ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบำลมหนาว

    ลำดับตอนที่ #2 : ก่อนเหมันต์ (2)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 49



                  ครั้นถึงวันอาทิตย์ วีธรา รตามณี อมรา และลักษมีขออนุญาตซิสเตอร์ออกมานอกโรงเรียน โชคดีที่เป็นวันเสาร์อิสระพวกเธอสามารถออกมาซื้อของ หรือพักผ่อนนอกรั้วโรงเรียนได้ ซึ่งจะมีโอกาสนี้เพียงเดือนละสองครั้งเท่านั้น
     
                   เป้าหมายของการออกมาครั้งก็คือการนัดพบกับคนคนหนึ่ง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในแผนล้มเลิกการถูกจับหมั้นของรตามณี

                    สี่สาวนั่งลงที่ร้านคอฟฟี่ช็อปเล็กๆซึ่งยังรักษาการตกแต่งสไตล์วิคตอเรียเหมือนเมื่อครั้งที่ดาร์จีลิ่งยังเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวอังกฤษยุคอาณานิคม พวกเธอสั่งเครื่องดื่มกับขนมจำพวกทาร์ตและเค้กมารับประทาน พร้อมสนทนากันเบาๆระหว่างรอบุคคลที่นัดหมาย

                   “นี่รัตตี้ เธอแน่ใจนะว่าจะใช้แผนนี้จริงๆน่ะ” ลักษมีถามอย่างเป็นห่วงเป็นรอบที่5ของวัน

                   “ลักษมี ฉันแน่ใจยิ่งกว่าแน่ หรือเธอคิดว่าแผนของฉันมันมีปัญหา” รตามณีขมวดคิ้ว

                   “แผนของเธอมันก็...น่าจะได้ผลนะ”

                   “ทำไมถึงแค่ น่าจะ

                   “ก็...ฉันไม่คิดว่า...มันจะได้ผล...ไม่ใช่ว่าแผนนี้มันไม่ดีนะ รัตตี้” ลักษมีนิ่งไปนิดหนึ่ง “แต่ว่า...พูดตรงๆ เขาคงไม่ตกหลุมเราง่ายๆหรอก”

                  “โฮ่ย...ไม่หรอก ฉันว่าตกหลุมแน่ๆ” อมราขัด “ลักษมี คิดมากไปได้ ดูซิ รัตตี้หน้าเสียแล้ว”
     
                  วีธรามองรูมเมทของเธอที่มีสีหน้าแสดงความไม่มั่นใจ

                 “ไม่ได้คิดมากนะ ระดับเขายอมมาดูตัวรัตตี้ถึงที่คงตั้งใจแต่งแน่ๆ ต่อให้รัตตี้มีแฟนจริงๆอย่างที่จะอุปโลกน์ตามแผนน่ะ...ฉันว่าครอบครัวรัตตี้ก็ต้องหาทางบังคับเธอแต่งกับนายคนนั้นอยู่ดี... เธอก็เคยบอกนี่ว่าพวกผู้ใหญ่เขาตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว”

                ลักษมีเป็นคนมีสายตาแหลมคม สุขุม และฉลาดเป็นที่สุด คำพูดของเธอจึงมีเหตุผลและน้ำหนักพอที่จะทำให้รตามณีคิดหนักทีเดียว วีธราเห็นท่าจะไม่ดีจึงหาทางเปลี่ยนเรื่องพูด  พอดีเสียงกระดิ่งที่ห้อยไว้ตรงประตูร้านส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งกังวานหวานไพเราะด้วยแรงผลักของผู้มาใหม่
      
                 เด็กหนุ่มในชุดสุภาพวันอาทิตย์ของโรงเรียนชายล้วนมีชื่อ เดินเข้ามาอย่างสง่า ในร้านมีเด็กหญิงจากโรงเรียนอื่นนั่งอยู่สองโต๊ะ พวกเธอมองตามเขาด้วยสายตาเชื่อมหวาน ใฝ่ฝัน...จะมีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มร่างสูงสง่า อายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

                “ตะวัน” เธอทักขึ้น เด็กหนุ่มผู้เป็นเป้าสนใจของเด็กสาวทั้งร้านยกมือตอบแล้วเดินมายังโต๊ะที่สี่สาวนั่งอยู่

                 “โทษทีฮะ พอดีมีธุระนิดหน่อยเมื่อเช้า...เนี่ย เดี๋ยวเสร็จธุระก็ต้องรีบกลับไปอีก” อชิระส่งยิ้มเก๋ให้บรรดาเพื่อนๆของพี่สาว เพราะคุ้นหน้ากันดีอยู่แล้วพวกเธอจึงไม่ตื่นเต้นกับหนุ่มน้อยที่ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว เขาถอดเสื้อโค้ทยาวออกพาดพนักเก้าอี้ ภายในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับสเวตเตอร์ดำไม่มีแขน ทำให้รู้ร่างผอมเก้งก้างดูหนาขึ้นพอสมควร

                  “ธุระอะไรเยอะแยะ ตะวัน” วีธราพูดพลางเลื่อนแก้วเครื่องดื่มของเธอหลบมือน้องชายที่นั่งลงข้างเธอแล้วกำลังจะทำเนียนคว้าแก้วช็อกโกแลตของเธอ

                  “อยากดื่มก็ต้องสั่งเอง มายุ่งอะไรของคนอื่น”

                 “ขี้หวงไปได้ คนมาเหนื่อยๆขอดื่มอะไรอุ่นๆหน่อยก็ไม่ได้”

                  “สั่งใหม่สิ ฉันเลี้ยงเอง” รตามณีตัดบท แล้วหันไปทางรูมเมท“ไม่เป็นไรหรอก ตารา ฉันเป็นคนให้เธอนัดน้องชายออกมาเองนี่”

                  “ขอบคุณฮะ คุณรัตตี้” อชิระหันมาส่งยิ้มขยิบตาให้พี่สาว ก่อนจะลุกเดินไปสั่งเครื่องดื่ม ทิ้งวีธราให้หน้ามุ่ยยกแก้วช็อกโกแลตขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

                   อชิระเดินผิวปากผ่านโต๊ะเด็กสาวที่มองตามตาเยิ้มกลับมานั่งที่เดิม เด็กหนุ่มหันมาพูดคุยกับอมราเล็กน้อย ไม่นานช็อกโกแลตร้อนหยอดครีมสดก็ถูกยกมาเสิร์ฟ พออชิระตักครีมสดขึ้นมาชิมด้วยสีหน้าพอใจ รตามณีก็หันมาขอความเห็นกับวีธรา พอเธอพยักหน้า เด็กสาวอึกอักนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยขึ้น

                   “ตะวัน...ฉันมีเรื่องจะขอให้เธอช่วยสักหน่อยจะได้ไหม คือ...” เธอสูดลมหายใจลึก “ฉันอยากให้เธอมาเป็นแฟนของฉัน”

                     เคร้ง!!

                    ช้อนในมือของอชิระตกกระทบพื้น

                    “เฮ้ย อะไรคุณรัตตี้! มัน มัน...เอ่อ...ว่าไงดี”

                    “นี่ นายตะวัน” วีธราเสียงเขียว “รัตตี้เขายังพูดไม่จบยะ!”

                    “อื๋อ เหรอ” อชิระยิ้มแหย แล้วหันมายิ้มกว้างให้เพื่อนพี่สาว “เรื่องที่ว่าจะให้เป็นแฟนคุณรัตตี้นี่มัน...”

                    “แค่หลอกๆสักสองสามอาทิตย์จ้ะ ได้ไหม?”

                    “เอ่อ....” เด็กหนุ่มนิ่งคิดเหลือบตามองพี่สาว “เดี๋ยว...ขอตัวไปคุยกับพี่เขาแป๊บนะฮะ” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือพี่สาวลากออกไปนอกร้าน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้บทสนทนาและสะดวกปาก ตะวันจึงเริ่มการสนทนา ‘ส่วนตัว’ ด้วยภาษาไทยที่ถูกกวดขันให้เรียนมาตั้งแต่เด็ก

                   “นี่มันอะไรฮะพี่ ตะวันงงไปหมดแล้ว”

                   “ก็ไม่ได้หวังให้เข้าใจทันทีหรอก”

                   “ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่” เด็กหนุ่มเกาหัว

                  “คืองี้...รัตตี้เขาจะถูกจับหมั้นกับคนที่พ่อแม่เขาหาให้น่ะ เขาก็เลยอยากให้ตะวันมาแสดงเป็นแฟนเขาหลอกนายคนนั้น ง่ายๆแค่นี้เอง”

                  “พูดมันง่ายพี่...แต่...เฮ้อ” อชิระถอนหายใจ ควันขาวรวยรินออกมา “แต่มันจะได้ผลรึ”

                  “เอาน่า...ถ้าเล่นเนียนๆหน่อยล่ะก็สำเร็จแน่”

                  “ผมได้โดนพ่อแม่ของเขามารังควานน่ะสิ พี่ไม่รู้หรือว่าบางครอบครัว ไม่สิ ส่วนมากเลย เขาถือเรื่องนี้กันหนักหนา ผมว่าบ้านของรัตตี้เขาก็ต้องถือเหมือนกัน ไอ้การที่จู่ๆก็มีแฟนโผล่มา แถมเป็นคนต่างชาติอย่างผมอีก ก็มีแค่ หนึ่ง โดนยิง ถ้าเขาเกลียดผมเข้าไส้เพราะไปทำลูกสาวเขาชื่อเสีย ไม่ก็สอง โดนบังคับแต่งงานเลย เพราะเขาเห็นว่าไหนๆก็ชื่อเสีย ครอบครัวเราก็ไม่ได้ต่ำต้อยอะไร ดีเสียอีกได้เขยเป็นลูกชายนักการทูตระดับผู้ใหญ่อย่างผม ทีนี้พี่ก็จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้องสะใภ้จริงๆ”

                    “แหม...ฉันก็จะดีใจมากน่ะสิ” วีธรายิ้มใส่ “รัตตี้จะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกับฉันสมใจจริงๆ”

                    “อุว๊า ไม่ห่วงน้องชายเลยวุ้ย!” เด็กหนุ่มบ่นเสียงดัง “นี่ยังไม่นับข้อสามที่นายคนนั้นจะคิดว่าผมมาหลบหลู่เกียรติดูหมิ่นศักดิ์ศรีเขา จะมาท้าดวลตัวต่อตัวกับผมน่ะสิ...เอ้อ ดวลตัวต่อตัวก็พอว่า แต่อาจส่งคนมาเอาตัวผมไปยิ่งทิ้งหมกหิมะก็ได้”

                    “ช่างหัวนายสิ ไม่เกี่ยวกับฉัน” เธอพูดไปเช่นนั้นแต่ในใจก็นึกห่วงไม่น้อย เพราะเธอก็คิดขึ้นมาเหมือนกันว่าถ้าว่าที่คู่หมั้นของรตามณีเป็นพวกแบบนั้นจริง ก็อาจเกิดเหตุตามที่น้องชายเธอว่า

                    “แล้ว...นายว่าไงล่ะ จะช่วยเขาไหมล่ะ รัตตี้เขาหวังมากเลยนะว่าเธอจะช่วยเขา เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าคนคนนั้นเลย รูปสักใบก็ไม่มี”

                    “อืม....” เด็กหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด สอดมือลงกระเป๋ากางเกงขยี้เท้าไปมาเหมือนใช้ความคิด แล้วก็พึมพำออกมาเบาๆ “กรณีคล้ายๆกันเลยแฮะ”

                   จะเพราะวีธราหูดีเกินไปหรือเปล่าเธอถึงได้ยิน

                   “หืมม์?? คล้ายใคร?”

                   “หูดีจังแฮะพี่ตุ๊กตา ตะวันกำลังคิดว่าเคสของคุณรัตตี้น่ะบังเอิญไปคล้ายกับเคสรุ่นพี่ของตะวันเลย”

                   “รุ่นพี่ของนาย?”

                   “ฮะ เป็นรุ่นพี่เกรดสุดท้าย แล้วก็เป็นซีเนียร์พี่เลี้ยงที่ดูแลตะวันตั้งแต่ตอนเข้าเรียน เป็นประธานนักเรียน แถมเรียนเก่งอย่าบอกใคร พอจบชั้นสุดท้ายแล้วก็จะได้ไปต่อนอกด้วย แต่เหมือนว่าก่อนไปเขาต้องหมั้นกับผู้หญิงที่พ่อแม่หาให้ จนเดี๋ยวนี้เขายังไม่เคยเห็นหน้าเลย มีแต่ประวัติส่วนตัวยาวเหยียดพรรณนาว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล พร้อมบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ การศึกษา รูปสมบัติโสภา และชาติพงศ์วงศ์วาน” น้องชายตัวดีว่าภาษาได้คล้องจองสะบัดสำนวนจนเธอหัวเราะคิก

                  “แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะให้นายมาหาพี่สาวไปควงเป็นแฟนชั่วคราวหลบคู่หมั้นหรอกนะ” เธอพูดเล่นโดยไม่คิดอะไร แต่สีหน้าของอชิระกลับเปลี่ยนไปในทันที พร้อมดวงตาก็เหมือนมีแววตกใจระคนกับงุนงง

                   “อ้าว รู้ได้ไงฮะ ตะวันยังไม่ทันพูดแย้มอะไรเลย”

                   ------มีความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพี่น้อง-----

                  “นี่นายตะวะ....อื๊อ!!”

                  ก่อนที่เสียงแหลมๆที่แผดดังจะทำหุบเขาสะเทือน มือของอชิระก็จู่โจมปิดปากพี่สาว ท่ามกลางสายตาตระหนกจากคนบนถนน และเรียกความสนใจจากในร้ายได้ไม่น้อย

                 “เอ่อ ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งบอกเรื่องน่ายินดีให้พี่สาวฟังน่ะครับ เธอดีใจไปหน่อยครับ” เขาหันไปอธิบายความเป็นภาษาอังกฤษ และเน้นคำว่าพี่สาวเป็นพิเศษ เขาลากเธอห่างจากร้านไปยืนหน้าร้านขนมปัง แล้วจึงคลายมือออกหลังสำทับว่า “อย่าเสียงดังสิพี่ เดี๋ยวหิมะถล่ม”

                  “นายเอาฉันไปขายนายนั่น”

                  “ขายอะไรพี่ แค่จะขอให้ช่วยนิดหน่อยเอง ไม่เห็นยาก นี่ก็เหมือนกับที่พี่จะให้ผมช่วยเล่นเป็นแฟนรัตตี้ไง” แล้วเด็กหนุ่มก็ดีดนิ้วเป๊าะ แสดงว่ามีความคิดอะไรที่เข้าท่าถูกใจ

                  “เอางี้ไหมพี่ ให้ตะวันเล่นเป็นแฟนพี่รัตตี้แล้วพี่ก็มาเล่นเป็นแฟนให้รุ่นพี่ของตะวัน พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องระดับพี่เขาเลย รุ่นพี่ผมคนนี้เขาเป็นคนดี มีตระกูล เป็นสุภาพบุรุษ”

                  “โฆษณาเข้าไป โฆษณาเข้าไป” เด็กสาวเท้าสะเอวมองหน้าน้องชาย หากอชิระยังคง ‘พรรณนาสรรพคุณ’ ต่อไปเพื่อโน้มน้าวพี่สาว จนเธอเริ่มจินตนาการนายคนนั้นออกทั้งๆที่ไม่เคยเห็น
            
                  “แถมหน้าตานี่นะ...เชื้ออารยันแท้ๆเลยครับ สูง สมาร์ท เป็นนักกีฬา ผิวนี่ไม่ขาวเกิน ไม่คล้ำไป เอากลับไปเมืองไทยเป็นนายแบบ ไม่ก็ดาราได้สบายบรื๋อ หรือส่งไปเล่นหนังบอลลี่วู้ดนะ ได้เป็นซาร์รุค ข่านคนใหม่แน่...เผลอๆดังกว่าอีก อู๊ย--- ตาเขาล่ะคม ซึ้ง ไม่ค่อยมีใครกล้าสบตาหรอก ไม่ใช่เพราะอะไร แต่กลัวหลงเขาไปหมด...”

                   “นายคงสบตาเขาบ่อยสิ ถึงหลงได้ปานนี้”

                   “อ้อแน่นอน ผมหลงเขาน่ะสิ อยากมีหล่อคมๆแบบนั้นบ้าง เป็นตี๋จืดอย่างนี้ไม่ชอบเลย” เขามองเงาตัวเองที่สะท้อนบนกระจกร้านขนมปัง

                  วีธรานึกหมั่นไส้น้องชายชอบกล ก็แค่ที่หมอนี่มีก็เขย่าหัวใจสาวน้อยทั้งหลายให้คลั่งไคล้มาเป็นสิบเป็นร้อยแล้ว...หลายประเทศเสียด้วย

                  อชิระนั้นตัวสูงใหญ่กว่าเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน ผิวขาวเพราะได้เชื้อจากทางสายแม่ที่เป็นลูกคนจีน จมูกเป็นสัน แม้ตาจะเล็กไปนิดแต่มองภาพรวมแล้วพ้นจากคำว่า ‘ตี๋จืด’ ไปไกล ขนาดว่าญาติที่เคยมาเยี่ยมเมื่อสองปีก่อนพยายามจะพาตัวเขากลับไปประเทศไทยเพื่อ ‘เข้าวงการ’ ให้ได้ ดีว่าเจ้าตัวนั่งยัน นอนยันว่าเกลียดการเข้ากล้องเป็นที่สุด

                  ส่วนเธอนั้นก็ไม่ใช่คนที่สวยมากมาย ลักษณะภายนอกประพิมพ์ประพายคล้ายน้องชาย แต่เธอได้ตาพ่อที่คมโต ผมและตาดำขลับไม่เป็นสีอ่อนอย่างอชิระ มีส่วนสูงที่พอเหมาะ หากรูปร่างยังไม่ดีนักเพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นหญิงสาว

                  เธอจึงเรียกตัวว่า ไม่ใช่คนสวย

                  “โฆษณามาตั้งนานสองนาน...พี่ตุ๊กตาไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” คนเป็นน้องหยอดถาม พี่สาวชักยิ้มมุมปาก

                  “เหอะ รู้สึกสิ รู้สึกหมั่นไส้รุ่นพี่ของนายขึ้นมาติดหมัดน่ะสิ คงจะเป็นประเภทหัวสูง คุณชายล่ะกระมัง”

                  “ไม่เลยพี่ตุ๊กตา ตะวันรับประกัน เขาไม่เคยทำตัวเป็นคุณชาย หรือถือตัวยโสเลย ตรงกันข้าม เขาเป็นคนที่ติดดินมาก...เป็นกันเองกับทุกคน”

                 “ก็โรงเรียนเธอมันมีแต่พวกลูกเศรษฐีไปเรียนน่ะสิ ระดับไล่เลี่ยกับเขา เขาจะไปทำเหมือนคนระดับต่ำกว่าได้ยังไง”

                  “ตัวไม่รู้จักเขาจริงๆก็มาว่าคนอื่นเขาเสียๆหายๆ” อชิระกอดอก หน้าเริ่มตึงๆ “ไม่ได้ลองคบหาพูดคุยสักครั้งก็ตัดสินคนอื่นแบบนี้ ระวังเถอะจะเป็นแบบในนิยายของเจน ออสเตน Pride and Prejudice น่ะ เคยอ่านไหม” น้องชายส่งหมัดท้า

                 “งั้นแสดงว่านายคนนั้นน่ะ Pride จริงๆ” หล่อนแย็บกลับ

                 “โอเค เขาPride แต่เฉพาะเวลาต้องPride แล้วพี่ก็อย่าให้อคติมันมาบดบังสายตาจนพลาดคนดีๆไป”

                 “แหม...เขาดีนัก ทำไมไม่เก็บไว้เอง...นี่ ชื่นชมเขานักน่ะไม่ใช่ว่านาย....” วีธราหรี่ตาเหมือนจับผิด ดูหน้าน้องชายของเธอที่ขึ้นสีน้อย แต่เหมือนจะเป็นเพราะกำลังฉุนมากกว่าที่ถูกพี่สาวสงสัยว่าเขามีความรู้สึกกับรุ่นพี่คนนี้เกินคำว่า รุ่นพี่รุ่นน้อง

                 “พี่ตุ๊กตา อย่าเดาอะไรตามใจได้ไหม ผมแค่ชื่นชมเขา มีเขาเป็นตัวอย่าง ก็ผมมันมีแต่พี่สาว ผิดอะไรที่จะเห็นเขาเหมือนพี่ชาย”

                 “อู๊ย....ขอให้จริงเถอะ นายมันเรียนชายล้วนวันๆเจอแต่ผู้ชาย ระวังให้ดี” อชิระส่ายหน้าให้ฝีปากของพี่สาว วีธรานั้นตอนอยู่กับน้องชายเป็นคนละคนกับตอนอยู่กับคนอื่น คำพูดจะไม่ค่อยเกรงใจ คอยจะเฉือนกันไปเชือดกันมา แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความสนิทสนมนั่นเอง

                  แต่มีหรือที่อชิระจะยอมแพ้พี่สาวแต่เพียงนี้ หลังจากเว้นระยะให้พี่สาวได้สะใจเมื่อคิดว่าได้ชัยชนะเพียงครู่ เด็กหนุ่มก็พูดเสียงเนิบๆ

                  “ตะวันไม่ปฏิเสธหรอกว่ามีคนมาจีบตะวันหลายคนอยู่...แต่ก็ดีกว่าใครบางคนที่ทุกวันนี้ยังต้องควงน้องชายไปแทนคู่เดท”

                  เหมือนมีดปักฉึกกลางใจ

                 ที่น้องชายเธอว่ามานั้นถูกต้องที่สุด ก็ไม่ว่าจะมีงานเลี้ยงใดๆ ขนาดงานเลี้ยงตอนจบภาคเรียนเธอก็ต้องควงน้องชายไปงานแทนที่จะเป็นแฟนอย่างเพื่อนๆ

                 “นายเองก็ต้องควงฉันออกงานเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

                 “แต่ผมก็เคยมีแฟน หรือพี่จำเบียงก้าไม่ได้”

                ใครจะไปลืมยัยเด็กอิตาเลี่ยนนั่นได้ หน้าตาก็น่าเอ็นดูหรอก เสียแต่ขี้วีน ขี้อิจฉา ออดอ้อนหึงหวงน้องชายเธอแม้แต่กับพี่สาวแท้ๆ ดีที่พ่อของเธอถึงวาระโยกย้ายพอดี อชิระจึงเอามาเป็นเหตุให้สลัดหลุดจากวงแขนตังเมของเจ้าหล่อนได้ โล่งไปเยอะทีเดียว

                อชิระเห็นว่าชักจะหลุดประเด็นไปไกลก็รีบฉวยโอกาสวกกลับมาเรื่องเดิม

                “ว่าแต่—พี่จะว่าไง ตกลงตามที่ตะวันว่าไหม”

               “หืมม์..เรื่องอะไร...”

               “ทำเป็นความจำปลาทอง ก็เรื่องที่จะให้ตะวันเป็นแฟนหลอกๆให้คุณรัตตี้น่ะสิ”

               “อื้ม นายว่าไง”

               “ตะวันตกลงก็ได้ แต่ว่ามีข้อแม้...ถ้าพี่ตุ๊กตาไม่โอเค ก็อย่าหวังพึ่งน้องชายคนนี้เด็ดขาด”

               “หึ เรื่องที่จะให้ฉันไปเป็นแฟนหลอกๆให้รุ่นพี่นายน่ะเหรอ...” วีธราสะบัดหน้า

               “อ้าว ทีอย่างนี้ดันจำได้แฮะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง

               “เมื่อกี้น่ะแค่จับต้นชนปลายไม่ถูก นายเล่นเปลี่ยนหัวข้อเร็วอย่างนี้”

               อชิระหัวเราะ ก่อนจะรุกถาม ตอนนี้เขาจับความรู้สึกได้ว่าพี่สาวคงเริ่มคิดอะไรสะระตะเต็มหัว คำนวณโน่นนี่ไปมา สังเกตจากการกอดอก กลอกตา และระบายลมหายใจ ในที่สุดคำตอบก็ออกมา

               “ไม่ใช่ว่าตกลงเรื่องของรุ่นพี่นายเต็มตัวนะ แต่ฉันขอเวลาพิจารณาสักหน่อย แล้วเรื่องรัตตี้ล่ะ นายจะว่าไง”

               “ตะวันไม่ทำให้เธอผิดหวังหรอก”
              เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มที่บรรลุตามเป้าหมาย ตอบเสียงระรื่น

               สองพี่น้องเดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อบอกข่าวให้เพื่อนของวีธรา แต่ที่ปกปิดเป็นความลับอย่างยิ่ง ก็คือเงื่อนไขที่ทำให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดี

     
               จริงหรือ...??

    +++++

    อธิบายแถมท้ายค่ะ
        Pride and Prejudice ที่กล่าวถึงในตอนนี้เป็นนิยายของ เจน ออสเตน นักเขียนสตรีค่ะ
       
        เนื้อหาก็จะเกี่ยวกับ หญิงสาวที่มีอคติ กับชายหนุ่มผู้ทรนง ซึ่งกว่าจะเข้าใจกันและกันก็กินเวลาเป็นปี เพราะไอ้อคตินั่นมาบังตาเธอให้เห็นแต่ด้านที่คนอื่นใส่ร้ายค่ะ
         
        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×