วิทยุของอาม่า - วิทยุของอาม่า นิยาย วิทยุของอาม่า : Dek-D.com - Writer

    วิทยุของอาม่า

    เรื่องจริงจากประสบการณ์จริง... พิสูจน์ไม่ได้... ไม่เชื่ออย่าลบหลู่...

    ผู้เข้าชมรวม

    2,433

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.43K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ค. 49 / 03:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      พรุ่งนี้ฉันต้องส่งงาน...
      แต่นี่ก็สองทุ่มแล้ว  ยังไม่ได้เริ่มเลย

      ได้แต่ปลงกับความผลัดวันประกันพรุ่งของตัวเอง
      มีเวลาตั้งมากมายไม่ยอมทำ  ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้
      แย่จริง ๆ ฉัน   แถมกินอิ่ม  ก็ง่วงนอน 

      พลังของข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม  กับฟักตุ๋นมะนาวดอง  ช่างมีพลังอย่างกับได้ยาสลบแน่ะ
      อยากเอาไม้จิ้มฟันถ่างตา  นี่เพิ่งหัวค่ำเอง
      สงสัยคืนนี้ไม่ได้นอนแน่ ๆ  

      แต่ว่า...  อยากเป็นสถาปนิกต้องอดทน
      'เปิดเพลงดัง ๆ ประทังชีพ'ละกันเรา
      แล้วฉันก็เปิดวิทยุโซนี่เครื่องโตมาก.....ก 
      ไม่ได้หมายความว่าเครื่องโตแล้วจะเสียงดังนะคะอย่าเข้าใจผิด
      สมัยนั้นแม้ว่ายังไม่มี  i-pod แต่ walkman ก็มีให้เห็นกลาดเกลื่อนแล้ว
      เทคโนโลยีมาถึงยุคที่เล็กเจ๋งกว่าใหญ่ไปแล้ว
      แต่ที่วิทยุของฉันทั้งใหญ่ทั้งหนักแบบว่าถ้าขโมยเข้าก็เอามันฟาดหัวมันสลบได้นั้น
      เพราะเป็นมรดกตกทอดของคุณย่า  รุ่นเดอะจริง ๆ   ไม่มีช่องใส่ซีดีหรอกนะคะ
      มีแต่ช่องใส่เทปคลาสเซ็ต  ไอ้เราก็งกจริง ๆ และแถมพ่วงดีกรี'ลูกแสนดี'เบอร์ห้าอีก
      คือไม่ขอเงินพ่อแม่ซื้อเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ ๆ ที่เพื่อน ๆ มีกัน
      ใช้มันไปตามมีตามเกิด  ของเหลือ ๆ ที่อยู่ที่บ้านนี่แหละ

      5555  ขนาดปุ่มกดยังไม่ได้เป็นระบบสัมผัสเลย  เป็นตุ่มเบ่อเริ่ม  (ใหญ่กว่านิ้ว  ถ้าเป็นของสมัยนี้มันต้องจิ๋วกว่านิ้วนี่นา) 
      แถมต้องกดจนยุบตัวลงไปมันถึงทำงานน่ะค่ะ

      ใส่เทปเพลงเข้าไป  เอาที่มันตื่น ๆ หน่อย
      MANIC STREET PREACHER ละกัน   (เค้ากำลังดังยุคนั้นค่ะ)
      กดตุ่ม เปิดเพลงเสร็จก็คลานขึ้นไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะดราฟ (สำหรับเขียนแบบ) หันหน้าเข้ากำแพงหันข้างและหันหลังให้หน้าต่าง
      (คือห้องทำงานชั้นล่างที่เรายึดมานี้จะมีหน้าต่างสองด้าน  ผนังทึบสองด้านค่ะ)
      ด้านนอกของหน้าต่างด้านข้างนั้นเป็นสวนแคบ ๆ ยาว ๆ ขนานไปกับถนนภายในบ้านที่ตรงมาจากประตูรั้วหน้าบ้าน
      มีบ่อน้ำเล็ก ๆ ไว้เลี้ยงปลาทองและปลูกไม้พุ่มขนาดกลางด้วย  มองออกไปจะเห็นเป็นเงาดำ ๆ ทะมึนดีแท้
      ปกติถ้าฉันต้องทำงานคนเดียวตอนกลางคืนจะเปิดไฟด้านนอกที่ถนนี้ด้วยและปิดม่าน  แต่คืนนั้นด้วยความที่ลืมปิด
      ทำให้เราปลายตาไปเห็นแม่บ้านเดินผ่านไปทางประตูหน้าบ้าน 
      วันนี้เธอใส่เสื้อสีขาว  ก็ไม่แปลกอะไรเพราะทุกคืน  เธอต้องออกไปเทขยะและลงกลอนประตูรั้วอยู่แล้ว

      บ้านฉันเป็นบ้านเดี่ยว  สองชั้น ละห้องทำงานนี้ก็อยู่ชั้นล่าง
      ตอนนี้ไฟที่ถนนเปิดอยู่  แต่ไฟในบ้านนอกห้องนี้ดับแล้ว
      พ่อแม่และน้องชายขึ้นไปนอนกันหมด
      เป็นสัญญลักษณ์ว่า  ค่ำคืนนี้  ฉันต้องใช้ชีวิตสาวน้อยจอมถึกอย่างเดียวดายในห้องนี้

      ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
      แล้วฉันก็ปลายตาไปเห็นแม่บ้านเดินผ่านไปอีก

      เดินไปทางทิศเดิม
      ...
      ?
      งง
      อะไรกันเนี่ย  เธอควรจะเดินกลับเข้ามา  ไม่ใช่เดินออกไปทางหน้าบ้านนี่นา
      คราวนี้ฉันเลยเงยหน้าวับมองตาม
      ฉันยังเห็นเงาคนเสื้อขาว  เดินต่อไป  ตาไม่ได้ฝาดนี่นา

      ฉันเลยเดินออกไปจากห้องทันที  แล้วเปิดประตูบ้านออกไปดูที่ประตูรั้วว่าใครเดินออกไปหน้าบ้านถึงสองคน
      แต่...  ไม่มีสักคน !!!
      ประตูรั้วปิด   คนนั้นเดินหายไปไหน
      ฉันเดินไปหลังบ้าน  เรียกหาแม่บ้าน  เธอออกมาจากบ้านหลังเล็ก ๆ ของเธอเอง
      มีเด็กช่วยงานอีกคนก็อยู่ด้วย
      อ้าว...  อยู่นี่กันหมดเหรอ  แล้วใครเดินออกไปหน้าบ้านล่ะ
      ฉันยังสงสัย  เลยเดินไปตรวจดูปรากฎว่าคล้องโซ่ใส่แม่กุญแจไว้แล้วด้วย
      ฉันขนลุกขนชันขึ้นมา  ไม่สิ  ต้องพูดว่า  ผมลุกขนชันทีเดียว

      แต่...
      ไม่มีอะไรหรอก  (มั๊ง)
      ยกมือไหว้เจ้าที่แล้วกลับเข้ามาทำงานต่อ...
      เปิดไฟเพิ่มอีกสามดวง  เปิดเพลงดังขึ้นอีกสี่เท่า...

      เวลาผ่านไป 
      ตีหนึ่งแล้วเหรอเนี่ย  เพลงเงียบหายไปแล้ว  จบม้วนแล้วล่ะสิ
      ฉันขยันเพลินจนลืมเพลงเลยเหรอเนี่ย...  เดี๋ยวหลับไปไม่รู้ตัว
      ไม่ได้การล่ะ  (ฉันทำราวกับเพลงเป็นยาบ้า  ถ้าไม่ได้เสพนี่ทำงานไม่ได้  ไม่มีแรง)
      ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจแล้วรีบเปลี่ยนม้วนเทป
      กดตุ่มสั่ง play แล้วกลับขึ้นไปทำงานต่อ
      ...
      เงียบ
      ...
      เอตั้งนานแล้วเพลงก็ยังไม่ดัง
      ปกติ  ถ้ามันหมุนผ่านช่วงหัวเทปไปแล้ว  ก็น่าจะมีเสียงแล้วนี่นา
      ฉันเลยลุกไปดูเจ้าแก่ยักษ์มันสงสัยจะมีปัญหา
      เอ...  ฉันดูไปทีละประเด็น
      ปลั๊กเสียบอยู่ดี  ไม่หลุด
      เลื่อนตามาดูตุ่มยักษ์อีกอันเป็นคันโยกที่เลื่อนไปมาระหว่าง on-off ใกล้ ๆ กับสายไฟที่เสียบปลั๊ก   มันเลื่อนไปตรงกับคำว่า on
      ไฟแดงขึ้นที่คำว่า on  ซึ่งอยู่ตรงกับตุ่มนี้ เป็นอันว่าไฟเข้า

      Play อยู่แน่ ๆ   เพราะตุ่มใหญ่ยุบลงไปเห็นได้ชัดเจน  ไฟเขียวขึ้นตรงกับตุ่มหมายถึงกำลัง play อยู่  แถมเทปก็หมุนอยู่ด้วย
      อ้าว  งั้นเปลี่ยนเทป...  ฉันเปลี่ยนไปสองสามม้วนด้วยความอุตสาหะ  ผลยังเงียบเหมือนเดิม

      เย้...  ได้ของใหม่แล้วโว้ย 55555555
      (สมัยนี้  ค่าซ่อมนั้นแพงกว่าซื้อใหม่  ในยุคการค้าเสรี  ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นทำออกมาเหมือนกำหนดให้อายุการใช้งานสั้น 
      ค่าซ่อมแพง  คนย่อมซื้อใหม่กันอย่างเป็นธรรมดา  ใครจะมาผลิตเครื่องที่ทนอย่างเจ้าแก่เครื่องนี้กัน  บริษัทนั้นก็เจ๊งบ๊งกันพอดี
      อีกอย่างอะไหล่รุ่นนี้คงเข้าพิพิธภัณฑ์ไปหมดแล้วมั๊ง)

      แย่หน่อยตรงที่ฉันต้องผ่านค่ำคืนนี้ไปอย่างเงียบเหงา...
      เอาเหอะ...  ฉันกด stop แล้วถอดปลั๊กออก  แล้วกลับไปนั่งทำงานต่อ

      ตีสาม...
      ง่วงเหลือทน  ตาจะปิดอยู่แล้ว
      ...
      ...
      ...
      อยู่ ๆ ได้ยินเสียงแช๊ค  เหมือนใครมากดตุ่มเครื่องเล่นเทป
      แล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาอย่างกับเนรมิต
      ฉันสะดุ้งตกใจขึ้นมาทีเดียว...

      อ้าว...  ไอ้แก่กลับใจ 
      ว๊า  งี้ก็อดได้ของใหม่ดิ

      อ้าวก็ดี...ประหยัด...  มีเพลงแล้ว  สู้ ๆ ทำงานต่อดีกว่า...
      กำลังจะก้มหน้าทำงานต่อ...
      เดี๋ยวก่อน
      ...เงยหน้าควับ... :shock:

      ฉันรู้สึกว่า...
      มันแปลก ๆ นะ...

      ฉันว่าฉันถอดปลั๊กออกนี่หว่า
      ฉันหันกลับไปมองมันอีกที... 
      เฮ้ย...  มันถอดปลั๊กอยู่จริง ๆ ด้วย

      ฉันรีบเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ท่ามกลางเสียงเพลงดังสนั่น
      ปลั๊กถอดอยู่  ปุ่มโยกเลื่อนไปตรงกับคำว่า on  ไฟแดงขึ้นเหมือนมีไฟฟ้าเข้า
      ตุ่ม play ยุบลงไป  และมีไฟสีเขียวขึ้นด้วย  เทปหมุนเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเลย
      ฉันลองกดปุ่ม stop มันก็หยุดเล่น


      บางทีมันอาจมีถ่านอยู่ก็ได้  ฉันรีบเปิดตรงข้างหลังที่ใส่ถ่าน 
      ไม่มี...
      รางใส่ถ่านไฟฉายโล่งโจ่ง
      เฮ้ย...

      ผีหลอก

      ฉันยืนอึ้งไปนานแค่ไหนจำไม่ได้
      รู้แต่ว่า  พอรู้สึกตัวฉันก็ปิดไฟเดินขึ้นห้องนอน

      ฉันนอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ
      สุดท้ายฉันเลยทนไม่ไหว  ไปเคาะประตูห้องพ่อแม่
      พ่อกับแม่มองหน้ากัน
      แล้วพ่อก็พูดประโยคที่ทำให้เรารู้สึกดีจริง ๆ
      เอ  นึกว่าทำบุญบ้านแล้วจะดีขึ้นซะอีก

      รู้สึกดีจริง ๆ
      ที่ไม่ได้เจออยู่คนเดียว...


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×