*: :: Endless Cordiality :: :* - *: :: Endless Cordiality :: :* นิยาย *: :: Endless Cordiality :: :* : Dek-D.com - Writer

    *: :: Endless Cordiality :: :*

    บ่น บ่น บ่น และ บ่น (กรุณาอย่าอ่าน--คนเขียนเพ้อ)

    ผู้เข้าชมรวม

    2,448

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    2.44K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 มี.ค. 51 / 23:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    เพราะเราเกิดมาเพื่อพบกัน เพราะฉันเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนของเธอ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



       

      Host unlimited photos at slide.com for FREE!

       

      วันนี้...ก็เป็นวันสุดท้ายจริงๆแล้ว มองดูตัวเองในกระจกที่บ้าน ชุดนักเรียนสีขาว กระโปรงจีบสีน้ำเงินกรมท่ายาวครึ่งน่อง
       ข้าน้อยใส่มานานเท่าไหร่กันเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลยว่า 3 ปีแล้ว 
      ลายปักอักษรย่อบนกระเป๋าเสื้อชักจะรุ่ยนิดๆ ตัว ส เสือสีน้ำเงินสดกลายเป็นสีชมพูไปค่อนตัวเพราะโดนไฮเตอร์ 
      ชื่อที่ปักเป็นสีม่วงไปแล้ว บ่งบอกความโชกโชนและความทรงจำของมันผ่านกาลเวลาที่รับใช้ข้าน้อยมา 
      ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนสีเพราะเลือดรักโรงเรียนแรงกล้ายังไงยังงั้น 
      (ใครเห็นก็ว่าแนวดีและอยากเอาไฮเตอร์มาแต้มตามมั่ง--ข้าน้อยนำแฟชั่นใหม่ซะงั้น) 
      ชายเสื้อยาวมีรอยเปื้อนสีจางแทบมองไม่เห็นเป็นจุดเล็กจุดน้อยมากมายที่ซักไม่ยอมออก 
      จับมันขึ้นมาเพ่งพลิกดูดีๆ แล้วก็พอจะเดาออกว่าคืออะไร 

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      รอยสีเขียวน้ำเงินจางจากน้ำล้างจานสีโปสเตอร์ เมื่อตอนอยู่ชมรมศิลปะตอนม.1 
      รอยเส้นบางเบาสีนวลที่เกิดจากซอสมะเขือเทศร้านไก่ทอดจากฝีมือบีบของยัยเพื่อนเลิฟ 
      รอยหมึกสีเทาอ่อนเป็นจุดละอองเล็กเท่าหัวเข็มหมุดโดยการแก้แค้นของของแย้ไรเดอร์ที่ข้าน้อยเอาพู่กันจุ่มหมึกไปวาดหนวดให้มัน
       น่าเสียดายที่ข้าน้อยใช้เสื้อตัวนี้เถลือกไถลเหลือเกิ๊น ไม่งั้นคงบริจาคต่อให้หลานๆได้
       เสื้อเนตรนารีเอาใส่ถุงไปบริจาคกับทางโรงเรียนแล้ว หวังว่าคนที่ได้เขาจะใช้ประโยชน์ให้คุ้ม 
      หวังว่าเสื้อข้าน้อยกับบรรดาเพื่อนๆจะได้ไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนของรุ่นน้องต่างจังหวัดในโรงเรียนเดียวกัน
       ให้เพื่อนและเพื่อนได้ใส่เสื้อของพวกเราต่อไป

      Host unlimited photos at slide.com for FREE!

       

      โต๊ะเครื่องแป้งยังรกๆเหมือนเคย
       ที่เด่นสุดคือนาฬิกาสีเงินเรือนเล็กที่เพื่อนๆทั้งหลายชอบทักเสมอๆ บางคนก็ชอบถอดออกไปลองใส่
       ซากสร้อยข้อมือหินทิเบตยังคงนอนนิ่งในตลับ แต่เศษเหรียญที่เคยห้อยอยู่หายไปแล้ว
       ยัยเพื่อนเลิฟเอาดาบตีแตกกระจายไปแล้วในวิชาฟันดาบ 
      คนสุดท้ายที่ได้เล่นเหรียญสองเหรียญนั่นในสภาพดีก่อนแตกคงเป็นเจ้าชายผมขาว 
      ที่มานั่งเขี่ยเล่นตอนเช้าเหมือนลูกแมวเขี่ยลูกบอล ส่วนเศษเหรียญพวกนั้นเจ้าชายสามขวบก็โกยไปเก็บที่ไหนแล้วไม่รู้
      โดยทึกทักเอาว่าเป็น "ซากเหรียญโบราณ OoO!!" 

      Host unlimited photos at slide.com for FREE!


      ยางมัดผมสีดำกำมะหยี่ยืดหมดแล้ว สามปีมานี่ข้าน้อยเปลี่ยนมาไม่รู้กี่สิบอัน 
      ใช้แป๊บๆก็ยืดจนมัดไม่อยู่ โบว์สีดำมีไว้ติดในโอกาสพิเศษ อาทิวันสอบ หรือวันที่คณะกรรมการมาตรวจโรงเรียน 
      อันเป็นวันเดียวที่นักเรียนจะมานั่งท่องวิสัยทัศน์ คำขวัญ พันธกิจ และอื่นๆที่เคยท่องครั้งสุดท้ายเมื่อตอนสอบสัมภาษณ์เข้าเรียน 
      สามปีแล้วที่ข้าน้อยไม่เคยติดกิ๊บเลยสักตัว แม้ว่าจะไรผมมากมายมหาศาลก็ตาม
       ยัยเพื่อนเลิฟเองก็ไม่เคยเหมือนกัน แปลกดีที่อาจารย์ผู้คุ้มกฎแต่ละคนไม่เคยทัก
       หรือเพราะหน้าตาพวกเรามันเด็กเรียนเกินไปหว่า..ไม่ใช่ละๆ ข้าน้อยยังเคยโดนเตือนเรื่องถุงเท้าเลย
       ทั้งที่ไม่ได้ผิดกฎโรงเรียนสักหน่อย สงสัยจะเป็นวันดวงซวยที่อาจารย์อารมณ์บ่จอยก็เป็นได้

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      รูปถ่ายในเครื่องคอมยังอัดแน่นไปด้วยภาพของเพื่อนๆและกิจกรรมทั้งหลายแหล่ของโรงเรียน 
      ดูเหมือนเงาของโรงเรียนจะทิ้งไว้ทุกหนทุกแห่งในชีวิตข้าน้อย 
      แบคกราวน์หน้าจอข้าน้อยยังเป็นรูปหลังห้องเรียนที่แสนคุ้นเคย
       โต๊ะเล็กเชอร์โยกเยก บางตัวก็กระดกมากจนมีคนตกเก้าอี้นับครั้งไม่ถ้วน 
      บางตัวก็ยกแยกชิ้นส่วนออกมาได้เหมือนเลโก้ วงจรชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราสมบุกสมบัน+อึดถึกกันสุดๆ
       ยังมีกองหนังสือการ์ตูนของแย้ไรเดอร์ที่เอามาเผื่อแผ่ผองเพื่อน 
      ข้าวกล่องของเจ้าหูกาง
       สมบัติของพวกผู้ชายส่วนใหญ่วางเรียงกันไว้ตรงร่องบอร์ดหลังห้องและบนขื่อ 


      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      ที่มุมหลังห้องตรงนี้ เราลงไปนั่งล้อมวงกันอยู่บ่อยๆ 
      บางทีก็ลงไปนอนหนุนตักใครซักคน 
      นอนไปเล่นไปกินไป บางทีก็ถอนผมหงอกเพื่อนไป
       เสื่อปูนอนของพวกภูตน้อยยังม้วนเก็บอยู่อย่างดี กระดานครอสเวิร์ด โกะ จิกซอว์ ฯลฯ 
      ที่เอามาซ้อมกันระหว่างเรียนก่อนไปแข่งข้างนอกก็ยังซ้อนๆกันอยู่
       เหมือนห้องเรียนถูกเรายึดเป็นนิวาสสถานไปซะแล้ว
       ห้องอื่นเขาย้ายไปเรื่อยๆ แต่ห้องเราอยู่ห้องเดิมมาตั้งแต่ ม.2 
      ในภาพถ่ายนี้บอร์ดยังสวยเรียบร้อยอยู่ แต่ปัจจุบันนี้โดนลูกบอลอัดจนเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่ทราบได้ 
      ของติดบอร์ดหลุดลงมาทุกวันจนเราปลงกับมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา~~~ 

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 


      พัดลมสีเขียวส่งเสียงออดแอดคร่อกแคร่กนิดหน่อยเป็นธรรมชาติของมัน 
      มีครั้งหนึ่งที่มันโยกไหวซ้ายขวามากจนข้าน้อยที่ตอนนั้นนั่งอยู่จุดใต้พัดลมพอดีถูกผองเพื่อนลากออกมาห่างๆ 
      พวกผู้ชายต้องปีนเก้าอี้ไปซ่อม พัดลมตัวนี้เหมือนจะผ่านสงครามโลกมาหลายรอบ 
      ทั้งลูกบาส ลูกวอลเลย์ ลูกปิงปอง จรวดกระดาษ และสารพัดสิ่งที่ลอยขึ้นไปได้
       แอร์สองตัวของห้องเราให้ความรู้สึกถึงดินแดนสโนว์แลนด์ขั้วโลกได้อย่างดีเยี่ยม
       ถ้าใส่ฟอร์มาลีนเข้าไปนิดหน่อยละก็ใช่เลย..ตู้เก็บศพแหงมๆ
       แอร์ตัวนี้ที่ทำให้หนาวจนมือแข็งเขียนหนังสือไม่ได้ 
      จนพวกเราต้องขนเสื้อหนาวมาโรงเรียนกันแม้แต่ในฤดูร้อน
       และทำให้เราได้อพยพย้ายถิ่นไปยังจุดอื่นที่ไม่โดนแอร์
       หรือหาที่กำบังอย่างพวกผู้ชายตัวใหญ่ๆหลังห้องมาเป็นที่กันลม
       วันไหนที่ไม่มีเสื้อหนาว เราก็ได้ฉกชิงวิ่งราวจากเพื่อนๆ
       หรือไม่ก็ขออาศัยเสื้อซ้อมแข่งจากนักกีฬาคนใดคนหนึ่ง

      Host unlimited photos at slide.com for FREE!


      ถ้าพูดกันถึงสิ่งที่พวกเราต้องซ่อมบ่อยๆ
       เครื่องต่อไมโครโฟนเป็นอย่างหนึ่งที่มีปัญหาประจำ
       ไมค์ของอาจารย์แต่ละคนมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน และไม่ว่ามันจะยี่ห้อดี+ประกันชั้นเลิศยังไงก็ตาม 
      พอมาเจอฤทธิ์เครื่องต่อห้องเราก็ต้องสยบ ทำเสียงคร่อกๆแคร่กๆไม่ก็หอนโหยหวน 
      อุปกรณ์การสอนในช่วงที่พวกเราเข้ามาใหม่ๆ โอเวอร์เฮดและแผ่นใสยังนิยมอยู่ มีปัญหาพอๆกับไมค์
       กระจกสะท้อนและตัวปรับความชัดไม่เคยเสถียรซักที 
      บางทีก็ต้องช่วยกันเอาดินสอปากกาไปสานขัดเอาไว้ให้มันฉายขึ้นไปได้ 
      หรือไม่พวกแถวหน้าก็ต้องเอามือจับประคองไว้ 
      นักเรียนที่นี่ความสามารถสูงเป็นอย่างยิ่ง
       มือซ้ายงัดกระจกให้ง้าง มือขวาจดเล็กเชอร์ 
      ส่วนเท้าเหยียบสายไฟไว้ให้อยู่ในมุมที่ไฟไม่ดับ 
      ดังนั้นโอเวอร์เฮดตัวที่ดีหน่อยจะถูกแย่งชิงกันเป็นสมรภูมิยามเช้า
       ห้องไหนไวกว่าก็รีบใช้กำลังเข้าแย่งชิงมาเก็บที่ห้องตัวเอง 
      มีหลายห้องสมานกำลังเป็นพันธมิตรกัน อาญัติโอเวอร์เฮดมาใช้ร่วมกันก็มี

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      หลายเดือนต่อมา จากรุ่นน้องกลายเป็นรุ่นพี่ 
      โปรเจคเตอร์ก็ได้ถูกติดตั้งเป็นของเล่นใหม่ของพวกเรา 
      คนที่คุมมันได้ราบคาบส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหมูน้อย ผู้ยึดรีโมตโปรเจคเตอร์เป็นสมบัติส่วนตัว
       แน่นอนพอมีโปรเจคเตอร์ ก็ต้องมีโน้ตบุ๊คพ่วง 
      กลายเป็นที่ให้พวกเราได้เอาไวรัสเข้าไปฝาก เหมือนอย่างคอมห้องสมุดที่เป็นโรงแรมไวรัส 

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      ห้องสมุดเป็นทุกอย่างของพวกเรา 
      โดยเฉพาะคนชมรมห้องสมุดที่ได้เช็ดถูปัดกวาดมันมาแล้วทุกตารางนิ้วตามคำสั่งอาจารย์
       เพื่อลดงานให้ภารโรง ห้องสมุดที่ชาวชมรมต้องช่วยกันจัดบอร์ดและติดมันกับตะแกรงด้วยเข็มไซส์ประมาณปากกา
      (ถ้าเกิดทิ่มตาคือไม่ต้องหวังว่าจะมีใครช่วยได้)
       ตะแกรงหนักๆพวกนี้มีคนนอกชมรมมาช่วยเรา 
      หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายใจน้อยที่มายกไปยกมาหลายรอบเนื่องจากตกลงกันไม่ได้ว่าจัดยังไงถึงจะมีช่องพอให้คนเดินเข้า 
      ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่เดินผ่านไปมามีใครคิดจะหยุดอ่านเนื้อหา(ที่ไม่ค่อยมีสาระ)ของบอร์ดบ้างรึเปล่า
       แต่พอจัดเสร็จแล้ว..ก็ภูมิใจดี

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 


      วนกลับมายังห้องของเรา แม้จะไฮเทคก้าวหน้าไปไกลขนาดไหน
       กระดานของห้องก็ยังคงเป็นกระดานไม้สีเขียวอย่างเดิม 
      ไม่มีวี่แววว่าจะเปลี่ยนเป็นไวท์บอร์ดหรือกระดานกระจกใสแบบห้องEP 
      กระดานดำ(เขียว)ที่มีกฎชัดเจนว่าห้ามนักเรียนไปขีดเขียน ไม่อาจต้านทานความมีศิลปะในหัวใจของพวกเราได้
       ทุกวัน คนที่มาเช้าต้องมาจัดการเขียนกระดานก่อนอาจารย์ให้ได้เป็นมงคลฤกษ์
       โรงเรียนเราแสนจะหวงและห่วงชอล์กที่สุด 
      ย้ำนักย้ำหนา "แท่งละตั้ง 4 บาทเชียวนะ >[]<*!!!" 
      ไม่รู้ว่าชอล์กที่นี่วิเศษวิโสกว่าของโรงเรียนอื่นตรงไหนเหมือนกัน 
      บอกว่าเป็นชอล์กไร้ฝุ่น รู้สึกพวกเราก็ยังฟุดฟิดฝุ่นชอล์กกันประจำ
       เราไม่ค่อยเขวี้ยงชอล์กเล่นกันเท่าไหร่ คนที่ปาชอล์กมากที่สุดรู้สึกจะเป็นอาจารย์ซะมากกว่า 
      ใครคุยก็หดหัวไว้ดีๆละกัน ตัวใครตัวมันหวะ

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 



      ข้าน้อยหยิบของออกมาจากกระเป๋าเป้ 
      เป้สีกรมท่าซีดจนออกฟ้าเขียวหน่อยๆแล้ว 
      พวงกุญแจกิโรโระ 2 ตัวยังมีชีวิตอยู่ดีแม้ผ่านสงครามมานับร้อย 
      ขอสารภาพข้าน้อยเป็นคนที่ใช้ของไม่ทนเอาซะเลย 
      พวงกุญแจใช้ได้ไม่ถึงสัปดาห์เป็นต้องหลุดหายประจำ แต่กิโรโระนี้อยู่นานเพราะตั้งใจรักษา

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      กิโรโระเตือนให้นึกถึงบรรดาลูกชาย 
      ข้าน้อยคือสโนไวท์ลูกชายเจ็ด 
      ใครบ้างในโลกจะมีลูกชายแสนน่ารัก(รึเปล่า?)ตั้ง 7 คนแบบสำเร็จรูปอย่างงี้
       แม้ว่าในเวลาที่เป็นแม่ลูกกัน ลูกชายคนโตและคนสุดท้องจะไม่เคยมายุ่งเลยก็ตาม
       เอาเหอะ ลูกชายห้าคนก็นับว่าไม่เลวนัก 
      อันที่จริงเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆอย่างหนึ่งรองจากเพื่อนในกลุ่ม 
      ลูกชายแต่ละคนมีความเก่งแตกต่างกัน
       เก่งในสิ่งที่ข้าน้อยและเพื่อนห้องเดียวกันไม่เก่ง มองอะไรในมุมที่ห้องข้าน้อยไม่เคยมอง 
      ไม่ซีเรียสกับชีวิต ทุกคนพยายามทำให้ข้าน้อยหัวเราะบ่อยๆ
      (ปกติข้าน้อยจะโดนเพื่อนบอกว่าหน้าตาเคร่งขรึม--เหรอฟะ? ถามยัยเพื่อนเลิฟเดะจะรู้เนื้อแท้ของความ...บ้า)
       มันจะบอกว่าอย่าไปเครียดจริงจัง ใช้ชีวิตให้มีความสุข 
      สอบตกไม่ได้แปลว่าโลกจะแตก อะไรประมาณนี้

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      ลูกชายที่ข้าน้อยโปรดปรานที่สุดคือเจ้าชายน้ำหมึก
       เป็นคนน่ารักและน่าสนใจมาก 
      ทั้งที่การเรียนและกิจกรรมก็ไม่ได้เด่นเท่าไหร่ คิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น (ของแปลก เอิ๊กๆ) 
      แต่ข้าน้อยชอบนิสัยน่ารักๆของมัน เป็นลูกคนเดียวที่ขี้อ้อน 
      อ้อนขอเคโรโระ อ้อนขอดาร์คชอกโกแลต อ้อนขอเปิดกล่องของขวัญของข้าน้อยในวันวาเลนไทน์เป็นคนแรก ฯลฯ 
      (เล่นด้วยแล้วมีความสุขจัง) 

      ลูกชายที่ข้าน้อยภาคภูมิใจมากที่สุด คือเจ้าชายคิ้วขาด เพราะเรียนเก่งกว่าชาวบ้านเค้าอย่างแรง 
      ข้าน้อยไม่เคยเจอใครที่เก่งวิทย์-คณิตและชอบสอนมากขนาดนี้มาก่อน 
      ใครๆที่เก่งเท่าที่ข้าน้อยเคยเจอมา มักจะหวงวิชา+หยิ่ง แต่เจ้าชายไม่เป็นอย่างงั้นเลย เล่าเรื่องให้ฟังทุกอย่าง 
      สอนจนคนฟังตรัสรู้เรื่องที่มันสอนเลยทีเดียว (แอบปลื้ม) 

      ลูกชายที่ล่วงรู้ความลับจนเป็นตู้เซฟของข้าน้อย ต้องยกให้เจ้าชายใจน้อย 
      เป็นคนน่ารักมากอย่างหาจับตัวยาก 
      เป็นประเภทวิญญาณอิสระไม่ค่อยเกาะกลุ่มกับใครเท่าไหร่
       แต่คอยดูห่างๆจนจับได้หมดว่าข้าน้อยคิดอะไร(แอบร้ายลึกง่ะ) 

      ลูกชายที่ข้าน้อยไว้ใจและสนิทด้วยมากที่สุด คือเจ้าชายโกะ 
      ข้าน้อยคุยและเล่นด้วยบ่อยมากกกกกกกก 
      ขอนำเสนอค่ะ เป็นคนเก่งสุดยอด เก่งทุกด้านทุกเรื่องจนน่าทึ่ง(ยกเว้นเรื่องภาษา--ไม่ได้มีเชื้อแม่เล้ย)
       ดูเผินๆเหมือนจะเถื่อน แต่มองลึกๆเป็นคนอ่อนโยน+sensitive 
      ตอนนี้ข้าน้อยคงขาดเจ้าชายไม่ได้แล้ว เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นอยู่ทุกวันจนชิน (มันขยันมา=_=;)

       ส่วนลูกชายคนที่ข้าน้อยห่วงและผูกพันด้วยมากที่สุด 
      น่าจะเป็นเจ้าชายผมขาว
       เป็นคนที่ภายในไม่เหมือนหน้ากากที่สวมอยู่เลย
       เป็นลูกที่โดนลากมาคนแรกโดยไม่เต็มใจ และบอกทุกครั้งว่าไม่อยากเป็นลูก (ไม่ดีพอจะเป็นแม่มัน-*-) 

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      เจ้าชายสองคนสุดท้ายที่ข้าน้อยแทบไม่ได้คุยด้วยเท่าไหร่ 
      คือเจ้าชายคารินและเจ้าชายหมายเลขเจ็ด 
      สองคนนี้น่ารักและจริงๆก็เป็นคนดีมากแต่คนมักจะมองว่าไม่ดี (อย่าบังอาจมาว่าลูกชั้นนะยะ!)
       เจ้าชายคารินสนิทกับข้าน้อยมากกว่า และเป็นที่พักพิงเวลาข้าน้อยไม่สบายใจ 
      ส่วนเจ้าชายหมายเลขเจ็ดเป็นคนร่วมทางกลับบ้านกับข้าน้อยเป็นครั้งคราว--เลี้ยงค่ารถเมล์ให้ข้าน้อยกับทุกคนทุกครั้งเลย
       คิดไปคิดมาแล้วก็เสียดาย ต่อไปนี้ข้าน้อยคงไม่มีลูกอีกแล้ว 
      ไปที่อื่นจะหาลูกชายแบบนี้ได้อีกที่ไหนกัน 
      บางทีมันอาจจะดูเป็นความคิดเด็กๆที่พวกเราที่นี่ชอบเล่นแม่ลูก ชอบสร้างระบบเครือญาติขึ้นในหมู่เพื่อน
       แต่ข้าน้อยเข้าใจ มันคือสายใยความผูกพัน 
      พอข้าน้อยมีลูกเจ็ดคน ก็เริ่มเห็นว่ามีหลานเหลนโหลนผุดขึ้นตามมาเต็มไปหมด 
      เราเหมือนพี่น้อง เหมือนญาติสนิท เราคือครอบครัวเดียวกัน

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 


      กระเป๋าดินสอสีดำนุ่มๆของข้าน้อยยังสภาพใหม่ดีอยู่ ตัวหัวเท็ดดี้แบร์สีแดงเริ่มเป็นขุยนิดๆ 
      ก่อนหน้านี้ข้าน้อยไม่เคยมีกล่องดินสอ และไม่เคยมีความคิดว่าจะต้องมี 
      จนไปซื้อกระเป๋าดินสอให้เพื่อนๆในกลุ่มเป็นของขวัญ 
      ถึงได้เลือกหนึ่งอันให้ตัวเองลายเดียวกับยัยเพื่อนเลิฟ เวลาใช้จะได้นึกถึงทุกครั้ง 
      เครื่องเขียนของข้าน้อยมีนิดเดียว ทุกอย่างมีแค่อย่างละหนึ่ง(กลัวโดนยืมแล้วไม่คืน--บอกไปเลยตูมีอันเดียว สบายใจ) 
      น้ำปลาว่าข้าน้อยประจำ ยัยนี่ไม่เคยมีปากกาสำรอง 
      ข้าน้อยไม่ค่อยทำอะไรหายบ่อย และไม่เคยโดนขโมยหรือโดนใครแกล้ง 
      ตรงข้ามกับยัยเพื่อนเลิฟที่โดนทุกอย่างเท่าที่โลกหล้านี้จะทำได้ 
      ตั้งแต่จั๊กกะจี๋ เตะขาเก้าอี้ กระตุกโบว์ ยันจิ๊กของ

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      เรื่องจิ๊กของนี่ทำกันแบบเป็นขบวนการ 
      บางครั้งข้าน้อยก็แอบมีเอี่ยวเล็กน้อย 
      ใครบางคนจะดึงดูดความสนใจของยัยเพื่อนเลิฟจากการป้องกันกระเป๋าตัวเอง
       อีกคนจะรีบดึงกระเป๋าหรืออะไรสักอย่างบนโต๊ะยัยเพื่อนเลิฟออกไปส่งให้คนข้างหลังที่รอรับ 
      ส่งต่อๆกันใต้เก้าอี้ไปจนถึงหลังห้องที่ของจะถูกกักไว้โดยปลอดภัย หรืออย่างน้อยก็จนกว่ายัยเพื่อนเลิฟจะรู้ตัว 
      ต่อมายัยเพื่อนเลิฟเริ่มจับทางได้และกลุ่มผู้ชายที่โปรดปรานการแกล้งเล่นก็แยกย้ายกันไปแล้ว
       มีหน้าใหม่เข้ามา หน้าเก่าอพยพไปไกลสุดเอื้อม 
      เมื่อก่อนกระเป๋าดินสอเพื่อนเลิฟรูปหมาจะถูกจับไปทารุณกรรมทุกวัน 
      ทั้งแขวนคอ นอนบนขื่อ ม้วนยัดร่องบานเกล็ด แขวนพัดลม เอาปากกาเขียน ฯลฯ
       แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องต่อปากต่อคำโต้วาทีจะมาแรง 
      โดยมีเจ้าชายแวมไพร์สีซีดเป็นแกนนำ 
      เจ้าชายดูเหมือนจะเงียบแต่ความจริง...เอาเป็นว่าอย่าให้อ้าปากเลยจะดีที่สุด 
      ยังไงต่อไปยัยเพื่อนเลิฟก็คงไม่โดนแกล้งแล้ว--มีใครบางคนคอยปกป้อง กร๊ากๆ

      Host unlimited photos at slide.com for FREE! 

      หยิบหนังสือวิชาดนตรีออกมา คงไม่ได้ใช้แล้ว 
      พอยกขึ้นไปเก็บ ถึงเห็นกระดาษที่ฉีกมาจากสมุดร่วงออกมา 
      ข้าน้อยหยิบขึ้นมาอ่าน 
      มันเป็นกระดาษที่เขียนตั้งแต่ตอนเรียนเรื่องห้องโน้ต จังหวะ เมโลดี้ 
      ท่อนเพลงสั้นๆที่พวกเราแต่งยกตัวอย่างกันตอนนั้นเขียนไว้ว่า
       ห้อง ของ เรา ห้อง ของ เรา อยู่ ที่ ไหน ก็ ไม่ สุข ใจ เท่า ห้อง ของ เรา


       


      เวลาของข้าน้อยในคืนนี้ใกล้จะหมดแล้ว หันไปมองโต๊ะกลางห้อง
       ยังมีหนังสือวางกองอยู่เป็นตั้ง รอให้ข้าน้อยหยิบมันมาท่องแบบเอาเป็นเอาตาย 
      การสอบเข้าต่อม.4โรงเรียนอื่นเป็นเรื่องที่ทำให้ใจหาย 
      ก่อนหน้านี้มันไม่เคยอยู่ในสารบบของพวกเรามาก่อน 
      ไม่เคยคิดถึงการต้องจากกันไป
       การสอบเป็นเรื่องสำคัญ 
      ขีดกำหนดอนาคตของเราให้ห่างไกลกันคนละฟากขอบฟ้า 
      เส้นทางการเดินทางถูกฉีกแยกออกตรงกลางสำหรับความฝันที่แตกต่างของเรา 
      ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา
       ก็รู้ว่าไม่มีทางจะจับมือกันไว้ได้ตลอดไป 


      และตอนนี้...ก็ถึงเวลาต้องปล่อยมือ

      .
      .
      .

      ยินดีที่ได้รู้จักดีใจที่เรานั้นเคยได้ใกล้ชิด
      ชีวิตฉันเคยมีเธอ
      มีวันที่เป็นพิเศษ มีคืนที่ได้ฝันดีอยู่เสมอ
      จนถึงนาทีสุดท้าย

      หมดเวลาแล้ว ฉันรู้ ฉันเข้าใจ
      ไม่มีเธอแล้ว ฉันอาจจะต้องเหงาใจ
      อาจจะเดียวดาย ไม่ดีเหมือนเดิม
      อย่างตอนที่ฉันมีเธอ
      จะไม่มีใคร คนอื่นมาแทนที่เธอ
      ก็ไม่เสียใจ

      ยินดีที่ได้รู้จัก..ดีใจที่เคยรักเธอกว่าคนไหน
      และฉันก็ยังจะรัก

      อย่างน้อยก็มีครั้งหนึ่งที่เราได้เคยซึ้งใจ
      ได้มีวันวานที่สวยงามให้จดจำ

      .
      .
      .

       ไม่เคยคิดอยากจากไปด้วยน้ำตาเลยนะ ไม่เคยคิดว่าคนเราต้องเสียใจทุกครั้งที่จากกัน 

      แต่วันนี้ ถึงเข้าใจเหตุผลที่ต้องร้องไห้
       
      เพราะต่อจากนี้...ไม่มีอีกแล้ว
       


      Host unlimited photos at slide.com for FREE!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×