ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห่างไฟแค่หนึ่งมิน :)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 :เป็นคนร้ายๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.94K
      515
      24 ธ.ค. 64

    Chapter 3

    เป็นคนร้ายๆ

     

    ผ่านมาแล้วสามวันนับตั้งแต่ผมไปกินข้าวบ้านพี่เพลิง  หลังจากนั้นผมก็ไม่เจอพี่เขาอีกเลย พี่เขาไปดูไซต์งานโครงการล่าสุดที่เชียงใหม่นู้น ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ 

    ทั้งๆที่ตัวเองทำงานตำแหน่งผู้บริหารนั่งโต๊ะแท้ๆ ยังจะต้องไปลงพื้นที่ดูหน้างานด้วยตัวเองอีก แต่ผมก็เข้าใจพี่เขาแหละ พี่เพลิงน่ะ ละเอียดและตั้งใจทำงานมากๆ ทำทุกอย่าง ทุกหน้าที่ ต้องสมบูรณ์แบบและสำเร็จ

     ต่างจากไอ้ลมเพื่อนผมที่ว่างงานตลอด ว่างมากๆ เหมือนไม่มีงานมีการทำ

    แต่เอ๊ะ? ผมเคยบอกไปหรือยังว่าธุรกิจที่บ้านพี่เพลิงคือเปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัทพี่เขาติดอันดับต้นๆที่เป็นบริษัทที่ใหญ่ในประเทศไทย มีต่างชาติมาร่วมลงทุนไม่รู้เท่าไหร่ แถมยังมีแต่รายใหญ่ทั้งนั้นเลยด้วยที่ร่วมงานกับพี่เขา

    ตั้งแต่ผมรู้จักพี่เพลิงมา ผมก็เห็นพี่เขาออกตรวจไซต์งานบ่อยมาก ไปนู้น ไปนี่ ไม่อยู่ติดที่ เห็นเป็นช่วงๆเท่านั้นที่นั่งติดโต๊ะทำงานจริงๆ 

    นี่ก็ลำบากคนแอบชอบแบบผมที่นานๆครั้งจะได้เจอพี่เขา แค่คิดก็เศร้า แต่เศร้าไม่มากหรอกครับ เพราะทุกครั้งที่เจอผมก็อิ่มใจ เก็บรวบรวมบรรยากาศและทุกอย่างให้ได้มากทุกครั้ง

     ครืด... ครืด...

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นดู เบอร์ที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ‘ไอ้ลม’ เพื่อนสนิทที่ชีวิตนี้ผมคงคบมันเป็นเพื่อนอยู่แค่คนเดียวนั้นแหละ

    หมดผลประโยชน์แล้วเดี๋ยวผมก็ทิ้งมัน 

    หยอกๆนะครับ

     “ว่า”

     [ไปไซต์งานกับกูไหม]

     “ไปทำไม”

     [ไปหาพี่ไฟไง]

     “เชียงใหม่?” ผมเอ่ยอย่างประหลาดใจ คือมึงจะชวนกูไปหาพี่มึงถึงเชียงใหม่เลยหรอ ก็โอเคอยู่นะผมจะได้กลับบ้านต่างจังหวัดเลย

     [กลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ไซต์งานแถวๆปทุม]

     “ปทุม? อืม มารับกูดิ”

     [แหมมมมมมม! มิน] ดูมันทำเสียงเข้า

     “อะไรมึง ก็มึงชวนกูไหมล่ะ มึงชวนกูก็ไป”

     [เออๆ ห้านาทีถึง รอเลย]

     “จ้า ตามนั้น” 

    ผมวางสายจากลมแล้วหันไปบอกพนักงานในร้านให้ช่วยดูร้านให้ด้วย เป็นปกติอยู่แล้วที่ผมชอบทิ้งร้านไปหาพี่เพลิง พนักงานในร้านชินกันหมดแล้วครับ แถมทำงานแทนผมกันได้หมดเลยด้วย

    น่าภูมิใจจริงๆ

    ไอ้ลมใช้เวลาขับรถมารับผมในเวลาห้านาทีจริงๆตามที่มันบอก จอดเบนซ์ป้ายแดงโชว์หราอยู่หน้าร้าน พอมันเห็นผมก็ลดกระจกลงแล้วทำหล่อใส่ผมจนอ้วกแทบพุ่ง 

    ผมรู้แล้วล่ะว่าจุดประสงค์หลักของมันที่ชวนผมไปไซต์งานคืออะไร น่าจะเป็นการอวดรถใหม่ของมันมากกว่าหวังดีพาเพื่อนไปหาคนที่ชอบ

     “รถใหม่?” ผมเลิกคิ้วถามมัน หลังจากเข้าไปนั่งภายในรถข้างคนขับ มันพยักหน้าตอบกลับผมอย่างภาคภูมิใจ “ขี้อวด”

     “ก็อยากให้รู้ว่ากูรวย”

     “จ้ารู้แล้วจ้า แล้วคันนี้ใครซื้อให้” ผมถามมันอย่างกวนๆ ใครกันแน่ที่รวยกันนะ มันถอนหายใจใส่ผมแล้วเบ้หน้าอย่างรู้ทัน “ซื้อเอง?”

     “แม่ซื้อให้”

    ว่าแล้ว...

     “เนื่องใน?”

     “เนื่องในเรื่องของกู เสือกกกก!” ผมตีแขนมันไปหนึ่งทีเพราะความหมั่นไส้ เสือกซะเต็มหน้าเลย เป็นปกติอยู่แล้วนะครับที่ผมกับมันจะคุยกันแบบนี้ ปากว่ามือถึง ลมมินตลอดกาล

    จริงๆเราสนิทกันมาก เวลาเราสองคนมีอะไรก็จะพูด ก็จะถาม ชอบยุ่งเรื่องของกันและกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อีกอย่างที่ชอบมากที่สุดก็คือด่ากัน ผู้ชายห่าอะไรก็ไม่รู้ปากจัดมาก บางทีผมโดนมันด่า ผมนี่นิ่งไปเลยนะครับ

    สู้ไม่ไหว...

    มันชอบเอาเรื่องจริงมาพูด

     ผมกับลมใช้เวลาไม่นานในการมาไซต์งานที่พี่เพลิงอยู่ โครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างเรียกความสนใจให้ผมเป็นอย่างมากในเวลานี้

    ตอนนี้มันเป็นแค่เพียงโครงเหล็กกับปูนเปลือย อยากเห็นตอนที่มันเสร็จแล้วมากๆว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ขึ้นชื่อว่าบริษัทพี่เพลีงเป็นคนทำ ยังไงก็ต้องออกมาว้าวมากอยู่แล้ว

     “นี่บัตรบุคคลภายนอกนะครับส่วนนี่หมวก สวมไว้เพื่อความปลอดภัย” 

    ผมส่วมหมวกนิรภัยตามที่พี่คนงานเขาบอก ติดบัตรบุคคลภายนอกไว้ที่กระเป๋าเสื้อยืดของตัวเอง ทำตามกฎระเบียบของที่นี่อย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น

     “รู้ไหมว่าพี่เพลิงอยู่ตรงไหนครับ” เป็นลมที่เอ่ยถามคนงานขึ้นมา

     “สักครู่นะครับ พี่ประทีบคุณเพลิงอยู่ไหนครับคุณลมมา” พี่คนงานวอหาใครสักคนก่อนจะมีเสียงตอบกลับมา  “อยู่ที่ซุ้มโครงการสองครับ”

     “เอารถยนต์เข้าได้ไหมครับ” ลมถาม

     “ไม่ได้นะครับ โครงการในยังไม่เคลียร์พื้นที่”

     “ต้องเดินหรอครับ”

     “เอามอเตอร์ไซค์ไปได้ครับ เลือกได้เลยมีกุญแจเสียบไว้อยู่ เดี๋ยวผมจดให้ว่าคุณลมเอาคันไหนไปใช้”

     “ขอบคุณครับ” ลมว่าพร้อมเดินนำผมไปที่ลานจอดมอเตอร์ไซค์ ผมนั่งซ้อนได้สบายๆไม่ปัญหาอยู่แล้ว “มึงขับนะมิน กูเหนื่อย กูท้อ”

     ไอ้ห่า...

     “เออ!” ลมมันขำในลำคอเล็กน้อย ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันเลือกมอเตอร์ไซค์มาหนึ่งคันแล้วขึ้นคร่อม “แล้วให้คนไม่รู้ทางมาขับ”

     “เดี๋ยวกูบอก”

     “เออ นั่งดีๆ”

    ผมสตาร์ทรถแล้วค่อยๆขับออกไป ฟังลมบอกทางว่าให้ตรงไปเรื่อยๆเลย ผมเร่งเครื่องรถแกล้งไอ้หมีขาวด้านหลัง ตัวก็ใหญ่แล้วยังจะซ้อน มันกอดเอวผมจนแน่น จะหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย

     “ขับดีๆไอ้มิน”

     “ดีสุดแล้ว”

     “นู้นซุ้มนู้น กูจะตกแล้ว เร่งเครื่องหาพ่อง!” 

    ผมมองบน...

    ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมอีกแล้ว ทุกครั้งที่เหมือนว่าผมจะเข้าใกล้พี่เพลิง ใจผมมันจะเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำตัวไม่ถูก เหมือนกับตอนนี้ที่เหงือกำลังออกมือผม แบบเยอะมากๆ

     ผมขับรถเข้าไปในซุ้มใหญ่ๆที่ลมบอก จอดรถมอเตอร์ไซค์เทียบหน้าซุ้มกว้างที่มีคนอยู่ด้านในสี่ห้าคน ทุกคนหันมามองทางนี้เป็นตาเดียวกันหมด จนผมรู้สึกแปลกๆ

     คนที่เดินนำออกมาจากคนในกลุ่มนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คนคนนั้นคือพี่เพลิง 

     “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่เขาพร้อมฉีกยิ้มบางๆ ในใจผมตอนนี้คือสั่นไปหมดแล้ว

     “สวัสดีครับ” พี่เพลิงรับไหว้ผม “แล้วนี่มาได้ยังไง หืม?”

     “ลมไปรับมาไง อยากให้มันมาลำบากด้วยกัน” ไอ้ลมปัดฝุ่นที่ติดตามเนื้อตัวออกแล้วพูดไปด้วย “แล้วนี่พี่เรียกลมมาทำไมอะ”

     “จะให้มาเรียนรู้งาน โครงการนี้ว่าจะให้มึงช่วยดู”

     “เอ้า! แล้วพี่อะ”

     “จะไปทำธุระ ช่วงนี้ยุ่งๆ”

     “ช่วงขาขึ้นอะเนาะเข้าใจ” ลมเอ่ยกวนๆ แต่พี่เพลิงดันพยักหน้ารับแล้วเลื่อนสายตามามองผมต่อ “ให้มินมันนั่งเล่นแถวๆนี้ได้ไหม ไม่รู้ว่าจะให้มาทำงาน นึกว่าจะให้มาแล้วกลับเลย ว่าจะพามันไปกินข้าวก่อน”

    หืม? แต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะเชียว

     “นั่งได้ แต่เฉพาะในนี้นะ ข้างนอกมันอันตรายคนงานเขากำลังทำงานกันอยู่ เศษฝุ่น เศษปูน ไม่จำเป็นห้ามออกนอกซุ้ม”

     “เข้าใจไหมมิน”

     ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจไหมล่ะ...

     “ครับ”

     “จริงๆไม่น่าพามาเลยนะ” พี่เพลิงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง หน้าผมนี่หดเหลือแค่สองนิ้วเลย ที่นี่เขาไม่ต้อนรับเราว่ะเสียใจอะ

     “ขอโทษครับ” ผมเอ่ยเสียงเบา

     “ขอโทษทำไม ที่พี่บอกว่าไม่น่ามาน่ะเพราะที่นี่มันอันตราย แดดก็ร้อน พี่เป็นห่วง

    โอ้ย!

    ใจมันอ่อนแอไปหมดแล้ว ไม่คิดอะไร อย่าทำแบบนี้ใส่กันได้ไหมล่ะพี่เพลิง

     “สวัสดีค่ะคุณลม” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากซุ้มมา ท่าทางของเขาดูสง่า หน้าตาสวย อ่อนหวาน แต่การแต่งตัวดูลุยๆ แต่งตัวได้เข้ากับสถานที่และกาลเทศะมาก “เพื่อนคุณลมหรอคะ”

     “ครับ ฝากคุณนับดูมินด้วยนะ” ลมเอ่ย

     คนนี้นี่เองเลขาพี่เพลิง ‘คุณนับ’ ผมก็ว่าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นผ่านๆในบริษัท   

     “เราจะไปกันแล้วนะคะ คุณมินไปด้วยหรือเปล่า”

     “ไป... ไปไหนครับ” ผมถามกลับ

     “ไปดูโครงสร้างของอาคารที่ผิดแบบน่ะค่ะ”

     “อ๋อ” ผมหันไปมองหน้าลม สรุปยังไง ผมต้องไปด้วยไหม เหมือนสถานการณ์มันตึงเครียดแปลกๆ พี่เพลิงมองหน้าลม ลมมองหน้าพี่เพลิง ผมเข้าใจแล้วล่ะ “ไม่ไปครับ พี่เพลิงบอกให้ผมอยู่แต่ในนี้”

     “อ๋อค่ะ”

    สบายใจกันขึ้นไหม ลม พี่เพลิง หืม?

     “ขอบคุณครับที่เชื่อที่พี่พูด มินห้อยป้ายพี่ไว้นะ” พี่เพลิงว่าพร้อมถอดป้ายชื่อพี่เขาออกมาคล้องคอผมอย่างงงๆ “เวลาคนงานคนอื่นเข้ามา เขาจะได้ไม่มองว่าเราเป็นคนนอก อย่างน้อยจะได้มองว่าเราเป็นคนของพี่

    คนของพี่ อื้ม! อยากเป็น

     “ครับ” ผมเม้มปากพยักหน้ารัวๆ คนของพี่เพลิงเลยนะผมน่ะ ฮือ! ดีใจ

     “ตายยังมึง” ลมหันมาเอ่ยกับผมตอนที่พี่เพลิงเดินออกไปหยิบของ “ยังไหวอยู่ใช่ไหม คนของพี่กู”

     “ไอ้ลม” ผมว่าอย่างเขินๆ ฉีกยิ้มให้ลมก่อนจะรู้สึกแปลกๆ หันไปมองคุณนับที่จ้องผมอยู่ สีหน้าท่าทางบ่งบอกถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่างเป็นอย่างมาก 

    เก็บอาการไม่เก่งเลย...

    มองแค่นี้ก็รู้เลยนะว่าคิดอะไรอยู่

     “ไปครับ” คนงานคนหนึ่งเดินนำออกมาแล้วเอ่ยเรียก “เดี๋ยวผมนำเอง”

     “นั่งอยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะมึง” ผมพยักหน้ารับคำลม “กูไปก่อนเดี๋ยวมาแปปเดียว”

     “อื้ม” ผมมองตามหลังมันที่เดินออกไปนอกซุ้ม

     “มิน”

     “หืม? ครับ?” ผมหันไปมองพี่เพลิงที่เอ่ยเรียก

     “นั่งอยู่ที่นี่นะครับ พี่ให้คนงานไปหาน้ำกับผ้าเย็นมาให้แล้ว ร้อนใช้ไหมตัวเราแดงไปหมดเลย ทีหลังถ้าลมชวนมาไม่ต้องมาแล้วนะครับ”

     “ครับ มินไม่มาแล้วเดี๋ยวเป็นภาระคนอื่นเขา”

     “ไม่ใช่ภาระครับ แต่มันลำบากตัวมินเอง”

     “ขอโทษครับ มินเข้าใจแล้ว”

     “ครับ พี่ไปก่อนนะ” ผมพยักหน้าหงึกๆมองตามหลังพี่เขาเดินออกนอกซุ้มไป น้ำเสียงของพี่เพลิงที่ดูอ่อนโยน มันแฝงความดุเอาไว้จนแอบน่ากลัวเหมือนกันนะ ไม่กล้าดื้อกับพี่เขาเลย

      “ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา ก็ลำบากแบบนี้แหละค่ะ” ผมมองคุณนับอย่างไม่เข้าใจ อะไรคือการพูดแซะผมพร้อมเบ้หน้าใส่ แล้วสะบัดผมเดินตามพี่เพลิงไป สรุปคือ...

    ชอบพี่เพลิงใช่ไหม...

    จะเอาแบบนี้ใช่ไหม...

    จะประกาศสงครามกันใช่ไหม...

    ด้ายยยยยยยยยยยยย!!!

    ผมเก็บอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่พี่เพลิงเตรียมไว้ให้ หายใจเข้าให้ลึกสุดปอดแล้วหายใจออกเพื่อระบายอารมณ์ 

     “ขอโทษนะครับ” ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ผู้ชายแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทัก “ขอผมหยิบเอกสารหน่อย”

     “อ๋อ” ผมรีบยกแขนขึ้นทันที พึ่งรู้ว่าแขนตัวเองทับกระดาษบนโต๊ะอยู่ 

     “นี่เป็นคนงานที่นี่หรอครับ ไม่เคยเห็นหน้าเลย”

     “ไม่ใช่ครับ ผมเป็นคนนอก”

     “ผมก็ว่า ทำไมคนงานที่นี่น่ารักจัง” 

    หืม?

    อะไร ชมกันแบบนี้เลย ผมไม่ได้ดีใจเลยนะแอบกลัวนิดๆด้วยซ้ำ 

     “ไม่ต้องตกใจครับ ผมล้อเล่น” เขาว่าอย่างขำๆออกมา ส่วนผมก็ยิ้มๆแห้งตอบกลับไป “ผมพึ่งเห็นว่าห้อยป้ายคุณเพลิง ขอโทษด้วยครับ”

     “ครับ? อ๋อ ไม่เป็นไรครับ” 

     “ขอโทษที่พูดจาล่วงเกิน” คุณเขาพูดอย่างร้อนลน ก้มหัวให้ผมอย่างนอบน้อม “เวลาเห็นคนน่ารักแล้วผมชอบแซวน่ะครับ”

     “อ่า” ใช่หรอ แบบนี้ก็ได้หรอ เห็นคนน่ารักแล้วชอบแซว?

     “ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นคนของคุณเพลิง”

     “ไม่เป็นไรครับ” 

     “ขอโทษอีกทีครับ” คุณเขาว่าก่อนจะรวบเอกสารแล้วเดินออกจากซุ้มไปทันที อะไรอะ นึกว่าจะจีบ เห็นป้ายพี่เพลิงแล้วรีบไปเลยหรอ

    ผมอมยิ้มน้อยๆ ยกป้ายห้อยคอของพี่เขาขึ้นมอง...

    เป็นคนของพี่เพลิงเนี่ย มันดีจริงๆเลยเนาะ เหมือนมีพี่เขาเป็นเจ้าของแล้วเลย

     ผมนั่งกินน้ำ ตากพัดลม มองคนงานและรถที่ผ่านไปผ่านมา วิ่งกันจนฝุ่นตลบ ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปแล้วยี่สิบนาที ไม่รู้เลยว่าจะเสร็จงานกันเวลาไหน 

    ตอนมาผมอุตส่าห์ดีใจที่จะได้อยู่กับพี่เพลิง แต่ความจริงกับมานั่งเหงาๆอยู่คนเดียว

    ครืด... ครืด...

    ผมกดรับสายจากโทรศัพท์มือถือ พี่ฟ้าโทรเข้ามาพอดี มีเพื่อนคุยแก้เหงาแล้วล่ะ

     “ครับพี่ฟ้า”

     [พี่มินหนูดาวเองค่ะ]

     “อ่าว เลิกเรียนแล้วหรอคะ”

     [ยังค่ะ แต่ว่าวันนี้หนูไม่ได้ไปโรงเรียน]

     “ทำไมล่ะคะ”

     [หนูดาวป่วยค่ะ]

     “อ๋อ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ”

     [หายแย้วค่ะแต่ว่าหนูดาวอยากเล่นกับพี่มิน]

     “หรอคะแต่ตอนนี้พี่มินไม่อยู่ร้านน่ะค่ะ”

     [ฮือ ไม่มีใครอยู่เลยค่ะ น้าเพลิง น้าลม น้าไม้ พ่อ ก็ไม่อยู่]

     “แล้วคุณแม่ล่ะคะ”

     [อยู่ข้างๆค่ะ แต่หนูคิดถึงพี่มิน]

     “พี่มินก็คิดถึง แต่พี่มินไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ น่าจะดึกแน่ๆเลยค่ะ เอาเป็นพรุ่งนี้ไหมคะ วันเสาร์พอดีเดี๋ยวพี่มินไปเล่นด้วยที่บ้าน”

     [สัญญาแล้วนะคะ]

     “สัญญาแล้วค่ะ”

     [เย้~ จุ๊ปๆค่ะ]

     “ครับ” ผมอมยิ้มออกมาหลังจากสายตัดไป ยิ่งนานวันเท่าไหร่ผมยิ่งรักหนูดาวมากขึ้น เหมือนถูกชะตากับเด็กคนนี้ ทุกครั้งเวลาที่โดนอ้อน ผมต้องยอมเขาทุกทีเลย

     “ยิ้มอะไรวะ” 

     “เอ้า เสร็จแล้วหรอ” ผมหันไปถามลมที่ถอดหมวกออกแล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้างผม “เออ”

     “แล้วพี่เพลิงล่ะ”

     “กำลังเดินมา”

     “อย่าบอกว่ามึงวิ่งนำคนอื่นมา”

     “ถูก! ก็กูร้อนต้องการพัดลมว่าแต่มึงเถอะยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”

     “หนูดาวโทรมาพรุ่งนี้กูจะไปหาเขาที่บ้าน”

     “อ๋อเออ ว่าแต่หลานกูหายป่วยแล้วหรอวะ”

     “น้องบอกหายแล้ว” 

     “เอาจริงป่ะ กูว่าหนูดาวอาศัยท้องพี่ฟ้ามาเกิดแน่ๆเลย จริงๆแล้วเขาอาจจะเป็นลูกมึงกับพี่กู” 

     “ตลก” ผมว่าพร้อมส่ายหัวไปมา หรืออาจจะจริง เข้าข้าวงตัวเองไปอี๊กกกกกกก! ฮ่าๆ ผมหันมองหน้าลมก่อนจะตัดสินใจจะเล่าเรื่องคุณนับให้มันฟัง อยากระบาย มันแบบอัดอั้นตันใจ “ลม”

     “ว่า”

     “คุณนับอะเขาพูดแซะกูว่ะ เขาชอบพี่เพลิงหรอวะ”

     “เฮ้ย! บ้าเปล่า” ลมทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผม 

     “กูไม่ได้โกหกนะเว้ย”

     “มึงคิดมากหรือเปล่าหรือมึงหึง เบาๆหน่อยมึงอย่าคิดมาก ”

     “ไม่” ผมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ หน้ามุ่ยลงทันทีที่มันไม่เชื่อผม “กูอยากกลับแล้ว”

     “เดี๋ยวๆนี่โกรธกูหรอ”

     “ไม่! แค่อยากกลับ”

     “อะๆ ไหนพูดมาดิ้ว่าเขาทำอะไรให้มึงไม่โอเค”

     “ไม่ กูไม่พูดแล้ว” ผมหันหน้าหนีมันทันที ลุกขึ้นยืนจะเดินออกจากซุ้ม แต่ว่าพี่เพลิงกำลังเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับยัยคุณนับที่เดินตามเข้ามาด้วย

    “จะกลับแล้วหรอครับ” พี่เพลิงเอ่ยทักผม 

    “เปล่าครับ” ผมส่ายหัวไปมาแล้วฉีกยิ้มบาง มองหน้าคุณนับที่กระตุกยิ้มออกมาเบาๆมองผมอยู่ นี่มันนางร้ายชัดๆ

     “นึกว่าคุณมินจะกลับแล้วซะอีกค่ะ” เอ้า! อยู่ๆคุณนับก็พูดขึ้นมา นี่มันกวนอารมณ์กันอยู่นี่นา

    “เหนื่อยไหมครับ เดี๋ยวผมไปหยิบน้ำให้” ผมไม่สนใจคุณนับ หันไปถามพี่เพลิงทันที ก็อยากเอาใจ เผื่อจะไปกวนโดนตีนใครบ้าง

     “อ๋อ ไม่เหนื่อยครับ แต่ถ้าเราจะหยิบน้ำให้พี่ก็รบกวนด้วย”

     “ว่าแต่น้ำอยู่ตรงไหนหรอครับ” ผมว่ายิ้มๆถาม พี่เพลิงหัวเราะในลำคอออกมา 

     “น้ำอยู่ในถังตรงนั้นครับ” 

     “รอแปปหนึ่งนะครับ” ผมว่าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้โลกสดใส เดินไปหยิบน้ำเย็นๆในถังให้พี่เพลิงหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วเดินเอามาให้พี่เขา “นี่ครับน้ำ”

     “ขอบคุณครับ”

    ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบกลับ

     ไอ้ลมกระตุกชายเสื้อผมเบาๆให้หันไปมอง “อะไร”

     “มึงอะทำอะไร”

     “เรื่องของกู” ผมขยับปากบอกมันออกไปแบบไม่มีเสียง ผมยอมรับเลยว่าผมโกรธลมที่มันไม่ยอมเชื่อผมเรื่องคุณนับ 

     “แล้วจะทำอะไร” มันถามผมแบบไม่มีเสียงอีกครั้ง

     “ดูเอา” ผมตอบกลับมันแบบไม่เสียงเช่นกัน

     ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไร แค่อยากปั่นประสาทคนเล่นเฉยๆ ชอบ! สนุกดี

     ผมนั่งลงที่เก้าอี้มองพี่เพลิงกับคนอื่นนั่งคุยกันเรื่องงาน ผมคอยสังเกตคุณนับตลอดเหมือนที่เขาแอบมองผมเป็นระยะๆ เหมือนกัน ผีเห็นผี คงดูผมออกแล้วสินะ 

     เหมือนฟ้าประทานใครบางคนลงมาให้ คุณคนงานคนนั้นที่ชมผมว่าน่ารักเมื่อกี้กำลังเดินเข้ามาในซุ้ม จะหาว่าผมเรียกร้องความสนใจก็ได้ ผมยอมรับ

     ผมลุกขึ้นเดินทำทีจะไปหยิบน้ำให้ลม หันไปหาลมแล้วยกยิ้มให้ ใครจะรู้จักผมดีเท่าลมไม่มีอีกแล้ว 

    ขนาดตัวของผมกับคุณคนนั้นค่อนข้างต่างกัน ผมจะใช้ความตัวเล็กของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เดินพุ่งเข้าใส่คุณคนนั้นแบบตั้งใจ เต็มๆ

    แล้วล้มลง...

     “โอ๊ย!!!” เจ็บจริงไม่ใช้ตัวแสดง ผมล้มลงกับพื้นส่วนคุณคนนั้นยืนงง เบิกตากว้างตกใจทำอะไรไม่ถูก

     “เฮ้ย!คุณ ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจชนคุณ”

     “ไม่เป็นไรครับ” ผมว่าพร้อมปัดฝุ่นบนตัว แอบสงสารคุณเขาและขอโทษในใจ จริงๆคุณไม่ได้ชนผมเลย ผมน่ะชนคุณตั่งหาก ขอโทษจริง เอาเป็นว่าหายกันกับก่อนหน้าที่คุณทำให้ผมรู้สึกกลัว

     “มิน!!!” ลมเดินเข้ามาหาผมคนแรก มันรวบเอวผมประคองให้ลุกขึ้นยืนดีๆ “เชี่ย!เลือด”

     “อย่าจับเจ็บ” ผมว่าพร้อมดันมือลมออก อยู่ดีก็จะมาจับแผลที่ข้อศอก “มึงคอยดูนะว่าที่กูพูดน่ะเป็นเรื่องจริงไหม” ผมกระซิบบอกมัน

     “มึงไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย”

     “ก็มึงไม่เชื่อ”

     “มิน! กูเชื่อมึง” ผมรู้ว่าลมโมโหที่ผมทำแบบนี้ แต่เชื่อผมสิว่ามันคุ้ม 

     “ขอพี่ดูหน่อย” พี่เพลิงเอ่ย ค่อยๆ จับแขนผมเบาๆ เผื่อดูแผล “เราเดินไหวไหม”

     “ไหวครับ” พี่เพลิงเข้ามาช่วยลมประคองผม ผมเกาะพี่เขาเป็นฐานยึดและยืนแทนลม

     “ไปห้องพยาบาลกัน ไหวแน่นะ”

     “ไหวครับไหว” ผมเอ่ยเสียงเบา

     “พี่ว่าไม่ไหวหรอก ขอโทษนะมิน” พี่เพลิงว่าจบ ช้อนตัวผมขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวทันที ตอนแรกก็แอบตกใจนิดหน่อย แต่ตาผมมันดันไปแอบเห็นหน้าพี่เขา ขมวดคิ้วเล็กๆเหมือนไม่พอใจ

    พี่เพลิงแอบเป็นห่วงผมใช่ไหมล่ะ 

    พี่เขาอุ้มผมเดินนำทุกคนออกจากซุ้มไปที่ห้องพยาบาลทันที มีลมกับคุณนับเดินตามมาอย่างติดๆ

     ผมถูกวางลงบนเตียงในห้องพยาบาลของที่นี่ พี่เพลิงเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปตามพยาบาลที่ประจำที่นี่ให้เข้ามาดูแลผม เพราะตอนนี้พยาบาลออกไปไหนก็ไม่รู้

    ภายในห้องเลยเหลือเพียงแค่ผม ลม คุณนับ แบบที่ผมต้องการเลย

     “เจ็บว่ะ” ผมบ่นออกมาเบาๆ

     “แล้วใครให้ทำแบบนี้ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” ลมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ อารมณ์เสียจนจมูกบาน

     “ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

     “จริงๆเลยมิน คนอื่นเขาวุ่นวายกันหมดก็เพราะมึง” ผมขมวดคิ้วมองการแสดงของลม ปกติมันไม่ว่าผมเวลาผมเจ็บตัว หรืออันนี้มันด่าผมจริงๆกันวะ “ที่หลังจะไม่พามาแล้ว ทำคนอื่นเขาลำบากกันหมด”

     “กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะเว้ย”

     “กูไม่อยากพูดกับมึงแล้ว”

    เอ้า!

     “ลม” ผมเรียกไอ้ลมที่เดินหนีออกไปข้างนอก ตอนนี้ผมเลือกใช้แผน แสดงตัวตนของคน แบบเนียนๆ ไม่รู้ว่าจะตรงตามแบบที่คิดไว้ไหม แต่ขอให้ตรงเถอะ

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาลม ทำท่าทีว่ามันไม่รับสายแต่จริงๆมันรับแล้ว คว่ำโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวมองหน้าคุณนับที่ยืนกอดอกมอง

     “ลงทุนจังเลยนะคะ” ผมขมวดคิ้วมองคุณนับ นี่เริ่มเองเลยหรอ ง่ายจัง “ดิฉันเห็นนะคะ ว่าคุณเป็นคนชนเขา”

     “แล้วยังไงครับ”

     “นับมองออกนะคะว่าคุณคิดอะไร”

     “ผมก็มองออกเหมือนกันว่าคุณคิดอะไร”

     “แต่นับไม่เหมือนคุณ”

     “คุณหมายถึงอะไร”

     “มันพูดยากน่ะค่ะ เราสองคนต่างกันจะตาย คุณเป็นผู้ชายนับเป็นผู้หญิง หึ น่าเสียดายจังนะคะ”

     “ขอโทษนะครับ ผมว่าเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะมาพูดจาแบบนี้ใส่กัน มีมารยาทหน่อย”

     “หึ! นับขอโทษแล้วกันนะคะ ที่เอาความจริงมาพูด”

    หึ!

     “ผมชอบพี่เพลิง”

     “ดูออกตั้งแต่แรกแล้วค่ะ สู้ๆนะคะนับเป็นกำลังใจให้ แต่เหนื่อยหน่อยนะคะ ปกติคุณเพลิงไม่ค่อยสนใจใคร เขาอยู่กับนับตลอด”

     “หมายถึง?”

     “ผู้ชายโสด ไม่มีพันธะ เขาจะทำอะไรกับผู้หญิงน่ารักๆแบบนับล่ะคะถ้าไม่ใช่...”

     “...” ไม่ใช่อะไรของมึง

     “หมาป่าห่มเนื้อแกะค่ะ พี่เพลิงของคุณมินน่ะเป็นแบบนั้น” ทำไมพูดถึงพี่เพลิงแบบนั้นกันนะ

     “คุณนี่ง่ายจังนะครับ”

     “แล้วยังไงคะ ในเมื่อคนคนนั้นเป็นคนที่เราชอบ ถ้าเป็นคุณมินก็คงจะยอมเหมือนกัน ไม่ใช่หรอคะ?”

     ไม่มีทาง...

     “นับขอพูดตรงๆนะคะ อย่ายุ่งกับคุณเพลิงเลยค่ะ”

    “...” ผมกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่นมองหน้าคุณนับที่พูดจาแบบนั้นออกมา ถ้าชอบพี่เพลิงผมก็ไม่ได้จะว่าอะไร แต่สิ่งที่คุณนับพูดมันทำให้ผมโกรธมาก ทำไมอะ ผมดูเป็นคนที่ยอมอะไรง่ายๆขนาดนั้นเลยหรอ “ผมไม่ง่ายเหมือนคุณ”

     “ค่ะ นับเชื่อ สู้ๆนะคะ นับจะเป็นกำลังใจให้” 

    ผมจะตอบกลับคุณนับแต่ต้องชะงัก หันไปมองพี่เพลิงที่เดินนำพยาบาลกับลมเข้ามา ลมมันยังถือโทรศัพท์แนบไว้ที่หูอยู่ 

     ผมส่งสายตาเป็นคำถามให้มัน

    ว่าเชื่อที่ผมพูดหรือยัง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    #ห่างไฟแค่หนึ่งมิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×