6 Things About You, Allen (จบ) - 6 Things About You, Allen (จบ) นิยาย 6 Things About You, Allen (จบ) : Dek-D.com - Writer

    6 Things About You, Allen (จบ)

    ในยามที่หิมะโปรยปราย ฉันเคยเฝ้ามองนายจากอาคารเรียน นายเป็นเหมือนหยดหมึกสีดำบนลานหิมะ --- เป็นตัวแทนของความโศกเศร้าในวันแห่งความสุข

    ผู้เข้าชมรวม

    1,036

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    1.03K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    13
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ก.ย. 66 / 14:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    6 Things
    About You, Allen


       

                 


        
       


          
    HT#
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      Six Things about you Allen

       

      ก่อนอื่น อัลเลน … เราพบกันได้อย่างไร หรือจะเรียกว่าฉันเจอเธอได้อย่างไรเสียมากกว่า เมื่อตอนที่ฉันอายุได้เก้าปี ฉันปั่นจักรยานเล่นอยู่บนถนนของหมู่บ้านสปริงฟิลด์ ช่วงนั้นเป็นวันอีฟอีฟ ทุกบ้านประดับไฟและตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสละลานตา ตรงหัวมุมถนนเลยสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อค มีบ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านไร้ซึ่งไฟประดับ รั้วหน้าบ้านถูกหิมะจับหนา ที่พื้นลานบ้านก็กลายเป็นสีขาวฉันปล่อยเท้าละพื้นเพื่อชะลอความเร็วรถ มองขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้านด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างเด็กน้อย ม่านที่ชั้นสองกำลังขยับ และเด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังบานกระจกที่มัวไปด้วยฝ้าขาว เด็กคนนั้นมองมายังฉัน

      วินาทีนั้นฉันก็ถูกความอยากรู้อยากเห็นครอบงำเข้าเต็มประดา เด็กคนนั้นเป็นใคร เขาอยู่กับใคร ทำไมบ้านของเขาจึงไม่ประดับไฟ และอีกหลาย ๆ คำถามเกิดขึ้นมากมายในหัว ฉันซึ่งยังเป็นแค่เด็กน้อยยกมือขึ้นโบกทักทายเด็กชายแปลกหน้า แต่เด็กคนนั้นกลับยืนนิ่งราวกับว่าเขาเป็นเพียงหุ่นขี้ผึ้งเท่านั้น ฉันจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเริ่มปั่นจักรยานของฉันห่างออกไปจากบ้านหลังนั้น ฉันได้แต่ครุ่นคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นใครกัน

       

       

      เรื่องที่สอง

      ตอนที่ฉันเรียนอยู่เกรดเก้า ฉันทะเลาะกับแฟนคนแรกอย่างหนักหมอนั่นชื่อ แม็ค เบฮาร์ดี้ ฉันจำได้ว่าถูกนอกใจ เพราะหมอนั่นแอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวเชียร์ลีดเดอร์ นั่นทำให้ฉันเกลียดเชียร์ลีดเดอร์ เย็นวันที่ฉันทะเลาะกับแม็คอย่างหนักจนถึงขั้นเลิกรา ฉันมาที่สวนสาธารณะสปริงฟิลด์เพียงเพราะฉันยังไม่อยากกลับไปที่บ้าน หรืออีกเหตุผลคือฉันไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนฉันนั่งนิ่งอยู่บนชิงช้า อากาศหนาวเริ่มโหมเข้ามา โซ่ของชิงช้าก็เย็นเฉียบจนทนจับมันไว้นาน ๆ ไม่ได้ รอบกายไร้ผู้คน และเมื่อลมหนาวพัดมาอีกครั้งฉันเริ่มร้องไห้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนั้น ฉันก็ยังยกมือขึ้นมาเพื่อปกปิดใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา

      “ร้องไห้อยู่เหรอ ?” เสียงของเด็กหนุ่มทักทาย ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอยู่ตรงหน้า เขาสวมเสื้อไหมพรมสีดำ กางเกงกับรองเท้า กระทั่งถุงมือก็ยังเป็นสีดำ ผมของเขาบลอนด์ออกไปทางสีขาว ฉันไม่แน่ใจเพราะแสงสีส้มของยามเย็นสาดกระทบจนทำให้มองเห็นผิดเพี้ยนไปเป็นสีชมพูอมส้มในบางครั้ง

      “นายเป็นใคร ?” ฉันถาม

      “เป็นคนแถว ๆ นี้แหละ” นายตอบฉันอย่างนั้น อัลเลน... ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากหน้าและฉันหยุดร้องไห้กะทันหัน นั่นเป็นเพราะนายเข้ามารบกวนการร้องไห้ของฉัน ครู่หนึ่งนายเดินเข้ามานั่งที่ชิงช้าข้างฉันพอดิบพอดี ฉันหันหน้ากลับไปมองยังเด็กหนุ่มแปลกหน้าและดวงตาคู่นั้นเป็นสีเทาอมส้ม ฉันคิดว่ามันส้มเพราะแสงยามเย็นเสียมากกว่า

      “ไม่หนาวเหรอ ?”

      “ก็นิดหน่อย”

      “อยากเล่นชิงช้าไหม ?”เด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยถาม ฉันจ้องมองนัยน์ตาคู่นั้น เพราะเราไม่เคยรู้จักกันเลย หรือว่าไม่ใช่ ? ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร อัลเลน หมายถึงในตอนนั้น และนายไม่ถามด้วยซ้ำว่าฉันร้องไห้ทำไม หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ นายแค่พูดคุยกับฉันโดยไม่สนใจจะถามชื่อของฉันด้วยซ้ำ ฉันพยักหน้ารับเป็นคำตอบ นายจึงลุกขึ้นจากชิงช้าก่อนจะถอดถุงมือไหมพรมส่งมาให้

      “สวมไว้สิ โซ่มันเย็นออกนะ” ฉันรับถุงมือจากเด็กหนุ่มแปลกหน้า มันอบอุ่นจากไอร้อนของร่างกายในยามที่ฉันสวมมัน ไออุ่นนั้นก็แผ่กระจายทั่วฝ่ามือของฉัน เด็กหนุ่มแปลกหน้าที่ลุกขึ้นจากชิงช้าเดินอ้อมไปด้านหลัง ในขณะเดียวกันฉันก็จับโซ่ของชิงช้าเอาไว้  ไออุ่นจากมือนายแตะลงบนไหล่ฉัน แรงผลักเบา ๆ ทำให้ชิงช้าเคลื่อนที่ฉันลอยลิ่วรับลมอยู่บนชิงช้า ทุกครั้งที่ถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังมือของนายจะคอยรอรับเอาไว้เสมอ ความเร็วยังคงที่เพราะนายคอยประคองเอาไว้ลมหนาวปะทะที่ใบหน้าและเส้นผม ฉันรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังบินได้ และล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าเรื่องวันนั้นจบลงเพียงเท่านั้น เราแทบไม่พูดอะไรกันเลย หลังจากที่ฟ้ามืดได้ไม่นาน ฉันและนายก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายด้วยซ้ำ อัลเลน...


       

       

      มาต่อกันด้วยเรื่องที่สาม

      งานพรอม --- เป็นปัญหาใหญ่ของเด็กไฮสคูล ก็นั่นแหละชีวิตเอย เรื่องเรียน เรื่องเกรด ไหนจะเรื่องความรักที่เข้าใจยาก สารพัดปัญหาเสียจริง เมื่อตอนอยู่เกรดสิบสองฉันถูก เควิน คอร์เนอร์ ชวนไปงานพรอม มันว้าวใช่ไหมล่ะ ? เควิน เป็นหนุ่มฮอต และฉันรู้ดีว่าสาว ๆ ต่างมีตาเป็นประกายให้เขา แต่นั่นแหละ ทำไมหนุ่มฮอตอย่างเควินถึงมาชวนฉันไปงานพรอม ? แน่นอนมันไม่ใช่เพราะฉันเป็นสาวฮอตเพราะว่าฉันไม่ใช่ ในคืนนั้นเควินมาที่บ้านของฉันและเคาะประตู ฉันเปิดระตูต้อนรับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาในมือเขาถือคอร์สาจสีชมพู มันสวยทีเดียว ฉันยิ้มรับในขณะเดียวกันก็ส่งมือให้กับเขา เควินสวมมันให้ฉันและฉันคิดว่าสีของมันสวยเข้ากันกับชุดของฉันพอดี ฉันต้อนรับเขาเข้าบ้าน แม่กำลังยืนยิ้มอยู่ในครัว --- และ ว้าว เควิน ช่างเป็นหนุ่มที่น่ารักและแสนสุภาพ เขาทักทายคุณพ่อคุณแม่ของฉัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันติดดอกไม้ที่อกของเขา และเราออกจากบ้านไปด้วยกัน

      เมื่อถึงงานพรอม ฉันกับเควินเดินเข้างานพร้อมกัน สายตาหลาย ๆ คู่มองมายังเรา และฉันรู้พวกเขาต่างก็ตั้งคำถามว่าทำไมฉันจึงมากับเควินฉันไม่แปลกใจที่พวกเขาจะคิดอย่างนั้น เพราะฉันก็ตั้งคำถามเดียวกันนั้นในตอนที่เควินเอ่ยปากชวนฉันมางานพรอมแล้วความจริงก็กระจ่างเมื่อตอนที่เราเต้นรำอยู่บนฟลอร์ เควินเริ่มเมา ฉันคิดอย่างนั้น เขาพยายามจับก้นของฉันหลายครั้ง ฉันจึงปัดมือเขาออกไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีเสียงโหวกเหวกใด ๆ เราเพียงแค่เต้นรำต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเควินพยายามทำดีกับฉัน เขานุ่มนวลกับฉันมากในตอนที่เราเต้นรำกันและเขาพยายามจูบฉัน ฉันรู้ว่านี่มันแปลกแต่เราก็จูบกัน หลังจากนั้นเควินก็หัวเราะออกมา --- ในคราวแรกฉันไม่เข้าใจ แต่ไม่นานหรอก เขาหอมแก้มฉันทีหนึ่ง และเขาพูด

      “น่ารักจริง ๆ ขอบใจมากนะ” เขาเดินจากไป ตรงไปยังเพื่อนชายและหญิง ชายคนหนึ่งส่งเงินให้เขาราว ๆ 30 ดอลลาร์ --- ให้ตายสิพับผ่า จูบของฉันมีค่า 30 ดอลลาร์ ! ฉันถูกทิ้งกลางงานพรอม กลางฟลอร์เต้นรำ ทุกคนกำลังสนุก แต่ฉัน --- แล้วเสียงไมโครโฟนก็ดังขึ้น ฉันจึงหันไปยังเวที

      “ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอย การประกาศคิง และควีนพรอมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !” ช่างหัวคิงหรือควีน ฉันไม่แคร์ ! ฉันหันหลังเดินออกจากฟลอร์เต้นรำพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เพราะเควิน ไอ้บ้านั่นไม่มีค่าพอสำหรับน้ำตาของฉัน

      “และคิงพรอมปีนี้ได้แก่ ! --- อัลเลน พอล ไคเซน !” เสียงประกาศดังลั่น ฉันหันกลับไปมองด้วยความสงสัยอัลเลนไม่เคยปรากฏตัวในงานเลี้ยงใด ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้หรือกระทั่งงานพรอม ตั้งแต่ที่นายย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ นายก็ทำตัวเหมือนอากาศเพราะนายไม่เคยปรากฎตัวที่ไหนเลยนอกจากห้องเรียน โรงอาหาร และอาจเห็นนายที่ห้องสมุดเป็นบางครั้ง และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นนายอยู่บนโถงทางเดินของโรงเรียน ฉันจึงแปลกใจเพราะมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด เสียงปรบมือและโห่ร้องยินดีดังสนั่น อัลเลน นายปรากฏตัวขึ้นบนเวที ผมสีบลอนด์สะท้อนรับกับแสงไฟ ในยามนี้มันกลายเป็นสีเทาอมน้ำเงิน — ช่างมีเสน่ห์เสียจริง ๆ

      “ขอบคุณครับ” พ่อหนุ่มอัลเลนรับไมค์และกล่าวขอบคุณ

      “ว้าว --- พรอม --- คิงพรอม ---” หลังพูดจบเสียงหัวเราะขบขันก็ดังขึ้น นี่เป็นภาพแปลกใหม่ อัลเลนไม่ใช่คนของประชาชน จะว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงก็คงใช่

      “ผมคงต้องพูดอะไรสักอย่างใช่ไหม --- ถ้างั้นเอาเป็น ขอให้ทุกคนสนุกกับงานเลี้ยง --- รวมถึงคนที่คิดว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลยด้วยนะ” นายพูดพร้อมกับชูถ้วยรางวัลคิงพรอมขึ้น เสียงโห่ร้องยินดีดังสนั่น ครู่หนึ่งฉันมองเห็นสายตาคู่นั้นจับจ้องมายังฉัน --- นั่นอาจเป็นสิ่งที่ฉันคิดไปเองก็ได้ อัลเลน... หลังจากนั้นเวทีก็เป็นของควีนพรอม เชียร์ลีดเดอร์สาวสวยอดีตศัตรูหัวใจของฉันเป็นผู้ครองตำแหน่ง ช่างเป็นงานพรอมที่ห่วยแตกอะไรอย่างนี้

      เว้นอยู่อย่างเดียว

      นาย อัลเลน... หลังนายลงจากเวที ฉันเดินออกจากประตูของงานเลี้ยงตรงไปยังถนนที่มืดทึมไร้ผู้คน ในสมองของฉันคิดถึงเรื่องการสอบมหาวิทยาลัยเรื่องเงิน 30 ดอลลาร์ และแม่สาวเชียร์ลีดเดอร์ เควิน คอร์เนอร์ และแม็ค เบฮาร์ดี้ --- พวกบ้า --- พวกนั้นทุกคน

      “เฮ้ !” เสียงทักทายดังไล่หลัง ฉันจึงหันไปมอง

      “ชุดเธอสวยดีนะ” ฉันยังคงจ้องมองดวงตาสีเทาลึกลับ --- ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงมายืนอยู่ตรงนี้ นายควรอยู่บนฟลอร์เต้นรำกับคู่ของนาย อาจเป็น เจสสิก้า แม่สาวควีนพรอมก็ได้ ฉันไม่รู้ว่านายมางานนี้กับใคร

      “นายก็ --- สีดำเหมือนทุกที” ฉันบอก เพราะแม้แต่สูทงานพรอมของนายก็ยังเป็นสีดำสนิท

      “เธอชอบไหมล่ะ ?”

      “ก็เหมาะกับนายดี” ฉันนึกภาพของนายกับสีอื่น ๆ ไม่ออกเลย นายสวมแต่สีดำตลอดเวลาฉันนึกไม่ออกว่าถ้านายคู่กับสีเหลือง สีฟ้า หรือสีแดง แล้วจะเป็นอย่างไร

      “เธอจะกลับแล้วเหรอ ?”

      “ก็คงงั้น --- ยินดีด้วยนะ” ฉันพยักพเยิดหน้าไปยังถ้วยรางวัล และนายก็หัวเราะ

      “คิงพรอม --- ฉันไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็เอาเถอะ” นายพูดพลางมองถ้วยรางวัลในมือ ถ้วยที่ทำจากพลาสติก ฉันเองก็

      ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทั้งงานพรอม งานเต้นรำ หรือกระทั่งทำไมเราต้องมีคู่เดทในงานพรอม

      “นายออกมาแบบนี้จะดีเหรอ ?”

      “ทำไมล่ะ --- ไม่มีใครสังเกตหรอกว่าฉันออกมาแล้ว”

      “แล้วคู่เต้นรำของนายล่ะ ?” หลังคำถามของฉัน นายหัวเราะออกมา รอยยิ้มของนายเป็นปริศนาเสมอ อัลเลน ที่อกของนายไม่มีดอกไม้ นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสงสัย

      “ฉันไม่มีคู่เต้นรำ --- มาคนเดียวหน่ะ รู้ไหม ?”

      “มางานพรอมคนเดียว ?” ฉันถามทวน และหยุดจ้องไปที่นายไม่ได้เลย นายเป็นคนแปลกอัลเลน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขั้นนี้ นายหล่อหน้าตาดี นายได้เป็นคิงพรอมทันทีที่ปรากฏตัวในงานพรอม ทั้งที่นายก็ไม่เคยไปงานเลี้ยงใดเลย แต่ให้ตายสิ คิงพรอมไม่มีคู่เต้นรำเนี่ยนะ ?

      “อื้ม --- ก็กะว่าจะมาหาคู่เอา --- แถว ๆ นี้” นายบอก พร้อมกับรอยยิ้มปริศนาและฉันไม่รู้ว่าอย่างไร --- ในคืนนั้นฉันพบว่าตัวเองกำลังเต้นรำอยู่บนฟลอร์กับคิงพรอม บนอกของนายไม่มีดอกไม้ และข้อมือของฉันว่างเปล่าไร้ซึ่งคอร์เส็จที่สวยงาม ทุกอย่างราวกับความฝันอัลเลน... เป็นฝันที่ดีมาก ๆ เสียด้วย

       

      เข้าเรื่องที่สี่กันด้วยความรวดเร็ว

      หลังงานพรอม ฉันก็แทบไม่ได้พูดกับนายอีก เราเจอกันที่โรงเรียนแต่ก็เพียงแค่ยิ้มให้กันในระยะไกลเท่านั้น ฉันยังคงนั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนของฉัน และนายก็อยู่กับเพื่อนของนายในโรงอาหาร บางครั้งฉันหันมองไปที่โต๊ะของนาย และฉันพบว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่มองหานาย อัลเลน นั่นเป็นความรู้สึกผิดหวังหรือไม่ ฉันเองไม่แน่ใจ

      หลังการเรียนวันสุดท้ายจบลง ทุกอย่างเลือนรางทั้งนายและงานพรอม ฉันค่อย ๆ ลืมเรื่องของนายไปจากความทรงจำ --- ทว่าในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ฉันกลับมาจากโรงหนังฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนสปริงฟิลด์ไฟบนท้องถนนเริ่มเปิดขึ้นเพราะความมืดกำลังคืบคลานเข้ามา ตรงหัวมุมถนนเลยสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อค บ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างเงียบสงบ ฉันยังคงจำได้ ฉันหยุดยืนที่ถนนหน้าบ้านหลังนั้น มองขึ้นไปยังหน้าต่างชั้นสองพลางคิดถึงเรื่องเด็กชายแปลกประหลาดที่ฉันเคยพบเจอเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ครู่หนึ่งม่านก็ขยับและนายปรากฏตัวหลังบานกระจกเพียงแต่วันนี้ไม่มีหิมะ และนายโตขึ้นเป็นหนุ่มเต็มตัว ไม่ใช่เด็กชายแปลกหน้าอีกต่อไป

      ฉันไม่รู้ว่านายมองเห็นฉันหรือไม่  และฉันไม่ได้ยกมือขึ้นโบกทักทายฉันเพียงแค่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอยู่ราวครึ่งนาที จากนั้นฉันหันกลับไปยังถนนและเริ่มเดิน ไม่มีเสียงเรียกจากนาย ไม่มีการทักทายใด ๆ อัลเลน...

      ในคืนนั้นฉันกลับบ้าน กินข้าวเย็นกับครอบครัว และเข้าห้องเหมือนไร้ตัวตน ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียง คิดไม่ตกเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันไขว้เขวไปคิดเรื่องนาย ในขณะที่จ้องมองเพดานเสียงบางอย่างกระทบที่กระจกหน้าต่างห้องนอนของฉัน

      ฉันลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง มองลงไปยังถนนก็เห็นนายกำลังยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ตรงกับหน้าต่างห้องของฉันพอดิบพอดี ฉันจึงเปิดหน้าต่าง และนายเดินถอยหลังออกไปราว ๆ สามก้าว เรามองหน้ากัน จากนั้นนายก็เริ่มโบกมือทักทาย

      “ฉันขึ้นไปได้ไหม ?” นายบอก

      “ห๊ะ ?”

      “ให้ฉัน ขึ้นไป ได้ไหม ?” นายพูดช้า ๆ ชัด ๆ แต่เสียงเบาราวกระซิบฉันได้ยิน อัลเลน ฉันไม่ได้หูหนวก และฉันเข้าใจความหมายแต่ฉันไม่เข้าใจว่านายจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ฉันถอนหายใจและถอยห่างจากบานหน้าต่างเล็กน้อย เพียงแค่ครู่เดียวนายก็ปีนขึ้นมาที่หน้าต่างห้องของฉันอย่างง่ายดาย นายนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ตรงข้ามกับหน้าต่างห้องของฉันพอดิบพอดี เราห่างจากกันแค่ไม่เท่าไหร่ ฉันเท้าแขนลงบนขอบหน้าต่างและมองไปยังนาย

      “นายมาทำไม ?” ฉันถาม

      “ฉันเห็นเธอที่ถนน” อ้อ นายเห็น แล้วยังไงอีก --- นายขยับตัวเล็กน้อยตอนที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ ฉันเห็นนายมองลงไปข้างล่างเป็นบางครั้ง คล้ายว่านายกังวลว่าตัวเองจะตกลงไปหรืออะไรทำนองนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สูงมาก แต่มันก็คงเจ็บเอาเรื่องถ้าหากตกลงไป

      “ฉันบังเอิญผ่านไป” ฉันตอบ

      “เหรอ --- ชอบสีชมพูเหรอ” หลังได้ยินคำถามฉันหันหน้ากลับไปมองภายในห้อง --- ห้องของฉันเป็นสีชมพู จะว่าฉันชอบสีชมพูมันก็ไม่เชิง จึงเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้นเพราะไม่รู้จะอธิบายเกี่ยวกับสีของห้องนอนอย่างไร นายยิ้ม และอีกครั้ง --- เป็นรอยยิ้มที่ลึกลับ

      “เหมาะกับเธอดี”

      “ขอบคุณ”

      “ชอบ Cold play ด้วยเหรอ” คราวนี้ฉันหันกลับไปมองยังโปสเตอร์วงดนตรีที่ถูกติดอยู่ภายในห้องให้ตายสิ ตอนนี้นายกำลังสังเกตการณ์ห้องนอนของฉันอยู่ ฉันหันกลับไปมองหน้านายอีกครั้ง และดวงตาคู่นั้นจ้องมา มันเปลี่ยนสีอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมันเป็นสีเทาอมฟ้า แต่ตอนนี้คล้ายว่ามันอมชมพูอย่างบอกไม่ถูก และผมของนายก็ด้วย ฉันไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วผมของนายมันเป็นสีอะไรกันแน่

      “ก็นิดหน่อย” ฉันตอบ

      “Look at the stars, Look how they shine for you ?~” ฉันหัวเราะ --- มันช่วยไม่ได้ --- นายกำลังปีนต้นไม้ นั่งอยู่บนกิ่งที่ไม่รู้ว่าจะหักลงไปตอนไหน มองหน้าฉันและร้องเพลงของ Cold play ให้ฉันฟังอยู่บนต้นไม้ --- ฉันมองหน้านายและนายเริ่มเผยรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเข้าใจ ฉันไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย จู่ ๆ นายก็ปรากฏตัวและหายไป แล้ววันดีคืนดีนายก็ปรากฏตัวอีกครั้ง --- และวันนี้เรากำลังหัวเราะด้วยกัน

      “ไม่รู้เลยนะ ว่านายก็ชอบเหมือนกัน” ฉันพูดทั้งที่ยังหัวเราะ

      “ก็นิดหน่อย”

      “ฉันไปดูคอนฯ มาเมื่อสองเดือนที่แล้ว --- ฉันมีเสื้อวงด้วยนะ”

      “ว้าว ขอดูหน่อยได้ไหม ?” ฉันหันหลังกลับเข้าไปในห้องเพื่อรื้อเสื้อผ้าในตู้ เสื้อวง Cold play สีเหสืองสดถูกแขวนเอาไว้ในไม้แขวนลึกที่สุดในตู้เสื้อผ้า เมื่อฉันหยิบมันออกมา และหันกลับไปยังบานหน้าต่าง นายก็นั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างห้องของฉันแล้ว ฉันไม่รู้เลยว่านายข้ามมาตอนไหน

      “เฮ้ --- นายข้ามมาได้ยังไง ?” ฉันถาม และเริ่มเป็นกังวลเล็ก ๆ

      “ก็กระโดดข้ามมานั่นแหละ” ฉันเดินตรงไปหานาย รู้สึกกังวลและหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น ทั้งความไม่ชินบวกกับความกลัวเล็ก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ ฉันส่งเสื้อให้กับนายและนายก็รับมันเอาไว้

      “สีเหลือง”

      “อื้ม แน่นอนสิ” ฉันตอบ นายยังคงจ้องมองเสื้อยืดสีเหลืองสดในมือ ฉันเดาว่านายคงคิดเกี่ยวกับสีของเสื้อ เพราะนายสวมแต่สีดำตลอดเวลา ฉันไม่เคยเห็นนายสวมเสื้อผ้าสีอื่นเลย โดยเฉพาะสีที่สดใส

      “อยากลองใส่ดูไหม มันเป็นฟรีไซส์ ฉันคิดว่านายคงใส่ได้นะ”

      “เอ่อ --- ไม่รู้สิมัน ---” ฉันเงียบแต่ยังคงมองไปที่นาย นายมองกลับมาก่อนจะยักไหล่และนายส่งเสื้อสีเหลืองตัวนั้นคืนให้ ฉันก็รับมันเอาไว้และคิดว่านายคงไม่ชอบสีเหลืองเอามาก ๆ ทว่านายก็ถอดเสื้อยืดสีดำของนายออก ต่อหน้าต่อตาฉัน และดึงเอาเสื้อยืดสีเหลืองสดในมือของฉันไปสวม ฉันเพียงแค่มองดูนายโดยไร้คำพูดใด ๆ

      “เธอว่าไง” ฉันจ้องมอง --- นายในเสื้อสีเหลืองสด ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไร มันเหมือนกับว่า มันเป็นภาพที่ฉันไม่เคยจินตนาการออก แต่ว่ามันดี --- นายดูดีแต่ก็แปลกตาด้วย

      “ฉันว่า --- ว้าว --- นายควรจะใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันบ้างนะ” ฉันบอก และนายหัวเราะ รอยยิ้มของนายสดใสกว่าทุกที ดวงตาของนายเหลือบสีชมพูอ่อน ๆ รอยยิ้มนั้นก็เปล่งประกายเสื้อสีเหลืองทำให้นายดูมีชีวิตชีวาขึ้น --- อัลเลน นายกำลังหัวเราะสวมเสื้อของฉัน นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างห้องนอนของฉัน ไม่เคยมีใครเห็นนายกับสีสันที่ฉูดฉาดมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกและมันจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่  อัลเลน ?

       

       

      เรื่องที่ห้า

      ตอนนั้นฉันกำลังยืนอยู่หน้ารูปปั้น --- รูปปั้นคนขนาดใหญ่ และมันถูกล้อมด้วยโครงเหล็กดูน่าอึดอัด ฉันจ้องมองด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ

      “เอาอีกแล้วเหรอ ?” เสียงหนึ่งทักทาย ฉันหันไปเห็นนายยืนอยู่ข้าง ๆ นายละสายตาออกจากรูปปั้นและมองมายังฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้และนั่นทำให้ฉันนึกถึงวันแรกที่เราได้พูดคุยกัน ฉันหมายถึง --- ครั้งแรกที่เราพบกันจริง ๆ และฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่านายจะกลายเป็นนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันในวันนี้

      ตอนนั้นฉันอยู่เกรดสาม และโรงเรียนพามาทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ปฏิมากรรมประจำท้องถิ่น ฉันกำลังยืนมองรูปปั้นเดียวกันนี้ และฉันรู้สึกบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้สึก รูปปั้นขนาดใหญ่ถูกโครงเหล็กล้อมรอบ เป็นดังกรงขังที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ ฉันรู้สึกหวาดกลัวแทนมัน ถ้าหากว่าเป็นตัวฉันเข้าไปติดอยู่ในลูกกรงนั้น แล้วฉันจะดิ้นรนออกมาได้อย่างไร

      “เธอชอบเหรอ ?” เสียงเด็กคนหนึ่งทักทาย ฉันหันมองก็พบเด็กชายผมสีเงินผู้สวมเสื้อสเว็ตเตอร์ดำ ดวงตาของเขาช่างแปลกประหลาด เพราะฉันไม่เคยพบใครที่มีดวงตาสีนี้มาก่อน

      “ไม่ชอบ” ฉันตอบ

      “ทำไมล่ะ ?”

      “มันน่าอึดอัดจะตายไป ถ้าฉันถูกขังอยู่ในนั้นเหมือนรูปปั้นจะทำไง ?” ฉันตอบ และหันไปยังรูปปั้นอีกครั้ง ในใจรู้สึกเจ็บปวดจากบางอย่าง ฉันอธิบายไม่ได้ มันคงเป็นแค่ความกลัวในวัยเด็ก แต่เด็กชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ฉัน

      “เธอไม่ถูกขังแบบนั้นหรอก”

      “ฉันบอกว่าถ้า --- เราจะรู้ได้ไงว่าเราจะถูกขังเมื่อไหร่ อะไร ๆ อาจจะเกิดขึ้นก็ได้” ฉันตอบโดยไม่มองหน้าของเด็กคนนั้น

      “ไม่เป็นไรน่า --- เอาไว้ถ้าถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเธอออกมาเอง”

      ฉันจำได้เท่านั้น มันเป็นคำที่เด็กชายแปลกหน้าได้พูดกับฉัน และฉันก็ลืมเลือนเขาไปจากชีวิตจนกระทั่งวันหนึ่ง วันใดฉันก็จำไม่ได้ ความทรงจำเหล่านั้นกลับมาในตอนที่ฉันมองหน้านาย มองเข้าไปในดวงตาของนาย นายคือเด็กคนนั้น และฉันไม่รู้เลยว่า ฉันดูเป็นอย่างไรบ้าง ในความทรงจำของนาย...  

       

       

      เรื่องสุดท้าย

      ในคืนที่หิมะตก ฉันอยู่ในบ้านของ อลิส แรนเดอร์ ทุก ๆ คนกำลังเต้นรำในมือถือแก้วพลาสติกสีแดงที่ล้นไปด้วยเครื่องดื่มมึนเมาและน้ำอัดลมเสียงเพลงดังสนั่น ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง และเช่นเคย นายไม่ปรากฏตัวที่นี่ อัลเลน นายไม่ใช่คนชอบปาร์ตี้ ข้อนั้นฉันรู้ดี หลังจากที่ฉันกับนายเต้นรำด้วยกันในงานพรอม มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้น เพราะฉันดื่มเข้าไปมาก ในตอนที่เพลงขึ้น มือของนายประคองเอวฉัน และมือของฉันคล้องคอนาย เราสองคนขยับไปตามท่วงทำนอง แสงไฟมืดสลัวฉันมองเห็นใบหน้าของนายอยู่ใกล้ ๆ และฉันคิดว่าเราจูบกัน ทว่าหลังจากงานเต้นรำ เราก็แทบไม่คุยกันอีกจนฉันคิดว่า มันอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง บางทีคืนนั้นฉันคงเมามาก แล้วคิดฟุ้งซ่านไปเอง หรือฉันอาจจะแค่ฝันไปแล้วดันแยกไม่ออกว่ามันเป็นแค่ฝันหรือความจริงกันแน่ เพราะทุกอย่างมันช่างเลือนรางเหลือเกิน

      “ไง ทำไมมายืนคนเดียวล่ะ ?” ฉันหันมองยังต้นเสียง อีแวน มาร์ครอส ส่งยิ้มมาให้และในมือของเขาถือแก้วพลาสติกสีแดง

      “ไง แล้วนายไม่อยู่กับเพื่อน ๆ เหรอ ?”

      “แก๊งผู้ชาย น่าเบื่อจะตายไป” ฉันหัวเราะไปพร้อมกับเขา อีแวนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับ เควิน ใช่ ไอ้ผู้ชายที่ได้รับเงิน 30 ดอลล่าร์หลังจากที่จูบกับฉัน --- ฉันไม่แน่ใจว่าอีแวนมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้นหรือไม่ แต่ฉันเดาว่าเขาคงรู้เรื่องนั้นดี ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกัน

      “ดื่มอะไรหน่อยไหม ? เดี๋ยวฉันไปเอาให้”

      “ไม่ดีกว่า ฉันรู้สึกอิ่ม ๆ ยังไงไม่รู้”

      “แต่เธอเพิ่งกินน้ำอัดลมไปแค่แก้วเดียวเองนะ” ฉันหรี่ตามองไปที่เขาหลังจากได้ยิน อีแวนยกมือขึ้นลูบผมที่ท้ายทอยเบาๆ พลางหัวเราะก่อนที่เขาจะสบตาฉัน จากนั้นเราก็เงียบใส่กันครู่หนึ่ง

      “มันอาจจะฟังดูแปลก ๆ นะแต่ว่า --- บางทีเราน่าจะลองออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง”

      “อาหะ เท่าไหร่ ?” ฉันถามดักทาง

      “หืม ?” เขาชะงัก มองมายังฉัน

      “ไม่ๆ --- ไม่ --- ฟังนะมันไม่ใช่อย่างนั้น คือฉันเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรื่องเธอกับเควิน แต่ว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย” อีแวนพูดมองไปยังกลุ่มเพื่อนของเขา ก่อนที่จะหันกลับมามองที่ฉัน

      “อีแวน --- นายเป็นคนเก่ง ส่วนฉัน ดูฉันสิเราไม่ได้เหมาะกันเลย ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมนายถึงมาสนใจฉัน แต่ว่ามันไม่เวิร์คหรอกนะ” ฉันพูดก่อนจะเดินสวนเขาออกไป อีแวนคว้าแขนของฉันเอาไว้ และฉันก็ไม่ได้หันกลับไปมอง กลุ่มเพื่อน ๆ ของอีแวนที่ตรงมุมห้องหันมองมายังฉัน สีหน้าของเควินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันรู้สึกอยากตบหน้าเขาแรง ๆ สักที ฉันหมายถึงเควิน และฉันคิดว่าเขาคงจะรู้สึกได้เขาจึงพยายามหลบสายตาฉัน

      “ได้โปรด --- มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด อย่ามองฉันในแง่นั้น”เขาบอก “โอเค อีแวน ฉันจะกลับแล้ว” ฉันตอบโดยไม่หันไปมองและอีแวนปล่อยมือจากฉัน

      “วันนี้เธอสวยมากนะ” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากอีแวน ฉันเดินออกจากบ้านของอลิชและมุ่งไปยังถนน ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีฉัน ฉันแค่พาตัวเองออกจากบ้าน ไปยังปาร์ตี้ของเพื่อนที่ไม่ได้สนิทสนมด้วยเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้

      บนถนนสปริงฟิลด์ สองข้างทางมืดสลัว ทุกอย่างคล้ายถูกทาไปด้วยสีน้ำเงินของแสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่คอยสาดส่องไล่ความมืดมิด เลยหัวมุมถนนผ่านสวนสาธารณะไปอีกสองบล็อค บ้านหลังนั้นยังคงเงียบสงบ  หน้าต่างห้องนอนของนายไม่มีแสงไฟ ราวกับว่าบ้านทั้งหลังร้างมานานหลายปีฉันหยุดยืนที่ถนน เงยหน้ามองและสงสัยว่าบางทีนายอาจจะหลับไปแล้ว

      “มองหาฉันเหรอ ?”

      “คุณพระช่วย !” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงของนายดังขึ้นที่ข้างหูหัวใจของฉันเต้นระรัว และเมื่อหันมองก็เห็นนายยืนมองมาด้วยสีหน้านิ่งงัน

      “ตกใจอะไรขนาดนั้น ?”

      “ทำไมนายถึงมาเงียบ ๆ ล่ะ !” ฉันยกมือขึ้นทาบอกถอนใจ ก่อนจะมองไปยังนาย คราวนี้รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในยามที่แสงไฟมืดสลัว นายดูเหมือนรูปปั้นหินอ่อนหรือไม่ก็ปูนปลาสเตอร์ เป็นรูปปั้นไร้ซึ่งชีวิตหรือจิตวิญญาณ และมันถูกสาดทับด้วยหมึกสีดำ อัลเลน บางครั้งฉันก็คิดว่า นายดูน่ากลัวเหลือเกิน

      “ฉันเห็นเธอยืนมองหน้าต่างห้องของฉันมาสักพักแล้วมีอะไรรึเปล่า ?”

      “ฉันแค่ผ่านมาเท่านั้น” ฉันตอบ

      “ปาร์ตี้เหรอ ?” ฉันพยักหน้ารับ และสายตาของนายที่มองมาคล้ายกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง นั่นทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด

      “ฉันไปก่อนนะ” เมื่อก้าวเท้าเดินเสียงฝีเท้าก็ไล่หลัง แขนของฉันถูกคว้าเอาไว้และ เมื่อหันกลับไป มือของนายคลายออกเล็กน้อยขยับเลื่อนจากแขนของฉันลงไปที่มือ ครู่เดียวเท่านั้นกลับกลายเป็นว่าเรากำลังกุมมือกัน ฉันสบตานาย และรอยยิ้มของนายจางหายไปจากใบหน้า ในยามนั้นฉันไม่เข้าใจ

      “ทำไมนายถึงใส่แต่เสื้อผ้าสีดำ ?” ฉันถามท่ามกลางความเงียบงัน

      “ความลับ”

      “เป็นหนุ่มลึกลับงั้นเหรอ ?” มือของนายอบอุ่น ฉันรู้สึกถึงปลายนิ้วที่กำลังขยับอย่างเชื่องช้า นายมักจะทำอย่างนี้ใช่ไหม อัลเลน นายมักจะโผล่มาและทำตัวเหมือนดาวเคราะห์น้อยที่มีแรงดึงดูด และฉันเป็นเพียงมนุษย์โลกที่อยู่ระหว่างจักรวาลว่างเปล่า ลอยคว้างขยับไปตามแรงดึงดูดของนาย แต่ไม่... ฉันไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วนายต้องการอะไรกันแน่ ฉันดึงมือออกจากมือของนาย

      “เธอดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่เลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

      “ความลับ” ฉันตอบ ทุกอย่างของนายล้วนเป็นความลับ นายมีความลับ และฉันก็มีของฉันหลังคำตอบฉัน สีหน้านายเปลี่ยนไป ริมฝีปากของนายคล้ายกำลังขยับแต่ก็หยุดลงในที่สุด ราวกับว่านายกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดออกมา ฉันอยากรู้ว่านายกำลังคิดอะไร ในสายตาของนาย ในแววตาสีเทาซีด ๆ คู่นั้นยามที่ฉันจับจ้องและพยายามจะจดจำสีของมัน ฉันมองเห็นเพียงเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้น

      “เธออยากดื่มอะไรอุ่น ๆ สักหน่อยไหม ?” อัลเลน นายทำอย่างนี้อีกแล้ว....

      นายเปิดประตูบ้าน และฉันเดินตามเข้าไปด้านใน รอบ ๆ กายของเรามืดทึมก่อนที่นายจะเปิดสวิทช์ไฟ ฉันมองไปรอบ ๆ และคิดว่านายคงเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเอามาก

      “นั่งก่อนสิ” ฉันเดินไปที่โซฟารับแขกหลังจากที่นายปิดประตูบ้าน ภายในบ้านอบอุ่นกว่าข้างนอกมากนัก ฉันกวาดสายตาไปบนชั้นหนังสือที่ประดับไปทั่วผนังห้อง สันปกหลากสีสันถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

      “โกโก้ดีมั้ยไหม ?” นายถามและฉันพยักหน้ารับ หลังจากนั้นนายเดินหายเข้าไปในห้องครัว บ้านทั้งหลังกลับเงียบสนิทจนกระทั่งฉันรู้สึกวังเวง หรือไม่ก็อาจเป็นความกลัวก็ได้ ฉันสงสัยว่านายอยู่คนเดียวมาตลอดเลย หรือว่า... ฉันไม่รู้ว่าทำไมบ้านหลังนี้ถึงไม่มีคนอยู่เลย ฉันไม่แน่ใจบางทีพ่อแม่นายอาจจะหลับอยู่บนบ้านก็ได้ แต่ฉันไม่เห็นรองเท้าของใครอยู่ที่ชั้นวางรองเท้าเลย นอกจากรองเท้าของนายและของฉัน

       

      “ฉันชอบชุดเธอนะ” นายบอกก่อนจะวางแก้วโกโก้ลงบนโต๊ะ ฉันหันกลับไปมองที่นายและยิ้มรับแทนคำขอบคุณ นายจึงหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาข้าง ๆ ฉัน จากนั้นนายก็เอาแต่จ้องมองไปที่ถ้วยโกโก้ร้อน

      “แล้วพ่อแม่นายล่ะ ?” ฉันถาม นายหันมองฉัน และอัลเลน... นายไม่ได้ตอบคำถามอะไรแม้แต่คำเดียวแต่สายตาคู่นั้นคล้ายกำลังบอกอะไรบางอย่าง รอยยิ้มเศร้า ๆ แต้มที่ริมฝีปาก

      สิ่งนั้นทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด....

      “เกิดอะไรขึ้น ?”

      “ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้” หลังจากนั้นเราต่างนิ่งเงียบ ฉันนั่งอยู่ที่เดิมและประคองถ้วยโกโก้ร้อนด้วยสองมือ นายนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่พูดจา ในขณะที่ฉันยกถ้วยโกโก้ขึ้นจิบ นายเอนตัวพิงไปกับพนักพิงของโซฟา ทุก ๆ อย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงขยับตัวเล็กน้อยของฉันเท่านั้น อัลเลน นายอยู่อย่างนี้มาตลอดเลยจริง ๆ เหรอ

                ฉันวางถ้วยโกโก้ลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงที่พนักพิงของโซฟา จากนั้นขยับเอนหัวพิงลงที่ไหล่ของนาย มันอบอุ่น นายยกแขนขึ้นโอบไหล่ของฉัน และฉันขยับตัวเพื่อให้นายวางมือได้ถนัดขึ้น เรานั่งอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ ฉันจำไม่ได้ จนกระทั่งโกโก้เย็นชืด จนกระทั่งฉันรู้สึกว่าเข้าใจในความเงียบเหงาและวังเวงเหล่านั้น

      “นายเคยฉลองคริสต์มาสไหม” ฉันเอ่ยถามในอ้อมแขนอันอบอุ่น     

      “เคยนะ เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ๆ”

        “ไม่ได้ฉลองมานานเท่าไหร่แล้ว ?”

      “จำไม่ได้เลย” ฉันซบหน้าลงบนเสื้อไหมพรมสีดำของนาย มันเป็นสีดำเสมอ แม้กระทั่งในวันคริสต์มาส ในยามที่หิมะโปรยปราย ฉันเคยเฝ้ามองนายจากอาคารเรียน นายเป็นเหมือนหยดหมึกสีดำบนลานหิมะ เป็นตัวแทนของความโศกเศร้าในวันแห่งความสุข ฉันมองเห็นนายในคืนวันคริสต์มาสอีฟเมื่อปีที่แล้ว นายยืนอยู่หน้าตู้กระจกของห้างสรรพสินค้า สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทสีดำสนิท หิมะกำลังโปรยปราย แสงไฟสีส้มจากตู้กระจกสาดกระทบจนผมของนายกลายเป็นสีส้ม แสงวูบวาบสลับไปมา นายกำลังยืนมองต้นคริสต์มาสที่ประดับดวงไฟสวยงาม ใต้ต้นไม้มีกล่องของขวัญหลากสีสัน ในตอนนั้นฉันนั่งอยู่บนรถบัส และเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว ฉันจึงมองเห็น

      ....นายกำลังร้องไห้....

      ไม่เคยมีคำบอกเล่าใด ฉันได้แต่คาดเดาเท่านั้น ---

      “บ้านของนายสวยดีนะ บางทีเราน่าจะช่วยกันแต่งต้นคริสมาส ที่หน้าบ้านของนาย” ฉันกล่าวในความเงียบงัน ไร้ซึ่งคำตอบใด ๆ มีเพียงโอบกอดที่กระชับแน่นขึ้นจนฉันรู้สึกได้เพียงเท่านั้น นอกบานหน้าต่างหิมะยังคงโปรยปราย อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส นี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่บ้านหลังนี้จะประดับไฟรับเทศกาลเหมือนกับบ้านหลังอื่น ๆ

      แน่นอนว่า ถ้านายตกลง ---  อัลเลน

       

      ปล. ฉันไม่รู้ว่านายจะชอบของขวัญของฉันหรือเปล่า และฉันอยากให้นายรู้ว่าในตอนที่นายสวมเสื้อยืดสีเหลืองของฉัน นายดูดีมาก ดังนั้นของขวัญคริสต์มาสปีนี้คือเสื้อสเว็ตเตอร์สีเหลือง ฉันก็อยากจะพูดว่าฉันถักมันด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่ เพราะฉันถักไม่เป็น เอาไว้ปีหน้าฉันจะไปหัดถักมาให้ก็แล้วกัน

      และของขวัญชิ้นที่สองคือสิ่งที่นายกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ ฉันหวังว่านายจะยิ้มออกมานะ

      เอาล่ะของขวัญชิ้นสุดท้าย --- ปิดหนังสือเล่มนี้ซะ แล้วมองมาที่ฉัน

      Merry Christmas อัลเลน : )


       

       

       


      แด่่
      แด่ ความโศกเศร้าที่ผ่านเข้ามาและขอให้มันจงผ่านพ้นไป
      - แ ม ว จ ร
       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×