ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวบรวมข้อมูลแฟนฟิคชั่นโยเกิร์ตติ้งของเฟียร์เรน่า [Yogurting]

    ลำดับตอนที่ #14 : Yogurting 2 : Second Semester [Story 4/5] - ภาคต่อของโรงเรียนเอสทีว่า

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 54




    โยเกิร์ตติ้งภาคสอง : เปิดภาคเรียนแห่งการผจญภัย [Yogurting 2 : Second Semester]

    เนื้อเรื่องย่อส่วนที่ 4 [Story 4/5]





    เนื้อเรื่องภาคต่อในโรงเรียนเอสทีว่า

    **เนื้อหาในส่วนนี้จะเป็นของนักเรียนที่เป็นผู้เล่น ซึ่งในกรณีนี้ผู้เขียนจะขอเรียกตัวแทนนักเรียนกลุ่มนั้นว่า 'เรา' เพราะผู้เล่นอย่าง 'เรา' นั้นได้สวมบทบาทเป็นนักเรียนกลุ่มนั้น ซึ่งคราวนี้มาดูฝั่งโรงเรียนเอสทีว่ากันบ้าง**



              เนื้อเรื่องเริ่มต้นของโยเกิร์ตติ้งภาค 2 ที่โรงเรียนเอสทีว่านั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฟาร์มแกะของฮยอนรัน(อีกแล้ว) ในชื่อ Episode ว่า "ค่ำคืนของเหล่าหมาป่า"  โดยเนื้อเรื่องนี้มีอยู่ว่า ลูกแกะน้อยตัวโปรดของฮยอนรัน (ในเซิร์ฟเวอร์ญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า 'ดงกุริ') 

    ได้ถูกเหล่าหมาป่าลักพาตัวเข้าไปในป่าเพื่อเป็นนกต่อให้ฮยอนรันตามไปช่วยในป่า ทำให้ฟาร์มแกะไม่มีคนดูแล ฮยอนรันจึงได้จ้างวานให้เราคุ้มกันฟาร์มแกะที่ถูกพวกหมาป่าล้อมไว้ เราสามารถจัดการฝูงหมาป่าที่บุกมายังฟาร์มแกะได้ทั้งหมดจนพวกมันต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ในป่าภูเขาหลังโรงเรียน ทำให้เราต้องรีบตามไปช่วยฮยอนรัน และพบกับคาเรน จิ้งจอกสาวตัวแสบแห่งสาธิตจันทราที่เป็นแกนนำในการออกคำสั่งให้แก่เหล่าหมาป่าพวกนี้นี่เอง  คาเรนก็ได้สั่งให้พวกหมาป่าสะกัดเราเอาไว้ แต่เราก็สามารถตีฝ่าฝูงหมาป่าไปได้จนกระทั่งเจอกับฮยอนรันเซึ่งพบตัวลูกแกะ 'ดงกุริ' เข้าพอดี แต่ปรากฎว่า ลูกแกะตัวนั้นถูกหมาป่าทำร้ายจนล้มลงไปก่อนทีฮยอนรันจะเข้าไปหา ฮยอนรันพยายามเรียกสติของลูกแกะน้อยแต่ไม่เป็นผล ทำให้ฮยอนรันโกรธมากบวกซึ่งมีผลทำให้..




    ในยามที่ฮยอนรันโกรธจัดในคืนพระจันทร์เต็มดวงทำให้  ฮยอนรันกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าหรือแวร์วูล์ฟ (Werewolf) ซึ่งทันทีที่คาเรนได้เห็นร่างนั้นเอง คาเรนก็หลงใหลในร่างกายอันหล่อล่ำสุดเท่ของฮยอนรัน (?) เข้าอย่างจัง พร้อมกับวิ่งเข้าไปสารภาพรักในทันที แต่ฮยอนรันในร่างนี้ควบคุมสติตัวเองไม่ได้และไม่ฟังใครทั้งนั้น ทำให้ฮยอนรันตบคาเรนกระเด็นปลิวหายไปในทันที หลังจากนั้นเขาก็อาละวาดและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบข้าง เราเห็นท่าไม่ดีเพราะบางทีลูกแกะตัวนั้นอาจจะยังไม่ตายก็ได้ แต่อาจจะตายจริงแน่ถ้าฮยอนรันกำลังอาละวาดอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น เราพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆจึงต้องรีบเข้าไปห้ามปรามฮยอนรันไว้ 



    ซึ่งทำได้ยากลำบากมากเพราะฮยอนรันในตอนนี้มีพละกำลังมหาศาลอีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วด้วย แต่แล้วในที่สุดเราก็สามารถทำให้ฮยอนรันสงบสติอารมณ์ได้และเขาก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อรู้ว่าลูกแกะตัวนั้นยังไม่ตาย หลังจากนั้นฮยอนรันก็ขอโทษเราเป็นการใหญ่


        เหนือสระว่ายน้ำของโรงเรียนเอสทีว่าได้มีปลาประหลาดแหวกว่ายไปมาทำให้เราจำเป็นต้องไปสำรวจหาต้นตอ ซึ่งซูจงก็ได้ไปพร้อมกับเราด้วย และเราก็พบว่าฝูงปลาพวกนั้นก็คือพลังงานของแอนติคที่รั่วไหลออกมาจากอีกมิติหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเรากับซูจงก็ได้กระโดดเข้าไปในรอยแยกของมิติ และพบกับแอนติคจำนวนมากซึ่งรูปร่างของมันมีลักษณะเหมือนชิ้นส่วนเครื่องจักรอยู่ในม่านพลังวงกลมสีฟ้า และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของซูจงทำให้เขาตัดสินใจที่จะหยิบชิ้นส่วนของแอนติคมาตรวจสอบ



    ทันใดนั้นเองก็แอนติคก็เกิดการระเบิดขึ้นและผลักทุกคนกระเด็นออกมาข้างนอกที่ภูเขาหลังโรงเรียน และพบว่ารูของมิติได้ขยายกว้างมากขึ้น พร้อมกับมีมอนสเตอร์จากต่างมิติออกมามากมายทำให้เราต้องหาทางยับยั้งเรื่องนี้โดยเร็ว ซึ่งรอบข้างนั้นเราก็พบว่ามีชิ้นส่วนของแอนติคกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด เราจึงพยายามยัดชิ้นส่วนของแอนติคเหล่านี้ไปอุดรูที่รั่วออกมาให้เร็วที่สุด ซึ่งซูจงก็ได้หาเรื่องให้เราเหนื่อยอีกตามเคย



    เนื้อเรื่องนี้เป็นการทดสอบหาข้อมูลอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ EVP ที่เป็นต้นเหตุของการเรียนการสอนที่หายไป ซึ่งทางอาจารย์ที่เหลืออยู่ของเอสทีว่าได้ทดลองให้ อาจารย์จากต่างโรงเรียนมาทำการสอนดูเผื่อว่าอาจจะทำให้พลังของ EVP ไม่มีผล ซึ่งอาจารย์ที่มาจากโรงเรียนสาธิตจันทราก็คือ อาจารย์เด็กสาวห้องพยาบาลตัวเล็ก อาจารย์โยวเอน นั่นเอง ซึ่งก่อนที่อาจารย์โยวเอนจะเริ่มการสอน เราต้องช่วยกำจัดมอนสเตอร์ที่จะมารบกวนการเรียนการสอนก่อน หลังจากที่เรากำจัดมอนสเตอร์หมดก็เริ่มเรียนกับอาจารย์โยวเอน ทันทีที่อาจารย์โยวเอนเริ่มทำการสอน นักเรียนทุกคนต่างรู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างน่าปละหลาดและทันทีที่ทุกคนรู้สึกตัวขึ้นใหม่ก็พบว่าตกอยู่ในห้วงมิติห้องเรียนมิติพิศวงอีกแล้ว เราจึงต้องรีบหาทางออกจากมิตินี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งเมื่อเรากลับมาได้ก็พบว่า เหล่ามอนสเตอร์ได้ตามเราออกมาด้วย จึงต้องปราบพวกมันให้หมดอีกครั้ง และท้ายที่สุดอาจารย์โยวเอนก็บอกว่า "เอาล่ะมาเริ่มเรียนต่อจากเมื่อกี้ดีกว่า" ซึ่งพวกเราต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เอาแล้ว!"

    ท้ายที่สุดเราทุกคนก็ยังรู้ว่า การเรียนการสอนที่หายไปอาจจะมีมาจากสาเหตุที่นักเรียนบางส่วนหลุดไปอยู่อีกโลกระหว่างการสอนก็ได้....จนกว่าเหตุการณ์ EVP จะหายไป อย่าพึ่งให้มีการเรียนการสอนเลยจะดีกว่า



    การฝึกฝนสุดหฤโหดของเหล่านักเรียนโรงเรียนเอสทีว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งอาจารย์ครั้งนี้ก็คือสเตฟาโน่ พ่อบ้านสุดโฉดของอาจารย์เวียนก้านั่นเอง ซึ่งเขาได้อาสามาเป็นครูฝึกให้กับเหล่านักเรียนเพื่อที่จะให้นักเรียนมีความแข็งแกร่งพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์สุดอันตรายใน EVP นั่นเอง ซึ่งนักเรียนทุกคนแทบอยากจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หลักสูตรของสเตฟาโน่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าอันตรายจากมอนสเตอร์ในสถานการณ์ EVP เสียอีก!!!  ซึ่งในครั้งนี้พี่ท่านได้สวมชุดทหารตามแบบฉบับครูฝึกรด.มาเต็มยศซึ่งตอนแรก พี่ท่านให้เรารีบฝ่าฝูงมอนสเตอร์หุ่นเหล็กโบโบแกนและกระสุนปืนกลไปทำการกู้ระเบิดที่อยู่ปลายทางและพี่ท่านเน้นย้ำไว้ว่า...

     : เรื่องซิมเปิ้ลๆ แบบนี้ถ้าทำไม่ได้ก็โดนระเบิดตายไปซะ..

    หลังจากกู้ระเบิดสำเร็จ คุณพี่ท่านก็นัดให้ไปเจอกันที่ภูเขาหลังโรงเรียนเพื่อเป็นการฝึกอย่างสุดท้าย นั่นคือ ต้องเอาชนะพี่ท่านในเวลาจำกัดให้ได้ ซึ่งทันทีที่เริ่มต่อสู้ พี่ท่านไม่ยอมให้เราหนีได้เด็ดขาดจึงได้วางเพลิงเป็นกำแพงไฟไว้รอบด้าน (ถ้าหากสัมผัสกำแพงไฟที่อยู่ข้างๆล่ะก็ได้ถูกย่างสดแน่ๆ ในเกมโดนทีเดียว HP=0 ทันที) ทางเลือกที่จะรอดไปจากที่นี่ได้มีวิธีเดียวคือต้องล้มสเตฟาโน่ให้ได้เท่านั้น!!



    ช่างเป็นการฝึกฝนที่โหดจริงๆให้ตายสิ....



    จากในตอนแรกในคอมมิคเล่มที่ 2 ที่เคยบอกไปในตอนที่แล้ว
     
    ซึ่งกล่าวถึงท่าทีที่น่าสงสัยของอาจารย์เหมาเชาปิง ทำให้มีนักเรียนบางส่วนได้แอบสะกดรอยตามอาจารย์ไปยังชั้นใต้ดินของห้องสมุดด้วย และแล้วในที่สุดการสะกดรอยก็มาอยู่ที่ในท่อระบายน้ำที่ดูวกวนเหมือนเขาวงกตแห่งหนึ่ง ซึ่งเราได้สะกดตามไปเรื่อยๆ แต่แล้วเราก็พบว่า ตัวเราได้หลุดเข้ามาอยู่ในกับดักของอาจารย์เหมาเสียเอง (ตัวอย่างกับดักเช่น ถูกขังไว้ในห้องที่มีกับระเบิด รั้วไฟฟ้า หรือแม้แต่ปืนกล) และขณะที่กำลังเข้าตาจนอยู่นั้นก็มีผู้หญิงลึกลับคนหนึ่งได้ทำลายกับดักที่จะจัดการเราทั้งหมด



    ซึ่งก่อนที่เราจะได้เอ่ยถามชื่อเธอ ก็พบว่าเธอหนีไปก่อนทุกครั้ง จนในที่สุดเราก็ไล่ล่าตามอาจารย์เหมาไปจนสุดทางและพบว่า เขาได้คุยกับคนๆหนึ่งว่า "เรื่องที่ให้ไปตรวจสอบนั้นเรียบร้อยแล้ว"... ซึ่งคนๆนั้นก็คือ...




    บลัดดี้ดั๊กกี้ ประธาน PTA สุดแสบนั่นเอง ซึ่งหลังจากนั้นเราก็พบว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งกับดักที่ถูกเตรียมวางเอาไว้ให้เรา ซึ่งก็คือเหล่าลูกสมุนของบลัดดี้ดั๊กกี้หรือพวกมาเฟีย P (ที่เคยเจอกันมาก่อนในด่านโรงเรียนสาธิตจันทรา) ล้อมจับเอาไว้



    แต่ว่า พวกมันก็ถูกผู้หญิงลึกลับกำจัดหมดในครั้งเดียว แต่บลัดดี้ดั๊กกี้กลับหนีไปได้ ซึ่งในตอนนี้ทำให้เรารู้แล้วว่ากลุ่ม PTA มีเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากลแล้ว..





    หลังจากนั้นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นทำให้เราสงสัยในตัวอาจารย์เหมามากยิ่งขึ้นและพบว่า เขาคงกำลังทำอะไรบางอย่างอีกแน่ๆ ซึ่งเกรย์ได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมกับเรา โดยการมุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดินส่วนลึกของห้องสมุด แต่ครั้งนี้ได้ลงไปลึกกว่าเดิมมากและที่นั่นพวกเขาได้พบกับประตูมิติขนาดใหญ่ ซึ่งเกรย์บอกว่ามันอาจจะเป็นวิทยาการโบราณของอาณาจักรสมัยก่อนที่สร้างไว้ 



    เรากับเกรย์ได้เข้าไปในประตูมิติและเดินทางไปยังส่วนที่ลึกที่สุดและพบกับอาจารย์เหมากำลังให้ความสนใจกับชิ้นส่วนบางอย่างอยู่ ซึ่งอาจารย์เหมาบอกว่าเจ้าสิ่งนี้คือชิ้นส่วนแอนติคที่จะเป็นกลไกสำคัญตามแผนของ PTA นั่นเอง ซึ่งเราจะพยายามแย่งชิ้นส่วนนั้นมาแต่ก่อนที่จะถึงตัวอาจารย์เหมาก็ใช้ชิ้นส่วนนั้นเรียกบางสิ่งบางอย่างออกมาจากประตูที่อยู่ด้านหลัง



    ชื่อของมันคือเกตคีปเปอร์ (Gate Keeper) ผู้พิทักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพวกชนเผ่าโบราณเพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่เบื้องหลังบานประตูนั่นเอง....และอาจารย์เหมาก็ได้หายตัวไปและทิ้งให้เราสู้กับเกตคีปเปอร์แทนซึ่งมันร้ายกาจมาก แต่เราก็เอาชนะมันได้...




    อีกทางด้านหนึ่งได้เกิดเรื่องราววุ่นๆ ของโยชิมารุที่อยากลิ้มลองกินเนื้อไดโนเสาร์ประหลาดที่ปรากฎตัวขึ้นในโรงเรียนสาธิตจันทรา ตามสายข่าวของเขา ซึ่งเขาได้ทำการลักลอบเข้าโรงเรียนสาธิตจันทราผ่านทางท่อระบายน้ำและปีนขึ้นไปยังเล้าไก่ในโรงเรียนสาธิตจันทราที่มีไดโนเสาร์ประหลาดอยู่นั่นเอง ซึ่งเรากำลังจะจับมันมาให้โยชิมารุ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ฮาจิก็ได้ออกมาขวางเอาไว้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะหยุดโยชิมารุได้ และทันใดนั้นเองลูเบน ประธานสภานักเรียนโรงเรียนสาธิตจันทราก็ได้ปรากฎตัวขึ้น...



    เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ทั้งคู่จึงได้ต่อสู้กัน



    ดาบของโยชิมารุปะทะกับดาบของลูเบน



    โยชิมารุประหลาดใจมากเพราะ ลูเบนสามารถรับเพลงดาบของโยชิมารุได้ด้วยเพลงดาบเดียวกัน แถมเพลงดาบเมื่อสักครู่นั้นยังเป็นเพลงดาบที่สืบทอดมาในเฉพาะตระกูลของโยชิมารุทำให้เขาเข้าใจว่า บางที คนที่อยู่เบื้องหน้าเขาอาจจะเป็นลูกหลานในอนาคตของเขาก็ได้



    ลูเบนได้ยินดังนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อ..แต่ว่า ท้ายที่สุดโยชิมารุก็ยอมถอยไปแต่โดยดีและรู้สึกสนใจตัวลูเบนมากขึ้นเรื่อยๆ...



    แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้เมื่อ ฟรังซัว หอยทากยักษ์ของอาจารย์โซมุนยองพร้อมกับฝูงมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งได้ออกมาอาละวาดทำลายข้าวของของโรงอาหารโรงเรียนจนเสียหายย่อยยับ อีกทั้งยังเขมือบอาหารในโรงอาหารไปเกือบหมด ทำให้เราต้องออกไปปราบปรามพวกมอนสเตอร์เหล่านี้



    ถึงแม้ว่าจะจัดการมันได้หมด แต่เหตุการณ์นั้นส่งผลให้นักเรียนหลายคนไม่มีข้าวกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ชอบใช้พลัง(แบบไร้สมอง)อย่างซูจงทนอยู่เฉยไม่ได้แน่ กว่าจะซ่อมโรงอาหารเสร็จท้องแขวนกันพอดี พี่ท่านเลยเสนอความคิดว่าให้เราบุกไปขอติดต่อซื้อขายถึงแหล่งผลิตอาหารโดยตรงเลยดีกว่า.... ซึ่งที่ๆจะไปนั้นคือ บ้านของหัวหน้าสาขาร้านค้าโรงเรียน บ้านของแอลโทบัลซ์ นั่นเอง...

    ทันทีที่เข้าไปในบ้านของแอลโทบัลซ์ก็พบว่า บ้านของเขานั้นใหญ่กว่าคฤหาสน์ของอาจารย์เวียนก้าเสียอีก และที่โดดเด่นสุดๆก็คือ รูปปั้นโพสต์ท่าของตัวเขาที่อยู่กลางสวนน้ำพุนั่นแหละ



    ซึ่งการเข้าไปในบ้านของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ทำให้พวกระบบความปลอดภัยภายในตัวบ้านทำงาน ส่งผลให้เราต้องสู้กับพวกหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยและป้อมปืนกลที่อยู่ภายในบ้านนั้น จนกระทั่งแอลโทบัลซ์ได้ปรากฎตัวขึ้นมา ซึ่งเขาก็ได้ชวนเราเข้าไปในบ้านก่อนเพื่อพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    ปรากฎว่าแอลโทบัลซ์โกรธมากที่เราไม่พยายามปกป้องสินค้าในร้านค้าของเขาแถมยังมาขออาหาร (พวกนม) เพิ่มอีก  ซึ่งเขาไม่ยอมให้เกิดการขาดทุนเป็นแน่  เขาจึงตัดสินใจเรียกมอนสเตอร์อัศวินเหล็กผีสิง ไนท์โลว (Knight Low) หัวหน้าอัศวินหน่วยรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านของเขาออกมาจัดการพวกนักเรียนทันที



    แต่สุดท้าย เรากับนักเรียนคนอื่นๆก็ได้รวมพลังทำลายเกราะเหล็กและเอาชนะไนท์โลวได้สำเร็จโดยการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นส่งผลให้แอลโทบัลซ์กระเด็นหกล้มไปและทำให้แว่นตาที่เขาสวมอยู่ร่วงแตก เผยให้เห็นดวงตาที่อยู่หลังแว่นนั้น ซึ่งดวงตานั้นเป็นลักษณะของ..



    ตาแพนด้า...เหมือนกับใครบางคน..

    แล้วสักพัก ซูจงก็พึ่งวิ่งเข้ามาทีหลัง (ไร้ประโยชน์มาก!!!!) ก็ประหลาดใจที่เห็นตาของแอลโทบัลซ์...

    ดวงตาแพนด้า...

    ที่เหมือนกับของตน...



    อีกทั้งโทบัลซ์ยังจำลูกคิดหัวมังกรที่ซูจงถือมาด้วย เขายังจำมันได้ดี...เพราะว่าสิ่งๆนั้น....



    ย้อนอดีตไปเมื่อ 15 ปีก่อน

    ที่ร้านค้าแห่งหนึ่งแถวๆชนบทชานเมือง แอลโทบัลซ์ สมัยยังหนุ่มที่เริ่มเปิดร้านขายใหม่ๆ กำลังคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับสินค้าที่เขาจะขายไปยังลูกค้า ... โดยมีลูกชายตัวเล็กพยายามอ้อนขอให้เล่นกับตัวเองด้วย แต่เขาบอกไล่ให้ลูกไปเล่นที่อื่นก่อน..ไม่ว่าเด็กชายคนนั้นจะอ้อนอย่างไรก็ไม่มีท่าทีว่าพ่อของตัวเองจะสนใจเลย จนกระทั้งเด็กชายเห็นสิ่งๆหนึ่งเข้า..



    ลูกคิดหัวมังกรขนาดใหญ่....เด็กชายจึงเข้าไปเล่นและทำมันล้ม และเนื่องจากลูกคิดนั้นมีขนาดใหญ่และลูกคิดแต่ละอันก็หมุนได้เหมือนล้อ ทันทีที่เด็กชายกระโดดขึ้นไปมันก็ได้พาร่างเด็กชายไถลไปจากตรงนั้นเข้าไปในป่า  หลังจากนั้นผู้เป็นพ่อก็ได้วางหูโทรศัพท์ แล้วหันไปหาลูกชายของตนก็พบว่า ลูกชายของตนได้หายไปแล้ว...



    หลังจากวันนั้น เขาไม่เคยได้พบกับลูกชายของตนเองมาตลดเลยเป็นเวลายาวนานกว่า 15 ปี จนในที่สุด...


     ดวงตาแพนด้า กับลูกคิดประจำตระกูลอันนั้น ไม่ผิดแน่... แกคือ...แกคือ... ลูกชายของฉัน!!

     ค... ความรู้สึกที่ชวนคิดถึงนี้...หรือว่าเราจะเจอแล้ว.... โชคดีจริงๆที่ได้เจอกัน   คุณพ่อคร้าบ!!!!!!

    แล้วไม่นานทั้งพ่อทั้งลูกก็กระโดดกอดเข้าหากันท่ามกลางสายตานักเรียนที่อยู่ตรงนั้น

     ไอ้ลูกชายเอ้ย... ตลอด 15 ปีที่ผ่านมานี้ ฉันคิดถึงแก ฉันตามหาตัวแกมาโดยตลอดตั้งแต่แกหายตัวไป...ฉันไม่คิดว่าจะได้พบแกอีกแล้ว...

     คุณพ่อครับ เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วนะครับ....


    เราและนักเรียนคนอื่นๆต่างซึ้งใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น การพบพานของสองพ่อลูกที่จากกันมายาวนานถึง 15 ปี...ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง



    ซึ่งเหตุการณ์นี้เชารินเองก็รู้เกี่ยวกับลูกชายของอยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกเพื่อที่จะเก็บไว้แบล๊คเมล์เขาต่อไปจากเหตุการณ์ในหนังสือการ์ตูนต่อจากนั้น..

    วันที่เชารินเห็นซูจงมาที่โรงเรียนเอสทีว่าครั้งแรก..



    และบังเอิญเห็นช่วงที่แอลโทบัลซ์ถอดแว่นตา..เชารินก็รู้ทันที  ว่า เขานี่แหละลูกชายของแอลโทบัลซ์ แต่เก็บไว้เป็นความลับต่อไปดีกว่า ฮิฮิ







    ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนกำลังซึ้งกับเหตุการณ์พบพานของสองพ่อลูกอยู่นั้น

    บางคนอาจจะคิดว่า...

    "การพบกันมันก็น่าซึ้งดี แต่ตอนนี้พวกกูหิวโว้ย!!!!!"






    เครดิตภาพส่วนใหญ่จาก  http://peke.ojaru.jp
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×