Puzvert
เรื่องราวของเด็กหนุ่มไร้สังคม กับเด็กสาวร่าเริง วันหนึ่งมีเหตุการณ์ปริศนาเกิดขึ้นกับเด็กสาวคนนั้น เธอกลายเป็นคนกระทำความผิด จนเด็กหนุ่มต้องเข้ามาหาความจริงต่างๆ เรื่องราวสุดเจ็บปวดจึงได้เริ่มขึ้น
ผู้เข้าชมรวม
45
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ
นี่คือนิยาย one short เรื่องแรกของเรานะ (มีฉากรุนแรงด้วย)
แนวไปเรื่อยสุดๆ (ถ้าอ่านจะรู้เลย555)
ถ้าคำไหนพิมพ์ตกไปก็ขอโทษด้วยนะ~
แล้วก็สำหรับเรื่องนี้ใช้เวลาแต่งนานมาก
แต่หวังว่าจะสนุกกันนะ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
โลกสมัยนี้ได้ปลี่ยนแปลงจากสมัยเมื่อก่อนมากทีเดียว ไม่ว่าจะเทคโนโลยี อาหารการกิน การใช้ชีวิตในสังคมเองก็ตาม
เด็กที่เกิดมาในโลกที่กำลังถูกพัฒนาเรื่อยๆนี้ ก็ต้องปรับตัวให้เข้าอยู่ในสังคมแบบนี้เช่นกัน แต่บางคนกับทำเช่นนั้นไม่
“แกๆ วันนี้ชั้นเพิ่งเจอคนหล่อๆด้วยแหล่ะ ดูสิๆ หล่อปะล่ะ”
“ไหนๆ …” ยื่นโทรศัพท์ให้ดู
“โครตหล่อ!! เย็นนี่ชั้นแอดไปหาเขาดีกว่า~ ”
“เธอก็เกินไปนะ ชั้นขอดูเฉยๆละกัน ”
“เห้ย!! ขอชั้นดูด้วยสิ!!!” เสียงบุคคลที่สามพูด
เหล่าสาวๆพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นแม้กระทั่งเพื่อนๆคนอื่นในห้องเรียน
ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีนักเรียนแทบจะทุกคนที่จะต้องมีเครื่องมือสื่อสารหรือ โทรศัพท์ แท็ปแล็ตต่างๆ ในการเรียนหนังสือ แต่คนส่วนมากมักไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านั้นแบบนั้ัน แต่ก็เพื่อเข้าสังคมและมีสังคมมากขึ้น
“เร็วๆ เข้าตี้มาๆ ชวนห้องข้างๆมาด้วยสิ”
“ได้ๆ”
“เร็วๆ เดี๋ยวจะเริ่มเรียนแล้ว!”
วันๆของนักเรียนในโรงเรียนนี้ก็จะประมาณนี้ มักจะมีสังคมขนาดย่อมๆ หรือขนาดใหญ่ พวกเขามีเครื่องมือสื่อสารพวกนี้เข้ามาเพื่อเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ เพื่อคลายเหงาให้กับตัวเอง และทำให้ตัวเองร่าเริงขึ้นเมื่อได้แบ่งอะไรก็ตามให้คนอื่นๆได้รับรู้
แต่ทุกสิ่งย่อมไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ก็มีคนอยู่กลุ่มนึงที่ใช่เป็นเช่นนั้นไม่ เขาชอบที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบด้วยตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นๆ โดยที่ก็ไม่มีใครตอบคำถามของคนกลุ่มนี้ได้เลยว่า เขา "เหงา" บ้างหรือป่าว?
ทุกเช้าของวันมักจะมีชายคนหนึ่งมาก่อนใครๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและนั่งพิงเก้าอี้ประจำโต๊ะของเขาดู
ความเงียบสงบสบายทั้งหูและจิตใจ เสียงนก เสียงลมพัดจนทำให้เขาจรรโลงใจ มันก็เป็นความสุขเล็กๆที่ชายคนนี้ชอบเป็นอย่างมากมาก
“ถึงจะไม่ได้ชอบอยู่คนเดียวก็เถอะ… แต่เงียบๆแบบนี้ แสงอ่อนๆแบบนี้ มันก็ดีอยู่เหมือนกันนะ”
เขาตั้งศอกและวางหน้าไว้บนมือของเขา เขาเสพกลิ่นอายในตอนเช้าที่ทำเป็นประจำ แต่ว่าทุกๆครั้งที่เขาได้เข้าห้องมาไม่นาน ก็จะมีคนเข้ามาเป็นกลุ่มๆ โดยชายคนนั้นก็มีคำถามที่อยู่ในใจเล็กน้อย
(ทำไมต้องมากันเป็นกลุ่มด้วยวะ… แถมเสียงดังเป็นบ้าเลย. . . )
สายตาของเพื่อนร่วมห้องจ้องมองที่เขาเหมือนทำเป็นไม่รู้จัก เป็นสายตาที่ชายคนนั้นไม่อยากจะสบตาด้วยเลยสักนิดเดียว ชายคนนั้นนั่งหันหน้าไปทางอื่น และเลื่อโทรศัพท์ไปพลางๆ
(อึดอัดชะมัด)
ชายคนนั้นตัดสินใจจะเดินออกไปจากห้องเรียน เพื่อหาที่ๆจะทำให้เขาสบายใจ เมื่อเดินออกไปถึงหน้าห้อง
เขากับได้ยินเสียงที่กำลังพูดถึงตัวเขาอยู่
“เห็นไหม … เราเข้ามาทีไร คนนั้นก็ออกไปทุกทีเลย” เสียงผู้หญิงพูดขึ้น
“เขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้นะ” เสียงผู้ชายตอบกลับ
“แต่ห้องนี้มันส่วนรวมนี่.. ใครจะเข้าออกไงก็ได้” เสียงเพื่อนอีกคนพูด
“เหตุผลนี้อีกแล้วเหรอ… ได้ยินจนเบื่อละนะ” เสียงผู้ชายพูด
(โดนนินทาอีกแล้ว…)
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเช่นนั้น ก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไร และเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า เพราะเป็นที่ๆเขาจะสามารถมีเวลาที่มีความสุขนั้นได้
.
.
.
แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงเวลาเข้าคาบเรียนของเขาจนได้ ชีวิตของชายที่สันโดษช่างลำบากหนักหนาสำหรับการเจอคนเยอะๆ เขามักจะหลบเลี่ยงตลอดเวลา
เมื่อเข้าคาบเรียน ชายคนนั้นตั้งใจเรียนและทำความเข้าใจอยู่ตลอด แต่ก็เหมือนได้ยินเสียงคนกำลังจี้หูเขาอยู่ เพื่อนร่วมห้องกำลังนั่งแอบส่องเรื่องราวของคนอื่น และพูดกับเพื่อนคนข้างๆโดยไม่สนใจอะไร มันทำให้ชายคนนั้นรู้สึกรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงเก็บความรู้สึกไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากจะมีเรื่องใส่ตัว
วันๆของชายคนนี้ก็ดำเนินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเหตุจำเป็นที่จะทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเรียนมาไม่กี่สัปดาห์ ก็มีเหตุที่โรงเรียนจะต้องให้เขาทำงานร่วมกันกับนักเรียนชั้นเดียวกัน
“หลังจากนี้ 1 สัปดาห์ ให้นักเรียนมาจัดห้องเรียนนี้ ให้เข้ากับงานนิทรรศการของโรงเรียนนนี้นะ อับดับแรกให้นักเรียนเสนอว่าจะทำเกี่ยวกับอะไร?”
(งานงอกละไง… คนเยอะอีกแล้ว…)
มีเสียงนักเรียนพูดปะทะกันจนฟังไม่รู้เรื่อง และหนวกหููจนชายคนนั้นปิดหูลง แต่ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกไปควบคุมสถานการณ์ไว้
“เงียบก่อนค่ะ! ค่อยๆพูดกันนะ!”
เสียงเด็กสาวคนนั้น คือ หัวหน้าห้องประจำห้องของชายคนนี้นี่เอง เธอได้ถูกรับเลือกโดยคนหมู่มากและเธอก็ยังเป็นมิตรกับทุกคนอีกด้วย
(อยากออกจากโลกใบนี้ไปชะมัด…)
“โอเคค่ะ .. งั้นค่อยๆทีละคนนะ..”
.
.
การเสนอเป็นไปได้ด้วยดี ต่อเป็นการแบ่งหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ชายคนนั้นไม่ชอบอย่างยิ่ง
“งั้นชั้นจะบอกแต่ละหน้าที่ ใครอยากทำอะไรยกมือเลยนะ… ส่วนถ้าใครไม่ยกล่ะก็ ถ้าเหลืออะไรเดี๋ยวชั้นจะค่อยๆเอาพวกเธอเข้าไปนะ”
เธอทำหน้าที่หัวหน้าได้อย่างไร้ที่ติ มันเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเธอ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้บรรยากาศในห้องร่าเริง สดชื่นขึ้นสำหรับพวกคนที่ชอบ แต่สำหรับชายคนนั้ันกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยล่ะ
(ก็ได้วะ… ครั้งนี้ครั้งเดียวละกัน…)
ชายคนนี้ได้เข้าสู่แผนกทำป้ายประกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนมากไม่อยากทำกัน เขามีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่จะต้องทำ
เขาจึงพยายามจะรังสรรค์ออกมาให้สำเร็จ แต่ว่าก็เกิดเหตุที่จะทำให้ชายหนุ่มคนนั้นลำบากยิ่งขึ้นไปอีก
“โอ้ย! !!!”
อยู่ๆหัวหน้าที่เดินตรวจงาน ดันล้มใส่ป้ายที่พวกเรากำลังทาสี จนตัวเธอเปื้อนสีไปหมด แต่ใช่ว่าคนรอบๆจะห่วงใยเธอ แต่กลับต่อว่าเธออย่างเสียๆหายๆ ทำให้เธอหลบตาลงและไม่กล้าสู้หน้าใคร
“ขอโทษค่ะ… ชั้นไม่ได้ตั้งใจ… อยู่ๆเหมือนถูกใครผลักน่ะ. . .”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย! ทำผิดก็ยอมรับมาสิ! ทำตัวให้สมกับหัวหน้าหน่อย” เสียงเพื่อนร่วมทาสีพูด
“ใช่ๆ เธอล้มเอง แถมยังทำให้พวกเราต้องทำใหม่อีก.. คิดว่ามันง่ายรึไง!” เสียงที่คอยบัพ
เธอเริ่มสั่นกลัวพวกเขา
“ป่าว… ชั้นขอโทษ… ขอโทษ… ~”
ทั้งสองคนนั้นมองเธออย่างไม่พอใจ และโยนงานนั้นให้เธอทำแทนซะอย่างงั้น เธอได้แต่ทำใจยอมรับความผิดนั้นของเธอไป ชายคนนั้นได้แต่มองเธออย่างน่าเวทนา และตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป
“อึ๊ก~ …. อึก~. . .” เสียงสะอื้น
น้ำตาของเธอไหลออกมาจากเบ้าตาของเธอ เธอพยายามกลั้นความรู้สึกนั่นไว้ เสียงนั่นทำให้เพื่อนร่วมงานได้ยิน แต่กลับไม่เข้าไปหาเธอเลย
(ทำไมไม่ปลอบเธอล่ะ… พวกแกเป็นเพื่อนกับเธอไม่ใช่เหรอ…)
ชายคนนั้นตัดสินใจเอาแปรงสีออกจากมือของเธอ และพาเธอนั่งลงดีๆ และพูดคุยอย่างช่วยไมได้้
“ทำไมถึงยอมพวกนั้นด้วยล่ะ…” ผู้ชายพูด
“อึก… กะ….ก็ชั้นทำงานพวกนายพังไง…. อึก ชั้นต้องรับผิดชอบค่ะ…”
“แต่ว่าเธอบอกโดนผลักไม่ใช่เหรอ… แบบนั้นเธอเองไม่แฟร์เลยนะ…”
“ฮืออ~ อืม~~ ไม่แฟร์เลย~”
เด็กสาวคนนั้นพยายามจะประคองสติ และจับแปรงสีขึ้นมา ทำให้ชายคนนั้นเอามือเข้ามาขวางไว้
“หยุดเถอะ… เธอไม่ได้อยู่ในหน้าที่นี้… ไว้ตรงนี้ผมจะทำเอง ไปได้แล้ว”
“แต่ชั้นทำมันพังนะ…”
“ไปเถอะ… เธอคงไม่อยากอายที่ตัวเธอเลอะสีแบบนี้อยู่ใช่ไหมล่ะ…”
“…”
ถึงชายคนนี้ถึงจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย แต่ก็รู้วิธีการที่จะพูดคุยและสื่อสารโดยไม่ให้กระทบกับตัวเอง
จริงๆเขาอาจจะรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนั้นอยู่ก็เป็นได้
(ทำไมต้องตะคร่อกใส่ผู้หญิงด้วย… มันดูไม่แมนจริงๆ ไอ่คนพวกนั้น)
.
.
.
(วันต่อมา)
หลังจากที่ค้างงานไว้ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าวันนี้อาจจะทำงานนี้เสร็จ แล้วกลับไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่นี้ก็เป็นเพียงความคิด เขาจับแปรงสีและจุ่มสีไป ทำให้เขารู้สึกถึงคำว่า "สมาธิ" หยดสีค่อยๆไหลย้อยหยดลง มันทำให้เขารู้สึกเพลิน
แต่ว่าทันใดที่เขาจะปาดแผ่นป้ายนั้น ก็มีคน 2 คนที่กำลังพูดนินทาถึงใครบางคนขึ้นมา มันรู้สึกทำให้เขาไม่สบายใจ
“นี่ๆ รู้ไหม.. หัวหน้าไปทำงานคนอื่นพังอีกแล้วล่ะ.. เห็นว่าถูกด่าจนเธอร้องไห้ออกมาเลยล่ะ. . .”
“เอ… สงสารจังนะ”
“นั่นน่ะสิ เห็นเธอบอกว่า "ชั้นไม่รู้เรื่อง ชั้นเพิ่งเดินเข้ามาดูงานเฉยๆน่ะ" ประมาณนั้น"
“โห… แล้วทำไมเราไม่ไปช่วยเธอล่ะ”
“ตายน่ะสิ… ไม่รู้เหรอ… หัวหน้าน่ะ ถึงจะดูเป็นคนดีและที่นิยม แต่ก็มีคนเกลียดมากด้วยเหมือนกันนะ บางคนไม่รู้เรื่องอะไร ก็ทำเป็นเกลียดซะอย่างงั้น. . .”
ทั้งสองคุยกันไปจนกระแทรกเข้าหูของชายคนนั้น เขาไม่่รีรอที่จะทิ้งงานของเขา และเดินเข้าไปหาเธอ
ภาพที่เขาเห็นคือ เด็กสาวที่กำลังถูกเพื่อนที่กำลังกระชากคอเสื้อของเธอขึ้น มันทำให้คนอื่นๆมองดูอยู่เฉยๆ
ชายคนนั้นเห็นจึงออยู่ไปเพื่อจะห้ามไว้
“ปล่อยนะ! เธอไปทำอะไรให้นายวะ!”
“ไอ่เนี่ย! รู้ไหมมันทำอะไร… มันน่ะ เข้ามาพังข้าวของที่พวกเราทำ เมื่อวานพวกเราทำลิบบิ้นได้เยอะมาก แต่พอเช้ามาก็เหลือแต่เศษซากลิบบิ้น และเธอยังถือกรรไกรและอยู่ใกล้ๆลิบบิ้นนั้นด้วย!!”
“ไม่…… ไม่……ไม่ได้ทำ…”
“เงียบ!!”
เธอคดตัวเข้ามาเกาะหลังชายคนนั้น เพื่อให้เขาได้ปกป้องเธอไว้ แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น 2 ครั้งแล้ว
จนเริ่มดูเหมือนมีอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวของเธอ
“มันต้องมีคนที่แกล้งเธอแน่ๆ!” ชายคนนั้นพูด
“ห๊ะ!”
“มันมีคนแกล้งเธอยังไงล่ะ!! พวกนายหรือคนในห้องก็เกลียดเธอกันไม่ใช่รึไง” เธอถึงกับหยุดสะงัก
เสียงคนรอบๆเริ่มพูดคุยกันจนเกิดเป็นเสียงนินทาขนาดกว้าง เด็กสาวคนนั้นถึงกับตระหนักถึงความทรงจำของเธอ
“จริงเหรอ…. ทำไมล่ะ….. ชั้นพยายามอยู่ตลอดแท้ๆ…” เสียงเด็กสาวคนนั้นพูด
“…(ชิบหายละ)”
คนอื่นๆเงียบกริบ ทั้งๆที่เธอพยายามสบตาทุกๆคน แต่ว่ากับถูกหลบตาตลอด มันทำให้เธอรู้สึกช็อคอยู่เหมือนกัน
(ย้อนกลับไปตอนที่เรียนตามปกติ)
เด็กสาวคนนี้พยายามมองหาเพื่อนๆใหม่ๆอยู่ตลอด และลองเข้าไปทักดู เธอทั้งร่าเริง นิสัยดี และเรียบร้อย
“นี่ๆ.. พวกเธอชื่ออะไรบ้างน่ะ ชั้นชื่อ เอ็กซ์ นะ”
จากนั้นพวกเธอก็ตอบกลับมา ไม่นานมากนัก กลุ่มเพื่อนๆก็แอบและหลบเอ็กซ์เรื่อยมา ทำให้เธอก็เข้าไปหาเพื่อนๆคนใหม่ๆเรื่อยๆ มันทำให้เธอเหมือนกับพเนจรที่ล่อนไปตามคนที่เดินผ่านทางเข้ามาหาเธอ
“เหงาจังนะ… โอ้-!”
เมื่อเจอคนอื่นๆ เธอก็อยากจะรู้จักมากขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เหมือนกับสัญชาตญาณที่ต้องการคนหมู่มาก เพื่อความอุ่นใจของเธอเอง
ผ่านไปไม่นานมาก เธอก็ดันเจอเพื่อนกลุ่มแรกของเธอที่จากกันไปไม่นาน ทำให้เธออยากที่จะถามและเคลียร์ใจกับคนกลุ่มนั้น
“ทำไมอยู่ๆถึงไม่ให้ชั้นอยู่ด้วยเหรอ. . .”
“…”
“ทำไมเหรอ…”
“เธอเข้ากับพวกเราไม่ได้น่ะ…”
เป็นคำตอบที่ทั้งกำกวมและทำให้เอ็กซ์สับสนเป็นออย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็เอามันกลับมาคิด
(เข้ากับพวกเราไม่ได้…. ยังไง…. มันคืออะไร….)
เธอไม่เข้าใจมันและคอยตั้งคำถามนี้อยู่เรื่อยมา ระหว่างนั้นเธอก็รู้จักคนอื่นๆอีกมาก และมีคนเข้ามาทักอยู่มาก
จนกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน และต่อมาก็มีข่าวลือแปลกๆออกมาเรื่อยๆ จนเธอยังตกใจกับตัวเอง
“เห้ย!! ผีหลอก!!” เสียงเพื่อนๆห้องอื่น เมื่อเห็นเธอ
“… มีอะไรเหรอ. . .” เธอสะดุ้งและมองเพื่อนที่กำลังตกใจเธอ
“ยังไม่ตายใช่ไหม… พอดีได้ยินว่า เธอถูกคนใช้มีดจวกท้องตายมาน่ะ”
“…”
เธออ้าปากค้างอย่างสับสนมึนงง แต่นั้นก็เป็นบาดแผลที่เล็กน้อยของเธอ และก็มีข่าวลืออีกมากจนเธอเริ่มรู้สึกปิดกั้นตัวเองขึ้นมา เธอเริ่มไม่เข้าไปทักคนอื่นๆเพิ่ม แต่กลายเป็นถูกทักแทน
“เอ็กซ์… เมื่อวานเธอไปนวดมาเหรอ… สบายล่ะสิ 555”
“…….”
เพื่อนคนนั้นทักและเดินจากไป ทิ้งบาดแผลที่ไม่ให้เธอได้ลืมเลือนนั้นฝังเข้าไปในจิตใจของเธอ การสร้างสังคมของเธอกลับกลายเป็นมีดที่เข้ามากรีดหัวใจของเธอ
(ชั้นไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย…..)
.
.
.
“อืม… คงจะอย่างงั้นแหล่ะ…”
เด็กสาวพยายามกลั้นน้ำตานั้น และค่อยๆพูดออกมา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ก็ยิ่งเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครเลยที่จะสนใจเธอ ไม่ว่าจะเดือดร้อน หรือเป็นทุกข์อะไร
แต่คนๆนั้นก็ยังไม่หยุดที่จะทวงคืนความยุติธรรมที่งานของพวกเขาเสียหาย และยืนกรานให้เธอชดใช้มา
“แล้วลิบบิ้นล่ะ ใครจะรับผิดชอบ…”
“….. ทำใหม่ไม่ได้รึไง… ยังจะกล้าให้ผู้หญิงให้มาทำรึไง?”
ชายคนนั้นพูดอย่างไม่เกรงใจคนๆนั้น มันทำให้เขาโมโหและจะใช้มือชกไปที่หน้าของชายคนนั้น แต่ก็มีเสียงๆหนึ่งดังออกมา
“หยุดนะ!!!!!!”
เสียงเด็กสาวคนหนึ่งตะโกนออกมา เธอเหงื่อย้อยไหลลงมา เหมือนเพิ่งกำลังวิ่งมาถึงไม่นานมาก
ทำให้้คนๆคนนั้นหยุดการชกไว้ได้
“ทำไม…. คิดจะเข้ามาขว้างเหรอ…” เสียงคนๆนั้นพูดขึ้น
“ป่าว…. ชั้นจะทำเองค่่ะ…” เสียงเด็กสาวปริศนาตอบกลับ
“งั้นก็ดี… ไปๆ วันนี้ฟรีโว้ย ไม่ต้องทำงานแล้ว”
ชายคนนั้นถึงกลับหันมามองเด็กสาวคนนั้น เขาเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวคือ บนดาดฟ้า ภาพในหัวของเขาแวบขึ้นมา แต่ว่าทำไมเธอถึงยอมมาช่วยล่ะ
“เธอ…..”
“ไม่ต้องๆ… เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ… ถึงจะเจอกันแค่ครั้งเดียวก็เถอะ…”
“เดี๋ยวสิ!… เธออยู่คนละห้องนะ ทำไมถึงยอมมาช่วยล่ะ”
เธอถอนหายใจ และพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“เพื่อน… ไม่มีนอกจากคำอื่นแล้ว… แถมนายก็เป็นคนเดียวที่ชั้นรู้จักด้วยน่ะสิ… ต้องปกป้องพวกเดียวกันอยู่แล้วสิ”
“งั้นหรอกเหรอ…. ขอบคุณนะ… เออ… เธอ ชื่อ…”
“เรียกว่า ซี ก็ได้”
“อืม… ซี สินะ ผมชื่อ อิน นะ”
ซีมองข้ามตัวชายคนนั้น และมองเด็กสาวที่กำลังเสียใจอยู่ข้างหลังของเขา
“แฟน?”
“ไม่ใช่.. เพื่อนน่ะ… เธอถูกใส่ร้าย”
“นั่นเหรอ…”
ซีค่อยๆเดินเข้าไปเพื่อทำความรู้จัก แต่เอ็กซ์กับไปกล้าให้เธอเห็นใบหน้าสุดน่าสมเพจนั้นของเธอ
“ชั้น ซี นะ ชั้นเป็นมิตรไม่กัดเธอหรอกนะ…” เอ็กซ์ค่อยๆหันหน้ามองเธอ
“อ..เอ็กซ์….ค่ะ….”
(ตอนเย็น)
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็หันมาทำลิบบิ้นเพื่อจะใช้คืน ในสิ่งที่ตัวทั้งสามก็ไม่ได้เป็คนทำ ระหว่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนงานเสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณที่เหนื่อย… วุบ!”
“เช่นกันค่ะ เอ็กซ์ก็ดีใจหน่อยสิ… เสร็จแล้วนะ…”
“อืม… พรุ่งนี้ชั้น. . .”
เธอหยุดพูดกระทันหันจนอินหันเข้ามามองหน้าของเธอที่ดูเหมือนกำลังเศร้าสร้อย
“หยุดคิดได้แล้วๆ… ตอนนี้เธอทำทุกอย่างเสร็จแล้วนะ พรุ่งนี้เธอแค่เช็คงานเองไม่ใช่เหรอ”
“อืม… แต่ว่า ชั้นอาจ-”
เธอหยุดพูดอีกแล้ว และดูเหมือนครั้งนี้เธอจะเสียความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา
“ผมเป็นกำลังใจให้เธอละกันนะ.. พรุ่งนี้เจอกันใหม่ก็ได้นะ” อินพูด
“อืม… ชั้นจะค่อยๆเข้ามาหาพวกเธอเป็นระยะๆนะ” ซีพูด
.
.
.
(วันต่อมา)
เสียงโวกเวกโวยวายดังขึ้น ดูเหมือนว่าครั้งนี้ อุปกรณ์เครื่องครัวจะหายไปจากห้อง และเริ่มมีการกล่าวหากันไม่เรื่อย
แถมเอ็กซ์ก็ยังเป็นคนก็ถูกกล่าวหาเหมือนเดิม
“ไม่… ชั้นไม่เกี่ยวนะ… ชั้นคอยดูงานอยู่เลย..”
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง…!”
“…”
(อีกแล้วเหรอ… ชั้นต้องมารับผิดในสิ่งที่ชั้นไม่ได้เป็นคนทำ)
เธอตัดสินใจวิ่งหนีออกไปจากในห้อง และวิ่งผ่านชายคนนั้นอย่างเคย หางตาเขาเลือบไปดูเธอ พบว่ากำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า
(ไปไหนของเธอน่ะ!)
ณ ดาดฟ้า สถานที่ที่เงียบสงบอยู่ตลอด วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มเหมาะสำหรับฝนตกเป็นอย่างมาก
เธอวิ่งและเปิดประตูออกมา และค่อยๆเดินไปที่รั้วกั้นขอบดาดฟ้านั้น
“ชั้นผิดเอง… ที่เกิดมาให้ทุกคนเดือดร้อน… ชั้นผิดเองที่่ทำให้เรื่องบ้าๆนี่มันเกิดขึ้น…. ชั้นผิดที่เข้าไปทักเพื่อนๆทุกคน”
เธอจับรั้วที่กั้นเพียงแค่เอวของเธอ และมองลงไปข้างล่าง มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นใจและสั่นเป็นอย่างมาก
น้ำตาที่เสียใจกับทุกๆสิ่งที่เธอทำไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ชั้นอยากตาย~~~ ชั้นไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว~~ ทำไมมีแต่คนบอกว่าชั้นผิดด้วย~~!!”
เธอค่อยๆปีนรั้วเพื่อจะหย่อนตัวลงจากดาดฟ้าของตึกนี้ เธอกำรั้วกั้นแน่น และแล้วชายคนนั้นวิ่งเข้ามาพบเธอพอดี
“หยุดนะโว้ย!! โง่รึป่าว!!” เธอหันกลับไปมอง
“อื้อ~~!!! อื้ออออ~~! ชั้นไปก่อนนะ~~~”
มันคือครั้งแรกที่อินได้เห็น คนที่จะกระโดดตึกจริงๆครั้งแรก หัวใจของเขาล่มไปที่ตาตุ่ม เขาหายใจแรงเหมือนกับขาดอากาศหายใจมานาน เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างกับเดินอยู่บนเส้นด้ายเส้นเดียว
“อย่านะ . . .~~. . . อย่าเด็ดขาด. . .”
“อย่าเข้ามานะ!… ชั้นเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว~…”
เธอกลืนน้ำลายและสั่นกลัว สีหน้าของเธอทั้งอยากจะคลื่นไส้ จะเป็นลม หายใจไม่ทั่วท้อง และกดดัน
ใจของเธอมันครึ่งๆกลางๆ และระบายออกมาด้วยการร้องไห้
“เราเป็นเพื่อนกันนะ! จะทิ้งผมงั้นเหรอ. . .”
“เห… ชั้น…~~”
“ถ้าไม่อยากทิ้งเพื่อน …. อย่าตายสิ!”
“…อึ๊ก!!”
ชายคนนั้นวิ่งเข้าไปจับตัวเธอจนได้ และโอบกอดเธอไว้ไม่ให้หล่นลงไป เธอกอดตัวเขาแน่นและขอโทษเขาอยู่เรื่อยๆ
“ชั้นขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ …!!! ชั้นมันโง่เอง ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“อืม…”
อิินพาเธอข้ามกลับมาอย่างปลอดภัย ทั้งสองหมดแรงจนนอนลงอยู่กับพื้น ใจของทั้งสองรู้สึกหวิวๆและตรุ่มๆตร่อมๆ และฝนก็ตกลงมา ทำให้พวกเขาเปียก
“เราไปข้างในก่อนดีไหม”
“ไม่… ขออยู่ตรงนี้แปปนึง”
เธอนอนดูเม็ดฝนที่ตกลงมา มันก็เหมือนกับเธอที่ถูกเพื่อนๆต่อว่าเธอ หรือเรื่องแย่ๆที่เกิดกับเธอ เธอนอนซึมซับความรู้สึกเจ็บปวดนั้น
“ชอบฝนงั้นเหรอ…?” อินถาม
“ป่าว… แค่รู้สึกน้ำฝน ก็เหมือนเรื่องที่มันเข้ามาหาชั้นน่ะ”
“…”
"มีทั้งดี และไม่ดี… เมื่อก่อนชั้นคิดว่าฝน มันคือน้ำตาของพวกคนจากบนฟ้านะ เป็นน้ำตาความเศร้าด้วยความเสียใจ
แต่จริงๆแล้ว น้ำตาของคนพวกนั้น อาจจะไม่ได้เศร้าอยู่ก็ได้ เขาอาจจะดีใจจนน้ำตาไหลก็ได้"
ชายคนนั้นมองหน้าของเธอ ใบหน้าที่กำลังยิ้มให้กับธรรมชาติ ซึ่งเขารู้จักความรู้สึกนั้นดี เลยหมดห่วงเธอได้แล้ว
และค่อยๆพยุงตัวเธอเข้าไปในอาคาร
“ขอบคุณที่มาร่วมทุกข์กับชั้นมาโดยตลอดนะ…”
“ด้วยความยินดี แค่เห็นเธอกลับมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว…”
“งั้นชั้นไปทำตามหน้าที่ก่อนนะ”
อินจับมือเธอแน่นไม่ปล่อย จนเธอตกใจการกระทำของเขา แต่เธอก็อาจจะรับรู้ความรู้สึกเขาได้อย่างนึง
“กลัวชั้นไปโดนอะไรงั้นเหรอ…” เขาพยักหน้า
“วันนี้อยู่กับผม เพื่อความปลอดภัยของเธอด้วย…”
“เอาสิ..”
อินตัดสินใจพากันไปในห้องพยาบาลที่ไม่มีใครอยู่ ทั้งสองเข้าไปในนั้น อินล็อคประตูล็อคจนทำให้เอ็กซ์รู้สึกระมัดระวังตัวมากขึ้น
“จะทำอะไรอะ…!”
“เผื่อมีใครมาเห็นคงไม่ดีน่ะ..”
เธอหน้าแดงขึ้นและมองหน้าด้วยสายตาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
“ก่อนอื่นถอดชุดก่อนเถอะ.. เปียกหมดแล้วนั่น”
“อืม~”
ทั้งคู่หันหลังให้กันและตากเสื้อผ้าไว้คนละที่ ใช้เครื่องทำความร้อน(Heater) เป่าเสื้อผ้านั่น โดยไม่รูุ้ว่ามันจะเป็นอะไรรึป่าว ระหว่างนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน
“นึกว่าจะทำอะไรกับชั้นซะอีก ตกใจหมดเลย…”
“เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อกี้ขึ้น ใครจะไปมาอารมณ์ทำแบบนั้นกัน… อยู่ที่นี้จนกว่าเสื้อจะแห้งเถอะ…”
เอ็กซ์รู้สึกเพลียจนนอนลง อินได้ยินเสียงก็พอรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ และเขาก็นอนตาม เพื่อจะได้ผ่านวันที่ฝนตกไปได้
.
.
.
.
.
(ตอนเย็น)
หลังจากนั้นพอเอ็กซ์ตื่นขึ้นมา เธอก็ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย และนั่งเฝ้ามองอินที่นอนหุ้มผ้านั้นอยู่ จนเธอคิดอะไรประหลาดๆออกมา
“เขาว่ากันว่า ระหว่างขาผู้ชายจะมีหนอนซ่อนอยู่สินะ… หน้าตาเป็นยังไงกันนะ”
*เอ็กซ์ ผู้ไม่เคยรู้เรื่องดำมืด*
อยู่ๆระหว่างขาของอินก็เหมือนมีอะไรนูนออกมา ทำให้เธอใช้มือปิดหน้าและค่อยๆเข้าไปดู
“หรือว่า… นี่คือ!”
และจากนั้นมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างกับเนินเขา มันทำให้เธอขวัญผวาจนล้มก้นจ้ำเบ้า เธอหน้าแดงโดยไม่ทราบสาเหตุ และลุกขึ้นดูอีกรอบ
“หนอนงั้นเหรอ…..?”
อินได้ตื่นขึ้นและพบได้ว่า เธอกำลังจ้องมองลูกของเขา จนเขาปาหมอนใส่หน้าของเธอ
“เห้ย!!! ทำอะไรเนี่ย!!”
“ไม่ใช่! ก็ระหว่างขานาย มันมีอะไรไม่รู้อยู่่ในนั้นน่ะ… ชั้นอยากรู้เฉยๆเอง”
“เมื่อกี้แมวมันเดินเข้ามาในผ้าห่ม แมวนั่นแหล่ะ”
/////
หลังจากนั้นก็เตรียมงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งถึงวันงานจริง เอ็กซ์ผู้ร่าเริงก็เช็คจำนวนคนทั้งหมด และออกไปเที่ยวงาน โดยระหว่างนั้นอินก็เสร็จงานแล้ว เลยคิดว่าจะชวนกันไปเที่ยวงานด้วยกัน
“ไปเดินด้วยกันไหม?”
“เอาสิ.. อยู่เฉยๆก็คงเบื่อด้วย…”
ทั้งสองเดินไปในซุ้มต่างๆด้วยกัน และซื้อข้าวของกินกัน อย่างสนุกสนาน โดยลืมเรื่องทั้งหมดไป
พวกเขานั่งพักกลางพื้นที่สาธารณะที่ไม่ค่อยมีคนมาก
“วันนี้สนุกมากเลย..”
“อืม.. ดีมากเลย…”
“ไว้เรามาแบบนี้กันบ่อยๆนะ”
“ได้สิ”
อยู่ๆก็มีผู้หญิงนิรนามเดินเข้ามาหาเอ็กซ์ด้วยความไม่พอใจ และกระชากเสื้อเสื้อเธอขึ้นมา จนอินเข้ามาแยกไว้อย่างตกใจ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่หยุด เธอด่าทอด้วยความเกลียดชัง พร้อมคลิปวิดีโอที่เอ็กซ์ทำการตัดเครื่องแบบประจำซุ้มของเพื่อนร่วมห้องขาดจนเละไปหมด
“ไม่ใช่…~ ไม่~” เอ็กซ์ตกใจเป็นอย่างมาก
“ก็นี่ไง หลักฐานน่ะ!!”
ผู้หญิงนิรนามถือกรรไกรพร้อมจะจ้วงใส่เธอ แต่ว่าชายคนนั้นกับเตะมือเธอจนกรรไกรกระเด็กออกจากมือไป
“หยุด!! เอ็กซ์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ!”
“แล้วคลิปนี้ล่ะ!! ก็เห็นได้ว่าเธอทำ!!”
อินก็ต่างพูดไม่อออก และหยิบมือถือของเขามาดู คลิปเป็นลักษณะภาพขาว-ดำ จนพบได้ว่านั่นคือคลิปเมื่อผ่านไป 5 วันก่อน เธอได้รับหน้าที่กำจัดตัดเสื้อที่ทางเพื่อนๆได้ตัดสินใจเปลี่ยนชุดกัน และมอบหมายให้เอ็กซ์ตัดมันให้เป็นชิ้นเล็กๆ ซึ่งตอนนั้นชุดคือสีเขียวเข้ม
“เห้ย! นี่มันคลิปเมื่อตอนไหนไม่ทราบ! ชุดนั้นไง ที่พวกเธอสั่งให้เอ็กซ์ตัดทิ้งน่ะ!”
“จะไปรู้เหรอ!! แต่เอ็กซ์เป็นคนตัดมันนะ! แล้วชุดนั่นสีเขียวเข้มนะ แต่ในคลิปมันสีดำ!!"
“แล้วทำไมต้องปรับภาพเป็นขาว-ดำล่ะ. . . ทำไมล่ะ…”
“…”
อินคอยโอบเอ็กซ์ไว้ และชี้หน้าของหญิงคนนั้นที่กำลังดูเหมือนเธอคนนั้นจะสับสนเล็กน้อย และเดินจากไป
ทำให้พวกเขาโล่งใจมากทีเดียว
“ไม่เป็นไรนะ… ผมจะช่วยเอง…”
“…..”
เธอทำหน้าเศร้าอีกแล้ว สีหน้าอมทุกข์ของเธอ ทำให้้ชายคนนั้นต้องหาวิธีทางที่จะจริงจังกับเรื่องนี้ และแล้วจึงตัดสินใจจะแก้ไขปริศนาที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนทำไว้
“ใครมันบงการเรื่องนี้กันแน่!”
ทั้งความโกรธ ทั้งความแค้น ทั้งความเกลียดชัง ได้หลอมรวมเข้ามาในจิตใจของชายคนนี้ เขาเดินไปที่ๆเกิดเหตุและพบกับซีที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ซีหันมาเจออินพอดี
“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ! เห็นห้องของนายส่งเสียงไม่พอใจ…”
“ไม่รู้สิ.. เหมือนจะมีใครสักคนกำลังแกล้งเอ็กซ์อยู่ ผมกำลังหาตัวน่ะ…”
“…”
แต่จะให้ชายคนนั้นมองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบพิรุธของใครๆเลย เขาจึงกลับมาหาเอ็กซ์ที่กำลังนั่งเธอที่ๆเดิม
“อิน…. ชั้นอาจจะเป็นคนทำก็ได้้…”
“พูดอะไรน่ะ… เธอบริสุทธิ์นี่ ใช่ไหม?”
“แต่ทุกๆความผิดมักจะเป็นชั้นเสมอ… ชั้นยอมแพ้และไปขอโทษพวกเขาดีกว่านะ…”
อินได้แต่กัดฟัน และจับไหล่ของเธอทั้งสองข้าง และเรียกสติของเธอ
“หยุดกล่าวหาตัวเองผิดๆได้แล้ว! เธอไม่ได้ทำไม่ใช่เหรอ!!”
“อืออ~~~!!”
เอ็กซ์ทั้งอ่อนไหว และอ่อนแอต่อเรื่องพวกนี้มาก จนแทบจะเอนตัวเข้าไปหาชายคนนั้นที่ปกป้องเธอ เขารู้สึกผิดที่ไม่สามารถจับผิดใครได้เลยเหมือนกัน
“แค่นี้ยังน้อยไป…” เสียงปริศนาดังขึ้น
เป็นเสียงอ่อนๆเบาๆ แต่ด้วยความสะเพร่าของคนๆนั้น ทำให้เสียงที่ได้ยินสอดเข้าไปในหูของชายคนนั้น เขารีบพุ่งตัวไปที่ต้นเสียงนั้นด้วยความรวดเร็ว และทิ้งเอ็กซ์ไว้
“แก!!!”
“-!!!”
เมื่อชายคนนั้นไปถึงต้นเสียง ก็ปรากฎผู้คนจำนวนมากกำลังเดิน ซื้อของกัน จนเขาหาไม่พบ แต่เหมือนสวรรค์จะไม่ทอดทิ้งเขาไป เขาพบกับเพื่อนของเขาอีกครั้ง
“ซี! เห็นคนที่มีพิรุตบ้างไหม”
“ป่าวนิ… แล้วนายมาคนเดียวเหรอ?”
“ป่าว มากับเอ็กซ์น่ะ แต่ว่าเมื่อกี้เหมือนจะเจอคนที่ผมตามหานะ”
“อืม… ระวังตัวไว้ล่ะ… นายกำลังจะกลายเป็นเป้านะ”
หลังจากวันนั้นไปก็ไม่สามารถค้นหาคนปริศนาและเสียงปริศนานั่นได้อีกเลย และกลับกลายเป็นว่า เอ็กซ์ก็ไม่กล้ามาโรงเรียนอีกเลยเช่นกัน…
“นี่ๆ นายน่ะ รักเธอเหรอ นั่งคิดถึงเธออยู่ล่ะสิ 555” เพื่อนๆในห้องล้อ
“แหม๋ๆ ทั้งที่ทำตัวไม่ดีแบบนั้น ยังมีคนมารักได้ล่ะเนอะ…”
“เธอไม่ใช่คนแบบนั้น!!”
ชายคนนั้นตะโกนออกไป แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ มันเหมือนบาปหนึ่งประการของเขา ที่ลบล้างความเชื่อของคนอื่นๆไม่ได้ แม้กระทั่งเพื่อนๆของเขาเอง
(ตอนเที่ยง)
“อ่าว… เอ็กซ์ไม่มาเรียนเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เป็นห่วงนิดหน่อยแฮะ…”
“งั้นพวกเราไปเยี่ยมเธอกันไหม? อยากเจอน่ะ”
“เอาสิ”
พวกเราตัดสินใจจะเข้าไปหาเอ็กซ์ ที่ไม่รู้เหตุผลที่เธอไม่มาโรงเรียน ชายคนนั้นมองผู้หญิงข้างๆเขาอย่างสงสัย
และลองถามอะไรสักประโยค
“ถ้าเธอเป็นคนรังแกเธอ เธอจะรู้สึกยังไงเหรอ?”
“… ถามอะไรน่ะ… ไม่ชอบเลยนะ ที่จะให้ตอบน่ะ”
เธอหลีกเลี่ยงจะตอบคำถาม ซึ่งก็แทบจะทำให้เขายิ่งมองผู้หญิงคนนั่นแปลกอีกคน แต่จะให้สงสัยคนที่เข้ามาช่วยพวกเราทำลิบบิ้นมันก็ดูไม่ถูก ผู้ชายคนนั้นยังคิดอย่างสงสัย
จนกระทั่งเลิกเรียน พวกเราก็เดินและเยี่ยมบ้านจะเอ็กซ์ แต่ก็ไม่มีใครมีเปิดประตู พวกเราเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปด้วยความเป็นห่วง และเดินเข้าไปในหลายๆห้อง แต่ภาพที่ไม่อยากเห็นก็เกือบจะเกิดขึ้น เอ็กซ์กำลังแคว้นคอตัวและดื้นไปมาอย่างทรมาน ซีและอินเห็นเธอในสภาพนั้น อินจึงเข้าไปแก้ปมเชือก และอุ้มเธอที่ไร้สติลงดีๆ โดยที่ซีก็เข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“เอ็กซ์!!! เอ็กซ์!!! ได้ยินไหม!!”
“…”
เอ็กซ์น้ำลายฟูมปากจนไม่ได้ยินอะไร อินจึงเรียกรถพยาบาลเข้ามา และส่งโรงพยาบาล โดยมาซีอยู่ใกล้ๆ
“ซีจะไปโรงพยาบาลไหม?”
“ไม่… ชั้นเห็นเอ็กซ์ทำแบบนั้นชั้นยิ่งทำตัวไม่ถูกน่ะ ชั้นตกใจมากเลย…”
“งั้นเหรอ งั้นผมไปก่อนนะ”
ชายคนนั้นเดินจากเธอไป โดยได้ยินเสียงพูดของเธอเล็กน้อยกำลังพูดพึมพำ
“อ- . . . ดิ……ะ…..”
(พูดอะไรน่ะ…)
.
.
.
พอถึงโรงพยาบาลชายคนนั้นนั่งรอเธออยู่หน้าห้องพยาบาล รอหมอเข้ามาบอกอาการ
“ญาติของเธอใช่ไหมครับ”
“เพื่อนน่ะครับ”
“เธอขาดอากาศหายใจกระทันหัน แต่ว่าวางใจได้ครับ เธอปลอดภัยดีครับ”
“ขอบคุณมากครับ”
จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมา และน้ำตาซึมเมื่อเห็นชายคนเดียวของเธอที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ชายคนนั้นโผกอดเธอและร้องไห้ไปด้วย
“เห็นบอกจะไม่ทำแบบนี้อีกไง!”
“ชั้นขอโทษ….”
“ถ้าเกิดผมไม่มาแล้ว เธอจะเป็นยังไง!”
“อึก!!!”
จากเหตุการณ์ของคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ด้วยเหตุการณ์มันพาไปตามกระแสน้ำ ทำให้พวกเราเริ่มได้รู้จักความสัมพันธ์ที่ทั้งสองต่างไม่คุ้นชิน ถึงมันจะไม่สวยงามเหมือนในนิยาย แต่ความเป็นจริง เรื่องทุกเรื่องมักจะสอนคนและช่วยเป็นประสบการณ์ดีๆให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะผ่านอะไรต่ออะไรมา มันก็จะสอนไม่มากก็น้อย
(หลังจากนั้น)
พวกเขากลับมาโรงเรียนด้วยกัน และอยู่ด้วยกันตลอดจนกระที่งผ่านไป 1 สัปดาห์ เรื่องก็ได้เกิดขึ้น ทำให้ชายคนนั้นต้องเดือดร้อนอีกครั้ง
“เอ็กซ์!! แกมันแย่!! ผลักเพื่อนตกบันไดทำไม!!!”
“…”
ปัญหาเริ่มมกลับมาตามนัด เหมือนชาติก่อนเธอไปฆ่าบรรพบุรุษของคนพวกนี้ไว้ เธอเครียดจนเธอซึมตลอดเวลา
โดยชายคนนั้นก็ตอบโต้และงัดเหตุผลชนะคนต่างๆได้อย่างง่ายดาย
“ชั้นไม่ไหวแล้ว…”
“ผมก็เหมือนกัน…”
ทั้งสองต่างนั่งเงียบกันในที่ๆอ้างว้าง มองก้อนเมฆที่กำลังก่อตัวเป็นก้อนขนาดใหญ่ เหมือนกับปัญหาของทั้งสองที่กำลังถูกก่อตัวกลายเป็นก้อนใหญ่ขึ้น
แต่ทันใดนั้นก็มีคนเดินขึ้นมาและก็ไม่แปลกใจว่าเป็นใคร เขาคือ เพื่อนที่เข้ามาช่วยเหลือคนนั้นนั่นเอง
“เป็นอะไรน่ะ… ไม่สบายเหรอ…”
“คงจะอย่างงั้น…”
ทั้งสองไม่มีอารมณ์ตอบคำถามของเพื่อนคนนั้น จนเธอพยายามจะร่าเริงให้ทั้งคู่ยิ้มมาให้ได้
“ถ้าไม่ยิ้มชั้นจะแกล้งอีกนะ~~”
“…”
“???”
“หยุดเถอะ… วันนี้ขอพวกเราอยู่ตัวลำพังนะ ขอล่ะ”
“งั้นเหรอ…”
เธอเดินจากไปพร้อมให้ความสงสัยแก่ชายคนนั้นอีกครั้งนึง แต่ว่าเขาก็ได้แต่นั่งอย่างสิ้นหวัง และพูดออกมากับเอ็กซ์
“เหนื่อยแล้วเนอะ… ไปด้วยกันเถอะ…”
“อืม…”
.
.
.
.
.
(ตอนช่วงบ่าย)
เสียงนักเรียนแตกตื่นของนักเรียน กระจายไปทั่วโรงเรียน เหตุการณ์ปริศนาเกิดขึ้นอีกครั้ง เหตุเกิดที่ ห้องพยาบาล
มีการแคว้นคอของคน 2 คนเกิดขึ้น และทำให้ห้องรอบๆเข้ามาดู รวมถึงตัวของซีเอง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ…”
ร่างที่ผูกคอของอิน และเอ็กซ์ปรากฎให้เธอเห็น มันทำให้เธอพูดไม่ออก อารมณ์ของเธอแปรปวนทั้งหัวเราะ และทั้งเศร้า ได้หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อ๊ะ!! ฮ๊ะฮ๊ะ!! … บ้าอะไรกันเนี่ย~~ ฮ่าๆ~~!”
เพื่อนๆของเธอต่างมองไปที่ซี กำลังเหมือนสติไม่ดี และอยู่ๆเธอก็จ้องไปที่ชายคนนั้นและร้องไห้ออกมา
“นายจะตายทำไมล่ะ!!! ทำไมไม่ให้เอ็กซ์มันตายคนเดียว!!”
“…”
เธอเข้าไปกอดขาที่ล่องลอยของชายคนนั้น มันทั้งแข็งและอุ่น เธอใช้หน้าสูสีไปมา
“ชั้นแค่จะให้เอ็กซ์ตายแค่นั้นเอง นายเกี่ยวอะไรด้วย~”
ผุด!!
เธอกอดขาชายคนนั้นจนเชือกขาดลง และทับใส่ร่างของเธอ ปรากฎให้ว่าร่างนั้นไร้ใบหน้า และส่วนอีกร่างก็เช่นกัน ทำให้เธอตกใจ จนสติไม่อยู่กับตัว และก็ปรากฎชายหญิงคู่หนึ่งกำลังมองซีด้วยความเย็นชา
“อิน!! เอ็กซ์!!”
เธอตกใจที่ทั้งสองกลับมาอยู๋ข้างหน้าของเธอ แต่ว่านี่เป็นภาพหลอนเหรอป่าว? แล้วทำไมทั้งสองอยู่ไม่เป็นอะไร
“เป็นเธอจริงๆด้วยสินะ… ซี!!”
“ฮ๊ะๆๆๆ!!!! ”
เธอร้องไห้ด้วยความดีใจและความบ้าคลัั่งของเธอออย่างน่ารังเกลียด ทุกๆคนมองซีด้วยความงุนงง
“ใช่!! ชั้นเอง!! ชั้นเป็นคนจะฆ่าเอ็กซ์เอง!! ชั้นทำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาเอง!! ไม่ว่าจะคลิป หรือผลักคนตกบันได!!”
“เธอมัน!!! ไอ่เด็กเอี้ย!”
ซีเริ่มบ้าและพูดออกมาจนหมดเปลือก จนเพื่อนๆต่างพากันกระทืบเธอ จนเธอระบมทั้งตัว ตัวของเธอขยับไปไหนไม่ได้ และนอนเฉยๆอย่างเจ็บปวดทางกายและทางใจของเธอเอง
“ทำไมล่ะ… ซีทำแบบนี้ทำไม…!”
“ฮ๊ะๆๆ!! เธอไง!!! ไอ่โง่!! ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอ!!! เธอแย่งผู้ชายของชั้นไป!! เธอแย่งอินของชั้น!!!”
“ขอโทษนะ…”
“รู้ไหมว่าชั้นมาก่อนเธอซะอีก มาก่อนใครๆอีก!!!”
จากนั้นเอ็กซ์ก็เดินจากเธอไป โดยที่อินที่รู้ความจริงนี้ก็เดินเข้าไปหา
“ผมไม่ได้ชอบเอ็กซ์… และก็ไม่รู้จักด้วย เธอเองเป็นคนพาผมรู้จักเอง… ยัยโง่…”
“ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆ!! ตั้งแต่… เอ็กซ์เข้ามาทัก!! นายยิ้มให้เธอ!! ตอนบนดาดฟ้า!! ทั้งๆที่ชั้นรู้จักนายก่อน!! คุยกับนายก่อน!! ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!”
(เมื่อเปิดเทอม)
มีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งดูท้องฟ้ากำลังสดใส เธอนั่งกินข้าวเช้าตามปกติ แต่ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น
ปรากฎร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาโบกมือทักทายให้เธอ ทำให้เธอเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย
“ถ้าไม่รังเกลียดผมขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“ได้สิ..”
ทั้งๆที่ได้รู้เรื่องของเขาเยอะขนาดนี้แท้ๆ ชั้นกับเขาได้คุยมากมาย และดูสนิทสนมกันมากแท้ แต่สุดท้ายครั้งนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายของชั้น
วันหนึ่งผู้ชายคนนั้นได้พบผู้หญิงคนอื่น เธอวิ่งเข้ามาทักกชายคนนั้น และยิ้มให้ เขายิ้มตอบกลับ ทั้งสองพูดคุยอย่างสนุกสนาน ภาพนั่นทำให้เด็กสาวคนนั้นเจ็บปวดทรมาณเหลือเกิน เธอพยายามจะกำจัดผู้หญิงร่าเริงคนนั้น จึงสร้างข่าวลือแปลกๆ จนเพื่อนๆกลุ่มแรกของเธอทิ้งเธอไป เพื่อนๆทุกคนทิ้งเธอ ไม่สบตา ไม่เข้าหา ไม่ใส่ใจ จนแผนของเด็กสาวคนนั้นใกล้สำเร็จ
ตอนที่เอ็กซ์ได้ผูกคอน้ำลายฟูมปาก ตอนนั้นซีดีใจมาก ซีคิดว่าเอ๊กซ์ตายแล้ว จะได้เอาอินกลับมาหาตัวเองสักที เธอคิดแบบนี้มาโดยตลอด โดยที่ซีก็สร้างบาดแผลให้กับอินด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ตาย และตอนนี้การที่เธอสารภาพบาปของเธอก็ไม่ได้ช่วยให้เขากลับมาหาเธอได้เลย แต่กับยิ่งทำให้เธอเป็นที่รังเกลียดต่อสังคมมากมาย อย่างน้อยก็เพื่อนๆแล้วที่จะไม่สนใจเธออีก
“อิน… นายรู้ได้ไงว่าเป็นชั้น…”
"เธอไม่ห่วงใยเพื่อนเลย… เวลาตอนไหนๆผมก็เจอเธออยู่ตลอด… และก็คำพูดที่พึมพำของเธอตอนนั้นด้วย!!!
เธอพูดว่า "เอ็กซ์ตายก็ดีแล้ว!!" เธอพูดแบบนี้ใช่ไหม!!!"
“ฮ๊ะ!!!!ๆๆๆๆๆๆ ฉลาดจริงๆ ชั้นรักนายสุดๆไปเลยล่ะ… ฮ๊ะๆๆๆ”
“มันสายไปแล้วล่ะ… ผมไม่อยากเจอเธออีกแล้ว!!! จบกันแค่ชาตินี้นะ!!! และตอนนี้ผมมีคนที่ชอบแล้ว เธอไม่มีวันที่ผมจะชอบได้หรอก!!!...”
ซีได้รับคำตอบสุดสะเทือนใจของเธอ และได้แต่นอนร้องไห้จนช็อคและขาดใจในที่สุด และถูกส่งไปที่โรงพยาบาล ซีกลายเป็นคนสติไม่ดีไปแล้ว และถูกนำเข้าสู้โรงพยาบาลจิตเวช ให้เข้าสู่การรักษาขอพยาบาลต่อไป
/////
แต่ปัจจุบันนี้เอ็กซ์ที่ถูกเข้าใจผิดอยู่เป็นเวลานาน เพื่อนๆต่างเข้ามาขอโทษ และให้ขนมเธอ เป็นรางวัลปลอบใจให้กลับเธอ จนสามารถกลับมาร่าเริงได้ในที่สุด และต่อมาเอ็กซ์ก็ลองเข้าสังคมอีกครั้ง แต่อีกครั้งคนอื่นๆต่างใจใส่เธอ และทักเธออย่างห่วงใย
ส่วนอินก็ได้คลายปัญหาทุกอย่าง และกลับสู่สภาวะส่วนตัวสักที เขาถอนหายใจและมองท้องฟ้าที่สดใสนั้น มันเป็นประสบการณ์ที่หนักมากสำหรับเขา
“เหนื่อยชะมัด… นอนดีกว่า”
“อิน! อย่าเพิ่งหลับสิ!”
เด็กสาวคนนั้นเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม เขาได้ยิ้มกลับและฟุบหน้าลงโต๊ะเหมือนเดิม จนเธอดึงแขนเสื้อของเขาไปมา
เธออยากได้รับความสนใจจากเขา
“อืมๆ อะไรล่ะ” หมดความอดทน
“วันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ.. ถือว่าเป็นการขอบคุณของชั้น”
เขาพยักหน้าตอบกลับ เธอดีใจและเข้าไปหาเพื่อนๆของเธออันมากมาย ชายคนนั้นก็ได้นอนในที่สุด
เรื่องราวทั้งหมดของชายและหญิง ได้ขมวดกลายเป็นความสัมพันธ์ของการช่วยเหลือและแบ่งปัน การสนับสนุนกันและกัน การใช้เทคโนโลยีไม่ว่าจะทางที่ดี หรือไม่ดี ทั้งหมดต่างๆก็ถูกแก้ไขได้อย่างดี ไม่ว่าจะคนประเภทไหนๆ ก็คนเหมือนกัน ใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ไม่สนแม้จะถูกกดดันมากแค่ไหน การฝืนมากไปก็ไม่ดี จะคลายจนยานก็ไม่ดี ชีวิตของทุกๆคนย่อมมีขึ้นและลงเป็นธรรมดา จะรวย จะจน ยังไงก็คนเหมือนกัน อำนาจมีแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นคนเหมือนกัน
การที่ทั้งสองตัวละครนี้ได้ดำเนินแก้ไขต่างๆนาๆ และปกป้องกันก็แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์นั้นก็ได้พัฒนาแล้ว
และหวังว่า ชายคนนั้นก็จะได้สารภาพกับคนที่ชอบและสนุกกับชีวิตในโรงเรียนมากขึ้นไปอีก. . .
(ขอบคุณที่อ่านนะ~~~~~~ ^w^)
ผลงานอื่นๆ ของ AmaHOU ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ AmaHOU
ความคิดเห็น