คำสัญญา...ในวันที่รอคอย
บางครั้ง..คำสัญญา..ที่เคยให้ไว้กับใครคนหนึ่ง..แม้วันเวลาจะผ่านล่วงเลย..แต่..คำมั่นนั้นจะคงอยู่ในใจของพวกเขาตลอดไป...
ผู้เข้าชมรวม
286
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ยามเช้าของฤดูหนาว แสงแดดทอบางๆ และหมอกจางๆ ปกคลุมไปทั่วเขาทั้งลูก บ้านเล็กๆ หลังหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ช่างดูปล่าวเปี่ยวยิ่งนัก เช่นเดียวกับชายชราที่เฝ้ารอคนรักที่จากไปนับ 50 ปี เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่ไม่ไร้ซึ่งความหวัง ว่าซักวันเธอจะกลับมาตามคำสัญญาที่เคยมีไว้ให้กัน และวันนี้ทะเลหมอกช่างงดงามเหลือเกิน ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเหมือนเป็นการต้อนรับการกลับมาของใครคนหนึ่ง
ที่รอคอยมาแสนนาน.... ชายชรายังคงทำเช่นทุกๆวัน นั่นคือ ปลูกและดูแลดอกไม้ ทำความสะอาดชิงช้า ที่บัดนี้กลายเป็นไม้แผ่นเก่าๆ ที่มีอักษรบางอย่างสลักอยู่ เขามักมานั่งที่นี่ หวนนึกถึงวันวานที่ผ่านมาของเขาและเธอ และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน....
“เจ้าชายเล็ก..”เสียงเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ
“เจ้าหญิงน้อย”เสียงเล็กๆของเด็กชายขานรับเสียงเรียกนั้นด้วยความดีใจ
“มาถึงนานแล้วหรอจ๊ะ ไหนบอกว่ามีอะไรจะให้ดู”
“มานี่ซิ ฉันจะพาเธอไป”มือเล็กๆสัมผัสอย่างนุ่มนวลบนมือของเด็กหญิง และจูงมือเธอไป
ยอดเขาเล็กๆ ปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียวขจี และดอกไม้เล็กๆแผ่ผลิบานไปทั่ว ทั้งสีขาว ชมพู แดง เหลือง และฟ้า ทำให้ที่นี่มองดูเหมือนสะพานสายรุ้งที่สามารถเดินข้ามได้
“ถ้าเรามองจากตรงนี้ เราก็จะเห็นเมืองได้ทั้งเมืองเลย เราจะเห็นทะเลหมอกในทุกๆเช้าของทุกวัน เราจะมีสะพานสายรุ้งนี้อยู่หน้าบ้าน”
“บ้านหรอ”เสียงเด็กหญิงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ อีกหน่อยพอเราโตขึ้น เราก็จะสร้างวังเล็กๆของเราไว้ที่นี่ เราจะมีลานดอกไม้รอบๆบ้านด้วย”
“ว้า!!! แล้วเมื่อไรเราถึงจะโตกันล่ะ คงอีกนานแน่ๆเลย อยากโตไวๆจัง”
“อีกไม่นานเกินรอหรอก เจ้าหญิงน้อย”เสียงเด็กชายบอกอย่างมั่นใจ
“จ้า งั้นวันนี้เรามาปลูกต้นไม้กันนะ พอถึงวันนั้น เราก็จะผูกชิงช้าไว้ที่ใต้ต้นนี้”
“อืม”
นับจากวันนั้น ต้นไม้ก็ค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ วัยของเด็กชายและเด็กหญิงในเวลานี้ ก็เติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงที่สวยงาม และเด็กชายที่หล่อเหลา วันเวลาไม่ได้ทำให้ความรักของคนทั้งคู่ลดลงแม้แต่น้อย มีแต่เพิ่มขึ้นทุกๆวัน จนไม่สามารถพรากเขาทั้งคู่ออกจากกันได้อีกแล้ว แม้แต่...
“เจ้าชายเล็กดูซิ ต้นไม้โตเร็วจัง เจ้าชายเล็ก...”สาวน้อยมองหาชายหนุ่มที่ร้องเรียก ครั้นเวลานี้ เขาหายไป..
“เจ้าชายเล็ก อยู่ที่ไหน เจ้าชาย..”
“ทางนี้ไง เจ้าหญิงน้อย”มือเล็กๆ บัดนี้กลายเป็นมือที่อบอุ่นมาปิดตาหญิงสาวจากด้านหลัง
“เจ้าชายเล็ก ไปไหนมาทำไมถึงทิ้งฉันไว้คนเดียว”
“ปล่าวซะหน่อย ไม่ได้ทิ้งไปไหน แค่ไปเอาของมา”
“แล้วของอะไรล่ะ ที่ทำให้เจ้าชายเล็กทิ้งฉันไว้คนเดียว”
“นี่ไง มงกุฎคำสัญญา เป็นของมั่นแทนคำสัญญาของฉันที่มีต่อเจ้าหญิงน้อยนะ”ชายหนุ่มสวมมงกุฎดอกไม้ ที่ถูกร้อยขึ้นอย่างงดงามด้วยดอกไม้นานาชนิด และบรรจงสวมลงเบาๆบนศีรษะของหญิงสาวอย่างนุ่มนวล
“สวยจังเลย ฉันก็มีของจะให้เจ้าชายเล็กเหมือนกัน”หญิงสาวหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าของเธอ
“นี่เป็นสร้อยคู่ อันหนึ่งอยู่ที่ฉันเป็นร็อกเก็ตรูปแม่กุญแจ ข้างในมีของบางอย่างอยู่ ไว้ถึงวันนั้น...เราจะมาเปิดดูมันด้วยกันนะ ส่วนอีกอันฉันให้เธอเป็นรูปกุญแจ ทั้ง 2อันเป็นคู่ของกันและกัน มีคู่เดียวบนโลก” เวลาเพียงไม่กี่นาที ที่เขาสวมใส่ให้กันและกันนั้น ช่างเป็นเวลาที่แสนหวานและแสนสุขจริงๆ
“เจ้าชายเล็ก ฉันมีบางอย่างจะบอก พรุ่งนี้ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนะ....ตามพ่อแม่ของฉัน”เสียงของหญิงสาวสลดลง ซึ่งไม่ต่างจากใจของผู้ฟังเมื่อได้ยิน เหมือนใจจะสลาย ละลายอยู่ตรงนั้น...
“หา...เจ้าหญิงน้อยต้องไปจริงๆหรอ แล้วจะไปนานแค่ไหน เมื่อไรถึงจะกลับ..แล้ว”คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่ง..
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะกลับมาอีกเมื่อไร แล้วเมื่อไรถึงจะได้กลับ...”
“แต่ฉันจะไม่ลืมเจ้าชายเล็กหรอก ฉันจะรักเจ้าชายเล็กตลอดไป ฉันสัญญา ฉันจะกลับมาที่นี่อีก แต่ก็ไม่รู้เมื่อไรแต่ฉันต้องกลับมาแน่ ก็เราสัญญากันไว้แล้วนี่ ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน เราจะมีวังเล็กๆด้วยกันที่นี่ จำไม่ได้หรอ..”หญิงสาวพยายามทำตัวให้ร่าเริง...
“จริงๆนะ ต้องกลับมาจริงนะ ฉันจะรออยู่ที่นี่ จะรอจนกว่าเจ้าหญิงน้อยจะกลับมา ฉันเองก็จะไม่ลืมเจ้าหญิงน้อย แล้วก็จะรักเจ้าหญิงน้อยตลอดไป”น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูมีชีวิตชีวาขึ้น
“เราจะมาเปิดดูสร้อยด้วยกันนะ” หนุ่ม/สาว พูดพร้อมกัน น้ำตาแห่งความอาลัยรักก็ไหลพรากอย่างไม่เป็นสาย เมื่อนึกถึงวันที่ต้องจากลา อ้อมกอดอบอุ่นของกันและกันที่จะต้องจดจำตลอดไป จนกว่าจะถึงวันที่...ได้พบกันอีกครั้ง..
ก่อนจากกัน พวกเค้าต่างก็ใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด เพื่อมีความสุขให้มากที่สุด เขาช่วยกันทำชิงช้าเล็กๆสำหรับนั่ง 2 คน ไว้ใต้ต้นไม้แห่งรักนั้น แผ่นไม้ถูกสลักเป็นรูปหัวใจที่มีชื่อของเขาทั้ง 2 อยู่ ....เขานั่งมองพระอาทิตย์ตกด้วยกันเป็นวันสุดท้าย เสมือนว่าจะจดจำทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มากที่สุดก่อนที่จะต้อง...จากกันไปนานแสนนาน..และไม่รู้ว่า...อีกเมื่อไร...จะได้พบกันอีก เช่นเดียวกับวันนี้ วันที่ชายชรานั่งมองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไป บนชิงช้าเก่าๆตัวเดียวกับที่เคยนั่งในครั้งนั้นกับคนรัก.... เขายังจำภาพวันนั้นได้ดี วันที่เธอ เจ้าหญิงน้อยต้องเดินทาง เขาไม่กล้าที่จะไปส่งเธอแต่เขาก็ทำไม่ได้ เขาหลบอยู่หลังกำแพงของบ้านหลังหนึ่งใกล้ๆกับบ้านของเธอ เขาแอบมองเธอ และเธอเองก็คงรอใครคนหนึ่งที่สำคัญ....แต่เขาก็ไม่มา จนกระทั่ง ถึงเวลาที่เธอต้องออกเดินทาง รถกำลังแล่นออกไปอย่างช้าๆ
“เจ้าหญิงน้อย ๆๆๆ ๆๆ”เสียงหนึ่งตะโกนตามหลังมาอย่างบ้าครั่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามรถที่พึ่งแล่นออกมา ปากก็ไม่หยุดที่จะร้องเรียกหญิงสาว
“เจ้าชายเล็ก ๆๆๆ เธอมาส่งฉันจริงๆด้วย ฉันดีใจมากเลย...ฮือ..ฮ...”หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อเห็นเขาจากกระจกรถ เขาและเธอต่างตะโกนพูดกัน ในขณะที่รถก็เริ่มวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“เธอต้องกลับมานะ สัญญานะว่าต้องกลับมา ฉันจะรอเธอ..”ชายหนุ่มเพิ่มความเร็วตามความเร็วของรถ พลางร้องไห้ไปด้วย น้ำตาที่แสนมีค่าของชายคนหนึ่งที่ในเวลานี้ แทบจะมีให้ไหลออกมาอีกแล้ว
“จ๊ะ ฉันสัญญา ฉันจะต้องกลับมา เธอรอฉันก่อนนะ”หญิงสาวตอบกลับมา น้ำตาแห่งการจากลา มันช่างเจ็บปวดจริงๆ
“ฉันรักเธอ และจะรักตลอดไป ฮือ...ฮ”สิ้นสุดของแรงกาย เขาหยุดวิ่ง..เพราะไม่มีแรงที่จะวิ่งอีกต่อไป เขาทรุดตัวลงตรงนั้นและร้องไห้..... เขาไม่รู้ว่าเธอจะทันได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขาหรือเปล่า...แต่นี่คือภาพความทรงจำในวันสุดท้ายของเขาและเธอ และคืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่เขาจะคิดถึงเธอ ก่อนจะหลับตา..และพักผ่อน เพื่อตื่นในวันรุ่งขึ้น วันแห่งความหวัง...
ทะเลหมอกยามเช้ายังคงสวยงามเหมือนในทุกๆวัน เพียงแต่วันนี้มีสายรุ้งแสนสวยพาดผ่านขอบฟ้าให้เขาได้มอง....
“สวัสดีค่ะ หนูมาซื้อดอกไม้ค่ะ ได้ยินว่าที่นี่ดอกไม้สวยมาก”เสียงใสๆของหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ทำให้ชายชราหลุดจากพวังค์แห่งขอบฟ้า...เธอช่างเหมือนใครคนหนึ่งที่เค้าคุ้นเคยและรอคอยมาทั้งชีวิต...
“มีอะไรหรือค่ะ คุณลุง ทำไมจ้องหน้าหนูขนาดนั้น หรือว่าใบหน้าของหนูมีอะไร..”หญิงสาวจับคลำใบหน้าตัวเองอย่างไม่มั่นใจ
“เปล่าหรอก ฉันแค่มองหนูเพราะหนูหน้าเหมือนคนที่ฉันรู้จักคนหนึ่ง”ชายชราตอบพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอ
“แล้วหนูอยากได้ต้นอะไรล่ะ”ชายชราก้มหน้าก้มตาไปทางสวนดอกไม้อีกครั้ง
“ต้นคำมั่นสัญญา”เสียงสั่นเทาของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกินไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร แต่เสียงนี้ก็ยังดังก้องอยู่ในหูของชายชรามาตลอด 50 ปี เขาเหลียวกลับมาช้าๆ และเค้าก็พบว่าสิ่งที่เค้ารอคอยมานานแสนนาน รอคอยมาทั้งชีวิต และรอคอยด้วยความหวัง บัดนี้ได้มาปรากฏต่อหน้าเขาแล้ว...
“แม่ค่ะ ลงมาทำไมค่ะ ชายเล็ก พาแม่ลงมาทำไม ที่นี่หมอกหนาเดี๋ยวแม่ก็ไม่สบายหรอก”หญิงสาวตำหนิน้องชายที่พาหญิงชราลงมา
“หญิงน้อย แม่อยากลงมาเอง ปล่อยแม่ไว้ที่นี่ แม่จะมาพบเพื่อนเก่า”หญิงชราบอกเบาๆ สภาพของเธอในตอนนี้ช่างน่าสงสาร เธอนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เธอดูโทรมไปมาก แต่บางอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง..
นั่นคือ ดวงตา สายตาแห่งความรัก ความคิดถึง ยังคงเต็มเปี่ยมพร้อมที่จะล้นออกมากับสายธารน้ำตา...
“คุณลุงเป็นเพื่อนคุณแม่หรอค่ะ แล้วใครกันค่ะ ที่คุณแม่เล่าให้ฟังว่าเป็นคนรักของคุณแม่”
“เจ้าหญิงน้อย เธอคือเจ้าหญิงน้อยจริงๆด้วย ฮือ..ฮ เธอมาหาฉันแล้ว”
“เจ้าชายเล็ก ฮือ..ฮ...เธอยังรอฉันอยู่จริงๆด้วย”ความคิดถึงและการรอคอยวันพบกัน... อ้อมกอดอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมาแสนนานได้กลับมาหล่อเลี้ยงหัวใจที่เหี่ยวเฉาของพวกเขาอีกครั้ง
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ ที่แท้คนรักที่คุณแม่พูดถึงก็คือคุณลุง ถ้าอย่างนั้น หนูออกไปรอข้างนอกนะค่ะ”หญิงสาวเดินจากไป เหลือไว้แต่หญิงชรากับชายชรา ที่เวลานี้ความรู้สึกอัดอั้นไม่รู้จะเริ่มอย่างไร มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่สมานแผลของพวกเขาได้ในเวลานี้ ชายชราลากรถเข็ญของหญิงชราไปที่ชิงช้า ประคองตัวเธออย่างนุ่มนวลให้นั่งลงบนนั้น และเขาก็นั่งลงข้างๆเธอ...
“เจ้าหญิงน้อยหลังจากวันนั้น เธอไปไหน เธอเป็นอย่างไรบ้าง”ชายชราเป็นฝ่ายเริ่มต้นคำถาม
“ในเวลานั้น ทุกๆวันฉันเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้จนตาบวม แล้วมันก็เริ่มอักเสบ สุดท้ายฉันก็มองไม่เห็น พ่อกับแม่ต้องไปขอยืมเงินคนอื่น เพื่อมาผ่าตัดตาของฉัน ฉันได้รับบริจาคดวงตาใหม่ทำให้ฉันมองเห็นอย่างทุกวันนี้ แต่ถ้าฉันรู้ว่า การมองเห็นอีกครั้งจะต้องแรกด้วยตัวฉัน ด้วยอิสรภาพ ฉันขอไม่เห็นดีกว่า ฉันจำเป็นต้องแต่งงาน แต่ฉันก็ไม่เคยมีความสุข คุณชาติเค้าก็เข้าใจ และรู้ว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักเค้าเลย แต่เค้าก็ยังดีกับฉันมาตลอด เค้าช่วยเหลือฉัน เค้าบอกว่าถ้าฉันอยู่กับเค้า มีหลานให้คุณพ่อ คุณแม่เค้าอุ้ม ต่อจากนั้นฉันจะเป็นอิสระ เค้าจะอย่าให้ฉันทันที ..”ลมหนาวพัดผ่าน ชายชราถอดผ้าพัดคอ ที่ครั้งหนึ่งเธอเป็นเคยถักให้เค้า เค้ายังคงรักษามันไว้อย่างดี และตอนนี้เค้าก็ใส่มันให้เธอ และตั้งใจฟังเธอเล่าต่อไป..
“แล้วหลังจากนั้น เธอก็...”
“เค้าให้เวลาฉันคิดหลายวัน ฉันคิดแล้วว่า ทางเดียวที่ฉันจะได้กลับมาที่นี่ นั่นก็คือ ฉันจะต้องมีหลานให้พวกเค้า หลังจากนั้นฉันก็มีลูกสาว ฉันคิดถึงเจ้าชายเล็กมาก ฉันเลยตั้งชื่อลูกว่า หญิงน้อย ทีแรกฉันก็นึกว่าฉันจะเป็นอิสระ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักลูกนะ คุณชาติบอกว่า ถ้าอย่ากันทางบ้านเค้าจะขอเป็นฝ่ายเลี้ยงดูหลานเอง แต่ยังไม่เท่านั้น พวกเค้าก็ยังไม่พอใจ เค้าเป็นตระกูลคนจีน เค้าอยากได้หลานชาย ฉันกลัวมาก กลัวว่าจะไม่ได้ลูกชาย ฉันไปขอตามศาลต่างๆ ว่าให้ได้ลูกชาย และได้พบเธออีกครั้ง ได้อยู่ด้วยกัน...”น้ำตาแห่งความบอบช้ำของหญิงชราไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อนึกถึงอดีต
“แล้วฉันก็ได้ลูกผู้ชายจริงๆ ฉันดูแลแกจนโตพอ ที่จะอย่านม หัวอกคนเป็นแม่ก็ต้องมีความผูกพันกับลูกเป็นธรรมดา ฉันก็นึกสงสารพวกแกถ้าพ่อแม่ต้องอย่ากัน คุณชาติเค้าสงสารฉัน เค้าบอกว่าฉันอยู่ไปก็ไม่มีความสุข ให้ไปตอนพวกแกยังเด็ก วันนั้นเค้าพาฉันไปเซ็นต์ใบอย่า หลังจากที่เราเซ็นต์อย่ากันแล้ว เค้ากำลังจะไปส่งฉันที่ท่ารถ ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ตำรวจบอกว่ารถคันนี้เป็นพวกลักลอบขนยาเสพติด แล้วหนีด่านตำรวจมา ทำให้มันพุ่งชนรถของเรา ในเวลานั้นคุณชาติเห็นเหตุการณ์ก่อน เค้ารู้ิว่าต้องหนีไม่ทัน เค้าเลยใช้ตัวเค้ากอดบังฉันไว้ สุดท้ายเค้าก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ..แทนฉัน ฉันรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าฉันเป็นอัมพาตช่วงล่าง ตอนนั้นฉันตกใจแทบสิ้นลม ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้มาพบเธออีก เพราะฉันพิการ และฉันก็ไม่อยากเป็นภาระของเธอ ฉันเลยคิดจะลืมเธอ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ในหัวของฉันมีแต่ภาพของเธอ แม้แต่ในความฝันฉันก็ยัง...เห็นเธอ”
“เจ้าหญิงน้อยใจร้าย ทำไมถึงคิดจะลืมกัน ฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะลืมเธอเลยแม้เสี้ยววินาที ฉันดูแลทุกอย่างที่นี่ให้เหมือนวันแรกๆที่เรามา ฉันเริ่มปลูกบ้านของเรา เพื่อรอวันที่เธอกลับมา และอยู่ด้วยกัน....แล้วทำไมวันนี้เธอถึงกลับมา”
“เพราะฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้าชายเล็ก... ฉันเริ่มเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟัง เมื่อพวกเค้าโตพอที่จะรับเรื่องนี้ได้ พวกเค้าเป็นกำลังใจให้ฉัน เค้าบอกฉันว่าให้ฉันมาตามหาเธอ ตามหาหัวใจที่อยู่แสนไกล หลังจากนั้นฉันก็เริ่มฝึกกาย ภาพบำบัตเพื่อให้เดินได้ จะได้มาตามหาเธอ แต่ฉันก็ยังเดินไม่ได้...”เสียงของหญิงชราสั่นเครือและสลดลงอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ต่อไปนี้ฉันจะดูแลเจ้าหญิงน้อยเอง ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จะไม่มีอะไรมาพรากเราได้ แม้แต่...ความตาย เจ้าหญิงน้อยพร้อมจะอยู่กับเจ้าชายเล็กหรือเปล่า เราจะมีความสุขให้มากที่สุดในโลก เพราะเรามีวังเล็กๆที่แสนอบอุ่น มีสะพานสายรุ้งให้เดินข้ามทุกวัน มีทะเลหมอกหน้าบ้าน แล้วเราก็มีลานบ้านเป็นดอกไม้ ในทุกๆเย็นเราจะมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยกัน... เหมือนที่เราจินตนาการไว้..”ชายชราเอ่ยขึ้นเหมือนครั้งยังเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ดวงตาฉายแววซุกซน แต่เปี่ยมไปด้วยพลัง....
“อืม..ก็เจ้าหญิงน้อยเกิดมาเป็นคู่ของเจ้าชายเล็ก แม้เราจะมีเวลาที่เหลืออีกไม่มากแต่เราก็จะมีความสุขให้มากที่สุด เจ้าชายเล็กจำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งเราเคยบอกว่า เมื่อถึงวันนั้น วันที่เราได้อยู่ด้วยกัน เราจะเปิดสร้อยคอนี้ด้วยกัน”ชายชราค่อยๆหยิบสร้อยคอออกมาอย่างทะนุถนอม และบรรจงไขเปิดร็อคเก็ตแม่กุญแจของเจ้าหญิงน้อย
“แครก....”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”ชายชราเอ่ยขึ้นเมื่อมองไม่เห็นอะไรในนั้นนอกจากความว่างเปล่า
“มันอยู่นี่ต่างหาก ตรงนี้ ในมือของฉัน แบมือสิ”หญิงชรากำมือและวางสิ่งนั้นลงบนฝ่ามือของชายชรา
“ก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่ดี”ชายชราตกใจอีกครั้งเมื่อมองไม่เห็น
“สิ่งนี้มองไม่เห็นหรอกนะ เพราะมันสัมผัสได้ด้วยใจ มันคือความคิดถึง ความรัก และชีวิตของเจ้าหญิงน้อยที่จะมอบให้เจ้าชายเล็ก...ตลอดไป”
“ฉันก็มีสิ่งหนึ่งจะให้เจ้าหญิงน้อยเหมือนกัน แบมือซิ”
“มันคืออะไรหรอ..”หญิงชราถามด้วยความสงสัย
“มันคือหัวใจกับชีวิตของเจ้าชายเล็ก ที่จะให้เจ้าหญิงน้อยตลอดไป”
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของชายและหญิงชรากลับมาอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งกลับเป็นวัยเด็ก มรสุมของชีวิต ลูกแล้วลูกเล่าที่พัดผ่านเข้ามาให้เจอ รวมเป็นหลากหลายเรื่องราวของชีวิตให้ได้ชิม แต่ทั้งหมดนี้ก็เปรียบเสมือนกำแพงทดสอบความอดทน ความมั่นคง ให้ก้าวต่อไปจนวันสุดท้าย... ต้องขอบคุณพระเจ้าที่สร้างให้เรารู้จักความรัก และ..ถ้ายังไม่ตาย อย่าพึ่งหมดหวัง ยังมีเรื่องดีๆรออยู่ข้างหน้า...ให้เราได้พบต่อไป เช่นเดียวกับกับชายชราและหญิงชราคู่นี้....รักกันตราบเท่านิรันดร์....
ผลงานอื่นๆ ของ Reefern ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Reefern
ความคิดเห็น