ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบำลมหนาว

    ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนเหมันต์ (1)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 49


    ก่อนเหมันต์
     
          วีธราพบ "เขา" ครั้งแรกที่ดาร์จีลิ่ง ในเวลานั้นเธออายุเพียง 16 สองปีหลังจากย้ายตามพ่อซึ่งเป็นนักการทูตไปประจำสถานทูตไทยประจำประเทศอินเดีย

          ท่านเกริกเกียรติ พ่อของเธอได้รับคำแนะนำให้ส่งเธอและน้องชายมารับการศึกษาที่เมืองดาร์จีลิ่ง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองการศึกษาแบบตะวันตกของลูกผู้ดีมาช้านาน
     ในครั้งแรกท่านลังเลอยู่ว่าจะส่งทั้งสองไปสมทบกับ ฐิตา บุตรสาวคนโตซึ่งได้รับทุนไปเรียนที่สหราชอาณาจักรดีหรือไม่ จึงได้ถามความสมัครใจของเด็กทั้งสอง อชิระ น้องฝาแฝดที่อ่อนกว่าเธอสิบสองนาทีกระตือรือร้นที่จะมาใช้ชีวิตในประเทศอินเดีย (เธอแอบเห็นเขานับวันรอให้วาระย้ายมาประจำอินเดียของพ่อมาถึง) 
         
           วีธราใช้ชีวิตส่วนมากในต่างประเทศ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเลือกที่จะพาลูกๆติดตามไปด้วยเพื่อนจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด
          ประเทศไทยที่เธอเกิด...เธอแทบจะลืมเลือนไปเสียด้วยซ้ำ จะได้กลับไปก็เฉพาะเมื่อพ่อของเธอได้วันหยุด เธอเผอิญได้เกิดในประเทศไทยเพราะเป็นเวลาที่พ่อของเธอได้พักร้อนพอดี ท่านต้องกลับไปทำงานหลังเธอเกิดได้ไม่นาน และเมื่อเธอแข็งแรงพอ แม่จึงค่อยพาเธอกับน้องแฝดตามไปสมทบพ่อของเธอซึ่งเวลานั้นประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ย้ายไปในหลายประเทศในอีกหลายปีต่อมา
     
         ความคิดที่ว่าจะมาเรียนเป็นเพื่อนน้องชาย ดูจะผิดไปเสียหน่อยเมื่อในความเป็นจริง ทั้งสองถูกแยกโรงเรียนกัน โรงเรียนของเธอในดาร์จีลิ่งเป็นโรงเรียนประจำสำหรับสตรี ส่วนโรงเรียนของอชิระก็เป็นโรงเรียนเครือคาธอลิกเช่นกัน และเป็นโรงเรียนประจำชายล้วน
         โรงเรียนสตรีมีกฎเข้มงวดเรื่องผู้ชาย อชิระที่เป็นน้องชายแท้ๆยังได้รับอนุญาตเพียงพบเธอที่ห้องรับแขกในสายตาของซิสเตอร์หน้าตาเคร่งขรึมเท่านั้น
     ผู้ชายคือสิ่งต้องห้ามในโรงเรียน...เว้นแต่เป็นผู้ที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ เช่นครอบครัว
         หรือคู่หมาย....
         สำหรับธิดาสาวของผู้มีตระกูล...ผู้ที่ยอมให้ยลโฉมใกล้ชิดได้มีเพียงญาติร่วมสายโลหิต กับว่าที่คู่ชีวิตที่มาดูตัว...

        การพบกันของทั้งสองเนื่องมาจากการดูตัว...หากมิใช่เพื่อให้เขาแล้วเธอได้คู่กัน
     

         เด็กสาวผู้ถูกหมายตาไว้กลับเป็น รตามณี ปาลี เพื่อนคนแรกของเธอ
     รตามณีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของวีธรา เพราะแชร์ห้องด้วยกันมา2ปีแล้ว รตามณีเป็นลูกสาวนักธุรกิจผู้มีอันจะกินในรัฐอุตตระประเทศ เธอได้รับการแจ้งจากทางบ้านว่า ได้มีการเตรียมหมั้นหมายให้เธอ และลูกชายคู่ค้าของพ่อเธอ และจะมีการแต่งงานเพียงในนาม ก่อนที่ฝ่ายชายจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
         
          ข่าวนี้แพร่ลามไปทั่วอย่างรวดเร็ว และยิ่งมีข่าวว่า ว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหล่อนจะมาดูตัวถึงโรงเรียน รตามณีกลายเป็นที่สนใจและอิจฉาของหลายๆคน
     "พ่อแม่เธอจ่ายค่าสินสอดให้เขาไปเท่าไหร่กันจ๊ะ แม่รตามณีว่าที่เจ้าสาวคนดัง" เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยล้อเลียนเมื่อเดินผ่านโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ แล้วก็หัวเราะคิกคักจากไปตามทางเดิน รตามณีหน้าง้ำขึ้นมาในบัดดล กระแทกแก้วน้ำลงลั่นโต๊ะ ดีที่ไม่มีซิสเตอร์หรือพวกอาจารย์มาเห็น ไม่เช่นนั้นหล่อนคงได้ไปนั่งคัดคำสำนึกผิดพันจบเป็นแน่
     
           "ฉันไม่ได้อยากหมั้น อยากเมิ่นกับไอ้หมอนั่นหรอก มันถึงยุคไหนกันแล้ว ไอ้การคลุมถุงชนบ้าๆนี่ มันยังไม่หายๆไปจากโลกนี้อีก" 
          
           "เธอเคยเห็นหน้าเขาหรือยังจ๊ะ รัตตี้" สาวน้อยผมเปียถามขึ้น 

           "อมรา ถ้ารัตตี้เคยเห็น เขาคงไม่พูดหรอกว่าเป็นการคลุมถุงชน แต่เดี๋ยวก็ได้เห็นแหละ อีกสองเดือนเขาก็จะมาดูตัวเธอนี่ ว่าแต่จริงหรือ ที่เขาจะมาหาถึงที่โรงเรียนน่ะ"

           "ลักษมี อมรา ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนฉันและได้ยืมเลคเชอร์วิชาคณิตทุกเวลาที่ต้องการล่ะก็ เลิกพูดถึงนายบ้าบอคอแตกคนนั้นเดี๋ยวนี้" ดวงตาสีมรกตของรตามณีดูจะเขียวปั้ดขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว เธอแสนรำคาญกับข่าวลือที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นตอว่าเขาคนนั้นจะมาดูตัวเธอถึงโรงเรียน

             วีธราซึ่งนั่งรับประทานอาหารติดกันแตะไหล่เพื่อนสาวเบาๆ
     
            "ซิสเตอร์มาโน่น ระวังหน่อย"
     
            รตามณีรีบกลับมารับประทานอาหารด้วยกริยา "แช่มช้อย" ดั่งเดิม

            ไม่นานระฆังเข้าเรียนบ่ายก็ดังขึ้น อีกสองชั่วโมงต่อมาระฆังบอกเวลาเข้าคาบการเรือนก็ดังกังวาน เด็กสาวสี่คนเพื่อนซี้วิ่งผ่านอาคารเรียนลงไปยังส่วนของเรือนครัวเพื่อเรียนวิชาทำอาหาร รตามณี วีธรา อมรา และลักษมีอยู่กลุ่มเดียวกัน

           "รตามณี เธอควรปรับปรุงการทำอาหารของเธอให้ดีกว่านี้ มิฉะนั้นสามีของเธอจะไม่พอใจ 80% ของผู้ชายที่นอกใจภรรยา เพราะเธอทำจปาตีรสเหมือนยางรองเท้า"
           อาจารย์สาวใหญ่เอ่ยตรงๆกับเด็กสาว ฝีมือทำอาหารของรตามณีเข้าขั้น "หายนะ" เลยทีเดียว ตรงข้ามกับวีธราที่ดูเหมือนจะค้นพบพรสวรรค์ของเธอเข้าจนได้

           "ตารา เธอไปเป็นเจ้าสาวแทนฉันเถอะ โอ๊ย พอที!"
     แป้งจปาตีที่ไม่ได้เรื่องทั้งส่วนผสม ความหนา และขนาดปลิวหวือลงบนโต๊ะเมื่อคนทำละมือเสียเฉยๆ ผลจากการกระทำนี้ วีธราต้องนั่งรอรูมเมทของเธอกลับจากคัดคำสำนึกผิดที่ห้องปกครอง1000จบ

           เป็นเวลาสองทุ่ม กว่ารตามณีจะเดินมือห้อยกลับมายังห้องพัก วีธราเปิดประตูรับรูมเมทด้วยสีหน้ากังวล นิ้วของเด็กสาวห้อเลือดแดงก่ำ และสั่นระริก
     
          "แช่มือลงในนี้สิ" วีธราจัดแจงผสมน้ำอุ่นลงอ่างเล็กๆวางบนโต๊ะให้เพื่อนรักแช่มือ รตามณีมองตอบอย่างซาบซึ้ง 

            จากคนแปลกหน้าเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้คือเพื่อนสนิทที่แสนกลมเกลียว
     
           ตอนที่วีธราแนะนำเธอให้พ่อแม่รู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของเธอ เธอถึงกับอึ้งๆ เพราะปกติจะได้รับการแนะนำแค่เป็นเพื่อน หรือเพื่อนสนิท แต่ถึงกับเป็น

            เพื่อนสนิทคนแรกนี่...ไม่เคยมีใครเรียกเธอเช่นนั้น

            ดูเหมือนวีธราเมื่อสองปีก่อนจะไม่ใช่วีธราคนปัจจุบันนี้เลย 
     แรกๆ วีธราแทบไม่พูดสักคำ ชนิดว่าถามคำตอบคำ ทั้งนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องภาษาแต่อย่างใด เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนซึ่งสอนเป็นภาษาอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา แต่เหมือนว่าวีธราจะมีความเป็นส่วนตัวสูง หรือไม่ก็เป็นคนไม่กล้าสุงสิงกับคนอื่น

           ในที่สุด รตามณีแหละเป็นฝ่ายทนไม่ได้กับความรู้สึกเหมือนอยู่ห้องเดียวกับคนใบ้  ...วันนึงก็เลยจัดการซักเสียว่าเหตุไฉนถึงได้มีระดับความต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์โลกต่ำนัก

            คำตอบที่ได้คือ

           "ต่อให้มีเพื่อนใหม่สักกี่คนกี่คน ไม่นานฉันก็ต้องย้ายไปที่อื่น แล้วเราก็จะลืมเลือนกันไป...ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันหรอก"

            วีธราระบายความในใจออกมา..เธอเคยผูกมิตรกับเพื่อนในหลายประเทศที่ไปอยู่ หากเมื่อมิตรภาพเริ่มงอกงามดี ก็ถึง"วาระโยกย้าย" ในเวลานั้นการติดต่อสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายทันสมัย เมื่อขาดการติดต่อ มิตรภาพก็คงจะหายไปตามกาลเวลา 
     
           แล้วจะมีเพื่อนมากๆไปทำไม??

           "ยัยโง่! ไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนเขาอยากเป็นเพื่อนเธอกันออกเยอะแยะ"
     
           วีธรามีสีหน้างุนงง ก็ตั้งแต่วันแรกน่ะแทบไม่มีใครมายุ่งกับเธอเลย
     
           "แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้เขาทำความรู้จักกับเธอเลย ขนาดฉันเป็นรูมเมทเธอแท้ๆ เธอยังไม่ใส่ใจจะพูดคุย โฮ่ย รู้หรอกน่าว่าลูกพวกทูตต้องย้ายตามพ่อแม่บ่อยๆ แต่ถ้าเธอมัวแต่คิดว่าจะมีเพื่อนไปทำไม ประเดี๋ยวก็ต้องจาก...เธอน่ะมีความสุขหรือจากความคิดแบบนั้น ฉันก็เคยมีเพื่อนที่เป็นลูกพวกทูตเหมือนกัน เขาย้ายไปแล้วแต่เราก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ ขอแค่มิตรภาพยังคงมี และเราสร้างมันไว้เหนียวแน่นพอ ต่อให้เธอเอามาพันโลกสักล้านรอบ เกลียวเชือกแห่งมิตรภาพมันก็ไม่ขาดง่ายๆหรอก ถ้าไม่มีใครเอาอะไรไปตัดทิ้ง"

             วีธราอึ้งไปนาน...ไม่ทันจะตอบกลับสาวน้อยผิวน้ำผึ้งเข้มก็ต่อขึ้นว่า

             "พรุ่งนี้ไปแนะนำตัวกันใหม่ มีชื่อเล่นไหม เรียกแต่วีธรา วีธรามาตลอด"
     
            "ชื่อเล่นฉันมีนะ...ตุ๊กตา"
         
             รตามณีทำตาโต แล้วขมวดคิ้วย่น
     
             "อะไรนะ! ตุ๊ต๋า??"  
     
              "ตุ๊กตา...ตุ๊กตา แปลว่า Doll ไง"
     
              "ตู๊...ต๋า ต้า" เพราะไม่เคยได้ยินคำเช่นนี้รตามณีถึงออกเสียงเพี้ยนไปไกลโข
     ทำเอาคนแนะนำชื่อใหม่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ยามแย้มมองเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ กับประกายตาใสที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน รตามณีทำหน้าเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาด วีธราจึงชะงักแล้วถาม

               "มีอะไรหรือเปล่า จ้องฉันเป๋งเชียว"
     
              "อือ...เหมือนฉันเห็นแสงดาววับๆมาจากเธอ ไม่ยักรู้ว่าตอนยิ้มตอนหัวเราะเธอเหมือนดาวรุ่งเลย...อา ฉันไม่เรียกเธอว่า ตู๊ ต๊า อะไรนั่นล่ะ ฉันจะเรียกเธอ

    ว่า...ตารา"
     
              "ตารา..."
     "ก้อ Star ดวงดาวไง แล้วก็ยิ้มอย่างนี้บ่อยๆ หัวเราะน่ารักๆ พูดกับคนอื่นได้เหมือนอย่างพูดกับฉัน รับรอง You can be our star เธอเป็นดาวเด่นของโรงเรียนแน่ เชื่อฉันซี่!!"
               หลังจากวันนั้นเธอจับวีธราเข้ากลุ่มเพื่อน ให้ทำกิจกรรมเธอก็เริ่มได้รู้จักคนมากขึ้น เริ่มมีเพื่อนมาก ด้วยอุปนิสัยที่น่าคบหาและมีเสน่ห์ทำให้เธอเป็นที่รักของ

                ทุกคนในเวลาไม่นาน โดยฝีมือเจ๊ดันคนเก่งที่ชื่อรตามณีคนนี้แล


               "เธอนี่เป็นคนดีจริงๆเลย ตารา" รตามณีเอ่ยเบาๆ ก่อนจะสาธยายความทุกข์เมื่อครู่ให้ฟัง
     
               "เหมือนลงนรกเลย แค่ไปนั่งคัด หนูจะไม่โยนจปาตีที่มีค่าลงแบบนั้นอีกแล้วค่ะ 1000 จบก็แทบตาย นี่ยัยมาลตียังมานั่งพล่ามๆๆๆๆไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ย้ำอยู่แต่ว่าฉันน่ะไร้คุณสมบัติแม่บ้านแม่เรือน ต้องปรับปรุงตัว ก่อนที่จะทำชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย แล้วจะพาลมาทำลายชื่อโรงเรียน และอาจเสียมาถึงครูวิชาคหกรรมซึ่งก็คือแกได้ แหม...ทีตัวเองเพียบพร้อมนักหนาแต่อยู่มาจนหัวหงอก ปล่อยตัวเองขึ้นคานแล้วพาลมาอิจฉาคนอื่นเขา เชิญเลย ยัยแร้งทึ้ง ฉันยอมยกนายทายาทธุรกิจบ้าบอนั่นให้ฟรีๆเลย"
     
             "เธอไม่ชอบเขาขนาดนั้นเลยหรือ รัตตี้ ไม่เห็นเธอเคยพูดถึงเขาดีๆเลย"

            "แหงล่ะ" สาวผิวน้ำผึ้งร้องเสียงแหลม "พนันได้เลยว่าหมอนั่นน่ะถ้าไม่ใช่พวกขี้หงอกลัวพ่อแม่ยอมไปทุดอย่าง ก็ต้องไร้สาระบ้าบอจนพ่อแม่ต้องจับแต่งงานก่อนส่งไปนอก เชื่อสิตารา...พอไปนอกกลับมา นายนั่นก็จะพาเมียตาน้ำข้าว หอบลูกสาวลูกชายหัวแดงหัวเหลืองกลับมาให้เมียแต่งที่บ้านอกแตก เมียที่ดีผัวเป็นไงก็ต้องทนใช่ไหม แต่ขอโทษนะ ฉันไม่ขอทนผู้ชายจำพวกนี้เด็ดขาด!"

             วีธราปิดปากหัวเราะคิก ก่อนจะเอ่ยเมื่อนึกอะไรได้
     
            "เอ้อ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกไหม นอกจากว่าบ้านเขามีบ้านใหญ่โตอย่างกับปราสาทราชวังน่ะ"
     
            "อือ...อายุแก่กว่าเราสักสามปีได้ ปีหน้าจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันถึงต้องไปแต่งกับเขาก่อนไปนอกไง แต่ไม่มีวันเสียล่ะ ฉันต้องหาทางล้มเลิกการหมั้นหมายกับแต่งงานบ้าบอนี้ให้ได้ จริงสิ!"

            สายตาของเธอเลื่อนลอยไปมา จนกระทั่งไปหยุดที่กรอบรูปบนหัวเตียงของวีธรา เป็นภาพครอบครัวของเธอ
     
            ทันใดนั้นรตามณีก็ลุกพรวดทำเอาอ่างน้ำแทบคว่ำลงจากตัก ดีที่คว้าไว้ทัน กระนั้นกระโปรงสีเทาที่สวมก็เปียกเป็นดวงใหญ่ หากเด็กสาวไม่สนใจ แต่กลับคว้ามือสองมือของวีธราขึ้นมา จับเหวี่ยงไปรอบๆจนเธอร้องลั่น
     
           "เป็นอะไรน่ะ รัตตี้! หยุดนะฉันเวียนหัว!"
       
            "ฉันคิดออกแล้ว! ฉันคิดออกแล้ว!"
      
            รตามณีหยุดจับวีธราเหวี่ยงไปมาแล้ว หากยังไม่หยุดยิ้มกว้าง เดินไปหยิบกรอบรูปเล็กๆนั้นส่งให้วีธรา

          "อะไรกันรัตตี้"
     
          "แผนรับรองคุณ 'ว่าที่อดีต' ว่าที่คู่หมั้นน่ะสิจ๊ะ" 
     
           รตามณีเริ่มเล่าแผนการล้มเลิกการหมั้นหมายซึ่งเธอคิดได้ให้วีธราฟัง วีธรานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะจะยอมร่วมมือ ทั้งยังช่วยคิดแผนการณ์ต่อไปอีก
     

            รุ่งเช้า เมื่อบอกแผนการให้ลักษมี และอมรารู้ ก็ได้แนวร่วมเพิ่มมาอีกสอง

    (ตอนต่อไปก็จะเป็น ก่อนเหมันต์ 2 นะคะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×