ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น.
เรื่องราวความรักขององค์รัชทายาทและลี่อิน สตรีที่เข้ามาสืบการลอบทำร้ายพี่ชายฝาแฝดของตนเอง ทำให้ต้องเข้าวังมาทำหน้าที่องครักษ์องค์รัชทายาทแทนพี่ชายของตนเองโดยมีองค์รัชทายาทคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดโดยไม่รู้เ
ผู้เข้าชมรวม
1,978
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
จีนโบราณ นิยายจีนโบราณ ย้อนยุค โรแมนติก จีนย้อนยุค นิยายรัก นางเอกเก่ง นิยายจีน แก้แค้น รักจีนโบราณ ดราม่า ครอบครัว กำลังภายใน ต่อสู้ นิยายจีนย้อนยุค
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”
ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ
“บ้าจริง หลงจนได้”
ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที
“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”
ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่
“บังอาจ”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น
“ซืออิน”
องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“พวกเจ้าวางดาบลง”
สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง
“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”
ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาท”
ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน
“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”
“ลุกขึ้นเถิด”
ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี
“เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”
ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว
“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”
“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”
ผลงานอื่นๆ ของ จวี๋ฮวา. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ จวี๋ฮวา.
ความคิดเห็น