ใครรักพ่อรักแม่บ้างคะ - ใครรักพ่อรักแม่บ้างคะ นิยาย ใครรักพ่อรักแม่บ้างคะ : Dek-D.com - Writer

    ใครรักพ่อรักแม่บ้างคะ

    อย่าให้วันที่เข้าใจคำว่า "พระคุณท่วมหัว" มันสายเกินไป ***อดีตไม่อาจหวนคืน อนาคตไม่อาจไขว่คว้า วันนี้คือสิ่งสำคัญ***

    ผู้เข้าชมรวม

    9,909

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    9.9K

    ความคิดเห็น


    28

    คนติดตาม


    12
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 52 / 20:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีค่ะคนกตัญญูทั้งหลาย

    *** ตอนอ่านบทความนี้ครั้งแรก ร้องไห้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซาบซึ้ง แทงใจ หรือเพราะว่าอ่านให้แม่ฟัง ตอนแรกๆ ก็ คิดจะอ่านเล่นๆ เพราะว่ามีญาติผู้ใหญ่เอามาให้ แต่อ่านยังไง ก็อ่านไม่จบซะที (มัวแต่ร้องไห้) ลองอ่านดูนะคะ บางทีอาจจะเคยอ่านกันมาแล้ว สำหรับที่มาไม่ได้แจ้งไว้นะคะเพราะไม่รู้ที่มาที่แท้จริง รู้แค่ว่ามาจากภาษาจีนน่ะค่ะ มีคนแปลไว้ ขอบคุณนะคะสำหรับบทความดีๆ สำหรับคนรักพ่อแม่ทั้งหลาย***

    พ่อแม่ก็แก่เฒ่า


    ภาพจาก http://developmentalidealism.org/img/taiwan/childElder.jpg

                    พ่อแม่ก็แก่เฒ่า                      จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
    จะพบจะพ้องพาน                               เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
    ใจจริงไม่อยากจาก                             เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
    แต่ชีพมิทนนาน                  ย่อมร้าวรานสลายไป

                    ขอเถิดถ้าสงสาร                   อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
    คนแก่ชะแรวัย                                     คิดเผลอไผเป็นแน่นอน
    ไม่รักก็ไม่ว่า                                          เพียงเมตตาช่วยอาทร
    ให้กินและให้นอน                             คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

                    เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง              ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
    ร้องไห้ยามป่วยไข้                               ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
    เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่                             แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
    หวังเพียงจะได้ผล                               เติบโตจนสง่างาม

                    ขอโทษถ้าทำผิด                   ขอให้คิดทุกทุกยาม
    ใจแท้มีแต่ความ                  หวังติดตามช่วยอวยชัย
    ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง                                     มีหรือหวังอยู่นานได้
    วันหนึ่งคงล้มไป                                  ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

    ***ขอขอบคุณบทกลอนดีๆ บทนี้นะคะ***

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "เมื่อฉันแก่ตัวลง....."


      ภาพจาก http://www.becnews.com/backissue/n_wongwean/27034801.jpg

      ภาพจาก www.becnews.com/backissue/n_wongwean/24104701.jpg

      ภาพจาก http://www.becnews.com/backissue/n_wongwean/12064802.jpg

         เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงาน ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลงแต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง...ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ

                  เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามากจนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 ปี เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้าน ของลูกแม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่... สำหรับคนอายุ 75ปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

      พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่นช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย.. แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ

      สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า
      ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้วแม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึมเหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย..

      พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้นแต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ

      ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
      ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น

      แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง
      มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว
      นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบแต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง

      ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
      จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้นแล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่าเมื่อฉันแก่ตัวลงตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004
      เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบทความนั้นคัดมาจาก นิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน

      ผมอ่านบทความนั้นทันที ...

      เมื่อฉันแก่ตัวลง.....ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน

      มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

      ถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง....ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า

      ขอให้คิดถึงตอนเธอเด็กๆ...ที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง

      ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆ ที่เธอรู้สึกเบื่อ

      ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ

      ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆ ซากๆ จนเธอหลับเลย

      ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้

      อย่าตำหนิฉันเลยนะ ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ได้ไหม

      ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบเพื่อให้....เธอยอมอาบน้ำ

      ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน

      จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถามทำไม ทำไม

      ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

      ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว

      ขอ....จงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน

      เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ

      หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด

      ที่จริงสำหรับฉันแล้ว....กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก

      ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน......ฉันก็พอใจแล้ว

      ตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง...ไม่ต้องเสียใจ...

      ขอให้เข้าใจฉัน....สนับสนุนฉัน

      ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

      ในตอนนั้น....ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต

      ตอนนี้....ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิต……

      โปรด....ให้ความรักและความอดทนต่อ....ฉัน

      ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ....

      ในแววตาอันฝ้าฟางของฉัน....มีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้

      ของฉันที่มีให้กับ..........เธอ

                  ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที.... เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นแม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนแรก แม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไป แล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป

      ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่า หนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผมและเหมือนกับว่า การที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้นผมได้กลับมาเป็นเด็กดี ของแม่อีกครั้งหนึ่งแม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว

      หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ เมื่อฉันแก่ตัวลงบทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบเอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป

      ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ ให้กับลูกๆทั้งที่พเนจรและไม่ได้พเนจรทั้งหลาย... ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่านหรือไม่ก็โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ.... ท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่า...แค่ได้รับรู้ว่า เราสุขสบายดี..ถ้าหากเราไม่สามารถไปเยี่ยมท่านได้...ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน...โปรดยิ้มให้กว้างๆ และยิ้มบ่อยๆ แม้ท่านจะมองไม่เห็น..แต่ท่านจะรู้สึกได้......

      ***ไม่ได้ระบุที่มาไว้นะคะ รู้แต่ว่ามาจากภาษาจีน คนโพสท์ไม่มีเจตนาเพื่อเงิน หรือทำลายสิ่งใด มีเจตนาดีๆ ที่อยากจะให้ทุกคนหันกลับไปมองพ่อแม่ที่บ้านที่นับวันก็จะอายุมากขึ้นทุกที ดูแลท่านดีๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ*** 

      PS.พ่อแม่สองคนเลี้ยงลูกสิบคนได้ แต่ลูกสิบคนอาจจะไม่มีใครเลี้ยงพ่อแม่แค่สองคนได้
      PS.2 ทำไมคนอ่านกันน้อยจัง.....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×