใครอีกคน

    ...เช่นนั้น...ก็จงกลืนกินกรงที่พันธนาการเจ้า แล้วกลับออกไปสู่โลกภายนอกเสียสิ...

    นิกซ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็กะพริบตา

    เด็กชายตั้งสมาธิ กลืนกินซี่ลูกกรงที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เขาเห็นม่านสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง...ไกล...ใกล้...ไกล...สลับกัน สิ่งซึ่งประกอบเป็นกรงเสื่อมสลายเมื่อเขากวาดตาไปตามแนวซี่ของมัน ไม่ช้าก็ไม่เหลืออยู่

    ภาพและเสียงเหล่านั้นล้วนดับหายไปเช่นกัน รอบด้านเหลือเพียงความมืดมิด ซึ่งมีวงแสงดวงเดียวลอยอยู่เบื้องบน พร่าไหวเลือนราง มืดมัวเหมือนดวงตะวันหลังม่านฝุ่น

    ...มีเพียงทางเดียวที่จะยุติสิ่งนี้ได้ และมีเพียงเจ้าที่จะยุติมันได้ เนฟิลิมน้อย... เทพแห่งความมืดเอ่ยต่อ ...เจ้าไม่รู้ดอกว่าข้ารอกำเนิดของเจ้ามานานเพียงใด เจ้าเพียงผู้เดียวที่สามารถหยุดยั้งความทุกข์ทั้งมวลในโลกนี้ มิเช่นนั้น มวลมนุษย์จะต้องดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ต่อไป...ยืดเวลาอย่างไร้ค่าออกไปอย่างน้อยสักสี่ห้าร้อยปี ก่อนที่พวกมันจะสิ้นเผ่าพันธุ์ในที่สุด เจ้าเพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาจากโลกอันสิ้นหวังนี้...โลกที่สุริยเทพได้ทอดทิ้งไป...

    แต่...จะให้ผม...กลืนกินโลกทั้งใบ นี่มัน...

    ...เจ้ายังทำมิได้ เนฟิลิมน้อย ทว่าไม่ช้าเจ้าจะทำได้ ยิ่งเจ้ากลืนกินมากเท่าไร อำนาจในตัวเจ้าก็จะเพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น และสักวัน...ก็จะถึงจุดที่เจ้าสามารถกลืนกินโลกทั้งใบ รวมถึงตัวเจ้าเอง ขอจงปลดปล่อยทั้งตัวเจ้าเอง กับโลกไร้แสงตะวันให้เป็นอิสระจากความทุกข์ทรมาน และสิ่งอันไม่จีรังทั้งมวลเถิด...

    ...และข้า...ก็จะได้เป็นอิสระจากความทุกข์นี้เช่นกัน...

    พร้อมคำพูดนั้น นิกซ์รู้สึกราวกับร่างของตนถูกกระชากขึ้น พุ่งสู่แสงสว่าง รวดเร็วเกินเอ่ยคำใด

    มือหนึ่งเอื้อมไปข้างหน้า ราวกับจะไขว่คว้าดวงตะวัน ซึ่งอันตรธานไปเสียก่อนตนเอื้อมถึง...

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×