คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 10 Artemis
Warning
• ตัวละครถูกล่วงละเมิดทางเพศ
• กล่าวถึงกฎหมายที่ไม่แน่นหนาจนไร้ความยุติธรรมให้แกาตัวละคร
• บรรยายฉากหลังจากที่ตัวละครผ่านการมีเพศสัมพันธ์
• ตัวละครอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้า (แต่ได้รับการเยียวยา ถึงจะไม่ตรงตามหลักแพทย์)
• อ้างอิงตัวละครจากตำนานเทพกรีก และเนื้อหามีีบางส่วนไม่เป็นความจริง
• ตัวประกอบเสียชีวิต
เรื่องราวความรักของโอไรอ้อน และอาร์เทมิส
อย่างที่รู้กันดีว่าเรื่องเล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจาก...
ความรักของคนสองคน
เพศที่ต่างกัน
และความรักที่ถูกกีดกันด้วยกฎเกณฑ์
ก่อนเหตุการณ์ที่พื้นที่แบ่งประเทศจะถูกแบ่งแยก และมีชื่อเรียกออกมาเป็นแต่ละประเทศ เดิมทีพื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้นมีชื่อเดิมว่า มุเมย์[1] มาก่อน
เมื่อหลายหมื่นปีก่อน มุเมย์มีประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นมนุษย์
วัฒนธรรม อาหารการกิน ที่พักอาศัย ล้วนเป็นอิสระที่มนุษย์เราสามารถเลือกเองได้
แต่มันก็ควรมีขอบเขต
พวกมนุษย์ได้รวบรวมความคิดมากมาย เพื่อมาวิเคราะห์หนทางแห่งชีวิตของเขตพื้นที่มุเมย์
ใช้เวลาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปในสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา
นั่นก็ คือ กฎ
กฎที่มนุษย์ในเขตพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
แต่แล้ววันหนึ่ง ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือ
อะไรคือต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือ?
หญิงสาวนอนร้องห่มร้องไห้ ตามเนื้อตัวของเธอมีคราบสีขาว และบาดแผลตามตัว หว่างขาของเธอมีเลือดสีแดงสดไหลปะปนกับคราบสีขาว
หญิงสาวผู้น่าสงสารถูกผู้ชายใจร้ายพาตัวมามีเพศสัมพันธ์ในบ้านของเขา
เนื่องจากกฎของเขตพื้นที่มุเมย์ไม่ได้ครอบคลุมเรื่องเพศสัมพันธ์ของคนสองคน คนในเขตนี้จึงไม่สามารถช่วยหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อระบายความใคร่ของชายคนนั้นได้
วันถัดมา เหล่าผู้ทรงปัญญาของเขตนี้ได้ให้ข้อมูลแก่หญิงสาวคนดังกล่าวว่า
‘เรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์สองคู่ พวกเราไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกันได้ และบุรุษย่อมเป็นใหญ่กว่าสตรี’
‘บางที นี่อาจเป็นพรมลิขิตที่เจ้าทั้งสองเกิดมาคู่กันก็ได้’
คำพูดที่เรียบง่าย แต่หญิงสาวที่ฟังกลับรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกย่ำยีราวกับแก้วที่แตกร้าว
ใช่สิ ก็แกมันผู้ชายเหมือนกับมัน
แกจะไปเข้าใจความรู้สึกของสตรีเยี่ยงข้าได้อย่างไร!
หญิงสาวบอบช้ำทั้งร่างกาย และจิตใจ ผ่านไปนานวันเข้า เธอไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่กับชายที่เธอไม่รักด้วยทำไม?
ไม่ได้มีสานสัมพันธ์ที่รักกันแน่นแฟ้น ถูกใช้เยี่ยงทาส ทั้งถูกตบ ถูกตี ร่างกายนี้ถูกใช้ระบายที่สำเร็จความใคร่ และถูกใช้เป็นสิ่งที่ระบายอารมณ์ด้านต่าง ๆ ของชายคนนั้น
ทรมานเหลือเกิน
เจ็บปวดเหลือเกิน
ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับชีวิตดวงน้อย ๆ เช่นนี้?
หนทางเดียวที่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นได้คงมีทางเดียว
นั่นก็คือความตาย
หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นได้คิดวิธีฆ่าตัวตายด้วยวิธีการพาร่างของเธอไปถ่วงน้ำ
เมื่ออุปกรณ์พร้อม หญิงสาวจึงทำการใช้เชือกผูกเป็นเงื่อนไว้กับสะพานแล้วมาจบที่ร่างของเธอ เธอพาตัวเองไปที่แม่น้ำแล้วปล่อยตัวลงไป
หญิงสาวร้องไห้ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงร้องไห้
และร่างกายของเธอก็ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของคลื่นน้ำที่ไหลไปตามทาง
แต่เหมือนจะมีคนบังเอิญไปพบเข้า
ใช้เวลาไม่นาน ร่างของหญิงสาวก็ถูกช่วยเอาไว้
เธอไอคอกแคก พยายามอ้าปากไปต่อว่าคนที่บังอาจยื่นมือมาช่วยเธอ แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก
อีกฝ่ายที่ช่วยหญิงสาวกลับเป็นแค่เด็กน้อยที่อายุน่าจะประมาณสิบขวบ
แต่กระแสน้ำที่แม่น้ำที่นี่แรงพอที่จะสามารถพัดพาเด็กตัวเล็ก ๆ ไหลไปไกลได้
แสดงว่าเด็กคนนี้ต้องชำนาญการอยู่ในป่าเขามานานพอสมควร
ด้วยความใจอ่อนต่อเด็ก หญิงสาวจึงชวนเด็กน้อยตรงหน้าคุย
เด็กน้อยตรงหน้ามีนามว่า อาร์เทมิส
เธอเป็นเด็กสาวที่อาศัยอยู่กับแม่ที่ล้มป่วยในป่านอกเขตพื้นที่มุเมย์ พ่อพ่อเสียชีวิตจากการถูกสัตว์ป่าทำร้าย
หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อมให้อาร์เทมิสกลับบ้าน แต่เด็กน้อยปฎิเสธ และยังสวยกลับมาว่า
‘ถ้าข้ากลับบ้าน แล้วผู้ใดจะหาอาหารมาให้ท่านแม่?’
คนฟังนั้นช่างเจ็บปวดใจ เพราะอาร์เทมิสยังเด็ก เธอพยายามช่วยแม่ที่ล้มป่วยจากพิษไข้
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เด็กน้อยช่างพูดชวนหญิงสาวคุย
ทำไมถึงฆ่าตัวตาย?
มันไม่ดีนะ
มนุษย์มีชีวิตเดียว และเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของเราได้
ท่านเองก็พยายามต่อไปนะ!
ช่างเป็นคำพูดที่แสนอ่อนโยน และไร้เดียงสา
แม้จะเป็นคำพูดที่เรียบง่ายตามประสาเด็ก แต่กลับทำให้หญิงสาวน้ำตาไหลลงข้างแก้ม
เธอร้องไห้ให้กับความอ่อนต่อโลกของอาร์เทมิส
คำพูดปลอบใจที่เธอไม่ได้รับมาก่อนในช่วงเวลาที่เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
อาร์เทมิสจูงมือหญิงสาวเข้าป่า เด็กน้อยพาเธอไปตามทาง
หญิงสาวที่น้ำตายังคลอไหลมองเห็นแสงสว่างตรงหน้า
แสงสว่างที่อยู่ใจกลางป่า คือ ทุ่งดอกไม้ที่ติดลำธาร
อาร์เทมิสวิ่งไปที่ทุ่งดอกไม้แล้วหันมาโบกมือน้อย ๆ ให้หญิงสาวตามมา
หญิงสาวตามเด็กน้อยไปที่ใจกลางทุ่งดอกไม้ เธอมองการกระทำของอาร์เทมิสที่กำลังเด็ดดอกไม้ออกมาแล้วร้อยเรียงเป็นวงกลม
‘มงกุฎดอกไม้ ข้าให้ท่าน!’
เด็กน้อยยิ้มแฉ่งพร้อมยื่นมงกุฎดอกไม้ให้หญิงสาว
เธอรับไว้แล้วนำมาสวมใส่บนหัว แต่เธอก็ต้องถูกเด็กน้อยจูงมือพาไปไหนสักที่แถวนี้ ๆ
อาร์เทมิสชี้ไปที่ลำธาร และยังบอกให้เธอลองก้มหน้าไปดูที่ลำธาร
หญิงสาวก้มหน้าไปดูก็พบเพียงแค่แม่น้ำที่ไหลไปตามทาง และ—
ใบหน้าของหญิงสาว..
หญิงสาวอึ้งกับภาพตรงหน้า เธอไม่คิดว่าตัวเธอนั้นจะงดงามขนาดนี้ เมื่อมีมงกุฎดอกไม้ใส่บนหัว
‘สวยใช่หรือไม่? ฮิฮิ’
เด็กน้อยขบขัน
‘อืม.. สวยงามเหลือเกิน’
เธอยิ้มเศร้า
สัมผัสอบอุ่นที่ถูกแบ่งปันไปทั่วร่างของหญิงสาวจนเธอต้องหันไปมอง
อาร์เทมิสกำลังกอดเธอ ด้วยความอบอุ่น..
หญิงสาวน้ำตาไหลอีกครั้ง คราวนี้เธอตอบรับอ้อมกอดที่เธอโหยหามานาน
ดีเหลือเกินที่ยังรอด..
ดีเหลือเกินที่พระเจ้ายังเห็นใจของข้า..
ดีเหลือเกินที่โชคชะตาส่งเด็กมาให้พวกเราพบกัน
หญิงสาวก็ผละอ้อมกอดนั้นออก เธอกำลังจะอ้าปากพูดขอบคุณเด็กน้อย แต่เธอก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า
ภาพของเด็กน้อยที่หันหน้ามาทางเธอ เส้นไหมสีขาวสว่างไหลไปตามแรงลม ดวงตาสีน้ำทะเลที่ฉายแววสะท้อนตัวตนของเธอ ปากเล็กฉีกยิ้มกว้าง
เด็กคนนี้ช่างกล้าแกร่ง และงดงาม..
‘ทีนี้ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ว่าท่านชื่ออะไร’
‘อาเธน่า.. นามของข้าคืออาเธน่า’
เด็กน้อยทำหน้าดีใจ
อาเธน่ามองเด็กน้อยที่ทำท่าทางดีอกดีใจที่เธอยอมบอกชื่อให้เด็กคนนี้รู้
‘ไปล่าสัตว์กัน! แล้วก็กลับบ้านไปหาท่านแม่ของข้า’
อาร์เทมิสยื่นมือไปทางอาเธน่า หญิงสาวยกยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับมือนั้นอย่างไม่ลังเล
‘เอาสิ’
ความตายมิอาจใช่หนทางเดียวที่สามารถทำให้ชีวิตของข้ารอดพ้นจากความทรมานนั้นได้
เป็นอย่างที่อาร์เทมิสกล่าวไว้
ข้าสามารถกำหนดเส้นทางชีวิตของข้าด้วยตัวเองข้า มิจำเป็นต้องให้ผู้ใดมายุ่มย่ามชีวิตของข้า
สองร่างของสองสตรีจับมือกันอย่างแน่นแฟ้นแล้วก้าวขาเดินไปที่ป่า
สายลมที่อ่อนช้อยพัดเส้นผมสีขาวของอาร์เทมิส และเส้นผมสีเขียวมิ้นท์ของอาเธน่าปลิวไสวไปตามแรง
ผ่านไปสิบปี จากเด็กน้อยสู่สาวงามที่กล้าแกร่ง และทรงสง่า
ไม่กี่ปีก่อนหน้า แม่ของอาร์เทมิสที่ล้มป่วยก็ต้องเสียชีวิต เพราะร่างกายแบกรับไม่ไหว
แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ใช่ว่าอาร์เทมิสจะหยุดอยู่แค่นั้น
อาร์เทมิส และอาเธน่าให้คำมั่นสัญญาพี่น้องว่าจะทิ้งอดีตเหล่านั้นแล้วก้าวมันออกมา เพื่อทำตามเส้นทางชีวิตที่ทั้งสองกำหนดไว้
บ้านไม้หลังโทรมที่เป็นที่อยู่อาศัยหลักของอาร์เทมิส และที่พักพิงทางกาย และทางใจของอาเธน่าถูกเผาทิ้งพร้อมกับศพของแม่ที่ล้มป่วย
ทั้งคู่จับมือกันแล้วออกเดินทาง แม้จะมีน้ำตาที่ไหลออกมา แต่มันก็ต้องหยุดลง เพราะนี่ไม่ใช่จุดจบที่ทั้งสองเลือกไว้
อาร์เทมิส และอาเธน่าตัดสินใจขัดเกลาฝีมือของตัวเองให้แกร่งกล้าขึ้น เพื่อปกป้องหญิงสาวที่ตกอยู่ในอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม โดยพวกเธอตั้งชื่อกลุ่มว่า
วีรสตรีแห่งนครไร้นาม
ผู้ก่อตั้งกลุ่มนี้ คือ วีรสตรีทั้งสามคน ได้แก่ อาร์เทมิส , อาเธน่า และเฮสเทีย โดยทั้งสามได้ตั้งกฎของกลุ่มนี้ถูกตั้งไว้เพียงแค่สี่ข้อ
1. ไม่ครองรักมีแค่สตรีเท่านั้นที่เข้าร่วมได้
2. ไม่มีเพศสัมพันธ์กับบุรุษ (หากมีมาก่อน แต่อยากเข้าร่วม จะพิจารณาอีกที)
3. หมั่นเพียรขัดเกลาฝีมือของตัวเอง เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง และครอบครัวอันเป็นที่รัก
4. ไม่ครองรัก
และนี่คือเรื่องราวหลังจากผ่านไปสิบปีของอาร์เทมิส
ก่อนที่จะมาพบกับชายแปลกหน้าที่ได้ครองหัวใจรักแรกของเธอ
โอไรอ้อน...
[1] ไร้นาม (Nameless) ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่านานาชิ หรือ มุเมย์ (無名)
ความคิดเห็น