ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    【Inazuma Eleven all series x OC】月の花嫁 Tsuki no Hanayome

    ลำดับตอนที่ #6 : 06 The love story of Orion and Arthemis.

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 66


     

    Warning 

    • ตำนานของโอไรอ้อน และอาร์เทมิสถูกแต่งขึ้นมาบางส่วน

    • กล่าวถึงบังคับห้ามรักเพศตรงข้าม

    • กล่าวถึงห้ามรักเพศเดียวกัน

    • ตัวละครถูกล่าแม่มด เพราเหตุผลที่สังคมไม่ยอมรับ

    • ตัวละครเสียชีวิต

    • กล่าวถึงฉากสยองขวัญเล็กน้อย

     

     

     

    ทัตสึยะกับมิสึกิก้าวขาเดินไปตามทาง

    เป้าหมายมีที่เดียว นั่นก็คือห้องพักของมิสึกิ

    ตลอดทางเดินมีแต่ความเงียบ อย่างน้อยก็มีเสียงของรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังเป็นจังหวะการก้าว

    ไม่นานนักก็มาถึงห้องพักของมิสึกิ

    หนุ่มผมแดงตัดสินใจปล่อยมือนุ่มด้วยความเสียดาย

    “งั้นผมไปก่อนนะ”

    ดวงตาสีมรกตมองร่างเล็กที่ก้มหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่ก้มหน้าอยู่กำลังแสดงสีหน้าอะไร แต่ถ้้ามันทำให้มิสึกิคิดมาก เขาคงต้องบอกเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรับรู้

    “ทัตสึยะ..” โอ๊ะ? มิสึกิคุงพูดสักที

    “มีอะไรหรอครับ?”

    “ช่วย.. เข้ามาในห้องกับฉันหน่อย”

    ......

    อะไรนะ?

    ทัตสึยะเหงื่อตก คือ มันต้องเป็นเรื่องปกติที่เด็กผู้ชายชวนเพศเดียวกันเข้าห้องสิ ทำไมเขารู้สึกว่ามันแตกต่างจากตอนที่เขาเข้าห้องของฮิโรโตะกัน?

    บ้าเอ้ย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย...

    “ได้สิ”

    สุดท้ายก็ตอบรับ แม้หัวใจยังคงเต้นโครมคราม

     

     

     

    ทั้งสองร่างได้มาอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อย

    “นายเอาน้ำมั้ย?” ตามมารยาทของเจ้าบ้านที่จะต้องถามแขก

    “ขอน้ำเปล่าละกัน” ทัตสึยะตอบแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่มุมโต๊ะอาหาร

    มิสึกิเดินเสิร์ฟแก้วสีใสที่มีน้ำอยู่ในภาชนะมาวางตรงหน้าของทัตสึยะพร้อมกับวางขนมทานเล่น

    เจ้าของผมสีแดงเข้มมองร่างที่เดินมานั่งตรงข้ามเขา และด้วยความที่เจ้าของห้องชวนเขาเข้ามาคงต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง

    “มีอะไรรึจะถามผมเปล่าครับ มิสึกิคุง”

    เด็กหนุ่มผมขาวเงียบ แต่ก็เลือกจะที่พูด

    “นายรู้จักเรื่องเล่าความรักของโอไรอ้อนกับอาร์เทมิสรึเปล่า?”

    ทัตสึยะที่ได้ยินคำถามนั้นก็ทำสีหน้าตกใจ

    “ฉันรู้จักตำนานนี้จากหนังสือเล่มหนึ่ง”

     

     

    นานมาแล้วเมื่ออดีตกาลหลายหมื่นปีก่อน

    อาร์เทมิส คือ นายพรานสาวผู้ถือตนว่าเป็นสาวพรหมจรรย์ ไม่ต้องการมีสามี ไม่ต้องการมีลูก และเป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของเพศหญิง

    โอไรอ้อน คือ นายพรานหนุ่มที่รักอิสระ และมักทำตามใจตัวเอง

    วันหนึ่ง โอไรอ้อนประกาศว่าเขาจะล่าสัตว์ทุกอย่างบนโลกใบนี้

    ผู้คนจำนวนมากต่างไม่พอใจกับคำการกระทำนั้นของโอไรอ้อนจึงขอให้อาร์เทมิสช่วยเกลี่ยกล่อมโอไรอ้อน เพราะทั้งสองถือว่าเป็นนักบ่าเหมือนกัน

    อาร์เทมิสทำตามคำขอของหลาย ๆ คน เธอจึงมุ่งหน้าไปหาโอไรออนแล้วคุยกับเขาเรื่องการล่าสัตว์

    ตอนแรก อาร์เทมิสคิดว่าการที่โอไรอ้อนอยากล่าสัตว์ทุกตัวบนโลก เพราะว่าเขาเป็นพวกเห็นแก่ตัว แต่ความจริงแล้วกลับตรงกันข้าม

    โอไรอ้อนได้เล่าเรื่องในอดีตของเขาให้อาร์เทมิสฟัง เหตุผลที่โอไรอ้อนต้องการล่าสัตว์ทุกตัวบนโลกก็เพื่อความปลอดภัยของผู้คนจากสัตว์ป่า

    เพื่อนของโอไรอ้อนไม่ใช่นายพราน เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ถูกสัตว์ป่าบุกมาทำร้ายที่หมู่บ้าน

    คนต่อมาเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ ที่โอไรอ้อนมักจะมาเล่นด้วยบ่อย ๆ ยามว่าง แต่แล้ววันหนึ่งเด็กคนนั้นหายไป และเขาได้พบร่างของเด็กคนนั้นเหลือแต่กระดูก และเส้นผมที่ถ้ำเสือ

    เขาเสียใจมากจึงตัดสินใจประกาศออกไปแบบนั้น

    อาร์เทมิสที่ได้ฟังเรื่องราวก็รู้สึกเจ็บปวด

    ผู้ชายคนนี้ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาของใครหลายคน เพื่อปกป้องคนสำคัญของเขา

    สุดท้ายอาร์เทมิสก็จากเขาไปพร้อมกับนำเรื่องนี้ไปเล่าสู่ให้ชาวบ้านฟัง

    นับแต่นั้นมา อาร์เทมิสก็ไปหาโอไรอ้อนบ่อยครั้ง

    ทุกช่วงเวลาที่เธอได้ใช้เวลากับโอไรอ้อนก็ทำให้อาร์เทมิสรู้ว่า เธอรักผู้ชายคนนี้

    แต่นั่นเป็นเรื่องผิดกฎที่ร้ายแรงมากของอาร์เทมิสที่เธอลดตัวไปรักบุรุษเข้า

    เพื่อที่จะตัดใจจากเขา อาร์เทมิสจึงขังตัวเองไว้ในหอคอยตลอดชั่วชีวิตของเธอ

     

     

    “นั่นคือทั้งหมดที่ฉันอ่านมา” มิสึกิยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ เพื่อดับกระหาย

    “ทำไมนายถึงเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังล่ะ?” ทัตสึยะถาม

    “มันมีอีกเรื่องเล่าต่อจากนั้น” มิสึกิเงยหน้าไปมองทัตสึยะ ชายผมแดงเหงื่อไหลลงมาข้างแก้มด้วยความประหม่า

    แล้วทำไมต้องมองหน้าผมด้วย..

    “ตำนานต่อจากนั้นเล่าไว้ว่า—”

     

     

    ก่อนที่อาร์เทมิสจะขังตัวเองไว้ในหอคอย

    โอไรอ้อนได้รู้ใจตัวเองว่าเขารักอาร์เทมิสสุดหัวใจ

    เขาหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเธอสักที เขาจึงคิดว่าเธอพยายามหนีเขา เพื่อตัดใจตามกฎของตัวเธอเอง

    วันที่โอไรอ้อนเจออาร์เทมิส คือ วันที่เธอจากเขาไปจนร่างนั้นเหลือแค่กระดูก

    เขากล่าวกับกระดูกของอาร์เทมิสว่า ต่อให้พันปี หมื่นปี หรือ ชาติหน้า ขอให้เขา และเธอได้เกิดมาคู่กันโดยไม่มีกฎเกณฑ์มากีดกันพวกเรา

    หลังจากนั้น ไม่มีใครทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่อาร์เทมิสได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีสิ่งที่ผิดไป นั่นก็คือ อาร์เทมิสเป็นเด็กผู้ชาย

    โอไรอ้อนที่กลับชาติมาเกิด และจำเรื่องราวในอดีตได้ก็พยายามจะจีบอาร์เทมิสที่เป็นผู้ชาย

    ต่อให้ทั้งสองรักกันก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันตลอดไปได้ เพราะโลกไม่ตอบรับความรักร่วมเพศของโอไรอ้อนกับอาร์เทมิส

    สุดท้ายอาร์เทมิสก็เสียสละตัวเอง ยอมถูกประหารแทนโอไรอ้อน แต่โอไรอ้อนทำใจไม่ได้จึงตรอมใจตายตามอาร์เทมิส

    หลังจากเรื่องราวเหล่านี้ผ่านไปหลายวันก็ได้มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการรักร่วมเพศ

    ชาวบ้านเหล่านั้นประท้วงได้สำเร็จ พวกเขาช่วยกันสร้างรูปปั้นให้กับโอไรอ้อน และอาร์เทมิส เพื่อเป็นตัวแทนของความรักที่บริสุทธิ์

     

     

    “น่าสงสารจังเลยนะครับ...”

    “อืม”

    “แล้วทำไมถึงเรื่องเรื่องพวกนี้ให้ผมฟัง?” เขาถามอีกครั้ง

    “ฉันไปเห็นกฎของแล็ปเอย์เซย์มาน่ะ”

    ทัตสึยะมองหน้ามิสึกิด้วยความประหม่า

    “กฎของแล็ปเอย์เซย์ ข้อที่ 3 มันกล่าวไว้ว่า ห้ามรักเพศตรงข้าม” มือเล็กเอื้อมไปหยิบขนมขึ้นมาทาน

    “นายเข้าใจความหมายนั้นใช่มั้ย? ทัตสึยะ..” ดวงตาสองสีเหลือบมองอีกคน ในปากของเขายังคงเขี้ยวขนมไปพลาง

    ทัตสึยะเหงื่อตก หนุ่มผมแดงถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “เรื่องนั้นผมไม่ทราบ ขอโทษด้วยนะที่ตอบอะไรไม่ได้— จริง ๆ แล้วผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่ากฎนี้มีไว้ทำไม แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะกลัวโดนเนรเทศตามคำขู่”

    หนุ่มผมขาวที่ฟังคำตอบเงียบจนทัตสึยะอึดอัด เขาเริ่มใจคอไม่ดีว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่า

    “ขอบคุณที่ตอบนะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” มิสึกิหยิบทิชชู่ออกมาแล้วยื่นให้ทัตสึยะ

    “ขอบคุณ..” เขารับทิชชู่นั้นมาซบเหงื่อที่ข้างแก้ม นี่เขากลัวคนตรงหน้าจนไหลออกมาขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย

    “นายกลับเถอะ เดี๋ยวฉันจะพักสักหน่อย”

    เมื่อเจ้าขอห้องไล่แล้ว มีหรอที่ทัตสึยะจะหน้าด้านอยู่ต่อ

    “ไว้เจอกันใหม่นะครับ มิสึกิคุง” เขาโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้อง

    เมื่อเสียงประตูกระทบกับขอบประตูจึงเป็นสัญญาณว่าทัตสึยะได้จากไปแล้ว

    “ที่นี่มีความลับปิดบังไว้อยู่..”

    “แล็ปเอย์เซย์ ภายนอกเป็นศูนย์วิจัยของกลุ่มวิทยาศาสตร์ แต่ภายในกลับเป็น—”

    ตาซ้ายสีน้ำเงิน และตาขวาที่มีสีฟ้าอ่อนเหลือบมองไปยังบานกระจกที่มีแสงของจากดวงอาทิตย์เทียมลอดผ่านเข้ามา

    “รังหนูที่มีไว้สร้างอาวุธสงครามดี ๆ นี่เอง...”

     

     

     

    Talk with Roselle

    ดีใจจัง มีคนเริ่มชอบเรื่องที่เราแต่ง เราตัดสินใจลงเรื่องนี้ใน Dek-D ด้วย แต่เรื่องนี้มันมีพล็อตที่เสี่ยงโดนแบนใน Dek-D อยู่ ยังไงเราก็ลงในนี้เป็นหลักนี่แหละค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×