คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนเหมันต์ (1)
ก่อนเหมันต์
วีธราพบ "เขา" ครั้งแรกที่ดาร์จีลิ่ง ในเวลานั้นเธออายุเพียง 16 สองปีหลังจากย้ายตามพ่อซึ่งเป็นนักการทูตไปประจำสถานทูตไทยประจำประเทศอินเดีย
ท่านเกริกเกียรติ พ่อของเธอได้รับคำแนะนำให้ส่งเธอและน้องชายมารับการศึกษาที่เมืองดาร์จีลิ่ง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองการศึกษาแบบตะวันตกของลูกผู้ดีมาช้านาน
ในครั้งแรกท่านลังเลอยู่ว่าจะส่งทั้งสองไปสมทบกับ ฐิตา บุตรสาวคนโตซึ่งได้รับทุนไปเรียนที่สหราชอาณาจักรดีหรือไม่ จึงได้ถามความสมัครใจของเด็กทั้งสอง อชิระ น้องฝาแฝดที่อ่อนกว่าเธอสิบสองนาทีกระตือรือร้นที่จะมาใช้ชีวิตในประเทศอินเดีย (เธอแอบเห็นเขานับวันรอให้วาระย้ายมาประจำอินเดียของพ่อมาถึง)
วีธราใช้ชีวิตส่วนมากในต่างประเทศ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเลือกที่จะพาลูกๆติดตามไปด้วยเพื่อนจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ประเทศไทยที่เธอเกิด...เธอแทบจะลืมเลือนไปเสียด้วยซ้ำ จะได้กลับไปก็เฉพาะเมื่อพ่อของเธอได้วันหยุด เธอเผอิญได้เกิดในประเทศไทยเพราะเป็นเวลาที่พ่อของเธอได้พักร้อนพอดี ท่านต้องกลับไปทำงานหลังเธอเกิดได้ไม่นาน และเมื่อเธอแข็งแรงพอ แม่จึงค่อยพาเธอกับน้องแฝดตามไปสมทบพ่อของเธอซึ่งเวลานั้นประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ย้ายไปในหลายประเทศในอีกหลายปีต่อมา
ความคิดที่ว่าจะมาเรียนเป็นเพื่อนน้องชาย ดูจะผิดไปเสียหน่อยเมื่อในความเป็นจริง ทั้งสองถูกแยกโรงเรียนกัน โรงเรียนของเธอในดาร์จีลิ่งเป็นโรงเรียนประจำสำหรับสตรี ส่วนโรงเรียนของอชิระก็เป็นโรงเรียนเครือคาธอลิกเช่นกัน และเป็นโรงเรียนประจำชายล้วน
โรงเรียนสตรีมีกฎเข้มงวดเรื่องผู้ชาย อชิระที่เป็นน้องชายแท้ๆยังได้รับอนุญาตเพียงพบเธอที่ห้องรับแขกในสายตาของซิสเตอร์หน้าตาเคร่งขรึมเท่านั้น
ผู้ชายคือสิ่งต้องห้ามในโรงเรียน...เว้นแต่เป็นผู้ที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ เช่นครอบครัว
หรือคู่หมาย....
สำหรับธิดาสาวของผู้มีตระกูล...ผู้ที่ยอมให้ยลโฉมใกล้ชิดได้มีเพียงญาติร่วมสายโลหิต กับว่าที่คู่ชีวิตที่มาดูตัว...
การพบกันของทั้งสองเนื่องมาจากการดูตัว...หากมิใช่เพื่อให้เขาแล้วเธอได้คู่กัน
เด็กสาวผู้ถูกหมายตาไว้กลับเป็น รตามณี ปาลี เพื่อนคนแรกของเธอ
รตามณีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของวีธรา เพราะแชร์ห้องด้วยกันมา2ปีแล้ว รตามณีเป็นลูกสาวนักธุรกิจผู้มีอันจะกินในรัฐอุตตระประเทศ เธอได้รับการแจ้งจากทางบ้านว่า ได้มีการเตรียมหมั้นหมายให้เธอ และลูกชายคู่ค้าของพ่อเธอ และจะมีการแต่งงานเพียงในนาม ก่อนที่ฝ่ายชายจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
ข่าวนี้แพร่ลามไปทั่วอย่างรวดเร็ว และยิ่งมีข่าวว่า ว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหล่อนจะมาดูตัวถึงโรงเรียน รตามณีกลายเป็นที่สนใจและอิจฉาของหลายๆคน
"พ่อแม่เธอจ่ายค่าสินสอดให้เขาไปเท่าไหร่กันจ๊ะ แม่รตามณีว่าที่เจ้าสาวคนดัง" เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยล้อเลียนเมื่อเดินผ่านโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ แล้วก็หัวเราะคิกคักจากไปตามทางเดิน รตามณีหน้าง้ำขึ้นมาในบัดดล กระแทกแก้วน้ำลงลั่นโต๊ะ ดีที่ไม่มีซิสเตอร์หรือพวกอาจารย์มาเห็น ไม่เช่นนั้นหล่อนคงได้ไปนั่งคัดคำสำนึกผิดพันจบเป็นแน่
"ฉันไม่ได้อยากหมั้น อยากเมิ่นกับไอ้หมอนั่นหรอก มันถึงยุคไหนกันแล้ว ไอ้การคลุมถุงชนบ้าๆนี่ มันยังไม่หายๆไปจากโลกนี้อีก"
"เธอเคยเห็นหน้าเขาหรือยังจ๊ะ รัตตี้" สาวน้อยผมเปียถามขึ้น
"อมรา ถ้ารัตตี้เคยเห็น เขาคงไม่พูดหรอกว่าเป็นการคลุมถุงชน แต่เดี๋ยวก็ได้เห็นแหละ อีกสองเดือนเขาก็จะมาดูตัวเธอนี่ ว่าแต่จริงหรือ ที่เขาจะมาหาถึงที่โรงเรียนน่ะ"
"ลักษมี อมรา ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนฉันและได้ยืมเลคเชอร์วิชาคณิตทุกเวลาที่ต้องการล่ะก็ เลิกพูดถึงนายบ้าบอคอแตกคนนั้นเดี๋ยวนี้" ดวงตาสีมรกตของรตามณีดูจะเขียวปั้ดขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว เธอแสนรำคาญกับข่าวลือที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นตอว่าเขาคนนั้นจะมาดูตัวเธอถึงโรงเรียน
วีธราซึ่งนั่งรับประทานอาหารติดกันแตะไหล่เพื่อนสาวเบาๆ
"ซิสเตอร์มาโน่น ระวังหน่อย"
รตามณีรีบกลับมารับประทานอาหารด้วยกริยา "แช่มช้อย" ดั่งเดิม
ไม่นานระฆังเข้าเรียนบ่ายก็ดังขึ้น อีกสองชั่วโมงต่อมาระฆังบอกเวลาเข้าคาบการเรือนก็ดังกังวาน เด็กสาวสี่คนเพื่อนซี้วิ่งผ่านอาคารเรียนลงไปยังส่วนของเรือนครัวเพื่อเรียนวิชาทำอาหาร รตามณี วีธรา อมรา และลักษมีอยู่กลุ่มเดียวกัน
"รตามณี เธอควรปรับปรุงการทำอาหารของเธอให้ดีกว่านี้ มิฉะนั้นสามีของเธอจะไม่พอใจ 80% ของผู้ชายที่นอกใจภรรยา เพราะเธอทำจปาตีรสเหมือนยางรองเท้า"
อาจารย์สาวใหญ่เอ่ยตรงๆกับเด็กสาว ฝีมือทำอาหารของรตามณีเข้าขั้น "หายนะ" เลยทีเดียว ตรงข้ามกับวีธราที่ดูเหมือนจะค้นพบพรสวรรค์ของเธอเข้าจนได้
"ตารา เธอไปเป็นเจ้าสาวแทนฉันเถอะ โอ๊ย พอที!"
แป้งจปาตีที่ไม่ได้เรื่องทั้งส่วนผสม ความหนา และขนาดปลิวหวือลงบนโต๊ะเมื่อคนทำละมือเสียเฉยๆ ผลจากการกระทำนี้ วีธราต้องนั่งรอรูมเมทของเธอกลับจากคัดคำสำนึกผิดที่ห้องปกครอง1000จบ
เป็นเวลาสองทุ่ม กว่ารตามณีจะเดินมือห้อยกลับมายังห้องพัก วีธราเปิดประตูรับรูมเมทด้วยสีหน้ากังวล นิ้วของเด็กสาวห้อเลือดแดงก่ำ และสั่นระริก
"แช่มือลงในนี้สิ" วีธราจัดแจงผสมน้ำอุ่นลงอ่างเล็กๆวางบนโต๊ะให้เพื่อนรักแช่มือ รตามณีมองตอบอย่างซาบซึ้ง
จากคนแปลกหน้าเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้คือเพื่อนสนิทที่แสนกลมเกลียว
ตอนที่วีธราแนะนำเธอให้พ่อแม่รู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของเธอ เธอถึงกับอึ้งๆ เพราะปกติจะได้รับการแนะนำแค่เป็นเพื่อน หรือเพื่อนสนิท แต่ถึงกับเป็น
เพื่อนสนิทคนแรกนี่...ไม่เคยมีใครเรียกเธอเช่นนั้น
ดูเหมือนวีธราเมื่อสองปีก่อนจะไม่ใช่วีธราคนปัจจุบันนี้เลย
แรกๆ วีธราแทบไม่พูดสักคำ ชนิดว่าถามคำตอบคำ ทั้งนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องภาษาแต่อย่างใด เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนซึ่งสอนเป็นภาษาอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา แต่เหมือนว่าวีธราจะมีความเป็นส่วนตัวสูง หรือไม่ก็เป็นคนไม่กล้าสุงสิงกับคนอื่น
ในที่สุด รตามณีแหละเป็นฝ่ายทนไม่ได้กับความรู้สึกเหมือนอยู่ห้องเดียวกับคนใบ้ ...วันนึงก็เลยจัดการซักเสียว่าเหตุไฉนถึงได้มีระดับความต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์โลกต่ำนัก
คำตอบที่ได้คือ
"ต่อให้มีเพื่อนใหม่สักกี่คนกี่คน ไม่นานฉันก็ต้องย้ายไปที่อื่น แล้วเราก็จะลืมเลือนกันไป...ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันหรอก"
วีธราระบายความในใจออกมา..เธอเคยผูกมิตรกับเพื่อนในหลายประเทศที่ไปอยู่ หากเมื่อมิตรภาพเริ่มงอกงามดี ก็ถึง"วาระโยกย้าย" ในเวลานั้นการติดต่อสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายทันสมัย เมื่อขาดการติดต่อ มิตรภาพก็คงจะหายไปตามกาลเวลา
แล้วจะมีเพื่อนมากๆไปทำไม??
"ยัยโง่! ไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนเขาอยากเป็นเพื่อนเธอกันออกเยอะแยะ"
วีธรามีสีหน้างุนงง ก็ตั้งแต่วันแรกน่ะแทบไม่มีใครมายุ่งกับเธอเลย
"แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้เขาทำความรู้จักกับเธอเลย ขนาดฉันเป็นรูมเมทเธอแท้ๆ เธอยังไม่ใส่ใจจะพูดคุย โฮ่ย รู้หรอกน่าว่าลูกพวกทูตต้องย้ายตามพ่อแม่บ่อยๆ แต่ถ้าเธอมัวแต่คิดว่าจะมีเพื่อนไปทำไม ประเดี๋ยวก็ต้องจาก...เธอน่ะมีความสุขหรือจากความคิดแบบนั้น ฉันก็เคยมีเพื่อนที่เป็นลูกพวกทูตเหมือนกัน เขาย้ายไปแล้วแต่เราก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ ขอแค่มิตรภาพยังคงมี และเราสร้างมันไว้เหนียวแน่นพอ ต่อให้เธอเอามาพันโลกสักล้านรอบ เกลียวเชือกแห่งมิตรภาพมันก็ไม่ขาดง่ายๆหรอก ถ้าไม่มีใครเอาอะไรไปตัดทิ้ง"
วีธราอึ้งไปนาน...ไม่ทันจะตอบกลับสาวน้อยผิวน้ำผึ้งเข้มก็ต่อขึ้นว่า
"พรุ่งนี้ไปแนะนำตัวกันใหม่ มีชื่อเล่นไหม เรียกแต่วีธรา วีธรามาตลอด"
"ชื่อเล่นฉันมีนะ...ตุ๊กตา"
รตามณีทำตาโต แล้วขมวดคิ้วย่น
"อะไรนะ! ตุ๊ต๋า??"
"ตุ๊กตา...ตุ๊กตา แปลว่า Doll ไง"
"ตู๊...ต๋า ต้า" เพราะไม่เคยได้ยินคำเช่นนี้รตามณีถึงออกเสียงเพี้ยนไปไกลโข
ทำเอาคนแนะนำชื่อใหม่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ยามแย้มมองเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ กับประกายตาใสที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน รตามณีทำหน้าเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาด วีธราจึงชะงักแล้วถาม
"มีอะไรหรือเปล่า จ้องฉันเป๋งเชียว"
"อือ...เหมือนฉันเห็นแสงดาววับๆมาจากเธอ ไม่ยักรู้ว่าตอนยิ้มตอนหัวเราะเธอเหมือนดาวรุ่งเลย...อา ฉันไม่เรียกเธอว่า ตู๊ ต๊า อะไรนั่นล่ะ ฉันจะเรียกเธอ
ว่า...ตารา"
"ตารา..."
"ก้อ Star ดวงดาวไง แล้วก็ยิ้มอย่างนี้บ่อยๆ หัวเราะน่ารักๆ พูดกับคนอื่นได้เหมือนอย่างพูดกับฉัน รับรอง You can be our star เธอเป็นดาวเด่นของโรงเรียนแน่ เชื่อฉันซี่!!"
หลังจากวันนั้นเธอจับวีธราเข้ากลุ่มเพื่อน ให้ทำกิจกรรมเธอก็เริ่มได้รู้จักคนมากขึ้น เริ่มมีเพื่อนมาก ด้วยอุปนิสัยที่น่าคบหาและมีเสน่ห์ทำให้เธอเป็นที่รักของ
ทุกคนในเวลาไม่นาน โดยฝีมือเจ๊ดันคนเก่งที่ชื่อรตามณีคนนี้แล
"เธอนี่เป็นคนดีจริงๆเลย ตารา" รตามณีเอ่ยเบาๆ ก่อนจะสาธยายความทุกข์เมื่อครู่ให้ฟัง
"เหมือนลงนรกเลย แค่ไปนั่งคัด หนูจะไม่โยนจปาตีที่มีค่าลงแบบนั้นอีกแล้วค่ะ 1000 จบก็แทบตาย นี่ยัยมาลตียังมานั่งพล่ามๆๆๆๆไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ย้ำอยู่แต่ว่าฉันน่ะไร้คุณสมบัติแม่บ้านแม่เรือน ต้องปรับปรุงตัว ก่อนที่จะทำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย แล้วจะพาลมาทำลายชื่อโรงเรียน และอาจเสียมาถึงครูวิชาคหกรรมซึ่งก็คือแกได้ แหม...ทีตัวเองเพียบพร้อมนักหนาแต่อยู่มาจนหัวหงอก ปล่อยตัวเองขึ้นคานแล้วพาลมาอิจฉาคนอื่นเขา เชิญเลย ยัยแร้งทึ้ง ฉันยอมยกนายทายาทธุรกิจบ้าบอนั่นให้ฟรีๆเลย"
"เธอไม่ชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือ รัตตี้ ไม่เห็นเธอเคยพูดถึงเขาดีๆเลย"
"แหงล่ะ" สาวผิวน้ำผึ้งร้องเสียงแหลม "พนันได้เลยว่าหมอนั่นน่ะถ้าไม่ใช่พวกขี้หงอกลัวพ่อแม่ยอมไปทุดอย่าง ก็ต้องไร้สาระบ้าบอจนพ่อแม่ต้องจับแต่งงานก่อนส่งไปนอก เชื่อสิตารา...พอไปนอกกลับมา นายนั่นก็จะพาเมียตาน้ำข้าว หอบลูกสาวลูกชายหัวแดงหัวเหลืองกลับมาให้เมียแต่งที่บ้านอกแตก เมียที่ดีผัวเป็นไงก็ต้องทนใช่ไหม แต่ขอโทษนะ ฉันไม่ขอทนผู้ชายจำพวกนี้เด็ดขาด!"
วีธราปิดปากหัวเราะคิก ก่อนจะเอ่ยเมื่อนึกอะไรได้
"เอ้อ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกไหม นอกจากว่าบ้านเขามีบ้านใหญ่โตอย่างกับปราสาทราชวังน่ะ"
"อือ...อายุแก่กว่าเราสักสามปีได้ ปีหน้าจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันถึงต้องไปแต่งกับเขาก่อนไปนอกไง แต่ไม่มีวันเสียล่ะ ฉันต้องหาทางล้มเลิกการหมั้นหมายกับแต่งงานบ้าบอนี้ให้ได้ จริงสิ!"
สายตาของเธอเลื่อนลอยไปมา จนกระทั่งไปหยุดที่กรอบรูปบนหัวเตียงของวีธรา เป็นภาพครอบครัวของเธอ
ทันใดนั้นรตามณีก็ลุกพรวดทำเอาอ่างน้ำแทบคว่ำลงจากตัก ดีที่คว้าไว้ทัน กระนั้นกระโปรงสีเทาที่สวมก็เปียกเป็นดวงใหญ่ หากเด็กสาวไม่สนใจ แต่กลับคว้ามือสองมือของวีธราขึ้นมา จับเหวี่ยงไปรอบๆจนเธอร้องลั่น
"เป็นอะไรน่ะ รัตตี้! หยุดนะฉันเวียนหัว!"
"ฉันคิดออกแล้ว! ฉันคิดออกแล้ว!"
รตามณีหยุดจับวีธราเหวี่ยงไปมาแล้ว หากยังไม่หยุดยิ้มกว้าง เดินไปหยิบกรอบรูปเล็กๆนั้นส่งให้วีธรา
"อะไรกันรัตตี้"
"แผนรับรองคุณ 'ว่าที่อดีต' ว่าที่คู่หมั้นน่ะสิจ๊ะ"
รตามณีเริ่มเล่าแผนการล้มเลิกการหมั้นหมายซึ่งเธอคิดได้ให้วีธราฟัง วีธรานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะจะยอมร่วมมือ ทั้งยังช่วยคิดแผนการณ์ต่อไปอีก
รุ่งเช้า เมื่อบอกแผนการให้ลักษมี และอมรารู้ ก็ได้แนวร่วมเพิ่มมาอีกสอง
(ตอนต่อไปก็จะเป็น ก่อนเหมันต์ 2 นะคะ)
ความคิดเห็น