ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งเผ่าจูมิ

    ลำดับตอนที่ #46 : หมายเหตุจากผู้เขียนในช่วงครึ่งหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 212
      0
      24 พ.ค. 49

    รวมคอมเมนต์ และคำถามเกี่ยวกับตำนานแห่งเผ่าจูมิที่ผู้อ่านไม่เคยอยากถาม

    ภาค 1

    วิธีการเขียนแบบในบทนำมีปัญหาอะไรเหรอ? ทำไมถึงไม่เขียนสไตล์นั้นอีกล่ะ?
    - ฉันพยายามจะใช้วิธีบรรยายแบบเซอร์เรียลลิสติก (เหนือธรรมชาติ) สไตล์ฟอลก์เนอร์ค่ะ แต่พอบทสนทนาเริ่มยาวก็ทำไม่ได้แล้ว ก็อย่างที่เห็นแหละค่ะว่าวิธีแบบนี้ทำให้บทสนทนามีน้อย แล้วก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่

    ยาวมากๆ เลยนะเรื่องนี้... บรรยายเยอะซะด้วย... คงต้องใส่ไคลแม็กซ์แทรกมาบ้างแล้วอะ ^ ^;
    - ฉันได้คอมเมนต์แบบนี้เยอะมากค่ะ ยอมรับว่าตัวเองใส่รายละเอียดลงไปในเรื่องนี้มากเกินไปจริงๆ ฉันกำลังพยายามพัฒนาวิธีเขียนใหม่อยู่ค่ะ ตอนที่ฉันอ่านทวนเรื่องบางส่วน ฉันก็คิดว่าต้องปรับแก้คำพูดให้ชัดเจน แล้วก็เยิ่นเย้อน้อยกว่านี้เหมือนกัน คงต้องฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ :)

    ทำไมอเล็กซ์ถึงไม่ถูกแบล็คเพิร์ลสอบประวัติเลยในเมื่อเห็นว่าเป็นชาวจูมิหน้าใหม่? ถ้านครอัญมณีเก็บบันทึกประชากรอย่างละเอียด แผนของเธอคงจะแตกตั้งนานแล้ว
    - ถ้าแบล็คเพิร์ลยุ่งมากจนไม่มีเวลาตรวจสอบการแต่งตั้งอัศวินให้กับอัศวินทุกคน ก็คงไม่มีเวลาให้กับคนแปลกแยกที่ย้อนกลับมาด้วยล่ะค่ะ แต่อย่างน้อยถ้ามีการสอบประวัติบ้างก็คงจะดีค่ะ

    ฉากที่มีเด็กสาวถูกข่มขืนแล้วตัดแขนขาโหดร้ายผิดธรรมดามากเลย
    - ในตอนนั้นฉันได้อิทธิพลมาจากนิยายภาพเรื่อง Blade of the Immortal ค่ะ มีตัวละครตัวหนึ่งที่มีปัญหาทางจิตแล้วก็มีพฤติกรรมรุนแรงมาก ชอบตัดแขนขาคนอื่นๆ โดยไม่ยั้งคิดเท่าไหร่

    ทำไมเอลาซัลถึงได้ตัดสินใจลงประลองชิงตำแหน่งอัศวินขององค์หญิงฟลอริน่าในเมื่อไม่ได้อยากเป็นอัศวินประจำองค์คลาริอุส?
    - คงเป็นเพราะว่าเขาอยากจะขัดขวางแผนการของอเล็กซ์ที่อยากเป็นอัศวินประจำองค์คลาริอุสน่ะค่ะ แล้วเขาก็รู้ว่าตัวเองเอาชนะอเล็กซ์ได้แน่ๆ
     
    เอลาซัล "รู้" ได้ยังไงว่าแบล็คเพิร์ลมีอีกบุคลิกหนึ่งซ่อนอยู่? ทำไมคนอื่นถึงไม่รู้ล่ะ?
    - เป็นเรื่องลึกลับที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยเหตุผลค่ะ สองคนนั้นอาจจะมีจิตวิญญาณผูกพันกันก็ได้ อย่าถามฉันเลยนะคะ

    บุคลิกของแอมเบอร์ นึกถึงแหม่มมาเรียจากเรื่องเพชรพระอุมาเลยแฮะ ^^;;
    - ฉันยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลยค่ะ (ต้องขอเวลาเรียนภาษาไทยซะก่อน ^_- ) แต่บุคลิกของสาวร้อนช่างยั่วนี่ก็ค่อนข้างจะพบได้ทั่วไปในในนิยายแนวผจญภัยกึ่งโรแมนติกนะคะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันอ่านนิยายแนวนี้บ่อยหรอกนะ ;)

    ทำไมแอมเบอร์ถึงไม่ถูกลงโทษที่ไม่ยอมทำตามกฎของสังคมจูมิ แต่เอลาซัลโดนคนเดียวล่ะ? ไม่ยุติธรรมเลย
    - อืม...ก็เพราะมีเพื่อนๆ ที่มีบารมีนั่นแหละค่ะ...

    เหย...พฤติกรรมอเล็กซ์แปลกๆ แฮะ คงไม่ใช่...
    - ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะได้ความสนใจจากนักอ่านที่ไม่เคยเล่นเกมพอสมควรนะคะ ฉันดีใจมากกับเรื่องนี้ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับเขียนเรื่องของตัวเองจริงๆ เลย ที่สนุกอีกอย่างในเรื่องนี้ก็คือการทำให้คนอื่นๆ สับสน (แล้วก็กังวล ^^) เรื่องเพศของอเล็กซ์ และปั่นหัวคนที่รู้เรื่องที่อเล็กซ์เป็นคนสองเพศให้งงเล่นค่ะ

    เอทานเซลนครอัญมณีเป็นเมืองใหญ่ขนาดไหนกันแน่? แล้วได้ทรัพยากรธรรมชาติมาจากไหนบ้าง?
    - ไม่รู้สิคะว่าใหญ่ขนาดไหน คงพอๆ กับนิวยอร์คมั้งคะ เป็นเมืองใหญ่มีสวนสาธารณะในตัวแล้วก็มีคนล้นหลามอัดกันอยู่ในที่เดียว ชุมชนแออัดของพวกจูมิก็เทียบได้กับชุมชนแออัดในนิวยอร์คหรือเมืองใหญ่ทั่วไปแหละคะ ส่วนเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ฉันเดาว่าพวกเขาคงใช้เงินซื้ออาหารจากแหล่งภายนอกที่ไว้ใจได้ ที่เอทานเซลมีอัญมณีเยอะแยะค่ะ ถึงจะไม่รู้ว่ามีได้ยังไงก็เถอะ บางทีเมืองนี้อาจจะตั้งอยู่บนเหมืองพลอยขนาดใหญ่ล่ะมั้ง

    ภาค 2

    น่าเสียดายพระเอกในเกมจริงๆ ไม่ได้โผล่ในภาคนี้ด้วย ^^;; 
    - นี่เป็นคอมเมนต์ที่ฉันได้รับเยอะค่ะ จนถึงขนาดเขียนข้อมูลถึงพระเอกนางเอกตัวจริงไว้ล้อในท้ายบทตอนหนึ่งด้วย แต่ดูเหมือนคอมเมนต์แนวนี้จากนักอ่านใหม่ๆ จะไม่เคยซาเสียที ^_^

    อืมม์ อ่านช่วงตอนสองตอนมานี่รู้สึกไม่ชอบไดอาน่าขึ้นมาครามครันเลยแฮะ - -  เจ้าวางแผนเกินไปจนเหมือนเห็นคนอื่นเป็นแค่ตัวเบี้ยบนกระดาน
    - ตลกดีนะคะ ฉันก็ไม่ได้มีปัญหากับการเขียนไดอาน่าให้ออกมาเป็นแบบนี้เพราะทุกคนดูเหมือนจะไม่ชอบเธอในเกมด้วยกันทั้งนั้น แต่จริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมนะคะ เพราะเธอก็ไม่ได้มีบทในเกมอะไรมากมายนี่นา

    ผู้เขียนออกเสียงชื่อของแซฟไฟร์ยังไงเหรอ?
    - ในภาษาพื้นเมืองของฉัน คำว่า "แซฟไฟร์" ออกเสียงเป็น "ซาเพียร์" ค่ะ ฉันก็เลยเรียกเธอว่า "ซาเพียร์" มากกว่า "แซฟ-ไฟร์"

    ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้เลยนะเนี่ย ให้แซฟไฟร์ตอบปฏิเสธเอลาซัลกันในสองตอนเลยเรอะเนี่ย
    - อืม...มีคนคาดหวังว่าเธอจะตกหลุมรักเอลาซัลเหรอคะ? นี่เอลาซัลยังถูกบรรดาผู้หญิงที่ล้อมหน้าล้อมหลังเกี้ยวไม่พออีกเหรอ? ^_^ (เพราะอย่างนี้ฉันเลยเขียนให้ชัดเจนไงคะว่าแซฟไฟร์กับเอสเมอรัลด้าเป็นเหมือน "น้องสาว" สำหรับเขา)

    ระบบอัศวินกับผู้พิทักษ์ในเรื่องนี้แย่มาก ดูกรณียกเว้นทั้งหลายสิ
    - ฉันรู้ค่ะ ฉันยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าระบบในเกมจริงๆ มีหมายความว่ายังไงกันแน่ แล้วในเมื่อฉันสร้างสังคมที่ยึดมั่นธรรมเนียมปฏิบัติเข้มงวดเพื่อให้อเล็กซ์จำต้องปลอมตัวเป็นชาย ฉันเลยต้องคิดถึงเรื่องนี้มากหน่อย ฉันพยายามอธิบายในท้ายตอนที่ 1 ของภาค 1 แล้ว แต่ในด้านอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยพอใจกับคำอธิบายของตัวเองเท่าไหร่ เพราะว่าไดอาน่ากับรูเบ็นส์เป็นคู่อัศวินกับผู้พิทักษ์กัน แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกันน่ะสิคะ

    แล้วยังเรื่องที่ไดอาน่ากับแบล็คเพิร์ลใช้อำนาจเผด็จการในสังคมกดขี่ผู้หญิงของชาวจูมิด้วย!
    - เฮ้อ...ฉันรู้ค่ะ ฉันพยายามแก้ตัวไปแล้ว...และฉันก็ยังคงยืนยันข้ออ้างเดิมค่ะ! ฮึ!

    รูเบ็นส์เห็นความตายของใครในตาของแบล็คเพิร์ลหลังจากที่เธอกลับมา? เขาหวังว่าไม่ใช่อเล็กซ์ แต่แบล็คเพิร์ลก็ไม่ได้ฆ่าอเล็กซ์นี่?
    - ก็ตัวเขาเองนั่นแหละค่ะที่ต้องตาย

    ฟลอริน่ายังกะแม่พระ จะตายแล้วรึนี่
    - ไม่ตายหรอกค่ะ ;) เธอเป็นตัวละครจูมิตัวเดียวที่[b]ไม่ตาย[/b]ในเกมนะคะ ขนาดซานดร้ายังตายเลย.

    ผลึกชีวิตของแม่เอลาซัลที่ว่าล้ำค่าคืออะไรเหรอ?
    - เพชรสีฟ้าค่ะ

    แล้วพ่อของเขาล่ะ?
    - ฉันยังไม่เคยคิดเลยจริงๆ ค่ะ น่าจะเป็นลาปิสลาซูลี่แหละนะ

    อเล็กซ์บอกเอลาซัลว่าแบล็คเพิร์ลชมว่าเขา "ทั้งฉลาด น่ารัก แถมยังสวยอีกต่างหาก" ตอนไหนเหรอ?
    - ชมสิคะ เธอบอกเขาว่า "น่ารักจริงนะอเล็กซ์" บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาฉลาดมาก แล้วก็บอกว่าเขามี "ใบหน้าสวยๆ" อีกต่างหาก

    รู้สึกจะชอบเขียนเรื่องอุบัติเหตุรัก เทพบุตรจุติ กับเรื่องบังเอิญคลาดกันนิดเดียวจังเลยนะ
    - ชอบสิคะ! ชอบจริงๆ! ก็อย่างเรื่องที่อเล็กซ์มาถึงนครอัญมณีในตอนที่แบล็คเพิร์ลจะไปหอคอยพอดี แล้วทั้งสองก็ตามหาดาบแห่งชะตากรรมเหมือนกัน หรือไม่ก็เรื่องที่ว่าอเล็กซ์น่าจะบอกเอลาซัลว่าจะลักพาตัวองค์หญิงฟลอริน่า เอลาซัลจะได้หนีไปกับทั้งสองคนโดยไม่ต้องถูกจับฟรี แล้วก็เรื่องที่ซาริสทินเจอฟลอริน่า แต่เอลาซัลไม่เจอ แล้วทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้พบกันเลย แล้วก็เรื่องที่สเน็คแยกตัวออกไปได้ทันเวลาก่อนที่เพิร์ลจะคุ้มคลั่งฆ่าคนขึ้นมาพอดี
    อืม...ยังมีอีกเยอะค่ะ แต่บอกแค่นี้คงพอแล้วล่ะ...

    ภาค 3

    ถ้าเขียนถึงซานดร้า อย่าลืมพ่อนักสืบหัวหมาคนนั้นด้วยนะ ^^
    - ขอโทษนะคะ ฉันลืมไปแล้ว ^_- นักสืบบอยด์ไม่มีบทสำคัญอะไรในเรื่องเลยค่ะนอกจากแสดงว่าตำรวจกำลังตามจับซานดร้าอยู่ (ซึ่งในเนื้อเรื่องของฉันก็บอกเป็นนัยๆ อยู่แล้ว) ฉันเลยตัดเขาทิ้งค่ะ

    ซานดร้าจะออกโรงเต็มรูปแบบแล้ว โอ้ย~อยากอ่าน~
    - จริงๆ แล้ว ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าซานดร้าแทบไม่ได้ทำอะไรเลยในเรื่องของฉันมาจนถึงตอนนี้เลยนะคะนอกจากการลักพาตัวองค์หญิงฟลอริน่า ฉันคิดว่าฉันคงไม่อยากให้เธอกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องไปจริงๆ เพราะมันจะเป็นอุปสรรคต่อการจับคู่เอลาซัลกับซานดร้า ฉันเลยปัดความผิดโดยตรงไปให้คนอื่นแทน อย่างแซฟไฟร์ก็ตายเพราะสเน็ค (ซานดร้าเป็นแค่ต้นเหตุทางอ้อม) รูเบ็นส์ถูกเพิร์ลทำร้ายบาดเจ็บ (ซึ่งซานดร้าก็เป็นแค่ต้นเหตุทางอ้อมเหมือนกัน) จริงๆ แล้วซานดร้าแทบไม่ได้ทำอะไรเลยในภาค 3 และภาค 4 แต่เธอจะออกโรงจริงๆ ก็ภาค 5 แหละค่ะ

    ชักชอบเรวานเช่ขึ้นมาตะหงิดๆ แล้ว มันส์ดี
    - เรวานเช่ได้เสียงตอบรับมาดีมากค่ะ ทำให้ฉันดีใจจริงๆ ^_^

    ผมไม่แน่ใจแต่เมืองที่แซฟไฟร์อยู่นี่คือ พอลโพต้า ใช่ไหมครับเนี่ย
    - ในเกม จูมิแห่งไพลิน (แซฟโฟ) มีความเกี่ยวข้องกับเมืองท่าพอลโพต้าค่ะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเขาพักอยู่ที่เมืองนั้นนะคะ...

    ตอนที่สี่ที่ได้อ่าน แต่แบล็คเพิร์ลนี่ ทำไมคุ้นๆว้า(อ้อ ไพเรทออฟแคริบเบียนนี่เอง)
    - เรื่องบังเอิญค่ะ เกม Legend of Mana ออกวางแผงก่อนภาพยนตร์ถึง 3 ปีนะคะ

    เริ่มเข้าเนื้อเรื่องของในเกมแล้วสินะ
    - ฉันคิดว่าตอนที่ 4 ของภาค 4 จะเป็นตอนที่ตรงกับเนื้อเรื่องในเกมที่สุดค่ะ จะมีฉากราเชลพูดกับเอลาซัล และฉากพบกับรูเบ็นส์ (ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะ ^_^) ภาค 4 ตอนที่ 5 จะเป็นตอนอีเว้นท์ "หอคอยแห่งกระจกเงา" ส่วนภาคที่ 5 จะเป็นส่วนสุดท้ายของเนื้อเรื่องที่เหลือค่ะ (แต่ทั้งหมดก็ถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะเช่นกันค่ะ)

    ไดอาน่านี่ชอบวิเคราะห์จิตวิทยาของคนอื่นจริงๆ
    - ใช่ค่ะ ผู้หญิงที่อายุ 20 ขึ้นไปในเรื่องนี้ทุกคนถ้าไม่เป็นนักจิตวิทยาก็เป็นคนโรคจิต ไม่อย่างนั้นก็เป็นทั้งคู่ค่ะ

    อ่านตอนนี้แล้วเกิดการอาการเกลียดไดอาน่าขึ้นมาตะหงิดๆ
    - สงสัยจังว่าฉันทำให้ไดอาน่าทำตัวน่ารังเกียจมากกว่าในเกมอีกเหรอคะ? ก็คงใช่นะ ปกติแล้วมีคนไม่ชอบเธออยู่เยอะ ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเธอนะคะ แต่ฉันว่าฉันคงทำให้เธอดูเย็นชาแล้วก็ใจดำเกินไปจริงๆ

    ภาค 4

    แต่ไปอ่านภาคซานดร้า โอแม่เจ้า คุณเธอกล้า.... (พูดไม่ออก)
    - ฉันตั้งใจจะให้ซานดร้าบอกความจริงนะคะที่ว่าตัวเองเคยคบกับฟ็อกซ์ แต่ในเมื่อเธอคือซานดร้า เราเลยไม่มีทางรู้ว่าเธอพูดเล่นหรือพูดจริง ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ^_-

    เพิร์ลสู้ๆ แบล็คเพิร์ลก็สู้ๆ ยังไงก็อย่าแพ้ซานดร้านะ
    - ดูท่าทางเพิร์ลจะมีคนชอบเยอะนะคะ ดีที่ผู้แปลแปลทั้งสองเวอร์ชั่นในภาค 5 เลย ^_^

    อืม...พอเปรียบเทียบเวอร์ชั่นของเพิร์ลกับซานดร้าแล้ว...ทำไมเวอร์ชั่นของซานดร้าถึงได้ดูมีความสุขนัก? ทำไมเวอร์ชั่นของเพิร์ลถึงได้หดหู่ดูซึมเศร้าอย่างนี้? ทำไมถึงไม่มีความสุขนานๆ แบบซานดร้าบ้าง?
    - ฉันคิดว่าคนที่สังเกตว่าเวอร์ชั่นของซานดร้าดูมีความสุขกว่าพูดถูกแล้วล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะในเวอร์ชั่นของเพิร์ล เอลาซัลต้องเสียเพิร์ลไปโดยไม่มีใครมาแทนที่ ส่วนในเวอร์ชั่นของซานดร้า เขา "ได้" ซานดร้ามา...อย่างน้อยก็ชั่วคราวค่ะ ^_^

    ชอบคู่ของฟลอริน่ากับซาริสทินจัง น่ารักดี
    -อืม นี่เป็นคอมเมนต์แรกที่ฉันได้รับจากคู่นี้นะคะ ฉันก็ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะรับได้ดีมั้ยในเมื่อซาริสทินเข้ามา "แทนที่" อเล็กซ์ ฉันเลยดีใจนะคะที่มีคนชอบ

    ภาค 5

    อเล็กซ์ชะล่าใจมากที่ปล่อยให้เอลาซัลเก็บดาบไว้
    - ฉันรู้ค่ะ จริงๆ แล้วเรื่องดาบนี่ก็เป็นประเด็นปัญหาสำหรับฉันเหมือนกัน ฉันเลยต้องหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมเธอไม่ขโมยดาบจากเอลาซัลทันทีที่รู้ ก็ไม่รู้ว่าอธิบายได้ดีพอรึเปล่านะคะ

    ในเวอร์ชั่นของเพิร์ล เอลาซัลเข้าไปในหอคอยครั้งที่สองได้ยังไงโดยไม่มีดาบเหมือนในครั้งแรก? แล้วในเวอร์ชั่นของซานดร้า ซานดร้าเข้าไปได้ยังไง?
    - คำตอบคงเป็นเวทมนตร์ป้องกันตัวค่ะฉันว่า แบล็คเพิร์ลก็เข้าไปในหอคอยได้โดยไม่ต้องมีดาบเหมือนกัน

    เห? จู่ๆ เครื่องย้ายห้วงมิติโผล่มาได้ยังไง? เมื่อก่อนไม่เห็นมีพูดถึงเลยนี่
    - นี่แหละค่ะปัญหาของการเขียนแฟนฟิคจากเกม ในเกมเห็นทุกคนเอาแต่เดินๆๆ แทบไม่มีม้าหรือพาหนะอะไรมาช่วยทุ่นแรงเลย นอกจากจะเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ ไม่อย่างนั้นก็ได้เรือเหาะหรือยานอะไรแปลกๆ มา หรือไม่ก็ขี่โจโคโบะหรือตัวอะไรน่ารักๆ ที่ฉันเอามาเขียนไม่ได้น่ะสิคะ
    ในภาค 2 ตอนที่ 5 ก็มีการใช้ม้านะคะ (ตอนที่ลุงชาวนาให้เอลาซัลติดรถม้ามาด้วยไง) แต่พอใกล้ภาค 5 ที่จะออกเดินป่าแล้วฉันคิดว่าให้เอลาซัลกับอเล็กซ์ย่ำต๊อกไปถึงวิหารถึงสองสามอาทิตย์ดูจะกินเวลามากไปหน่อย ฉันเลยสร้างเรื่องของเครื่องย้ายห้วงมิติขึ้นมาค่ะ

    อเล็กซานดร้าบอกว่าจะยอมสละผลึกชีวิตของเอลาซัลเพื่อชาวจูมิ แต่ไม่ยอมให้องค์หญิงฟลอริน่าปฏิบัติหน้าที่ของคลาริอุสเพื่อพวกนั้น นี่เธอคิดอะไรของเธอกันน่ะ?
    - อย่างที่บอกไว้แล้วว่าอเล็กซ์ชอบฟลอริน่าที่สุดเหมือนในเกมค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าเอลาซัลเจ็บใจเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน แต่เธออาจจะแค่โกหกเอาตัวรอดก็ได้ค่ะ

    แล้วเรื่อง "เกราะเวทมนตร์" ของนครอัญมณีล่ะ?
    - เรื่องเกี่ยวกับเกราะเวทมนตร์ที่กลายเป็นกับดักมรณะของชาวจูมิแทนที่จะปกป้องพวกเขาไม่ใช่ความคิดดั้งเดิมของฉันนะคะ ฉันได้ต้นความคิดมาจากสถานการณ์คล้ายๆ กันที่มีการสร้างเกราะพลังเวทมนตร์ปกป้องพวกเอลฟ์ แต่กลับมาทำลายพวกเอลฟ์เองในนิยายของไวส์/ฮิคแมน ในเรื่องนั้น เกราะเวทมนตร์เป็นตัวดูดพลังงานของชาวเมือง และมังกรชั่วร้ายเป็นตัวการหลอกให้ชาวเอลฟ์สร้างเกราะนั้นขึ้นมาค่ะ

    เทวทูตหายไปไหนตอนที่แบล็คเพิร์ลกลายเป็นเพิร์ล? แล้วกลับมาหาเพิร์ลอีกที่วิหารกลางป่าได้ยังไง?
    - ไม่รู้สิคะ เทวทูตเหลือแต่วิญญาณนี่คะ ฉันก็นึกภาพในสมองไม่ออกเหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ไม่ขอตอบคำถามนี่นะคะ ผ่านค่ะ!

    รอดูฉากสวีทกับแบล็คเพิร์ลบ้าง
    -คิดว่าฉากสวีทเอลาซัลกับแบล็คเพิร์ลจะโรแมนติกขนาดไหนเหรอคะ? ฉันนึกแล้วกลับกลัวนิดๆ แฮะ ;)

    ตอนที่ซานดร้าบ่นว่าทำไมใครๆ ถึงชอบเรียกเธอว่าโสเภณีทำให้คิดว่าซานดร้าเป็นคนสองบุคลิก ไม่ก็บ้าไปซะแล้ว
    -ใช่เลยค่ะ ใครจะไม่สับสนจนบ้าล่ะคะที่ตัวเองเป็นครึ่งหญิงครึ่งชายน่ะ ;)

    รู้สึกว่าเอลาซัลไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองไงก็ไม่รู้ เหมือนรักพี่เสียดายน้องเลย
    - อืม...น่าจะเป็นเฉพาะในซานดร้าเวอร์ชั่นนะคะ แต่ดูเหมือนทั้งสองเวอร์ชั่นให้ความรู้สึกเดียวกันสินะ เอ้อ...พอเขียนสองเวอร์ชั่นแล้วคุมสถานการณ์ยากอยู่ค่ะ

    ทำไมแบล็คเพิร์ลถึงได้บอกให้เอลาซัลระวังเพิร์ล ทั้งๆ ที่น่าจะระวังเจ๊แกมากกว่า
    - น่าจะได้คำตอบในช่วงครึ่งหลังของตอนที่ 5 แล้วนะคะ

    แล้วระหว่างเพิร์ลกับแบล็คเพิร์ล ใครเป็นเจ้าของร่างกันแน่?
    - ในเกมก็ยังไม่เคลียร์เลยค่ะ แต่ฉันจะลองหาทางออกดูค่ะ จริงๆ แล้วแบล็คเพิร์ลก็มีอาการบุคลิกภาพซับซ้อนคล้ายๆ กับซานดร้าเหมือนกันแหละค่ะ เพียงแต่รุนแรงกว่า เธอจะ...พยายามรวมบุคลิกทั้งสองเข้าด้วยกัน เหมือนในบทส่งท้ายค่ะ

    เทวทูตเป็นชายหรือหญิงกันแน่? เรียกเป็น "มัน" ตลอดแล้วสับสน
    - ฉันตั้งใจจะทำให้ข้อนี้คลุมเครือเองค่ะหลังจากเปลี่ยนโครงเรื่องแล้ว คือตัดพล็อตที่แบล็คเพิร์ลเป็นร่างจุติของเทวทูตออกไป ตามเนื้อเพลง ‘Nice Dream’ ที่ใส่ในเนื้อเรื่องตอนที่เทวทูตปรากฏตัวครั้งแรกในภาค 2 ตอนที่ 4 บอกเป็นนัยๆ ว่าเทวทูตอาจจะเป็นหญิงค่ะ แต่ว่าคนเขียนคนนี้คิดว่าเทวทูตเป็นชายมาตลอด แล้วบางทีก็เผลอเขียนสรรพนามแทนตัวว่า "เขา" เป็นบางครั้งแทนที่จะเป็น "มัน" เสียด้วย แต่เทวทูตก็มีความเกี่ยวข้องกับเพิร์ลที่เป็นหญิง แล้วก็ตบตีกับเทพีมาน่าที่เป็นหญิงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคำตอบสุดท้ายคือ...ฉันไม่รู้ค่ะ แล้วแต่ผู้อ่านจะตัดสินแล้วกัน

    แล้วคนตั้ง 2,000 คนจะมาอัดกันอยู่ในวิหารเล็กๆ ได้ยังไง?
    - มันเป็นวิหารเล็กๆ ขนาดใหญ่ค่ะ...ใหญ่ผิดปกติค่ะ...ใหญ่ผิดปกติมากๆ

    แล้วจู่ๆ เพิร์ลเป็นอิสระจากการครอบงำของเทวทูตได้ยังไง?
    - อเล็กซ์เป็นคนพูดกระตุ้นเธอค่ะ ฉันคิดว่าเอลาซัลยังเคยหาว่าลิ้นของเธอน่ะอันตรายพอๆ กับอาวุธเลย แต่ไม่ว่าจะยังไง...เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะมันสะดวกต่อคนเขียนน่ะสิคะ! แต่ถ้าให้ตอบแบบจริงจังแล้ว ในเมื่อการครอบงำเกี่ยวเนื่องกับ "จิตใจ" ก็สมเหตุสมผลค่ะที่คำพูดของอเล็กซ์จะทำร้ายจิตใจแบล็คเพิร์ลจนช็อคขนาดได้สติจากอำนาจครอบงำของเทวทูต

    แล้วไหงจู่ๆ เทวทูตถึงเปลี่ยนใจปุบปับล่ะ? ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ!?
    - ง่ายสิคะ


     
    แรงบันดาลใจใน  Legend of the Jumi

    เพลงที่ให้แรงบันดาลใจกับเรื่อง
     
    -เพลงประจำตัวละคร

     - เอลาซัล
    เพลงจากเกม LoM: Glittering Tears (ทำนองคล้าย Sparkling City of Ruin)
    เพลงธีมประจำตัว: Nice Dream (Radiohead)

     - ซานดร้า
    เพลงจากเกม LoM: Earth Painting
    เพลงธีมประจำตัว: Twilight (Boa)

     - ฟลอริน่า
    เพลงจากเกม LoM: Blue Gloom
    เพลงธีมประจำตัว: Street Spirit: Fade out (Radiohead)

     - (แบล็ค)เพิร์ล
    เพลงจากเกม LoM: Sparkling City of Ruin
    เพลงธีมประจำตัว: Climbing up the walls; Paranoid Android (Radiohead จาก OK Computer)

     - สโนว์
    เพลงจากเกม LoM: Memories of Running
    เพลงธีมประจำตัว: Black Ruby (Angel Sanctuary); Let Down (Radiohead)

     - แซฟไฟร์
    เพลงธีมประจำตัว: Duvet (Boa)

    - เพลงประกอบความสัมพันธ์

     - เอลาซัล + แบล็คเพิร์ล: Lady Midnight (Leonard Cohen)
     - เอลาซัล + ซานดร้า: Shattered (Cranberries)
     - เอลาซัล + เพิร์ล: Dreams (Cranberries)

    - เพลงประจำเรื่อง Legend of the Jumi
    เพลงจากเกม LoM: Sparkling City of Ruin
    เพลงธีมประจำเกม: Song of Mana; the Wanderer of Time (FFVI: Pray)

    เรื่องที่ให้แรงบันดาลใจ

    - Legend of Mana (แน่อยู่แล้ว)
    - Angel Sanctuary - ทั้งอนิเมและหนังสือการ์ตูน

    แรงบันดาลใจของตัวละคร (นอกจากตัวละครต้นฉบับในเกม LoM)

    เอลาซัล: เซลกาดีสจากอนิเมเรื่อง "สเลเยอร์ส" (ค่อนข้างเก็บตัว ต้องเจอกับความทุกข์ทรมาน แล้วก็ขี้อายเหมือนกัน ละละละ)

    สโนว์: ออเบรย์จากนิยายเรื่อง "เวเนเทีย" ของจอร์เจ็ตต์ เฮเยอร์ (ออเบรย์เป็นน้องชายอายุ 17 ปีของเวเนเทีย เป็นคนเจ็บออดๆ แอดๆ แต่หัวดี ชอบทำตัวเห็นแก่ตัว ขี้ประชด แล้วก็อ่อนไหวมากเรื่องอาการป่วยของตัวเอง)

    แซฟไฟร์: เงือกน้อยในนิทานของแอนเดอร์เซ็น

    ตอนที่ชอบที่สุด
     
    ภาคที่ 1: ตอนที่ 4 (แอมเบอร์) ตอนที่ 2 (มุกนิลกาฬ)
    ภาคที่ 2: ตอนที่ 5 (ทะเลสงบ) ตอนที่ 3 (ดาบแห่งชะตากรรม)
    ภาคที่ 3: ตอนที่ 4 (โคลเวอร์นำโชค) ตอนที่ 1 (ไข่มุกสีขาว)
    ภาคที่ 4: ตอนที่ 1(ฤดูใบไม้ผลิสีมรกต)
    ภาคที่ 5: ตอนที่ 2 (ฟลูออไรท์) ตอนคั่นฉาก (ทับทิมดำ)

    ความสัมพันธ์ที่ชอบที่สุดเวลาเขียน

    อเล็กซ์กับองค์หญิงฟลอริน่าในช่วงภาค 1 กับ 2 ค่ะ เพราะฉันชอบเล่นกับบุคลิกของอเล็กซ์ในแบบของเกมภาคญี่ปุ่น สโนว์กับเอสเมอรัลด้าเพราะสนุกดี แล้วก็อเล็กซานดร้ากับเอลาซัล

    ธีมของเรื่องที่ชอบที่สุด

    บุคลิกหลายด้านของอเล็กซ์ค่ะ ฉันชอบนำตัวละครหญิงอื่นๆ มาเปรียบเทียบกับอเล็กซ์ในด้านต่างๆ (ทั้งแอมเบอร์ ฟลอริน่า แล้วก็แบล็คเพิร์ล) อีกธีมหนึ่งก็คือนครอัญมณีในฐานะตัวละครตัวหนึ่ง แล้วก็ความขัดแย้งของเอลาซัลระหว่างแบล็คเพิร์ลกับอเล็กซานดร้า (ลองกลับไปดูในโน้ตท้ายภาค 1 กับ 2 ดูนะคะ)


     
    จุดแก้สำคัญในโครงเรื่อง
     
    จุดที่ 1: ความลับเรื่องผลึกชีวิตของอเล็กซานดร้ากับเบื้องหลังครอบครัว

    เป็นโครงเรื่องจุดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ที่ฉันคิดขึ้นมาเองค่ะ เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ฉันคิดว่าถ้าใส่ความลับในอดีตของอเล็กซานดร้าให้เธอเป็นลูกครึ่งมนุษย์ก็คงน่าสนใจดี ดังนั้นเด็กหญิงลูกครึ่งมนุษย์กับจูมิในบทนำคือซานดร้าค่ะ แต่หลังจากนั้นฉันก็คิดว่ารายละเอียดตรงนี้ไม่จำเป็น และเธอควรจะเป็นชาวจูมิธรรมดาๆ ตามต้นเรื่องดีกว่า

    จริงๆ แล้วปกติฉันไม่ค่อยชอบการเขียนแฟนฟิคให้ต่างจากต้นฉบับมากไปนะคะ แต่ฉันคิดว่าเรื่องของจูมิคลุมเครือพอที่จะเสริมบางจุดลงไปได้ และก็แปลกพอ (ในเรื่อง Lord of Jewels กับอเล็กซ์ที่เป็นคนสองเพศ) ที่จะช่วยให้เปลี่ยนเนื้อเรื่องได้ แต่ระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับใส่ตามใจฉันนี่มีเส้นขีดกั้นไว้ชัดเจนนะคะ ฉันเลยสรุปว่าการเปลี่ยนชาวจูมิแท้ๆ ให้กลายเป็นลูกครึ่งมนุษย์ออกจะล้ำเส้นไปหน่อย

    จริงๆ แล้ว ฉันเสริมบทลงไปในภาค 1 ตอนที่ 4 ด้วยว่าชาวจูมิกับมนุษย์มีลูกด้วยกันไม่ได้ เป็นความจริงแน่ๆ ในเกมค่ะ เพราะชาวจูมิในเกมจะเริ่มก่อร่างรอบๆ ผลึก

    ส่วนเรื่องแม่ของอเล็กซานดร้า ทีแรกอเล็กซ์ไม่อยากพูดถึงแม่เพราะแม่เป็นมนุษย์ แต่ในภาค 2 ตอนที่ 4 ฉบับแก้ อเล็กซ์จะบอกเอลาซัลว่าแม่ของเธอมาจากครอบครัวที่ยากจน และผลึกชีวิตของแม่ก็ "ไม่มีค่าอะไรเลย" แล้วก็อยู่ได้ไม่นานด้วย เพราะว่าเป็นผลึกที่มีตำหนิค่ะ จุดนี้เชื่อมโยงเรื่องกับตอนที่ 1 ของภาค 1 ได้เป็นอย่างดีที่อเล็กซ์แสดงความโกรธเคืองที่ชาวจูมิที่ยากจนถูกทอดทิ้ง แล้วก็สร้างปมในใจเรื่องผลึกชีวิตที่มีตำหนิของอเล็กซานดร้ากับน้ำตาที่ไม่มีอำนาจเยียวยาของเธอด้วย

    นอกจากนี้ยังมีผลต่อฉากสู้ในตอนที่ 5 ของภาค 2 ผลึกชีวิตของอเล็กซ์ไม่ได้ต้านเวทมนตร์ของแบล็คเพิร์ลได้ค่ะ แต่ความเร็วของเธอต่างหากที่ทำให้เธอรอดมาได้

    สรุปแล้ว ฉันคิดว่าเปลี่ยนรายละเอียดจุดนี้แล้วดีขึ้นค่ะ
     
    จุดที่ 2: แบล็คเพิร์ลกับเทวทูต

    ...ตามจริงแล้ว  ในตอนต้นเรื่อง (ก่อนภาค 2 ) ฉันอยากเขียนให้แบล็คเพิร์ลเป็นเทวทูตจุติเองเลย เพราะเมื่อ 3 ปีมาแล้วตอนนั้นฉันกำลังคลั่งเรื่องศึกวิหารเทพเจ้าน่ะค่ะ

    แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ต้องเปลี่ยนเพราะฉันไม่อยากจะเปลี่ยนตัวละครที่เป็นชาวจูมิในต้นเรื่องเดิมให้เป็นเทวทูตนะคะ (ฉันแก้ปัญหาข้อนี้ด้วยการเก็บเทวทูตไว้ในเงามืดก่อน แล้วก็เขียนถึงเทวทูตโดยไม่บ่งบอกเพศ เป็น "จิตวิญญาณ" แท้ๆ)

    ฉันกำลังเขียนให้แบล็คเพิร์ลเป็นเทวทูตที่ไม่ยอมกลับสวรรค์ในสารานุกรมของเกมอย่างสนุกทีเดียว แต่แล้วนักอ่านท่านหนึ่งก็กรุณาบอกฉันว่า ไม่ว่าคนเขียนฟิคเกม LoM กับหมาตัวไหนก็ตั้งใจจะเขียนพล็อตเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้น

    ฉันรู้สึกท้ออยู่เหมือนกัน เลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนโครงเรื่อง...แล้วก็เหมือนกับเรื่องที่อเล็กซ์เคยเป็นครึ่งมนุษย์นั่นแหละค่ะ ฉันรู้สึกว่าการเปลี่ยนเนื้อเรื่องจุดนี้ทำให้เรื่องดูดีขึ้น อย่างน้อยก็ในด้านโครงเรื่อง  อย่างที่เคยบอกแหละค่ะว่าปกติฉันไม่ชอบเปลี่ยนเรื่องเบื้องหลังตัวละครมากเกินไป นอกจากตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องในมิติคู่ขนานไปเลย ในต้นเรื่องเดิม แบล็คเพิร์ลไม่ได้เป็นเทวทูต และในเรื่องนี้เธอก็ไม่ควรเป็นเช่นกันค่ะ...ถึงฉันจะรู้สึกว่าเรื่องมุกเทพยดาจะน่าเล่นอยู่ก็เถอะ อย่างที่สองคือฉันรู้สึกว่าเรื่องเทวทูตจุติออกจะดูแปลกๆ อืม...แล้วอย่างที่สามคือ การทำให้แบล็คเพิร์ลเป็นเทวทูตจะเกิดวงจรไร้สาระ ทีแรกแบล็คเพิร์ลลืมว่าตัวเองเป็นเทวทูต แล้วพอเป็นเพิร์ลก็ลืมว่าตัวเองคือแบล็คเพิร์ล กลายเป็นลืมอดีตถึง[b]สอง[/b]ขั้นซ้อน ไม่ใช่ลืมขั้นเดียวอย่างในเกม แล้วอย่างสุดท้ายคือ การให้แบล็คเพิร์ลต่อต้านเทวทูตดูจะช่วยพัฒนาบุคลิกภาพของเธอได้ดีกว่าความคิดเดิมเสียอีก

    แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ใช่ว่าจะช่วยให้ทุกอย่างสะดวกราบรื่นนะคะ พล็อตหลายจุดกลายเป็น "หลวมโพรก" ไม่ใช่แค่ไม่รัดกุมเท่านั้นล่ะ แล้วฉันก็ต้องพยายามอย่างหนักในการต่อทุกอย่างให้ติด จะทำได้ดีหรือไม่ก็ต้องตัดสินในตอนที่ 4 และ 5 ครึ่งหลังของภาค 5 ที่จะพยายามคลี่คลายปริศนาทุกอย่างให้ลงตัว...พอประมาณนะคะ

    แน่นอนค่ะ ฉันว่าผู้อ่านจะพูดว่าฉันเอาเรื่องยุ่งๆ ที่ตัวเองคิดขึ้นมาแทนที่เรื่องยุ่งๆ ในเนื้อเรื่องของเผ่าจูมิในเกมก็ได้ (แล้วทำไมในเกม ชาวจูมิถึงปล่อยให้ซานดร้าไล่ฆ่าทีละคนๆ โดยไม่ทำอะไรเลยล่ะคะ? แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่า Lord of Jewels จะช่วยพวกจูมิให้เริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง? แน่ใจมากซะจนยอมฆ่าชาวจูมิตั้งพันคนเพื่อมัน? บางคนคงบอกว่าซานดร้าอาจต้องการจะล้างแค้นส่วนตัวด้วย แต่ก็ยังไม่เข้าท่าอยู่ดีค่ะ! ก็พวกนั้นยังไม่ถึงกับฆ่าฟลอริน่าเลยนี่นา! แล้วทำไมถึงไม่มีใครพูดเรื่องที่ว่าอเล็กซ์กับซานดร้าเป็นคนคนเดียวกันเลย ชาวจูมิคนอื่นๆ จำอเล็กซ์ไม่ได้เลยเหรอคะ? นี่เขาเป็นคลาร์ค เคนท์ที่พอสวมแว่นตาวิเศษทุกคนก็มองไม่ออกแล้วว่าเขาคือซูเปอร์แมนหรือไง? (ขอโทษนะซานดร้า)...และอีกสารพันเหตุผลค่ะ)


    ความเห็นเกี่ยวกับตัวละครและความสัมพันธ์ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง

    ลาปิสลาซูลี่จอมเลือดร้อนและมีปัญหา

    เอลาซัลในเกมออกจะเป็นตัวละครพิมพ์นิยม คือเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน พูดจาห้วนโฮกฮาก แต่จริงๆ แล้วมีจิตใจอ่อนโยน และต้องการจะปกป้องคนอื่นๆ โดยเฉพาะหญิงคนสำคัญในชีวิต ก็เป็นคนที่ดีอยู่แหละค่ะ แต่...อืม...เราเคยเจอตัวละครแบบนี้ที่ไหนมาก่อนนะ? ในอนิเมและเกมอื่นๆ นับล้านเรื่องค่ะ

    แต่ถึงฉันจะเกลียดตัวละครพิมพ์นิยมอย่างที่ว่า...ฉันกลับเอาลักษณะนิสัยของตัวละครแบบอื่นที่เป็นพิมพ์นิยมพอกันเข้ามาแทนที่! เพราะภาพลักษณ์ของเอลาซัลได้รับอิทธิพลจากเรื่องศึกวิหารเทพเจ้า ซึ่งมีผู้ชายหน้าตาน่ารักแต่แบกปัญหาเต็มหัวใจอยู่เป็นโขยงค่ะ แล้วพวกเราก็รู้กันดีว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่มีปัญหาจากอดีตหรือความสัมพันธ์อันน่าเศร้าเป็นลักษณะตัวละครพิมพ์นิยมที่มีล้นเหลือในปัจจุบันนี้ (จนบางคนบอกว่าเกินทนด้วยซ้ำ) แต่ให้ตายสิ เขียนถึงพวกนี้แล้วสนุกนะคะ! แต่จะยังไงก็ตาม แม้ฉันจะทำให้เอลาซัลดูอมทุกข์มากโดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์กับสาวคนอื่นๆ ฉันก็หวังว่าเขาจะตอบสนองต่อความทุกข์นั้นในทางที่...อืม...ดูสมเหตุสมผลหน่อย หวังว่าคงจะเข้าเค้านะคะ ถ้าผู้อ่านคิดว่าปฏิกริยาตอบรับของเขาอย่างน้อยก็เข้าเค้าล่ะก็ ฉันก็คงพูดชัดเจนแล้วล่ะค่ะ

    ที่สำคัญอีกอย่างสำหรับฉันคือการเน้นว่าเอลาซัลเป็นตัวละครที่มีความฉลาดอยู่ค่ะ อาจจะไม่ได้หลักแหลม หรือมีสติปัญญาความรู้สูง แต่ก็ฉลาดตราบใดที่เขาไม่เอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขากลับชอบใช้อารมณ์มากกว่าอยู่บ่อยๆ น่ะสิคะ เพราะเขาเป็นคนที่เจ้าอารมณ์มากๆ

    ความสัมพันธ์ที่มีปัญหาของเอลาซัลกับตัวละครหญิงในเรื่องทำให้ลักษณะพิมพ์นิยมข้างต้นยิ่งเด่นชัดเข้าไปอีก แต่ฉันคงเคยพูดถึงมาพอแล้วในโน้ตคราวก่อน กับคราวนี้ (ดูต่อไปข้างล่างค่ะ) แต่ฉันคงต้องเสริมเรื่องตัวแปรอีกอย่างที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ ซึ่งก็คือวัยเด็กที่มีปัญหากับครอบครัว หลักๆ คือพ่อค่ะ พวกคนที่มีปัญหาทางจิตมักจะเคยถูกพ่อแม่ทำร้าย ไม่เข้าใจลูก หรือเป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตในอดีตหรือปัจจุบันของลูกต้องลำบาก อืม...จะยังไง ฉันคิดง่ายๆ ว่าการเสริมเรื่องครอบครัวจะช่วยเสริมจุดแตกหักในนิสัยของเอลาซัลที่มีอารมณ์ร้อนชอบใช้ความรุนแรง แม้ต้องการปกป้องคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพศหญิง ปัญหาเรื่องพ่อแม่ของเอลาซัลมีประโยชน์กับการเขียนเรื่องนี้มากค่ะ แล้วก็เชื่อมโยงไปถึงตอนสุดท้ายที่เขาเลือกจะสละชีวิตของตน แทนที่จะต่อสู้ด้วยความรุนแรงหรือเอาชีวิตผู้อื่น

    เอสมี่ผู้สยบผีดูดเลือด

    ฉันเคยเขียนมาก่อนแล้วว่าบุคลิกของเอสเมอรัลด้าเปลี่ยนไป ขอพูดถึงในตอนนี้อย่างย่อๆ นะคะ ในทีแรกเธอดูจะตรงข้ามกับภาพในเกมที่ฉันเห็นว่าเธอเป็นตัวละครที่ดูใสซื่อและร่าเริงอยู่ แต่ถ้าเขียนแบบนี้ในเนื้อเรื่องจะดูแปลกๆ ฉันเลยรีบแก้ตอนที่ 3 ให้เธอกลายเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมามากกว่าในเกม แต่บางจุดฉันก็รู้สึกว่าฉันทำให้เธอกลายเป็นคนที่เข้มงวดเหมือนกัน ในฉบับแก้ฉันเลยเปลี่ยนคำพูดและปฏิกริยาตอบรับของเธอให้อ่อนลงอีกนิดค่ะ ฉันคิดว่าโดยรวมแล้ว ตอนนี้เธอคงมีสมดุลระหว่างความอ่อนหวานกับความเข้มงวดแล้ว

    แต่ฉันก็ไม่คิดว่าตัวละครเอสเมอรัลด้าในเรื่องจะดูมีประสิทธิภาพอย่างนี้นะคะถ้าไม่มีความตรงข้ามกับสโนว์เพื่อจะได้ถ่วงดุลกัน เพราะว่าบุคลิกของสโนว์อำนวยให้มีพัฒนาการและเกิดความเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า ตรงกันข้ามกับบุคลิกของเอสมี่ที่พูดตรงๆ แล้วออกจะนิ่งสนิทไปหน่อย

    อย่างหนึ่งที่เอสเมอรัลด้าค่อยๆ เปลี่ยนไป ก็คือเธอค่อยๆ รู้ตัวว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับสโนว์แล้ว แต่ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะสำคัญกับความรักของทั้งสอง ก็ยังดูด้อยกว่าความจริงง่ายๆ ที่ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคลิกที่แตกต่างกันของทั้งสองคนทำให้ตัวละครทั้งสองดูโดดเด่นขึ้นมาค่ะ

    ฉากพบคริสตัลเลในตอนที่ 4 ของภาค 3 เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ เมื่อสโนว์ถามเอสเมอรัลด้า เธอก็ตอบเขาว่าเธอคิดว่าสโนว์จะต้อง "เลือกได้ดีแน่" เมื่อทับทิมดำพ้นคำสาป แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างพื้นฐานของทั้งคู่คะ เอสเมอรัลด้าเป็นคนที่จริงจังแล้วก็ใจเย็น จึงไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์อ่อนไหวและเจ้าโมโหของสโนว์ (แม้เธอจะรู้ว่าจะรับมือกับอารมณ์ของเขาในตอนนั้นได้ยังไง) จริงๆ แล้วสโนว์[b]ไม่[/b]ได้เลือกได้ดีเลยนะคะ เขาทำตามอารมณ์เป็นหลักเมื่อถึงจุดวิกฤต (คือต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องเอสเมอรัลด้า) มีเพียงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเท่านั้นค่ะที่ทำให้เขาควบคุมทับทิมดำได้

    ส่วนสโนว์เป็นคัวละครที่เขียนสนุกค่ะ และฉันก็คิดว่าผู้อ่านคงจะเห็น เป็นผลจากอะไรหลายๆ อย่างค่ะ อย่างหนึ่งคือฉันได้บุคลิกคร่าวๆ ของเขามาจากตัวละครที่ชอบ คือออเบรย์...แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ฉันคิดว่าตัวละครที่มีทัศนคติในแง่ลบค่อนข้างจะสนุกเพราะมีโอกาสให้พัฒนาได้มาก ในกรณีของสโนว์มีทั้งด้านอุปนิสัยและเรื่องราวของเขา ("ความชั่วร้าย" ที่อาจมีแฝงอยู่ในทับทิมดำช่วยด้วยเหมือนกัน) แล้วอีกอย่างหนึ่ง เขาเป็นตัวละครที่ใช้เล่นสนุกกับฉากตลกได้ง่ายโดยไม่ทำลายบุคลิกเบื้องต้นของเขาหรือทำให้ดูไม่สมเหตุสมผลไป แล้วก็อย่างที่ว่าเขาเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการสูง ทำให้เขียนได้ง่ายกว่าเอสเมอรัลด้ามาก ลองสังเกตดูสิคะว่าฉากของสโนว์กับเอสมี่หลายฉากถูกบรรยายจากมุมมองของสโนว์มากกว่าเอสเมอรัลด้าทั้งนั้น

    เงือกน้อยแซฟไฟร์

    อย่างที่เคยบอกมาก่อนค่ะว่าแซฟไฟร์ทีแรกเป็นตัวละครที่แล้งน้ำใจและดื้อรั้นค่ะ แต่ก็เหมือนกับบุคลิกของเอสมี่ในทีแรกที่ดูขัดๆ ฉันเลยเปลี่ยนให้เธอเป็นตัวละครที่ขี้อายไม่กล้าสู้คนแทน (จริงๆ แล้วน่าสงสัยว่าเธอกับเอสเมอรัลด้าสับเปลี่ยนบุคลิกกันค่ะ เอสมี่เคยเป็นคนที่น่ารักอ่อนหวาน ส่วนแซฟไฟร์เป็นคนที่จริงจังและเย็นชา)
     
    ความจริงที่ว่าจูมิแห่งไพลิน (ที่ฉันมารู้เอาทีหลังว่าจริงๆ แล้วเป็นผู้ชาย) ตายในเกมเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของแซฟไฟร์ค่ะ ฉันยอมรับว่าอาจจะไม่ยุติธรรมสักหน่อย ในเมื่อสโนว์ก็ต้องตายในเกมด้วยเหมือนกัน แต่ในขณะที่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะ "ไม่ยุติธรรม" กับเรื่องของสโนว์และเอสเมอรัลด้ามาก ในกรณีของแซฟไฟร์ การตายของเธอกลับเหมาะสมแล้ว เพราะฉันพัฒนาบุคลิกของเธอไปในทางที่เป็น "โศกนาฎกรรม" ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ

    เรื่องที่จูมิแห่งไพลินอยู่ที่ทะเลทำให้ฉันได้แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นมา สีผมกับสีตาของแซฟไฟร์จริงๆ แล้วมาจากสีของทะเล แต่เพราะเรื่องโศกนาฏกรรมของเธอทำให้ฉันเริ่มคิดถึงตัวละครที่น่าเศร้าอีกตัวหนึ่งขึ้นมา คือ "เงือกน้อย" ของแอนเดอร์เซ็นค่ะ ดังนั้นเธอจึงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนนางเงือก รักทะเล และเป็นคนที่ต้องทรมานอย่างเงียบๆ ในฐานะเหยื่อของความอยุติธรรม ความฝันเกี่ยวกับวิญญาณแห่งทะเลของเธอบอกใบ้เป็นนัยๆ ถึงการเปลี่ยนแปลงหลังความตาย เพราะเงือกน้อยเองก็กลายเป็นวิญญาณในฟองคลื่นไปในตอนจบเหมือนกัน

    แต่ถึงแม้เรื่องของแซฟไฟร์จะได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายของแอนเดอร์เซ็น ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเหมือนเรื่องของซินเดอเรลล่าด้วย แซฟไฟร์ถูกครอบครัวของลุงที่ไม่ดีนักนำไปเลี้ยง ลุงของเธอเปรียบได้กับพ่อที่ไม่ใส่ใจ ป้าก็คือแม่เลี้ยงใจร้าย ส่วนลูกพี่ลูกน้องนิสัยเสียสองคนคือพี่เลี้ยง จริงๆ แล้วเธอมีความสำคัญทางสังคมมากกว่าพวกเขา เพราะเธอมีสิทธิ์จะเป็นองค์คลาริอุสในอนาคต แต่พวกเขาก็ปฏิบัติต่อเธอด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ เพราะอิจฉาเธอ

    ส่วนเรื่องของแซฟไฟร์กับเอลาซัลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงือกน้อย ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าเงือกน้อยยอมทนทรมานเพื่อความรักที่มีต่อเจ้าชายที่ไม่ไยดีเธอเลย แต่ฉันไม่สามารถ...แล้วก็ไม่อาจจะเปลี่ยนเรื่องของแซฟไฟร์ไปในทิศทางนั้นได้ เพราะเอลาซัลนั้นมีแบล็คเพิร์ลกับอเล็กซานดร้าค่อยแย่งอยู่แล้ว (นี่ยังไม่นับสาวอื่นๆ ที่เข้ามาเกี้ยวอย่างเรวานเช่กับแอมเบอร์นะคะ) ถ้ามีสาวเพิ่มมาอีกคนจะเสียประเด็นทันที ซ้ำยังบิดเบือนจากเนื้อเรื่องในเกมไปอย่างไม่จำเป็น ฉันเลยเน้นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเหมือนพี่น้องกันค่ะ ซึ่งผู้อ่านดูจะชอบ และเข้ากับตัวละครทั้งสองเป็นอย่างดีด้วย แต่ฉันก็ยังรู้สึกอยู่ตะหงิดๆ ว่าในเนื้อเรื่องก็ยังกำจัดเรื่องความรักของเงือกน้อยที่สะท้อนอยู่ในตัวแซฟไฟร์ไม่หมดอยู่ดี ในเทพนิยาย เงือกน้อยก็ดูเหมือนจะมีฐานะเป็นน้องสาวของเจ้าชาย แต่ทว่าบางครั้งเจ้าชายก็ทำเหมือนกับเงือกน้อยเป็นของเล่นที่รองรับอารมณ์ใคร่ อย่างเช่นจูบเธอ หรือเล่นกับผมของเธอเหมือนกัน แล้วเอลาซัลก็ไม่ได้รักแซฟไฟร์ฉันท์ชู้สาวเหมือนกับเจ้าชายเช่นกัน ดังนั้นแม้แซฟไฟร์จะพยายามปฏิเสธและปฏิบัติต่อเอลาซัลเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง เสียงสะท้อนจากเงือกน้อยและความรู้สึกรักที่แซฟไฟร์ในฐานะเงือกน้อยมีต่อเอลาซัลในฐานะเจ้าชายก็อาจเกิดขึ้นได้ ฉันคิดว่าผู้อ่านบางคนคงชอบให้สองคนนี้เป็นเหมือนพี่น้องกันมากกว่า แต่คนอื่นๆ ก็คงสังเกตเห็นประเด็นนี้เหมือนกัน

    ฟลอริน่ากับซาริสทิน

    ฟลอริน่าเป็นตัวละครที่เขียนง่ายค่ะ ฉันให้เธอเปิดตัวในฐานะตัวละครที่อ่อนโยนเหมือนในเกมต้นฉบับ แล้วฉันก็ให้เธอเป็นลูกสาวของนักปราชญ์ เพราะจะได้ช่วยเรื่องการวิจัยตำนานเทวทูต และให้เธอมีอารมณ์ขันเหมือนอเล็กซ์ ทำให้ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี กลับมาเรื่องความอ่อนโยนของเธอนะคะ ฉันให้เธอเป็นตัวละครที่มีใจเมตตาและให้อภัยได้ทุกคน (แบบที่ฉันเห็นเธอในเกมแหละค่ะ) แต่ฉันก็ยังเสริมความจริงที่ว่าเธอรู้สึกเหมือนตัวเองไร้อำนาจจน "ขี้ขลาด" ด้วยซ้ำ สุดท้ายฉันเพิ่มให้เธอพยายามล้อเล่นกับเอลาซัล แล้วก็...ด้วยเหตุบางประการนิสัยทุกอย่างกลับเข้ากันอย่างลงตัวค่ะ โดยรวมแล้วฟลอริน่าเขียนง่ายมาก และฉันก็ชอบการพัฒนาเรื่องของเธอจนถึงตอนที่เธอเอาชนะความไร้อำนาจและความ "ขี้ขลาด" ของตนเองเพื่อช่วยเอลาซัลต่อต้านซานดร้าได้ในที่สุด แล้วก็การเผชิญหน้ากับแบล็คเพิร์ลและไดอาน่าด้วย

    ส่วนซาริสทินนั้นไม่มีอะไรจะพูดมากนอกจากที่พูดไปในตอนที่ 2 ของภาค 5 แล้ว เพราะใส่เสียงลือเสียงเล่าอ้างไปว่าเขาเก่งมาก ฉันเลยต้องระวังไม่ให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องมากไปนัก อย่างที่ฉันเคยบอกแหละค่ะว่าหลักๆ แล้วเขาเป็นตัวละครที่มีไว้เพื่อไถ่โทษให้ฟลอริน่าที่ไม่สามารถคู่กับอเล็กซ์ได้ และเพื่อความเสียสละในอดีตของเธอ ที่น่าขำคือผลึกชีวิตที่เป็น "ศิลานภา" (อุกกาบาตมั้งนะ?) กับความสมบูรณ์แบบของเขา (เขาเป็นตัวละครเดียวในเรื่องที่ดูเกือบสมบูรณ์แบบนะคะ ทั้งหล่อเหลา ทรงพลัง อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง เฉลียวฉลาด ละละละ) ยิ่งผลักดันให้บทของเขาดูเหมือนเทพบุตรที่ลงมาช่วยจากสวรรค์เข้าไปใหญ่ แล้วเขาก็มีบทบาทเหมือนเป็น "รางวัล" ให้กับฟลอริน่าด้วย
     
    รูเบ็นส์กับไดอาน่า

    ไดอาน่าเป็นตัวละครที่พัฒนาง่ายมากค่ะ นำเอาภาพลักษณ์ที่น่ารักใสบริสุทธิ์ของเธอมารวมกับความจริงในทางตรงกันข้ามที่ว่าเธอเป็นผู้นำของเผ่าจูมิที่มีนโยบายแข็งกร้าวก็สร้างเป็นตัวละครที่มีความชัดเจนขึ้นมาได้ในทันที

    รูเบ็นส์ยิ่งง่ายกว่านั้นอีกค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าฉันชอบเขาในทันทีเลย ถึงจะไม่มีหลักฐานหรือฉากยืนยัน แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะมีนิสัยที่ฉันเขียนลงไปในเรื่องนะคะ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนั้นด้วย มีบางคนที่นึกภาพรูเบ็นส์คล้ายๆ กับฉัน คือเป็นผู้ชายใจดีและใจเย็นที่ทนกับความแข็งกร้าวของไดอาน่าได้เพราะรักเธอ เหมือนกับความสัมพันธ์ของสโนว์กับเอสมี่ในช่วงหลังๆ แหละค่ะที่เป็นกรณีตัวอย่างของความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความแตกต่างได้อย่างดี จิตใจที่อบอุ่นกับจิตใจที่เย็นชา ความอ่อนโยนกับความแข็งกร้าว พระคุณกับพระเดช แล้วความตรงกันข้ามนี้ยังท้าทายให้ฉันอธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ของฉันสองคน และอะไรที่ดึงดูดทั้งสองเข้าหากันด้วย

    ตอนต้นเรื่อง ฉันเคยบอกผู้อ่านคนหนึ่งค่ะว่าตัวละครสองตัวจะตายแบบไม่ฟื้นในเรื่องนี้ มีคนทายว่ารูเบ็นส์กับไดอาน่า แน่นอนค่ะว่าฉันตั้งใจจะฆ่ารูเบ็นส์อยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะต้องการจะให้เรื่องของเขาเป็นโศกนาฏกรรมอย่างเดียวนะคะ แต่เพื่อเป็นบทลงโทษไดอาน่าด้วย เพราะฉันมีความเห็นว่าการให้ไดอาน่ามีชีวิตอยู่ขณะที่รูเบ็นส์ตายไปแล้วเป็นทุกข์มากกว่าให้เธอตายหนีปัญหาไปเสียอีก จริงๆ เธอก็พยายามจะตายให้ได้ แต่ฟลอริน่าก็บอกกับเธอว่านั่นไม่ใช่ทางเลือกที่จะชดใช้ความผิดในอดีตของเธอได้เลย

    แอมเบอร์

    สาบานจริงๆ นะคะว่าฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ตอนเขียนตอนที่ 4 ฉันคิดว่าฉันได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง “Dangerous Liaisons” ซึ่งมีฉากอยู่ในสังคมขุนนางของฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่สิบแปดค่ะ จะยังไงก็ตาม ผู้อ่านดูจะชอบตอนนั้น (ถึงแม้จะมีบางคนเกลียดแอมเบอร์ไปด้วยในขณะเดียวกันก็เถอะ) เนื้อเรื่องช่วงนี้ช่วยผลักดันให้เกิดสถานการณ์ของแซฟไฟร์ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเนื้อเรื่องของแอมเบอร์ก็ตามที โดยรวมแล้วเป็นเนื้อเรื่องย่อยๆ ที่ลื่นไหลได้ดีจนน่าแปลกใจค่ะ ช่วยแสดงให้เห็นบุคลิกของแอมเบอร์กับเอลาซัลได้ดีทีเดียว

    อเล็กซานไดรท์ผู้บ้าคลั่ง

    ฉันเคยพูดถึงบุคลิกของซานดร้าไปอย่างละเอียดแล้วในโน้ตช่วงภาค 1 กับ 2 แต่ตอนนี้ขอพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับพล็อตเรื่องบ้างค่ะ

    หนึ่งคือเรื่องภูมิหลังของซานดร้า กับตัวละครออริจินัล "ฟ็อกซ์" ทีแรกฉันตั้งใจให้เธอเป็นคนนอกอยู่แล้วค่ะ เพื่อเน้นให้เธอมีความแปลกแยกจากนครอัญมณีจนกลายเป็นมีการกระทำเป็นกบฎ (ซึ่งทำให้เอลาซัลพลอยโดนหางเลขไปด้วย) อย่างที่สองคือฉันคิดว่าโครงเรื่องแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาในเกมว่าทำไมชาวจูมิถึงจำซานดร้าไม่ได้เลย อย่างที่สาม ฉันให้เธอมีประวัติกับพวกนักบวชเพื่อเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องของรูเบ็นส์ตอนที่เธอปลอมตัวเป็นนักบวชหญิง  ส่วนอย่างสุดท้ายคือตัวละครชื่อฟ็อกซ์เป็นตัวเชื่อมโยงเธอกับสถานะโจรขโมยเพชรในเกมค่ะ ฉันสร้างเขาขึ้นมาเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับพวกโจรด้วย

    สองคือเรื่องของซานดร้าตัวจริงในเกมที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง กับตัวละครออริจินัล "สเน็ค" เพื่อที่จะให้เอลาซัลกับซานดร้ามีความรักกันได้ในซานดร้าเวอร์ชั่น ฉันต้องปัดโทษของการฆ่าคนไปจากเธอโดยไม่ทำให้เธอไม่มีความผิดเลยค่ะ ดังนั้น สเน็คจึงเป็นตัวดำเนินเรื่องเพื่อสร้างปัญหาเกี่ยวกับซานดร้าโดยที่ซานดร้าไม่ต้องลงมือฆ่าใครจริงๆ แต่ฉันก็ยังสงสัยว่าฉันเลือกได้ดีแล้วหรือเปล่า เพราะอย่างแรกคืออเล็กซานดร้าดูเหมือนแทบไม่ได้ทำอะไรเลยหลังออกมาจากนครอัญมณี ขณะที่ตัวละครที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นตัวก่อปัญหาทั้งหมด หรือไม่อย่างนั้นก็เกิดเป็นความบังเอิญ (อย่างเช่นรูเบ็นส์ถูกเพิร์ลทำร้ายบาดเจ็บ) ผลคือแม้ว่าซานดร้าจะไม่ใช่นักล่าพลอยแบบในเกมอีกต่อไป เธอก็ยังทำตัวเป็นคนเลวเสียจนทำให้เอลาซัลยากจะทำใจให้อภัยเธอได้ในซานดร้าเวอร์ชั่น แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่เปลี่ยนไปในช่วงตอนแรกของภาค 5 จะชัดเจนพอไหมสำหรับซานดร้าเวอร์ชั่น ตอนนั้นเขียนยากมากและออกจะยาวเกินไปหน่อยเพราะเรื่องนี้แหละค่ะ อย่างที่สองคือฉันยังรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เพิ่ม "สเน็ค" เข้ามา แม้ฟ็อกซ์กับสเน็คจะมีประโยชน์กับเนื้อเรื่อง แต่ทั้งสองตัวก็เรียกร้องความสำคัญและมีบทบาทมากไปในฐานะตัวละครออริจินัล...อ่ะนะ

    ฉันคงต้องเสริมเรื่องด้านหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอเล็กซานดร้าแล้วก็เทวทูต ถึงแม้เธอจะเป็นตัวละครที่ไร้ศีลธรรมที่สุดในเรื่อง (ผลโดยตรงจากการที่เธอเป็นผู้ร้ายตัวจริงในเกมค่ะ) และพูดบ่อยๆ ว่าเธอเกลียดการถูกปลูกฝังศีลธรรมจรรยาอย่างเข้มงวดตอนที่โตมาในวิหาร เธอกลับเป็นคนที่หมกมุ่นกับความคิดที่ว่าเทวทูตจะช่วยเหลือชาวจูมิได้ จุดนี้เองที่ทำให้เธอดูเหมือนแบล็คเพิร์ลในอดีตที่ศรัทธาในศาสนาและเทพีมาน่าเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าเธอจะประกาศว่าพระเจ้าที่ไหนก็ประณามเธอไม่ได้ เธอกลับเชื่อมั่นในความคิดที่ว่าเทวทูตที่เป็นตัวแทนขององค์เทพีจะไถ่บาปให้กับชาวจูมิได้ จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ของเธอกลับพวกนักบวชหญิงนี่ก็แปลกดีนะคะ ถึงเธอจะเกลียดที่ตัวเองถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น เธอกลับสนใจเอลาซัลที่มีความเชื่อเรื่องศีลธรรมอย่างแรงกล้า แล้วเธอก็บอกว่าเขามีนิสัยคล้ายกับพวกนักบวชด้วย

    และความเห็นอย่างสุดท้ายคือ เป็นไปได้ไหมว่าอเล็กซ์ฝังใจกับการเยียวยามากเพราะผลึกชีวิตของเธอเองสร้างน้ำตาเยียวยาไม่ได้? แล้วเป็นไปได้ไหมว่าน้ำตาของเธอก็ได้ผลบ้างเหมือนกันถึงจะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ? เป็นไปได้ไหมว่าเธอผสมน้ำตาของตัวเองลงในยา เพราะอย่างนี้ยาของเธอถึงได้มีประสิทธิภาพนัก? ฉันเพิ่งคิดถึงความเป็นไปได้พวกนี้ขึ้นมาหลังจากฉันเปลี่ยนเรื่องของอเล็กซ์ (จากลูกครึ่งมนุษย์เป็นชาวจูมิเต็มตัว) ในฉบับแก้ค่ะ

    ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร

    เอลาซัลกับแบล็คเพิร์ล (และเพิร์ล)

    ฉันเคยพูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอเล็กซ์กับเอลาซัลไปในโน้ตก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นฉันคิดว่าเพื่อให้เกิดความยุติธรรมก็ควรจะพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับแบล็คเพิร์ลด้วยในตอนนี้ และเสริมเล็กน้อยว่าฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพิร์ลเป็นยังไงค่ะ

    เอลาซัลในเกมดูเหมือนจะตกหลุมรักแบล็คเพิร์ล และเห็นเพิร์ลเป็นเหมือนน้องสาวค่ะ แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าทั้งสองคนเป็นคนที่แตกต่างกัน เพราะเขาสามารถเข้าถึงเพิร์ลได้ แต่กับแบล็คเพิร์ลนั้นไกลเกินเอื้อม ดังนั้นแบล็คเพิร์ลจึงต้องบอกกับเขาให้ชัดเจนว่าทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกัน แต่เป็นเพียงบุคลิกสองด้านที่แตกต่างกันทำนองนั้นค่ะ

    แล้วเรื่องของเอลาซัลกับแบล็คเพิร์ลใน LoJ ล่ะ? อืม...เป็นเรื่องเกี่ยวกับแบล็คเพิร์ลมากกว่าเอลาซัลหรือเพิร์ลค่ะ จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องของผู้หญิงที่เย็นชาที่เรียนรู้ที่จะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับคนอื่น ซึ่งก็เป็นโครงเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว แบล็คเพิร์ลเองก็มีเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอลาซัลอยู่แล้วในอดีต แต่สายใยสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเอลาซัลดูจะตรงไปตรงมาค่ะ และในซานดร้าเวอร์ชั่น สายใยนั้นก็มีไว้เพื่อที่จะเป็นตัวสะท้อนและเปิดปมเรื่องความสัมพันธ์ของอเล็กซานดร้ากับเอลาซัลที่ซับซ้อนกว่า สรุปง่ายๆ ก็คือ ในภาค 1 และ 2 นั้น "เอลาซัลตกหลุมรักแบล็คเพิร์ล แต่แบล็คเพิร์ลไม่ยอมเล่นด้วย" ส่วนในภาค 3 และ 4  นั้น "แบล็คเพิร์ลต้องจัดการกับความจริงที่ว่าเพิร์ลตกหลุมรักเอลาซัล" ค่ะ

    ตอนนี้ฉันต้องขอยอมรับด้วยความละอายใจว่า...

    ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเอลาซัลรู้สึกอย่างไรกับเพิร์ล

    เนื้อเรื่องส่วนนี้เขียนยากมากค่ะ ฉันต้องบอกให้ชัดเจนก่อนว่าเพิร์ลใน LoJ ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่คนทั่วไปคิดในเกมนะคะ เพิร์ลในเรื่องของฉันจริงๆ แล้วก็คือแบล็คเพิร์ลที่มีสภาวะสับสนทางจิตเท่านั้นเอง ซึ่งก็น่ากลัวพิลึก แต่ถ้าพูดให้อ่อนกว่านี้ก็คงเป็นอย่างที่แบล็คเพิร์ลบอกเองนั่นแหละค่ะ ว่าเพิร์ลคือเด็กสาวที่ไม่สมหวังในรักในตัวของเธอ แบล็คเพิร์ลเก็บงำอารมณ์ทั้งหมดไว้ภายใน และมันก็หลั่งไหลออกมากลายเป็นความรักแบบเด็กๆ ของเพิร์ลที่ต้องการจะยึดติดเอลาซัลนั่นเอง ฉันตั้งใจเขียนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับอดีตของเพิร์ลในตอนหอคอยแห่งกระจกเงาขึ้นมา ซึ่งเพิร์ลปฏิเสธคนรักคนแรกของเธอที่ดูคล้ายกับเอลาซัล เพื่อแสดงให้เห็นว่าในเมื่อเอลาซัลทำให้เธอคิดถึงคนรักเก่า เธอจึงได้ยึดติดและหวงแหนเขามากค่ะ ดังนั้นเธอจะยินยอมรักษาเขา และฆ่าคนเพื่อเขาเท่านั้น จนทำให้เทวทูตชักใยเธอได้ด้วยการสัญญาว่าเมื่อตายแล้ววิญญาณของเธอจะได้อยู่กับเอลาซัลตลอดไป ในฉากนั้นเราจะเห็นได้ว่าเสียงของแบล็คเพิร์ลต่างหากที่ฟังดูมีเหตุผลและมีสติกว่า ฉันเลยคิดว่าบุคลิกด้านนั้นแหละค่ะที่ทำให้เธอพ้นจากอำนาจสะกดของเทวทูตได้ (ดูเหมือนว่าแบล็คเพิร์ลจะมีปัญหาบุคลิกภาพซับซ้อนเหมือนกับอเล็กซานดร้าแหละค่ะ จริงๆ แล้วแบล็คเพิร์ลนั่นแหละที่มีปัญหาหนักกว่า ส่วนอเล็กซานดร้าแค่ล้อเล่นกับความคิดเรื่องบุคลิกภาพซับซ้อนของตัวเองเท่านั้น)

    แต่ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่งเรื่องความรู้สึกที่เอลาซัลมีต่อเพิร์ลค่ะ ฉันพยายามจะแสดงให้เห็นว่าเขาชอบด้านที่อ่อนโยนของแบล็คเพิร์ลในเพิร์ลเวอร์ชั่น แต่ฉันก็ยอมรับนะคะว่าความพยายามของฉันยังไม่ถึงที่สุด และอย่างน้อยมันก็ยังไม่สมเหตุสมผลสำหรับฉัน เพราะว่าฉันไม่คิดว่านั่นจะเข้ากับเอลาซัลในเรื่องของฉัน (และบอกตามตรงแล้ว ในเกมฉันก็ยังไม่เคยรู้สึกว่าเพิร์ลสำคัญต่อเอลาซัลมากกว่าแบล็คเพิร์ลเลยค่ะ) จริงๆ แล้ว ตอนท้ายของเพิร์ลเวอร์ชั่น ฉันเลยย้อนกลับมายังความจริงที่ว่าเขาถูกดึงดูดเข้าหาแบล็คเพิร์ลในทีแรกเพราะบุคลิกแบบ "แบล็คเพิร์ล" ของเธอที่ทรงอำนาจแต่ไร้ความปรานี สำหรับฉันแล้ว เรื่องนี้มีแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเอลาซัลกับแบล็คเพิร์ลค่ะ ส่วนเพิร์ลเป็นเพียงอีกด้านของบุคลิกของเธอเท่านั้น ในตอนท้ายที่เธอกับเอลาซัลได้ครองคู่กัน เธอก็ยังคงเป็นแบล็คเพิร์ลฉบับ "ดัดแปลง" ค่ะ แม้จะถูกเรียกว่าท่านหญิงเพิร์ลก็ตาม

    เปรียบเทียบสโนว์กับเอลาซัล

    แล้วทำไมฉันถึงได้ใจร้ายชอบทรมานเอลาซัล แต่ใจดีกับสโนว์นักน่ะเหรอคะ? ฉันชอบทั้งสองคนพอๆ กันนะคะ ซึ่งก็คือชอบมากด้วย แต่ถ้าอเล็กซานดร้ามีความเหมือนอยู่ในตัวฟลอริน่า แอมเบอร์ กับแบล็คเพิร์ล สโนว์ก็เป็นเหมือนคู่ขนานของเอลาซัลเหมือนกัน เอลาซัลอาจจะหล่อเหลากว่าปกติขณะที่สโนว์นั้นไม่ใช่จะหน้าตาดีเท่าใดนัก แต่บุคลิกของทั้งสองคนเหมือนกันมากค่ะ ทั้งสองเป็นพวกปฏิเสธสังคม อารมณ์ร้อน หัวรุนแรงเหมือนกัน แล้วก็มักจะมีเรื่องให้ต้องอับอายเกี่ยวกับความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อผู้หญิงบางคนบ่อยๆ หนำซ้ำยังยอมให้ผู้หญิงมีอิทธิพลควบคุมชีวิตในระดับหนึ่งด้วย (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความจริงที่ว่าเรื่องนี้คนแต่งเป็นผู้หญิงค่ะ แต่ก็นะ...ในเกมนี้ก็มีตัวละครผู้หญิงเด่นๆ อยู่หลายตัว และเรื่องนี้ก็เป็นเพียงภาพสะท้อนอย่างยาวของเรื่องหนึ่งในนั้นเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ที่ฉันแต่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแนวนี้เสมอไปค่ะ)

    ทีนี้เราจะมาดูความเหมือนกับความต่างกันนะคะ เริ่มเรื่องมาสโนว์ก็ไม่สามารถควบคุมอะไรในชีวิตของตนได้เลย เขาถูกควบคุมโดยอาการเจ็บป่วย (ซึ่งก็เกิดจากคริสตัลเลที่เป็นผู้หญิง) พ่อแม่ และอดีตของตนเองที่ได้ฟังมาอย่างผิดๆ การได้พบกับเอสเมอรัลด้าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มควบคุมชีวิตของตนได้ ทีแรกเขาก็ได้เปิดสังคมของตนให้กว้างมากขึ้น ก่อนจะตามเอสเมอรัลด้าไปจากเมือง ค้นหาเรื่องอดีตที่แท้จริงของตน และปลดปล่อยตนเองจากอำนาจของคริสตัลเลได้ ที่มหาวิทยาลัยในตอน "ฤดูใบไม้ผลิสีมรกต" เขาก็เริ่มควบคุมความสัมพันธ์ของตนกับเอสเมอรัลด้าได้ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลืออย่างไม่รู้ตัว (หรือไม่ก็รู้ตัวครึ่งๆ) ชองอเล็กซานดร้าซึ่งรับบทเป็นนางพรายจอมซนที่ทำประโยชน์ให้กับเขา (ตรงกันข้ามกับคริสตัลเลที่เป็นนางพรายใจดีแต่กลับสาปเขา) และในตอนทับทิมดำ เขาก็สามารถควบคุมชะตากรรมและผลึกชีวิตของตนเองได้สำเร็จโดยมีเอสเมอรัลด้าช่วย แต่ไม่เหมือนกับเอลาซัลกับนางเอกของเรื่องตรงที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมีพื้นฐานอยู่บนความสมดุลกัน

    เรื่องของเอลาซัลก็คล้ายๆ กันค่ะ เพราะความเก็บตัวของเอลาซัลทำให้เขากลายเป็นคนที่อยากควบคุมชีวิตของตนเองได้โดยผ่านการควบคุมชีวิตของคนอื่น แต่เป้าหมายของเขานั้นยากกว่ามากเลยทีเดียว คงเป็นเพราะเขาพยายามที่จะควบคุมคนอื่นๆ ด้วยวิธีที่รุนแรงกว่า และรู้ตัวกว่าสโนว์ โดยเฉพาะที่เราเห็นในซานดร้าเวอร์ชั่นค่ะ แต่ก็เป็นจริงในทั้งสองเวอร์ชั่นนะคะ ความแตกต่างระหว่างสโนว์กับเอลาซัลจะเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อดูว่าพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงแบบไหน สโนว์รู้สึกชอบเอสเมอรัลด้าซึ่งเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจดี คอยช่วยคนที่อ้างว้างอย่างแซฟไฟร์กับเขา ตรงกันข้ามกับเอลาซัลที่ถูกดึงดูดเข้าหาผู้หญิงที่ทรงอำนาจแต่เข้าใจยาก มีทั้งความดีและร้ายอยู่ในตัวจนถึงขั้นยอมทำลายบางสิ่งได้อย่างแบล็คเพิร์ลกับซานดร้า ความสนใจที่เขามีต่อแบล็คเพิร์ลคือความรู้สึกถูกดึงดูดอย่างไม่รู้ตัวจากคนที่ทรงอำนาจ กับความต้องการจะควบคุมอำนาจนั้น และในการที่เขาช่วยอเล็กซานดร้า เขาก็รู้ตัวดีค่ะว่าตนเองกำลังควบคุมเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในนครอัญมณีโดยการหยามอำนาจของผู้มีอำนาจที่ควบคุมเมืองนี้อยู่

    แต่แทนที่จะค่อยๆ เข้าไปใกล้เป้าหมายและได้อำนาจควบคุมมากขึ้นแบบสโนว์ เรื่องของเอลาซัลกลับเผยให้เห็นว่าเขาไม่สามารถจะควบคุมกรอบของชีวิตเขาที่กำลังหักเหไปผิดทิศอย่างช้าๆ ได้เลย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดูผิวเผินเขาดูเหมือนจะควบคุมเพิร์ลได้ เพราะเธอยอมอ่อนตามเขาแต่โดยดี แต่แล้วเขาก็รู้ว่าเธอไม่ใช่จะควบคุมง่ายอย่างที่คิด (เริ่มตั้งแต่ที่เธอชอบเดินเลื่อนลอยไปเรื่อยแบบในเกม และยังคงนิสัยบางประการแบบแบล็คเพิร์ลอยู่) ส่วนในซานดร้าเวอร์ชั่นเรื่องจะยิ่งบานปลายกว่าค่ะ เอลาซัลต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าการที่เขาพยายามบังคับควบคุมการกระทำของซานดร้าผ่านความรักที่เธอมีต่อเขานั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

    เส้นทางของเอลาซัลอาจจะดูยากลำบาก แต่เมื่อคำนึงว่าเขาต้องรับมือกับผู้หญิงที่ชอบบงการควบคุมคนอื่นอย่างแบล็คเพิร์ลกับซานดร้า เราก็เห็นได้ว่าความผิดพลาดของเขาอยู่ที่เป้าหมายนี่เอง ผิดกับสโนว์ที่มีฐานะเท่าเทียมกับเอสเมอรัลด้า เอลาซัลพยายามจะมีอำนาจเหนือกว่าแบล็คเพิร์ลกับนครอัญมณี (โดยการช่วยซานดร้า) และในซานดร้าเวอร์ชั่นเขาก็พยายามจะมีอำนาจเหนือซานดร้า ทั้งในสองกรณีนี้เขาพบว่าตัวเขาเองไม่มีความสามารถพอเลย ถึงเขาจะสามารถทำร้ายจิตใจทั้งสองคนได้ในระดับหนึ่งในทั้งสองเวอร์ชั่น เขาก็ยังไม่มีอุดมคติที่ทั้งสองยึดมั่น สำหรับแบล็คเพิร์ลกับซานดร้าแล้ว อุดมคติของทั้งสองคนสร้างความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่ยังเป็นรองต่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่กว่า ทั้งสองเห็นความเจ็บปวดเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่จำเป็นสำหรับจุดประสงค์นั้น สำหรับแบล็คเพิร์ล จุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการช่วยเหลือนครของตน ส่วนสำหรับซานดร้าคือการช่วยองค์หญิงฟลอริน่า เพื่อลงโทษและช่วยเหลือชาวจูมิ (คนที่ชอบอเล็กซ์ที่รักฟลอริน่าในเกมภาคญี่ปุ่นคงจะบอกว่าไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรในเรื่องนี้ ฟลอริน่าก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธออยู่นั่นเอง) ทั้งซานดร้ากับแบล็คเพิร์ลจึงยอมรับความจริงที่ว่าการที่ตนต้องทำร้ายและถูกเอลาซัลทำร้ายจิตใจนั้นเป็นการเสียสละเพื่อเป้าหมายที่ "ยิ่งใหญ่กว่า"

    แต่สำหรับเอลาซัลแล้ว ความสัมพันธ์ที่เขามีต่อแบล็คเพิร์ลหรือซานดร้านั้นสำคัญที่สุด และเป็นการแสดงออกถึงความต้องการจะควบคุมคนอื่นด้วย เพราะเป้าหมายของเขาคือการควบคุมให้ผู้หญิงที่มีอำนาจพวกนี้รับรู้ว่าเขามีอำนาจเหนือกว่าเพราะพวกเธอรักเขา ผลกลายเป็นว่าเขาจึงได้พยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของทั้งสอง ให้สำคัญยิ่งกว่า "อุดมคติอันยิ่งใหญ่" ของพวกเธอ นี่ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนเย็นชานะคะ แต่การแสดงออกถึงความต้องการที่จะได้รับความรักตอบแทนจากคนที่เขารัก หรือรู้สึกผูกพันด้วยที่สุดนี่ล่ะคือปัญหาหลักของเอลาซัล เพราะเขามีด้านที่ยากจะเข้าใจ ถูกดึงดูดเข้าหาผู้หญิงที่เข้าใจยาก และการที่เขาดิ้นรนจะทำให้ความรักกลายเป็นสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับทั้งสองคนจึงได้ยากแสนเข็ญ จะบอกว่าความต้องการที่จะควบคุมแบล็คเพิร์ลและ/หรือซานดร้าของเอลาซัลนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวก็ได้ค่ะ แต่สำหรับเขาก็คงเป็นเรื่องของอารมณ์เท่านั้นเอง และเพราะว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเขา เมื่อเขารู้ว่าทั้งสองคนมีสิ่งอื่นที่ "ยิ่งใหญ่กว่า" ความรักที่มีต่อเขาอยู่ในใจ จึงยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจมากกว่าที่เขาทำร้ายจิตใจของทั้งสองคนเสียอีก
     
    สุดท้าย เอลาซัลจึงได้เข้าใจความสัมพันธ์ที่มีต่อแบล็คเพิร์ลว่าเธอต้องขจัดความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับเขาเพียงครึ่งๆ กลางๆ ไปเสียก่อนเพื่อจะไถ่บาปที่เธอเคยทำไว้ในอดีต เพื่อจะใจได้พบกับความสงบ และพร้อมที่จะสานความสัมพันธ์กับเขาในฐานะคนที่เท่าเทียมกันได้ ส่วนกับซานดร้า เอลาซัลก็ได้พบว่าเขาไม่สามารถควบคุมการกระทำของเธอได้เลย และการตัดสินใจของเธอต่างหากที่ทำให้เธอกลับมาหาเขา เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ปฏิเสธจะตอบรับคำขอของเธอแม้ว่าจะยังรักเธออยู่ และยืนกรานให้เธอเป็นฝ่ายรอเขาแทน แต่อเล็กซานดร้าก็ยังเป็นคนที่รักอิสระและช่างต่อต้านจนฉันตั้งใจทิ้งให้ตอนจบของซานดร้าเวอร์ชั่นคลุมเครือเล็กน้อย เปิดโอกาสให้คิดได้ว่าเพิร์ลเป็นคนที่ตามเขามายังทะเลทรายแทนที่จะเป็นซานดร้าค่ะ (อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หลังจากที่ได้คบกับเพิร์ลในนครอัญมณีมาถึง 2-3 ปี ฉันคิดว่าน่าจะยุติธรรมแล้วถ้าจะให้เธอได้จบคู่กับเอลาซัลเหมือนกัน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×