ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    【Inazuma Eleven all series x OC】月の花嫁 Tsuki no Hanayome

    ลำดับตอนที่ #18 : 18 Cage | Genesis

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 66


    ⚠️ Warning ⚠️

    • บรรยายฉากสยองขวัญ

    • เลือด

    • ตัวละครเสียชีวิต

    • กล่าวถึงมนุษย์ถูกกินเป็นอาหาร

    • บรรยายฉากกินมนุษย์ (ไม่รุนแรงขนาดที่บรรยายเรื่องรสชาติ แค่กัดเข้าปาก)





    วันที่โลกถูกสร้าง ทุกทิศทางนั้นมืดสนิท ไม่มีแผ่นดิน ไม่มีน้ำ ไม่มีท้องฟ้า


    ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต


    เขาหยัดกายขึ้น ขยับสองแขน สองขา หมุนตัว อ้าปาก กระพริบตา ทุกส่วนของร่างกายตอบสนองตามความคิดในหัว


    เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ทุกอย่างนั้นมืดสนิท


    แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น


    เขาไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร มีลักษณะทางกายภาพแบบไหน สองขาเดินไปตรงไปเรื่อย ๆ ความมืดนี้ไร้ที่สิ้นสุด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำแบบนี้อีกนานมั้ย


    ระหว่างที่เดิน ก็มีอะไรบางอย่างล่วงหล่นลงมาตรงหน้า ดวงตาของเขามองต่ำ สิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กำลังหอบหายใจโรยริน มันมีลักษณะทางกายภาพ คือ แขน ขา ลำตัว และหัว


    เหมือนกับเขา..


    ตามเนื้อตัวของมันมีอะไรบางอย่างไหลออกมา เป็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้


    มันอ้าปาก เสียงบางอย่างเข้าเส้นประสาทการรับฟังที่ใบหู มันบอกเขาว่า ช่วยด้วย


    เขาไม่เข้าใจ ไม่นานนักมันก็นิ่งอยู่กับที่ ดวงตาของมันปิด ปากอ้าค้างไว้


    และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์


    และมันก็ตายต่อหน้าเขา โดยมีสภาพโชกเลือด


    ผ่านไปแล้วกี่วัน? กี่เดือน? หรือกี่ปี? เขานั่งอยู่กับโครงกระดูกของมนุษย์ปริศนา


    ภาพจำยังคงติดตา ครั้งแรกที่เขาได้พบมันด้วยสภาพกายหยาบที่เป็นมนุษย์ที่ไร้เนื้อหนัง แต่มีบางส่วนแต่งเติมออกมาราวกับว่ามันกำลังละทิ้งสภาพความเป็นมนุษย์


    แปลก


    นิ้วของเขาเขี่ยโครงกระดูกพวกนั้น ทั้ง ๆ ที่ความมืดพวกนี้มีแต่สีดำ แต่ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงยังมองเห็นในความมืด


    หรือว่าเขาคือความมืด?


    หรือว่าเขาคือตัวตนที่กลมกลืนกับความมืด?


    ไม่เข้าใจเลย มีแต่เรื่องให้ชวนคิด


    แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า เขา คือ มนุษย์


    รึเปล่า?


    ระหว่างที่นั่งไปเรื่อย ๆ โดยไร้เป้าหมาย ในหัวก็ฉุดคิดเรื่องนึงขึ้นมาได้


    เจ้าโครงกระดูกที่เคยมีเนื้อมันล่วงหล่นลงมาจากข้างบน มันต้องมีทางออกใช่ไหม? แต่ข้างบนมันไม่มีอะไรเลย นอกจากความมืด


    ขาก้มหน้าแล้วหลับตาลง


    สุดท้ายก็หยุดอยู่กับที่


    ผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่รู้ แต่ไม่นานนักก็มีอะไรบางอย่างตกลงมาตรงหน้าเขา


    ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นเหมือนเจ้าโครงกระดูกก่อนหน้า และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกมันมันตกลงมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด


    เขาตกใจมาก แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือความมืดที่เคยอยู่รอบตัวเขากำลังหายไป


    มันคืออะไร?


    ภาพทุกอย่างเริ่มชัดขึ้น ดวงตาของเขามองข้างล่าง


    พวกก้อนเนื้อติดสีแดงประหลาดกองอยู่ตรงพื้น มันอ้าปากพะงาบ ๆ แล้วมีเสียงตามมาว่า พระเจ้า


    อะไรคือพระเจ้า?


    ในกองก้อนเนื้อพวกนั้นมีสิ่งมีชีวิตโผล่ออกมา มันกำลังเอาพวกก้อนเนื้อเหล่านั้นเข้าปาก


    ทำอะไร? ทำไมเอาพวกนั้นเข้าปาก?


    และครั้งนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดกำลังทำสิ่งที่เรียกว่า กิน


    กินเป็นการกระทำอย่างหนึ่ง มันสามารถทำให้รู้ว่าถ้าเรากิน แสดงว่าเราหิว เพียงแค่ใช้ฟันเคี้ยวแล้วกลืนสิ่งที่เรียกว่าอาหารลงเข้าไปในท้อง


    เขาเองก็อยากลองทำสิ่งที่เรียกว่ากินบ้าง เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นก็ไม่เคยรู้จักการกระทำแบบอื่นนอกจากเดิน วิ่ง และนั่ง


    ยื่นมือไปจับก้อนเนื้อสักอันแล้วยกมันขึ้นมาดู


    เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเขา แต่มีบางส่วนที่โผล่ออกมาตามร่างกายที่ดูไม่เหมือนกับมนุษย์ เนื้อหนังลอก ตามร่างกายมีเลือดไหล ปากมันอ้าออกแล้วออกเสียงว่า ช่วยด้วย


    ช่วยอะไร? อะไรคือช่วย?


    ไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไร แต่เขาอ้าปากกว้างแล้วกัดก้อนเนื้อเข้าปาก


    มันส่งเสียงจนเขาสะดุ้ง เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ตัวเองนั้นกำลังพยายามทำสิ่งที่เรียกว่า กิน


    ...


    มันแปลก เจ้าก้อนเนื้อนี่มีบางสิ่งบางอย่างที่เขาพูดไม่ถึง เลือดของมันไหลออกจากมุมปากของเขา พยายามใช้ฟันเคี้ยว แต่มันก็ใช้เวลานานจนเขาเริ่มไม่ไหว พอจะกลืนมันก็ทำเหมือนกับว่ากลืนไม่ได้


    สุดท้ายก็คายทิ้ง พร้อมใบหน้าที่ผิดหวัง


    ผ่านไปนานแค่ไหนที่เขาเดินไปข้างหน้า เดินไปเรื่อย ๆ แล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น


    ขณะที่เดินก็มีสีขาวโอบรอบลำคอ เขาหยุดเดินแล้วเงยหน้ามองเบื้องต้น


    เป็นสีขาวที่ทำให้เขาต้องหลับตา เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเรียกมันว่าสีขาว เพราะมันต่างจากสีดำที่เปรียบเสมือนความมืด


    เปรียบเสมือนความมืด?


    งั้นเรียกว่าแสงละกัน


    แสงนั่นมันแล้ว? เขายื่นแขนไปข้างบน พยายามไขว่คว้ามันเอาไว้ แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไร้หนทางที่จะจับมันได้


    เขารีบลืมตา ถึงแสงจะแยงตาจนเขาต้องหรี่ลง แต่ด้านบนของเขามีอะไรบางอย่างกำลังยื่นมือมาจับมือของเขาไว้


    เจ้านั่นเริ่มเข้ามาใกล้จนขาของมันแตะลงกับพื้นแล้วปล่อยมือของเขา


    มันมีสีขาวที่ไม่ทำร้ายดวงตาของเขา และมันยังมีอะไรไม่รู้อยู่นอกร่างกาย แล้วนั่นสีอะไร? ร่างกายของมันไม่มีเลือด หรือ ส่วนที่ไม่ใช่มนุษย์ตามร่างกายเลย


    สวัสดี ชื่ออะไรหรอ? ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?’


    มันออกเสียงได้? แล้วมันอกเสียง.. กับเขา? เขาควรออกเสียงยังไง?


    เขาอ้าปาก พยายามออกเสียง แต่มันก็ไม่ออก เขาไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงไม่ออก


    ‘.....’


    ‘พูดไม่ได้หรอ?’


    มนุษย์ถามเขา


    เขาทำหน้าไม่เข้าใจ


    ‘อ่อ แสดงว่าใช่ หน้านายมันฟ้องน่ะ ฮ่า ๆ’


    มนุษย์ออกเสียงอีกแล้ว และทำหน้ากับท่าทางแปลก ๆ อีกด้วย


    ‘งั้นฉันขอแนะนำตัวเองนะ!’


    ‘ฉันชื่อ เทเรเซีย อาร์ค เวสทัล เรียกว่าเทเรเซียจะง่ายที่สุด ยินดีที่ได้รู้จัก’


    มนุษย์จับมือเขาอีกครั้ง


    และนั่นเป็นการพบสิ่งมีชีวิตที่ยังคงสภาพความเป็นมนุษย์ครั้งแรก




    ภายในห้องของหัวหน้าแล็ปเอย์เซย์ มีเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นบนโต๊ะ เจ้าของห้องรีบเดินมาที่โต๊ะทำงานแล้วรับสายโทรศัพท์


    หลังจบการสนทนา ชายชรายิ้มจนแก้มปริ


    ไม่เคยมีความสุขเท่าใดมาก่อน


    เรื่องราวครอบครัวที่เสียชีวิตถูกลบเลือนหายไปแล้วมาแทนที่ด้วยภาพในหัวที่เขาคิดไว้


    ภาพที่นางฟ้าผมสีบริสุทธิ์กางปีก เพื่อปกป้องมนุษยชาติ


    และอีกภาพ คือ นางฟ้าผมสีบริสุทธิ์กำลังร่ายรำ และร้องเพลงให้แก่มวลมนุษยชาติ


    คิระ เซย์จิโร่แทบจะรอเวลาที่จะได้ทำตามความคิดนั้นไม่ไหวแล้ว


    ก๊อก ก๊อก


    เจ้าของห้องหันไปสนใจที่บานประตู


    ‘เข้ามา’


    เมื่อเอ่ยคำอนุญาต บุคคลที่เข้ามาภายในห้องเป็นเด็กหนุ่มผมสีแดงสดที่ยาวประมาณหลังคอ ดวงตาสีมรกต และใบหน้าที่คล้ายคลึงคนรู้จักของเขา แต่ลักษณะทางกายภาพกลับต่างกันอย่างเห็นได้ชัด


    ‘ผมคิยามะ ทัตสึยะครับ’


    เด็กหนุ่มแนะนำตัว


    ‘มีอะไร?’


    ‘มีนักวิจัยแจ้งมาว่าจับเด็กผู้หญิงที่ท่านพ่อตามหาได้แล้วครับ’


    เมื่อสิ้นคำพูด คิระ เซย์จิโร่หยัดกายขึ้น เขารีบวิ่งออกไป พร้อมทิ้งท้ายให้กับหนุ่มผมแดงว่า


    ‘เรียกทุกคนมารวมตัว!’




    เทเรเซียเป็นเด็กผู้หญิงที่สดใส และร่าเริง


    เธอสอนให้ฉันรู้จักสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทั้งการพูด การแต่งกาย ภาษา อาหาร สี การอ่านตัวอักษร และชื่อ


    ชู


    เป็นชื่อที่เทเรเซียตั้งให้ มันไม่ได้มีความหมายแอบแฝง เทเรเซียบอกว่ามันเรียกง่ายดี


    ต่ฉันชอบนะ


    สำหรับเขา เทเรเซียเปรียบเสมือนแสงสว่างที่มีสีหลากสีอยู่ในตัวเอง แต่ถ้าให้บอกสีที่เขาชอบที่สุดในตัวของเทเรเซีย ก็คงไม่พ้นสีขาว


    สีของแสงสว่าง


    เทเรเซียบอกว่ามีเรื่องเดียวที่เธอสอนเขาไม่ได้ในฐานะมนุษย์ นั่นก็คือความรัก


    เธอไม่รู้จักความรัก และไม่เข้าใจความหมายนั้น


    ไม่เป็นไรนะ ขอแค่มีพวกเรากันสองคน


    เธอไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่าความรักกับใคร


    นานวันเข้า ชูเริ่มมีความคิดด้านของความสัมพันธ์ที่เกินเลยให้แก่เทเรเซีย ด้วยความที่อยู่กันสองคนในข้างใต้หลุมจึงตัวติดกันตลอด


    ชูไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เทเรเซีย หัวใจเขาจะเต้นแรงมากกว่าปกติ


    ช่วงเวลาที่อาบน้ำทั้งคู่อาบพร้อมกัน แต่หันหลังคนละฝั่ง เพื่อกันสัตว์ร้ายข้างล่าง ทุกครั้งที่อาบน้ำ ชูมักจะเผลอมองเรือนกายของเทเรเซียอย่างเผลอตัว


    ก่อนที่จะเจอเทเรเซีย ทุกอย่างช่างมืดสนิท เขาไม่สามารถรับรู้อะไรได้ นอกจากความมืด


    เมื่อการมีตัวตนอยู่ของเทเรเซียได้ปรากฏตัวขึ้น มันทำให้รอบตัวของชูมีสีสันออกมาอย่างเหลือล้น


    แต่แล้ววันหนึ่ง เทเรเซียชวนชูขึ้นไปข้างบน


    เธอบอกอยู่ในนี้มันน่าเบื่อ โลกภายนอกมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ


    ชูกลัว


    กลัวที่จะถูกทิ้ง


    กลัวที่จะถูกลืม


    และกลัวการจากลา


    แต่ท้ายที่สุด ชูก็ยอมตามเทเรเซียขึ้นไปข้างบน


    ไม่รู้ว่ามันผ่านมานานขนาดไหน รูปแบบภายในหลุมถึงมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ร้ายเดินไปทั่ว


    และชูก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันไม่โจมตีพวกเรา


    หลายชั่วโมงที่ชูกับเทเรเซียเดินมาถึงข้างบน


    เธอปืนขึ้นไปแล้วจึงเหลือแค่ชูที่ยังลัังเลว่าจะออกไปดีมั้ย


    เทเรเซียยื่นมือไปทางชู พร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร เขาจึงตัดสินใจจับมือนั้น


    ทั้งคู่ขึ้นมาจากปากหลุมได้สำเร็จ เทเรเซียหอบเหนื่อย ส่วนชูไม่ได้รู้สึกเสียแรงอะไรเลย


    เทเรเซียงอแงอยากหาที่พัก ชูไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีจึงเสนอให้เทเรเซียขี่หลังของเขา เดี๋ยวเขาจะเป็นฝ่ายเดินไปเอง


    เด็กสาวตอบรับทันที เธอกอดคอชูไว้ สองขาโอบกอดช่วงเอวของหนุ่ม โดยมีมือทั้งสองของเขาคอยประคองขาไว้ไม่ให้ตก


    ‘ไปทางไหนล่ะ?’


    ‘ทางนี้!’


    เธอชี้ที่ใต้ต้นไม้ด้านหน้า


    ชูจึงเดินไปหาต้นไม้ต้นนั้น โดยที่ไม่สนใจสภาพแวดล้อมของประเทศที่เริ่มพังทลายลง


    นับตั้งแต่ที่มาถึงต้นไม้ ทั้งสองนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงแค่เสียงของสายลม และเสียงหัวเราะของคู่หนุ่มสาวใต้ต้นไม้


    ดวงตาสีดำมองใบหน้าที่สดใสของสาวน้อยผมสีบริสุทธิ์


    ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่เปร่งประกาย


    เสียงหวานลื่นหูที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเบื่อ


    ปากเล็กที่คอยเรียกแต่ ชู


    ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่อาจเลิกมองอีกได้ ราวกับว่าเธอถูกสร้างสรรค์ให้ออกมาให้คนอย่างฉันมองแค่เธอคนเดียว


    ในขณะที่โลกใบนี้แปดเปื้อนไปด้วยความมืด กลับมีเธอคนเดียวที่เป็นดั่งแสงสว่าง—ไม่สิ


    เทเรเซีย— เธอคือสีสันในชีวิตของฉัน..


    อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป


    เทเรเซียบอกว่าขอตัวไปหาของ เขาเองก็อยากช่วย แต่เธอปฏิเสธแล้วบอกอีกว่า


    ‘ชูนั่งรอตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันรีบมานะ’


    และเด็กสาวก็วิ่งหายไป


    ผ่านไปนายเกือบครึ่งชั่วโมง ชูยังคงนั่งรอเธอ แม้อีกใจอยากจะออกไปตามหา


    เขาหยัดกายขึ้นแล้วออกตามหาเทเรเซีย


    ....


    อ่า— มนุษย์...


    มนุษย์..


    มนุษย์..


    มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์


    มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์


    มนุษย์!!


    ฉันเกลียดมนุษย์!


    พวกมนุษย์พรากสิ่งสำคัญของฉันไป


    พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ


    เจ้าสิ่งมีชีวิตโสโครกที่กล้ามาแตะต้องของ ๆ ฉัน


    ชูเห็น


    เขาเห็นมนุษย์กลุ่มหนึ่งจับตัวเทเรเซียไว้ในกรง แต่ไม่รู้ทำไมเทเรเซียถึงไม่ขยับ


    ชูรีบวิ่ง เขาวิ่งไปหาคนกลุ่มคนนั้นด้วยความเร็วเท่าที่มี แล้วก็ตะโกนเรียกมนุษย์พวกนั้น แต่กลับไม่มีใครหันมาสนใจเขาสักคน


    เหมือนว่าพวกมนุษย์ติดปัญหาอะไรบางอย่างเลยล่าช้าจนชูวิ่งมาถึง เขาพยายามเรียกเทเรเซียที่นอนแน่นิ่ง ทั้งทุบกระจกใส ใช้เท้าเตะ หรือ ตะโกนเรียกพวกมนุษย์กลุ่มนั้นก็ไม่มีใครสนใจเขา และนั่นทำให้ชูพึ่งรู้ว่า—


    เขาคือวิญญาณ


    มนุษย์พวกนั้นไม่สามารถมองเห็นเขา และเขาเองก็ไม่สามารถจับมนุษย์เหล่านั้นได้เช่นกัน


    พวกมนุษย์พาเทเรเซียไปแล้ว ชูทรุดตัวลงกับพื้น เขากำปั้นแล้วทุบมันลงที่พื้นซ้ำ ๆ หลายครั้ง


    โกรธที่มนุษย์พาเธอไป...


    เศร้าที่ช่วยเธอไม่ได้...


    หวาดกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว...


    หางตาเหลือบไปเห็นดอกไม้สีสวยที่พื้นข้างเขา มันถูกถักร้อยให้เป็นมงกุฎ มันยังสดใหม่ ราวกับว่าพึ่งทำเสร็จได้ไม่นาน


    ชูรู้ว่ามันคืออะไร และเป็นของใคร


    เทเรเซียทำมงกุฎดอกไม้ เพื่อเขา...


    หนุ่มผมดำหวีดร้องอย่างทรมาน


    อย่าจากไปเลยนะ


    แสงสว่างหลากสีของฉัน





    ‘นี่แหละ นี่แหละ นี่แหละ!’


    ‘เด็กคนนี้นี่แหละ หัวใจหลักในการทำนางฟ้า!’


    ‘ในที่สุด ฉันก็ได้ทำมันแล้ว!’


    คิระ เซย์จิโร่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง


    คิยามะ ทัตสึยะ ยืนมองอยู่ด้านหลัง เขาไม่พูดอะไรออกมา แต่ดวงตาสีมรกตกลับจ้องมองไปยังร่างที่นอนหลับไหล


    ‘พาเธอไปห้องพิเศษ


    เมื่อได้รับคำสั่ง นักวิจัยบางส่วนจึงนำร่างของเด็กสาวที่นอนบนเตียงแล้วเคลื่อนย้ายทันที โดยมีสายตาของทัตสึยะที่มองตาม.


    เด็กคนนั้นน่ะหรอ


    ที่จะมาเป็นนางฟ้า?




    นางฟ้า เปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ของมนุษย์ และยังเป็นผู้ส่งสารจากพระเจ้าที่มอบให้แก่มนุษย์


    นางฟ้าในเรื่องเล่าถูกกล่าวถึงลักษณะของนางฟ้าว่า มีรูปร่างเป็นมนุษย์ที่มีปีกอยู่ที่ด้านหลัง


    บางข้อมูลก็บอกไว้ว่า นางฟ้าไม่มีกายหยาบดั่งมนุษย์ เป็นเพียงแค่เซราฟิมเคลื่อนที่ และยังมีบอกอีกว่านางฟ้าจะต้องมีปีกเสมอไป


    คิยามะ ทัตสึยะนั่งเงียบ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ ร่างหลักก็ดันหนีออกจากแล็ป เหลือไว้แค่พวกเขาสองคน


    ‘ทำหน้าเครียดทำไมหรอ? ทัตสึยะ’


    แกรนด์กระซิบข้างหูเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนกับเขา และการที่โผล่ออกมากระทันหัน สร้างความตกใจให้แก่ทัตสึยะไม่น้อย


    ‘อะไรของนาย!’


    ‘ถ้าให้ฉันเข้าประเด็น—ไอ่แก่นั่นกำลังทดลองอยู่ใช่มั้ย?’


    ทัตสึยะเงียบ เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ


    ‘นายคิดว่ากี่ปีที่การทดลองนี้จะสำเร็จ?’


    เด็กชายในชุดบอดี้สูทเดินมานั่งข้าง ๆ ทัตสึยะแล้วหันมามองด้วยรอยยิ้ม


    ‘.....’


    ทัตสึยะไม่ตอบ แกรนด์ใช้นิ้วแตะที่ใต้คางตัวเอง


    ‘นี่ทัตสึยะ’


    ทัตสึยะเหล่ตามองคนข้างกาย เจ้าตัวมีใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม


    ‘นายชอบนางฟ้าคนนั้นหรอ?’


    คนถูกถามเบิกตากว้าง เขารีบหันไปมองอีกตัวตนหนึ่งของเขาด้วยความตกใจ


    ‘รู้ได้ยังไง?’


    แกรนด์ยิ้ม


    ‘สายตาของนายมันฟ้องหมดทุกอย่าง’


    ผ่านไปแล้วสองปี โครงการนางฟ้าประดิษฐ์ก็ไม่มีวี่แววว่าผลลัพธ์จะออกมาสำเร็จ


    คิระ เซย์จิโร่มองร่างของเด็กสาวที่หลับไหลอยู่ในตู้กระจกใส ตั้งแต่ตอนนั้นที่พวกเขาจับเธอจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่ตื่น แม้ชีพจรจะเดินเป็นปกติ สีผิวยังไม่ซีดเหมือนศพ


    เหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา

    เป็นอีกหัวข้อที่น่าสงสัยสำหรับการวิจัย

    ทำไมเธอไม่ตื่น? นี่ผ่านมาสองปีแล้วนะ

    เขาเดินออกจากห้องทดลองพิเศษแห่งนี้ ขณะเดินก็มีคนรายงานเรื่อย ๆ ว่าได้หนูทดลองใหม่

    แต่หัวหน้าแล็ปเอย์เซย์หาได้สนใจ


    ‘คงต้องใช้สิ่งนั้นแล้วสินะ’



    คิระ เซย์จิโร่พึมพำกับตัวเอง


    หัวหน้าแล็ปเอย์เซย์กลับมาที่ห้องทดลองพิเศษอีกครั้ง


    มือของชายชราเปิดกล่องใบเล็กที่มีสิ่งสำคัญถูกเก็บซ้อนไว้ข้างใน


    มันคือเศษอุกกาบาตที่ตกลงมา


    เขาให้นักวิจัยเป็นคนเจียระไนเศษอุกกาบาตนี้ให้ออกมาเหมือนผนึก ใช้เวลาเกือบปีกว่าจะเสร็จ ขนาดของมันพอดีที่จะสวมใส่เป็นสร้อยประดับได้


    เขาตั้งชื่อสิ่งนี้ว่า หินเอเลีย


    คิระ เซย์จิโร่มอบหินเอเลียให้เคนซากิ นักวิจัยที่คอยช่วยเหลือโครงการนี้


    เคนซากิสั่งให้นักวิจัยนำร่างของเทเรเซียออกมาจากตู้กระจกแล้ววางเธอไว้ที่บนเตียง


    เขาวางหินเอเลียไว้ที่กลางอกของเด็กสาว ทุกวินาทีที่พวกเขาหายใจ คิระ เซย์จิโร่เฝ้ามองผลลัพธ์อย่างไม่ละสายตา


    แต่แล้วก็มีแสงสีม่วงอ่อนสว่างวาบออกมาต่อหน้าพวกเขา

    ‘นะ นี่มัน!’




    เสียงลมแรงกรรโชกไปทั่วทิศ ต้นเหตุมาจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่กำลังกางปีกออกแล้วสะบัดจนทำให้เกิดลม


    มังกรสีขาวขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดตามตัวเป็นสีฟ้า ดวงตาสีแดงดุร้ายของมันกำลังมองร่างของชายคนหนึ่งที่ยืนดูมันมาได้สักพัก


    ‘มีอะไร’


    มังกรสีขาวถาม


    ‘นายอยากเจอแม่มั้ย? ฮาคุริว’


    ดวงตาสีแดงเบิกกว้าง มังกรตัวใหญ่ยกแขนของมันขึ้นแล้วง้างลงตรงจุดที่ชายคนนั้นยืนอยู่


    แรงเสียดทานจนทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน ในขณะที่มังกรสีขาวพยายามจะขย่ำชายคนนั้นให้เละคามือ แต่อีกฝ่ายกลับกันไว้ได้ด้วยขวานสีดำลายม่วง


    แม่ตายไปแล้ว! เลิกพูดเรื่องนี้สักที ชู!’


    มังกรสีขาวตะหวาด


    ชูถอยตัวเองไปด้านหลัง ขวานใหญ่ของเขาหายไปแล้ว แต่รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้ายังคงแสดงให้เห็นได้ชัด


    ‘นายแน่ใจหรอว่าแม่ของนายน่ะ ตายไปแล้วจริง ๆ?’


    ดวงตาสีแดงสดจ้องมองร่างของเจ้าของผมสีดำทมิฬ


    ‘แม่นายยังไม่ตาย’


    ‘อย่ามาล้อเล่น!’


    มังกรตัวนั้นตอบทันที พร้อมกับทุบพื้นจนเกิดแผ่นดินสั่นไหว


    ‘แม่ของนายถูกมนุษย์จับตัวไป’


    ชูนำมือไขว้หลังแล้วเดินวนอยู่ตรงนั้น


    ‘ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองขึ้นไปข้างบนสิ’


    เหมือนกับแอปเปิ้ลที่อาบยาพิษ ถ้าหากเขาขึ้นไปก็ต้องพบกับมนุษย์ที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา แต่ถ้าไม่ออกไปจากที่นี่ เขาก็จะไม่พบกับความจริง


    ‘งั้นเอางี้!’


    ชูหยุดเดิน เขาใช้สองมือแปะเข้าหากัน


    ‘ฉันจะให้นายดูอะไรบางอย่าง เอามั้ย?’


    มังกรขาวลังเล


    ‘เรื่องที่จะให้ดูเกี่ยวกับแม่ของนายแน่นอน’


    หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น มังกรขาวใช้ความคิดกับตัวเองสักพัก ท้ายที่สุดก็ต้องยอม มันเปลี่ยนร่างของตัวเองให้อยุ่ในรูปลักษณ์ที่เหมือนกับมนุษย์


    ใบหน้าคมคายที่มีดวงตาสีแดงสด ผมสีขาวที่มีส่วนล่างเป็นสีฟ้าอ่อน กายผิวสีขาว เป็นเด็กผู้ชายที่สูงพอสมควร


    เหมือนกับเธอไม่มีผิด


    ชูที่มองกายหยาบของฮาคุริวในรูปแบบของมนุษย์ถึงกับคิดในใจ


    ‘งั้นมาเริ่มดูกันเถอะ’


    จุดเริ่มต้นแห่งความเกลียดชัง








    Talk with Roselle

    Cage (กรง) | Genesis (ปฐมกาล)

    ซึ่งคำว่า ปฐมกาล มีความหมายคือจุดเริ่มต้น หากใครรู้จัก Book of Genesis ก็น่าจะเข้าใจ

    ตอนนี้เป็นที่เล่าเรื่องราวการกำเนิดของชู เริ่มโดยที่ชูไม่รู้จักอะไรเลย และไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร แต่ชูรู้แค่ว่ารอบตัวที่ชูอยู่มีแต่ความมืด จนกระทั่งมีมนุษย์ตกลงมา นั่นก็คือคิระ โซตะ (ตัวประกอบจากตอนที่ 1) ที่ตายต่อที่ตายต่อหน้าชู

    ง่าย ๆ เลยนะ หลังจากที่อุกกาบาตตกลงมาที่โลก มันจะมีหลุมที่เกิดจากแรงพุ่งชนใช่ปะ ส่วนล่างสุดของหลุม คือ บ้านเกิดของชูนั่นเอง!

    แล้วทำไมชูเป็นวิญญาณ? ไม่ใช่อาบีสอะไรทำนองนี้หรอ?

    สาเหตุที่ชูเป็นวิญญาณ อ้างอิงจากวิกิ ชื่อของชู (Shuu) มาจากเทพอียิปต์ที่ชื่อชู (Shu) และชื่อของชูมีความหมายในภาษาอียิปต์ว่า ความว่างเปล่า เราจึงให้ชูเกิดมาโดยที่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ร่างกายของตัวเองก็ไม่มี มีแต่วิญญาณนี่แหละ

    แล้วทำไมต้องเกี่ยวกับความมืด? อ้างอิงจากวิกิ ชื่อพากย์อังกฤษของชู คือ Tezcat (ย่อจาก Tezcatlipoca) เป็นเทพเจ้าที่มองไม่เห็น และความมืดของทางศาสนา Aztec เราจึงให้ชูเป็นวิญญาณที่เกิดในความมืด และชีวิตของเขาจะมีแต่ความมืด ไม่มีใครสามารถมองเห็นชูได้ อย่างตอนที่มีอาบีสไร้สติปัญญาไล่กินซากศพคนต่อหน้าชู มันก็ไม่โจมตีชู เพราะมองไม่เห็น

    พอได้เจอเทเรเซีย ตอนแรกที่เริ่มมีแต่สีดำ สีแดง และสีขาว (ตรงคอนเซ็ปสีผมชูเป๊ะ) ก็เริ่มมีสีอื่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนชูรู้ตัวแล้วว่าเทเรเซีย คือ สปอร์ตไลท์ให้พี่ชูผู้หิวแสง (ไม่ใช่ละ) แต่ก็นั่นแหละ ชูเขาขี้เหงาด้วย ถึงกับสร้างฮาคุริวออกมา แต่สร้างออกมาให้อยู่ในจุดยืนที่ตรงข้ามกับชู

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×