ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    【Inazuma Eleven all series x OC】月の花嫁 Tsuki no Hanayome

    ลำดับตอนที่ #16 : 16 Suspicious

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 65



    ⚠️ Warning ⚠️

    • การวิจัยที่ใช้มนุษย์เป็นตัวทดลอง

    • บรรยายฉากตัวละครเสียชีวิต

    • ตัวละครเสียชีวิตจำนวนมาก

    • เลือด

     

     

    หัวข้อประชุมที่ทางผู้นำของแล็ปเอย์เซย์ได้คุยกันไว้ เป็นหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับ นางฟ้าประดิษฐ์

    นางฟ้าประดิษฐ์ คือ โครงการสร้างนางฟ้าเทียม โดยใช้ปัจจัยสำคัญสองสิ่ง ได้แก่

    พลังของอุกกาบาตที่ประเทศอาร์เทมิส

    และมนุษย์

    คิระ เซย์จิโร่เป็นผู้คิดค้นหัวข้อวิจัยนี้ และเคยทำมันเมื่อสามปีก่อน แต่ก็ต้องล้มเหลว

    และวันนี้เขาจะทำหัวข้อวิจัยนี้อีกครั้ง

    โดยใช้ตัวทดลองทั้งหมดในแล็ปเอย์เซย์ที่เขาสะสมมายาวนานเกือบห้าปี

     

    “และนี่คือเนื้อหาสรุปคร่าว ๆ ของการประชุมวันนี้” ซารุยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วมองใบหน้าของแต่ละคน

    พวกเขาทั้งหกคนได้ย้ายสถานที่ในการคุยเป็นบ้านร้างที่ผุพังหลังหนึ่ง ถึงอาร์เทมิสจะกลายเป็นประเทศร้างที่ไร้ซึ่งผู้คนอยู่ มีเพียงแค่พวกอาบีสไร้สติปัญญาเดินไปทั่วระแวกหลุมอุกกาบาตยักษ์ แต่อย่างน้อยก็ใช้เป็นสถานที่หลบภัยชั่วคราวจากพวกโอลิมปัสได้นิดหน่อย

    “นางฟ้าประดิษฐ์ใช้แค่ปัจจัยสำคัญสองอย่างในการสร้าง คือ พลังจากอุกกาบาต และมนุษย์? สมแล้วที่เป็นพวกบ้า” แกมม่าสถบ

    “ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากการให้มนุษย์ลงไปที่หลุมยักษ์น่ะสิคะ?” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถาม

    “พวกฉันไม่รู้ลึกขนาดนั้น ต้องไปถามคิโดซังกับโกเอนจิซังเอาน่ะ” เฟย์ตอบ

    “คนแก่หนังเหนียวเป็นคนเอาข้อมูลมาให้หรอคะเนี่ย ตายยากจริง ๆ” เบต้าเอ่ยชม

    “แต่สองคนนั้นทำงานเสี่ยงขนาดนั้น เพื่อช่วยโลกใบนี้ไว้นะ”

    “ใช่ ๆ อย่างที่ซารุบอก” หนุ่มผมเขียวอ่อนพยักหน้า

    อัลฟ่าที่สังเกตเห็นว่าหนุ่มตาสองสีทำหน้าเครียดจึงเอ่ยถาม

    “เป็นอะไรไป โนวิโอ้” และคำถามนี้ก็เรียกความสนใจเกือบยกกลุ่ม

    “ฉัน...รู้สึกคุ้นชื่อโครงการนี้มาก่อน”

    “คุ้นจากไหน?”

    ขณะที่ซารุถามเสร็จ มือของหนุ่มผมสีขาวยาวกุมช่วงศีรษะแน่นด้วยสีหน้าทรมาน

    “อึก! ปวดหัว!”

    เป็นเบต้า และเฟย์ที่รีบเข้าไปช่วยเหลือโนวิโอ้ด้วยความเป็นห่วง

    ภาพความทรงจำมากมายไหลเข้ามาในหัว ดวงตาสองสีเบิกกว้าง ใต้ตามีน้ำตาคลอออกมาเล็กน้อย อาการปวดหัวเริ่มหายไปพร้อมกับพัดความเศร้าโศกเข้ามาเยือนแทน

    ถึงแม้จะเป็นภาพในอดีตที่โนวิโอ้ไม่สามารถไปแทรกแซงได้

    เขายืนมองภาพที่กำลังฉายเหมือนม้วนฟิล์ม บ้านหลังหนึ่งที่ไม่ได้ใหญ่ และเล็กมากนัก ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาจากใบหน้า แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความสุขขนาดไหน

    แต่แล้วก็เกิดภาพตัด สักพักมันก็แสดงภาพของบ้านหลังนั้นที่ถูกคลุมด้วยเปลวเพลิง ในบ้านหลังนั้นอาศัยอยู่กันแค่สี่คน มีพ่อ แม่ คนใช้ และลูกสาว ทั้งสี่คนหลบหนีออกมาได้ทันก็จริง แต่น่าเศร้าที่ดันมีกลุ่มคนที่ตั้งใจจะลอบฆ่าพวกเขา

    คนที่ตายคนแรก คือ ผู้เป็นพ่อ เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ เพื่อให้ครอบครัวเขาหนี

    คนถัดมาเป็นภรรยาของเขา เธอฝากชีวิตของลูกสาวตัวน้อยให้คนใช้ที่มีอายุมากกว่าลูกสาวของเธอห้าปีหลบหนี

    ภาพของพ่อกับแม่ที่ถูกฆ่าตายยังคงตราตรึงในความทรงจำ เด็กน้อยน้ำตาไหล เธอร้องหาพ่อแม่ของเธอไม่หยุด

    เด็กหนุ่มผมสีเหลืองไม้ผู้เป็นความหวังคนสุดท้ายในการช่วยชีวิตเด็กน้อยในอ้อมกอด เขาวิ่งสุดชีวิตพร้อมกับพาเธอหนี

    เขาไม่รู้ว่าใช้เวลาวิ่งมานานกี่นาที หรือ ชั่วโมง? แต่เขายังไม่หยุดวิ่ง สองแขนโอบกอดร่างของเจ้านายตัวน้อยที่ยังร้องไห้ไม่หยุด เป้าหมายอยู่เพียงแค่เอื้อมเดียว เด็กหนุ่มคนนั้นกัดฟันแน่น แล้วพยายามเร่งความเร็วในการไปหาจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียว

    นั่นก็คือคฤหาสน์ของตระกูลคิโ—

    ‘อึก..’

    ร่างของเขาล้มลงกับพื้น ส่งผลให้เด็กน้อยล้มลงตามเขาไปด้วย

    ใกล้ที่จะถึงแล้วแท้ ๆ ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงพึ่งมายิงโดนตอนนี้

    ลำธารสีแดงสดชุ่มออกมาจากกลางหลังเสื้อ มันค่อย ๆ ไหลลงตามทางด้านหลัง

    ‘ยูกิ.. เลือด...’ เด็กสาวหน้าซีด เธอใช้แรงของเธอพยายามดันให้คนใช้ที่นอนกับพื้นลุกขึ้น

    ‘คุณหนู...หนีไปเถอะครั— แค่ก! ปล่อยผมไว้...’ คนใช้พยายามผลักคุณหนูตรงหน้าออก แต่เขาเริ่มไม่มีแรงซะแล้วนี่สิ

    ‘ไม่ได้นะ! ต้องไปด้วยกันสิ ยูกิ!’

    ร่างของคนใช้หนุ่มทรุดลงจนล้มทับร่างของเด็กสาวในท่านั่ง

    ‘ยูกิ! ตอบสิ ยูกิ! ยูกิ!’ เด็กสาวตะโกน สองมือขยับแขนของคนใช้ตรงหน้า มือของเธอพยายามสัมผัสใบหน้าของเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสนั้นเย็นเชียบจนเธอเริ่มกลัว

    เขาตายแล้ว..

    เนื่องจากการเสียเลือดในปริมาณมาก และไม่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจึงทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้

    ในขณะที่เด็กน้อยผู้เหลือรอดชีวิตกำลังช็อคก็มีกลุ่มคนปริศนายืนรายล้อมเธอ พวกเขามาโดยไร้ซึ่งอาวุธในมือ แต่มีบางส่วนที่ถือกระเป๋าหนาไว้กับตัว

    ‘จับเธอ— อั่ก!’ ชายปริศนาคนหนึ่งพูดขึ้น แต่เขากลับล้มลงกับพื้นพร้อมกับมีเลือดไหลออกมา

    กลุ่มคนปริศนาก็เริ่มหยิบอาวุธออกมาจากหลังเสื้อ

    ไม่นานนักก็มีคนปริศนาที่มีผมสีฟ้า เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ และสวมผ้าปิดตาปรากฏตัวขึ้นออกมากำจัดกลุ่มคนปริศนาที่กำลังรายล้อมเธอ

    เด็กสาวหาได้สนใจ เธอกอดร่างของคนใช้คนสนิทที่สิ้นลมหายใจด้วยน้ำตาสีใสที่ไหลลงข้างแก้ม นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอก็ไม่ทราบ แต่วันนี้คงเป็นวันที่เธอเสียน้ำตาเยอะที่สุดเท่าที่เธอคิด

     

    เด็กสาวตัวน้อยผู้มีผมสีขาวยาวถึงกลางหลัง ไฮไลท์สีฟ้าที่ผมข้างขวา และดวงตาสีฟ้าอ่อนที่กำลังจับจ้องมองท้องฟ้าที่มีกลุ่มก้อนเมฆลอยไปตามอากาศอย่างอิสระ

    ‘เทเรเซีย’

    เด็กน้อยหันไปมองตามเสียงเรียก ชายที่เรียกเธอ คือ คิโด ยูโตะ ลูกชายคนโตสุดของตระกูลคิโด และเป็นเจ้าของบริษัทเทย์โทคุ

    ข้าง ๆ คิโด มีชายผมสีฟ้าที่สวมผ้าปิดตาไว้ นั่นคือ ซาคุมะ จิโร่ มือขวาของคิโด เป็นคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อเหตุการณ์ครั้งนั้น

    ‘มีอะไรหรอ ยูโตะ?’

    ‘ไปโรงเรียนกันเถอะ’

    คิโดเลือกที่จะใช้น้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับเด็กคนนี้ เขารู้ตัวดีว่าถ้าใช้น้ำเสียงจริงจัง มันอาจไปสร้างบาดแผลในจิตใจของเธอได้ และเพื่อที่จะรักษาบาดแผลเก่าของเธอ คิโดจึงพยายามรักษาหัวใจดวงน้อย ๆ ด้วยเริ่มจากการใช้น้ำเสียงก่อน

    ‘ถ้าไปแล้วจะได้เจอยูโตะกับฮารุนะอีกมั้ย?’

    ถึงจะเป็นประโยคคำถามที่ดูไม่ได้มีอะไรมาก แต่สำหรับเด็กที่พึ่งเสียคนสำคัญต่อหน้าไปนั้นคงไม่ใช่คำถามที่ถามเอาตลกแน่

    ‘....’ ชายผู้เป็นมือขวาข้างกายได้ยินคำถามนั้นถึงกับพูดไม่ออก

    ‘อ่า ได้เจอสิ’ คิโดตอบ

    ‘งั้นไปก็ได้’ เทเรเซียพองแก้ม เด็กน้อยรับกระเป๋าจากคิโดแล้วถือไว้กับตัว

    ‘ฝากด้วยนะ ซาคุมะ’

    นี่ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่มันคือประโยคคำสั่ง ซาคุมะรู้ดีว่าคิโดจะสื่ออะไร ชายผมฟ้าพยักหน้ารับแล้วพาเทเรเซียขึ้นรถ

     

    ‘มาโมรุเซนเซย์! มาโมรุเซนเซย์! ดูนี่สิ หนูวาดอัศวินอิจิโรตะกับจอมมารอากิโอะด้วยล่ะ’

    เด็กสาวกรูวิ่งมาหาอาจารย์ประจำชั้นพร้อมโชว์กระดาษที่ถูกวาดด้วยสีเทียน มีตัวละครที่มีผมสีอความารีนไว้ทรงหางม้า และหน้าม้าของเขาปิดดวงตาฝั่งซ้าย เขาอยู่ในชุดอัศวิน ที่ด้านหลังของเขามีกองทัพเพนกวิ้นน่ารักมากมาย

    อีกตัวละครถัดจากอัศวินคนนั้น ดูยังไงก็เป็นจอมมารแน่ ๆ ดูจากชุดผ้าคลุมสีดำ เขามีผมสีน้ำตาลยาวประมาณลำคอ ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

    ‘เห? คาเซมารุ! มาดูนายในชุดอัศวินเร็ว!’

    ‘ไหน ๆ .....เอ๋? ทำไมด้านหลังอัศวินถึงมีเพนกวิ้นล่ะ’

    ‘จิโร่บอกมาว่าเพนกวิ้นสามารถช่วยนำชัยชนะมาให้เจ้าชายได้ และหนูคิดว่าเพนกวิ้นมันน่ารักจริง ๆ นะ จอมมารอากิโอะต้องกลัวจนต้องวิ่งหนีกลับบ้านไปหาแม่แน่เลย!’

    ‘พรืด— เห้ย ฟุโด นายได้ยินแล้วนะ!’

    ‘หุบปากไป๊!’ เจ้าของชื่อตะโกน

    โนวิโอ้ที่ยืนมองภาพความทรงจำที่ไหลเข้ามาในหัวด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

    ทั้งดีใจที่เด็กคนนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

    และเสียใจที่เด็กตัวน้อย ๆ ต้องพบเหตุการณ์ที่เลวร้ายจนมันอาจจะไปสร้างปมด้อยในจิตใจ


     

    “โน—อ้!”

    “โ—วิโ—!”

    “โนวิโอ้!”

    เจ้าของชื่อสะดุ้ง รู้ตัวอีกทีภาพความทรงจำก็ถูกตัดลง เพราะเสียงเรียกเมื่อครู่ เขาเงยหน้ามองคนที่ยืนจับไหล่เขา นั่นก็คือซารุ ซารุมองมาที่เขา และแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    “มะ มีอะไร..?” เขาถาม

    “ก็ท่านโนวิโอ้บอกปวดหัวแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาทันที พวกฉันสิคะที่ต้องถาม” เบต้าพูด

    “อ่า.. งั้นหรอ โทษที ความทรงจำของร่างต้นมันดันไหลเข้ามาในหัวน่ะ” โนวิโอ้หัวเราะแห้ง 

    “อ่อ.. เรื่องคงเลวร้ายสินะ ถึงร้องไห้น่ะ” เฟย์ถาม โนวิโอ้จึงพยักหน้าตอบ

    “แล้วเรื่องโครงการที่นายบอกว่าคุ้นล่ะ?” ซารุเปลี่ยนประเด็น

    “นางฟ้าประดิษฐ์ ชื่อโครงการนี้ ฉันเคยได้ยินมาก่อน ถึงจะนานพอสมควร แต่ก็จำได้แม่นว่าใครเป็นคนบอก รวมถึงเนื้อหาด้วย”

    โนวิโอ้ตอบ เขานั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง

    “ใคร?” อัลฟ่าที่เงียบมานานเป็นฝ่ายถาม

    “ชู”

    “ชายที่เป็นคนสร้างฉัน และอากิระด้วยกระดูกส่วนขาของร่างต้น และเล่าเรื่องโครงการนี้ให้ฉันฟัง คือ ชู

     

     

    เช้าวันใหม่ของแล็ปเอย์เซย์ พวกมนุษย์ผู้ทรงปัญญาทำตัวเป็นค้างคาวอดมื้อที่ตายยากตายเย็น ไม่ยอมกินข้าว หรือ น้ำ ไม่ยอมนอน โหมทำแต่งานจนมิสึกิคิดว่าอีกไม่กี่วัน เจ้าพวกนักวิจัยบ้างานต้องล้มป่วยถึงขั้นตายเป็นแถบแน่ ๆ

    ร่างของหนุ่มผมยาวสีขาวที่มีไฮไลท์ผมข้างต่างสีถูก เขาในอยู่ชุดเสื้อไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนแขนยาว และกางเกงสแลคสีดำ แต่ที่น่าแปลกคงเป็นเรื่องของเสื้อกาวน์สีขาวที่นักวิทยาศาสตร์จะต้องใส่ประจำ

    แค่ไปหาตัวทดลองก็ไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องใส่เป็นทางการเสียหน่อย

    มื้อเช้าที่ศูนย์อาหารนั้นแสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์สำหรับยามเช้า

    ปากเล็กกัดแซนวิชเข้าปาก ใบหน้ามีความสุขเวลาได้กินอะไรลงท้องนี่มันดีจริง ๆ

    แต่เวลาแห่งความสุขก็ต้องดับลง เมื่อมีคนคุ้นหน้าคุ้นตาวางถาดไว้บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามเขาแล้วนั่งลงตรงหน้า

    “ขอนั่งด้วยนะครับ รุ่นพี่”

    ชายผมส้มที่สวมที่คาดผมสีขาวเอ่ยด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม

    คนถูกทักก็แทบอยากจะวิ่งหนี ถ้าไม่ติดว่ากำลังทานมือเช้าอยู่ล่ะนะ

    “นี่น่ะหรอคนที่นายบอก คิตะ” เสียงผู้มาเยือนคนถัดไป เรียกความสนใจจากเจ้าของชื่อ และมิสึกิได้อย่างดี ชายคนนั้นนั่งข้างคิตะพร้อมกับวางถาดอาหาร

    คิตะหันไปมองก่อนจึงจะพยักหน้ารับ

    “ใช่ครับ คนนี้แหละ รุ่นพี่มิสึกิ” คราวนี้คิตะผายมือมาทางหนุ่มผมขาวที่ปากยังคาแซนวิชไว้อยู่

    “เออว่ะ หน้าตาก็แอบคล้ายเจ้าฮาคุริวอยู่นี่”

    มีเรื่องน่าสนใจให้อยากรู้ซะแล้วสิ, มิสึกิคิด

    “อ่า จริงสิ ฉันชื่อเฮียวโด สึคาสะ ยินดีที่ได้รู้จัก!”

    ชายผมม่วงร่างโตพูด แต่เสียงจะดังไปแล้วนะเห้ย

    มิสึกิวางแซนวิชลงบนจาน เขาหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็คป่กตัวเองให้เรียบร้อย

    “มิสึกิ อากิระ ยินดีที่ได้รู้จัก และอย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นพี่นะ อิจิบัน” มิสึกิวางทิชชู่ลงแล้วกล่าวแนะนำพร้อมบ่นใส่หนุ่มผมส้มที่ยิ้มแห้ง

    “ก็รุ่นพี่อายุมากกว่าฉันนี่” คิตะตอบแล้วตักอาหารเข้าปาก

    “ไม่น่าเกี่ยวกัน แต่ชื่อเสียงฉันคงดังในทางนั้นแล้วสินะ?” เขาหันไปถามเฮียวโดที่นั่งข้าง ๆ คิตะ

    “อ่า ก็ใช่” เฮียวโดลงมือจัดการอาหารของเขา

    มิสึกิทำหน้าสิ้นหวัง ชีวิตนี้คงไร้ซึ่งความสงบสุขแล้วสินะ เขาเองก็รีบจัดการมื้อเช้าแล้วรีบไปหาตัวทดลองเสียดีกว่า

     

     

    ‘ฮาคุริว’ ชายผมสีดำสนิทปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฮาคุริวพร้อมกับขานเรียกชื่อเขา

    ‘มีอะไร’

    ‘นายอยากช่วยแม่ของนายมั้ย?’

    ชายคนนั้นยิ้ม

    ‘มะ หมายความว่ายังไง...?’

    ชายคนนั้นใช้นิ้วชี้แตะที่ใต้คางตัวเอง

    ‘ก็แม่ของนายถูกมนุษย์จับตัวไปทดลองแล้วนี่?’


     

    เฮือ—ก!

    ดวงตาสีแดงสดเบิกตากว้าง เหงื่อไหลซึมช่วงใบหน้า ร่างนั้นดีดตัวขึ้นมานั่ง มือขวายกมือขึ้นมากุมศีรษะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมสีขาวฟ้ารกรุงรัง เสียงหายใจหอบดังเป็นจังหวะ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮาคุริวฝัน

    และมันก็ไม่ใช่ความฝันด้วย..

    แต่มันคือการเตือนความคิดว่าที่เขาอยู่ที่นี่ก็เพราะอะไร

    “เพื่อช่วยแม่.. ฉันจะต้อง—”

    “รีเซ็ตโลกใบนี้”

     

     

    หลังจากที่มิสึกิทานมื้อเช้าเสร็จ เขาขอตัวลาไปก่อน เพราะต้องไปทำธุระ

    ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ความจริงคือไปหาตัวทดลอง

    ตัวทดลองโค้ด 54 หรือ โนซากะ ยูมะ

    ที่ไปหา เพราะมีงาน? อ่อ ไม่ใช่หรอก

    แค่อยากรู้ว่ามันจะจริงอย่างที่ทัตสึยะบอกรึเปล่าว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับพิเศษที่สามารถเข้าออกชั้นบนสุดได้อย่างอิสระ

    คิดแล้วก็ตื่นเต้น

    สองขาก้าวไปตามทาง โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นห้องทดลองของโค้ด 54

    เท่าที่แอบไปสืบประวัติมา โนซากะ ยูมะเองก็เกิดที่ประเทศอาร์เทมิสเหมือนกับเขา และด้วยความที่สุขภาพไม่แข็งแรง เพราะโรคประจำตัวเลยต้องพักรักษาที่โรงพยาบาล ใช้เวลาหลายปีก็รักษาโรคนั้นไม่หาย พอได้สัมผัสกับพลังจากแพนโดร่า โนซากะ ยูมะจึงหายป่วยทันที เพราะเหตุนี้จึงสันนิษฐานได้คร่าว ๆ ว่านอกจากแพนโดร่าจะเปรียบเสมือนความสามารถพิเศษแล้ว มันยังสามารถฟื้นฟูรักษาให้แก่ผู้ถือครองพรแห่งแพนโดร่าได้

    แต่น่าแปลกที่บางเคสนั้นดูไม่มีความเกี่ยวข้อง เช่น อาเมมิยะ ไทโยที่มีโรคประจำตัว , มิคาโดะ แอนนาที่พึ่งคลอดลูกของอาบีส แต่ก็ยังเสียชีวิต , ไรมง นัตสึมิที่ถูกทำร้ายร่างกายก็ต้องใช้ปฐพยาบาลในการรักษา ฯลฯ

    มีแต่เรื่องชวนน่าสงสัยทั้งนั้น แปลกจริง ๆ นั่นแหละ ที่นี่น่ะ

    ติ—ง!

    เสียงแจ้งเตือนลิฟท์ดังขึ้น เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าประตูกำลังจะเปิด เมื่อบานประตูเปิด มิสึกิก้าวขาออกจากลิฟท์แล้วเดินไปตามทางโล่ง

    ชั้นสูงสุดของอาคารฝั่งซ้ายของแล็ปเอย์เซย์ หรือ ที่รู้จักกันดี คือ ชั้น 5 หรือ A zone เป็นชั้นที่รวมเหล่าอาบีสที่มีสติปัญญาที่มีพรของแพนโดร่า และพฤติกรรมที่น่าหวั่นเกรง

    จากสถิติของเดือนที่แล้ว ภายในหนึ่งเดือน ตัวทดลองทั้งห้าคนนั้นได้ฆ่าคนไปประมาณหมื่นกว่าคน ถึงจะมีตัวทดลองที่ญาติดีกับมนุษย์ด้วยกันเอง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ต่างจากพวกฆ่าไม่เลือก

    นี่แค่เดือนเดียวก็ฆ่านักวิทยาศาสตร์ และหน่วยติดอาวุธไปหมื่นกว่า ถ้าหากรวมปีจะไม่เกินล้านเลยรึไง? แล็ปที่นี่ก็แปลกชะมัด ปล่อยให้โดนฆ่าโดยที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย และยังหาคนเพิ่มเรื่อย ๆ

    แต่พอลองหวนไปนึกถึงช่วงที่มาที่ชั้นนี้ครั้งแรก เขาเองก็ถูกฮาคุริวกระชากเข้าห้องทดลองทันทีเลยนี่นา..

    “เฮ้อ.. หวังว่าเข้าไปแล้วจะไม่โดนขย้ำทันทีนะ”

    พูดไปงั้น ใครจะรู้อนาคตล่ะ

     

     

    ‘โนซากะ ยูมะ’

    เสียงผ่านไมค์โครโฟนที่ทะลุออกมาจากลำโพงดังขึ้น

    เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งไขว้ขาอ่านหนังสืออยู่จึงหันไปมองด้วยดวงตาที่ไร้แวว

    หนุ่มเจ้าของห้องทดลองลุกขึ้นแล้วเดินไปที่บานกระจก โนซากะมีสีผมชมพูอมแดง ดวงตาสีเทาไร้แวว และค่อนข้างสูงสำหรับเด็กวัยสิบห้าปี เจ้าของห้องยกยิ้มแล้วอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่มีหรือที่มิสึกิจะอ่านปากไม่ออก?

    ‘มีอะไรหรอครับ?’

    “ขอเข้าไปนะ”

    คำพูดที่แสนตรงไปตรงมาทำให้คนฟังถึงกับเอียงหัว แต่ก็ไม่คิดจะปฎิเสธอยู่แล้ว

    โนซากะกวักมือเป็นสัญญาณให้อีกคนเข้ามา โดยตัวของโนซากะนั้นได้เดินกลับไปนั่งที่เดิม

    หลังจากที่มิสึกิเข้ามาในห้องเรียบร้อย โนซากะจึงเอ่ยปากพูดทันที

    “จะไม่โดนว่าหรอครับ? ที่เข้ามาโดยไม่มีคนคุมน่ะ”

    “ไม่หรอก เพราะได้สิทธิพิเศษ” มิสึกิยักไหล่ เขาเดินไปนั่งโซฟาแถวนั้น

    ทุกการกระทำของมิสึกิล้วนอยู่ในสายตาของโนซากะทุกอย่าง

    “อ่อ เพราะเรื่องของฮาคุริวคุงสินะครับ” โนซากะยิ้ม

    “ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวแล้วสินะ?”

    “ผมเองก็ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวให้เธอรู้จักเหมือนกัน ในเมื่องต่างฝ่ายต่างรู้จักชื่อกันและกัน”

    มิสึกิทำหน้าเหยเก

    ไอ้หมอนี่มันฉลาดชะมัด

    “แล้วมีอะไรจะคุยกับผมงั้นหรอครับ? เสื้อกาวน์ก็ไม่ใส่ เอกสารก็ไม่มีติดตัว ใช้สิทธิพิเศษได้คุ้มจริง ๆ” โนซากะไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของหนุ่มผมขาว

    “ฉันอยากรู้...”

    “หืม?” เป็นโนซากะที่เอียงหัวอีกครั้ง

    “ฉันอยากรู้ว่าตัวทดลองในแล็ปนี้ได้พรจากแพนโดร่ามายังไง”

     

     

     

    Talk with Roselle

    ท่านจักพรรดิปรากฏตัวแล้วค่า เย้ ค่าตัวแพงมากพอ ๆ กับฮาคุริวรึไงคะ

    นางฟ้าประดิษฐ์ หรือ นางฟ้าเทียม เราใช้อ้างอิงจากวิธีการนำกระดาษมาพับให้เป็นทรงแล้วใช้กรรไกรตัดบางส่วนออกมาให้เป็นนางฟ้า ซึ่งมันจะคล้าย ๆ แบบนี้

    กระดาษ = มนุษย์
    กรรไกร = พลังจากอุกกาบาต
    คนพับกระดาษ = นักวิทยาศาสตร์/นักวิจัย

    คนใช้คนสนิทที่โผล่แค่ชื่อกับสีผมในภาพย้อนอดีตที่เข้ามาในหัวของโนวิโอ้ คือ ยูกิ หรือ ทาจิมุไค ยูกินั่นเอง!

    ส่วนใครสงสัยว่าทำไมกองทัพอัศวินอิจิโรตะถึงมีกองทัพเพนกวิ้น นั่นก็เพราะว่า—

    ถ้าอ้างอิง IE โรงเรียนเทย์โคคุเถื่อนกับการใช้เพนกวิ้นมาก (ท่าเตะเพนกวิ้นจักรพรรดิที่ 1 ถึงกี่ที่แล้วก็ไม่รู้) และทุกครั้งที่เด็กโรงเรียนนี้โผล่ พวกมันก็ชอบใช้กันจัง เพนกวิ้นเนี่ย น้องระบมหมดแล้ว! ในภาค Ares ที่คาเซมารุย้ายไปอยู่เทย์โคคุจึงเปรียบเสมือนการปฏิวัติของกลุ่มเพนกวิ้นค่ะ (ฮ่า)

    ส่วนฟุโดก็เคราะห์ร้ายกลายเป็นแพะรับบาปเป็นจอมมารแทนซาคุมะ (ที่คาดว่าเพนกวิ้นเกลียดที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ)


    ※ มีคนญี่ปุ่นหลายคนวาดรูปเพนกวิ้นแล้วล้อโรงเรียนนี้กันเยอะ ส่วนใหญ่โดนหนักสุด คือ ซาคุมะกับคิโด ถ้าอิงจากภาคหลัก


    ทำไมเจ้าชายชุดดำคนนั้นบทเด่นจัง โผล่ก็น้อยแท้ ๆ ทำไมบทแกถึงชอบทำตัวเด่นแบบนี้!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×