ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น. - นิยาย ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น. : Dek-D.com - Writer
×

    ลิขิตรักองครักษ์จำเป็น.

    เรื่องราวความรักขององค์รัชทายาทและลี่อิน สตรีที่เข้ามาสืบการลอบทำร้ายพี่ชายฝาแฝดของตนเอง ทำให้ต้องเข้าวังมาทำหน้าที่องครักษ์องค์รัชทายาทแทนพี่ชายของตนเองโดยมีองค์รัชทายาทคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดโดยไม่รู้เ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,978

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    1.97K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    29
    จำนวนตอน :  54 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.ย. 66 / 21:32 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”“ออกไปเดินเล่นดีกว่า”

    ว่าแล้วลี่อินก็เดินออกไปตามทางที่ถูกจัดวางขึ้นเรื่อยๆมองรอบๆที่นี่ต่างมีแต่ของสวยๆงามๆเต็มไปหมดนางมั่วแต่ชื่นชมสิ่งของพวกนั้นจนหลงและหาทางกลับไม่เจอ

    “บ้าจริง หลงจนได้”

    ลี่อินพยายามเดินกลับในทางที่ตนคิดว่าเดินผ่านมาแต่เปล่าเลย นางกลับยิ่งหลงไปกว่าเดิมอีก แต่สายตานางดันเหลือบไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าขนมเฉียวกั่วจริงสิเขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับซืออินนี่นา เขาต้องช่วยนางได้แน่ ลี่อินรีบเดินไปหาชายผู้นั้นทันที

    “นี่ เจ้าขนมเฉียวกั่ว”

    ไม่พูดเปล่านางยังใช้แขนพาดบ่าของชายผู้นั้นอีกด้วย โดยลืมไปเสียว่าตนแปลงกายเป็นซืออินอยู่

    “บังอาจ”

    ผู้คนที่รายล้อมอยู่รอบๆชักดาบออกมาและชี้ตรงมาที่นางเหมือนจะเอาชีวิตกันให้ได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงเอาแขนลงแล้วมองไปที่ชายผู้นั้น

    “ซืออิน”

    องค์รัชทายาทพูดขึ้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า

    “พวกเจ้าวางดาบลง”

    สิ้นเสียงองค์รัชทายาทเหล่าขุนนางก็วางดาบลง

    “เหตุใดองครักษ์ซืออินถึงได้ล่วงเกินองค์รัชทายาทเช่นนี้”

    ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

    “องค์รัชทายาท” 

    ลี่อินพึมพำออกมาก่อนจะมองไปที่ชายผู้นั้นอีกครั้ง ลี่อินทำอะไรไม่ถูกจึงคุกเข่าลง พลางนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนคือซืออิน

    “กระหม่อมผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย”

    “ลุกขึ้นเถิด”

    ซืออินลุกขึ้นแต่ยังคงก้มหน้าอยู่ นางพึ่งเข้ามาวังหลวงเพียงครั้งแรกจึงยังไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวังเท่าไรหนักจึงทำผิดไปหลายอย่าง และนึกไม่ถึงว่าเจ้าขนมเฉียวกั่วของนางจะเป็นถึงองค์รัชทายาท แล้วต่อไปนี้นางควรทำเช่นไรดี

     “เจ้านี่ช่างไร้มารยาทยิ่งนักองครักษ์ซืออิน”

    ขุนนางคนเดิมพูดขึ้น ซึ่งเป็นคนค่อนข้างมีอายุมากแล้ว

    “ซืออิน พึ่งจะหายจากอาการป่วย อย่าได้ถือสาเขาเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านกลับไปเถิด”

    “พะยะค่ะ/พะยะค่ะ”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น