รัตนาคา - นิยาย รัตนาคา : Dek-D.com - Writer
×

    รัตนาคา

    เมื่อธิดาแห่งเมืองบาดาล หนีการแต่งงานมาเรียนรู้ชีวิตมนุษย์ จนกลายเป็นนักเขียน เรื่องราวมันน่าปวดหัว เพราะความงามของเธอ ดันเตะตา เศรษฐีและคุณชายตระกูลใหญ่ไหนจะต้องรับมือกับคู่หมั้นที่ขึ้นมาตามกลับไปอีก

    ผู้เข้าชมรวม

    154

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    154

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ส.ค. 65 / 22:59 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “เธอคือใคร”

    “เธอคือใครกันนะ ถึงทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขนาดนี้ ”

                ชรันปกรณ์ บ่นพึมพำอยู่คนเดียวหลังจากเงียบคิดไปครู่หนึ่ง ในหัวนึกไปถึงภาพหญิงสาวลึกลับคนหนึ่งที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัว เต็มไปหมด 

                “ คุณชรัน ไม่สบายหรือครับ”

                น้อยค่อย ๆ ถามเจ้านายของตัวเองเบา ๆ พร้อมนึกเป็นห่วงอยู่ในใจ ชายร่างสูงผิวขาว ใบหน้าคมคาย นัยน์ตาคู่งาม มองไปที่คนรับใช้ก่อนจะพูดขึ้น

                “ อ๋อ เปล่าหรอก ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ น้าน้อย มีอะไรทำก็ทำก่อนได้เลยนะ ผมยังไม่หิว”

                ชรันปกรณ์ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ในมือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เปิดหน้ากลับไป กลับมา ภาพหญิงสาววัยประมาณ 20 ต้น ๆ  ผิวขาว ร่างสูง ใบหน้ารูปไข่รับกับดวงตาคู่งามนั้นได้ส่งรอยยิ้มสะกดทุกคน ในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา 

    เธอขึ้นไปรับรางวัล สมญานามนักเขียนหน้าใหม่ นามปากกา “รัตนกร” เธอเป็นใครกัน ในวันนั้นหัวใจของชรันเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะเป็นผู้มอบรางวัลให้นักเขียนหน้าใหม่ เนื่องจากมูลนิธิของที่บ้านตนเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน

                “คุณสรชานี่เก่งมากเลยนะคะ พึ่งเป็นนักเขียนแค่ 2 ปี ยังสามารถล่ารางวัลใหญ่ ๆ ในประเทศมาได้ เก่งจริง ๆ ค่ะ”

                มือน้อย ๆ ขาว ๆ ได้ปัดเส้นผมตามไรผมออกลูบไปตั้งแต่โคลนจรดปลาย ผมเส้นไหมยาวตรงสลวยสวยงามนั้นยาวถึงเอว รับกับใบหน้ารูปไข่นัยน์ตามองและโค้งขอบคุณคนข้างหน้าที่ชมเชยตน 

                “ขอบคุณค่ะ พี่ปลาย รชาก็ภูมิใจค่ะ แต่กว่าจะเขียนได้ขนาดนี้ เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกันค่ะ เพราะต้องค้นหนังสืออ่านเยอะมาก ความรู้ในโลกมนุษย์นี้ช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกินค่ะ”

    “แหม ก็คุณสรชา เก่งมากขนาดนี้ไงคะ บอสถึงไม่กล้ายุ่งด้วย ว่าแต่ คุณรชาอ่านแต่หนังสือ อยู่แต่ในห้องสมุด ไม่เบื่อบ้างหรือคะ”

               หญิงสาวยิ้มหวานก่อนเอ่ยตอบ

                “ก็รชาอยากเป็นนักเขียนนี่คะ หัวใจของการเขียน คือ  การอ่าน ยิ่งเราได้อ่านมากเท่าไหร่ การเขียนของเราก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น ยิ่งเราได้อ่านมาก เราก็ยิ่งได้เรียนรู้ประสบการณ์ผู้อื่นที่ถ่ายทอดไว้มาก รชาต้องรีบค่ะ เพราะรชาอยู่เรียนรู้ที่นี่ได้ไม่นานนัก”

                “พี่ก็ใจหายเหมือนกันนะ ตอนที่คุณสรชา บอกจะอยู่สำนักพิมพ์เราแค่ 3 ปี คงเหลืออีกแค่ปีเดียวแล้วสินะคะ”

                รชายิ้มพยักหน้ารับ แต่นัยน์ตาคู่งามกลับซ่อนความเศร้าและความลับไว้มากมาย มากเสียจนรชาเองอยากลืมมันไปเสียให้หมด 

                “สรชา  สอ-ระ-ชา”

     สรชาเรียกชื่อตัวเองเบา ๆ พลางนึกเสียดายว่าคงใช้ชื่อนี้ในเมืองมนุษย์ได้อีกไม่นาน ‘สรชา ที่แปลว่าดอกบัว’ ในเมืองบาดาลแม้จะมีดอกไม้ แปลก ๆ งดงามอยู่มากมายแต่ดอกไม้

    ที่สรชาชอบที่สุด นั่นคือ ดอกบัว เพราะดอกบัวมีกลิ่นคล้ายกลิ่นกายของสรชาอยู่ 5 ส่วน ความเป็นธิดาพญานาค ผู้งดงาม แห่งเมืองสาคเรศนคร นั้นยังเป็นสิ่งที่สรชาคิดไม่ตกนัก การหนีคู่หมั้น หนีงานแต่ง จากเจ้าชายพญานาคต่างแดนนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หรือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตก็เป็นได้ ขณะคิดอยู่สรชาก็ค่อย ๆ ใช้มือขาว ๆ ที่นอกข้อมือถูกล้อมไปด้วยกำไลมรกตนาคเส้นงามจับหมุนพวงมาลัยอย่างชำนาญ ขับรถเลี้ยวเข้าบ้านไป

                สรชาขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ ได้ 2 ปีแล้ว ได้เรียนรู้ลักษณะนิสัย การใช้ชีวิต การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ การสื่อสาร หลากหลายรูปแบบ แต่ที่สรชารักชอบมากที่สุด คือ ‘วรรณกรรม’

    สรชาเรียนรู้เกี่ยวกับวรรณกรรมทุกประเภท งานเขียน นิทาน   ตำนาน จิตวิทยา หรือแม้แต่ เรื่องราวของเหล่าพญานาค           และวังบาดาลยังมีเขียนในวรรณกรรมของมนุษย์ 

                “ช่างวิเศษนัก”

    นั่นคือประโยคแรกเมื่อรชาเริ่มรู้จักงานเขียน รชาเรียนรู้มากมายยจนกระทั่ง ลองหัดเขียนด้วยตนเองมาเป็นระยะเวลาเกือบปี และปรากฏว่า มีผู้อ่านติดตามงานเขียนของรชามาก จนในที่สุดทำให้รชาได้รับรางวัล สมญานามนักเขียนหน้าใหม่ในงานสัปดาห์หนังสือ

    “ใครจะไปคิดล่ะเจ้าคะ ว่าผู้เขียนเรื่องราวของมนุษย์ จนได้รับรางวัลของมนุษย์นั้นคือ เจ้าหญิงพญานาค ฮ่า ๆ”

    เสียงหนึ่งดังมาจากในครัวพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ของ วารีนางกำนัลพญานาควัยกลางคน 

    “แหมพี่วารี ก็ พูดไป เดียวมีคนได้ยินหรอกค่ะ”

                สรชาตอบกลับเบา ๆ 

    “เจ้ารัตนกร เหลือเวลาอยู่บนโลกมนุษย์อีกแค่ ไม่นานแล้วนะเจ้าคะ เจ้าเรียนรู้ชีวิตมนุษย์ และการใช้ชีวิตต่าง ๆ ในโลกมนุษย์ไปทำไมหรือเจ้าคะ ท้ายที่สุด เราก็ต้องกลับไปอยู่ เมืองบาดาล สาคเรศนครของเราอยู่ดี

    “ ไม่รู้สิ พี่วารี ยิ่งเวลาข้าได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ข้าตื่นเต้น   แลรู้สึกว่าข้าช่างโง่เขลานัก ยิ่งข้ารู้มากขึ้นเท่าใด ข้ากลับรู้สึกว่าข้าโง่มากเท่านั้น ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าไม่รู้ ยิ่งจิตใจมนุษย์ ข้ายังเข้าไม่ถึงแม้สักนิด”

                พูดจบสรชาก็เดินไปห้องของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนทันที พลางนึกถึงดวงแก้วรัตนประจำกายของตน ที่บัดนี้มันถูกถอดเก็บไว้ ในบ่อน้ำพญานาคศักดิ์สิทธิ์ในเมืองบาดาล เพราะตนได้สัญญากับพ่อไว้ว่า หากครบ 3 ปี จะกลับ สาคเรศนคร ไปจัดการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อย หากตนไม่กลับ หรือ กลับไม่ทัน วันที่ 29 มกราคมของปีหน้า ที่เป็นวันขึ้นปีใหม่ของเมืองบาดาลแล้วไซร้ ตนจะต้องเสียดวงจิตนาคราช และสิ้นอายุขัยในที่สุด

                “คิดถึงดวงแก้วรัตนจังเลย พี่วารี ถ้ามีมัน รชาคงใช้พลังได้ในโลกมนุษย์”

                “ท่านเจ้าเมืองทำถูกแล้วเจ้าค่ะ ด้วยนิสัยของเจ้ารัตนกร

    ถ้าเจ้าใช้พลัง แบบผิด ๆ ขึ้นมาแล้วทำให้มนุษย์แตกตื่นจะเป็นผลร้ายมากกว่านะเจ้าคะ”

                “ก็บอกแล้วไง ให้เรียก รชา ไม่ใช่รัตนกร น่ะ พี่วารี”

    วารีกำนัลพญานาคเงียบไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

                “ขออภัยเจ้าค่ะ เจ้ารัตนกร”

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น