ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น. - นิยาย ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น. : Dek-D.com - Writer
×

ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น.

เรื่องราวความรักขององค์รัชทายาทและลี่อิน สตรีที่เข้ามาสืบการลอบทำร้ายพี่ชายฝาแฝดของตนเอง ทำให้ต้องเข้าวังมาทำหน้าที่องครักษ์องค์รัชทายาทแทนพี่ชายของตนเองโดยมีองค์รัชทายาทคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดโดยไม่รู้เ

ผู้เข้าชมรวม

1,656

ผู้เข้าชมเดือนนี้

95

ผู้เข้าชมรวม


1.65K

ความคิดเห็น


0

คนติดตาม


27
จำนวนตอน : 54 ตอน
อัปเดตล่าสุด :  3 ก.ย. 66 / 21:32 น.

อีบุ๊กในซีรีส์เดียวกัน ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น


“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

“บ้าจริง หลงจนได้”

ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

“นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

“บังอาจ”

ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

“ซืออิน”

องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“พวกเจ้าวางดาบลง”

สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

“เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“องค์รัชทายาท” 

ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

“กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิด”

ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

 “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

“ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

“พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

คำนิยม Top

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

คำนิยมล่าสุด

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

0 ความคิดเห็น