ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห่างไฟแค่หนึ่งมิน :)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : บอกอะไรก็ได้...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.5K
      514
      17 ก.พ. 65

    Chapter 2

    บอกอะไรก็ได้...

     

    “...” ผมยืนตัวแข็งเป็นก้อนหิน เรื่องราวมันเดินมาเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน 

    พี่อาร์ตี้ก็ไม่ต่างจากผม ยืนอึ้งทำตาโตมองมือพี่เพลิงที่โอบเอวผมอยู่ ให้ตายเถอะ! แต้มบุญของผมตอนนี้มันคงหมดไปแล้ว...

    ในตอนแรกที่พี่เพลิงเดินเข้ามาในร้าน ไอ้ลมกับหนูดาวเสริมทัพชี้ให้พี่อาร์ตี้ดูว่าใครเดินเข้ามา แต่คนอย่างพี่อาร์ตี้มีหรอจะเข้าใจ ทำหน้างงว่าสองคนนั้นชี้ให้ดูอะไร จนไอ้ลมต้องพูดว่าแฟนผมมาแล้ว

    พี่เพลิงขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะความงง ไม่ได้พูดอะไรแค่มองพี่อาร์ตี้นิ่งๆแล้วหันไปมองหน้าน้องชายตัวเอง ไอ้ลมกับหนูดาวแข่งกันขยิ้บตาให้พี่เพลิงเป็นสัญญาณให้ตามน้ำ

    พี่อาร์ตี้โวยวายนิดหน่อยว่าไม่เชื่อ พี่เพลิงพยักหน้าช้าๆเหมือนจะเดาเหตุการณ์ตอนนี้ออก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินออกจากเคาน์เตอร์หวังไว้ว่าจะออกไปห้ามศึก แต่ถูกพี่เพลิงดึงเข้าหาตัวแล้วโอบเอวเอาไว้แบบที่เห็น

     “ไหนน้องมินบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นแค่น้าของหนูดาวไงครับ”

     “คือว่า...” ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี จะบอกว่าพี่เพลิงไม่ใช่แฟนก็กลัวจะเป็นการหักหน้า หักหน้าตัวเองนะครับ ผมน่ะอยากเป็นแฟนพี่เขาจะตาย ไม่อยากปฏิเสธเลย แต่ตอนนี้มันไม่ได้หรือเปล่า สติ! มินสติ “คือ...”

     “ผมเป็นแค่น้าของหนูดาวอย่างที่มินว่านั้นแหละครับ” พี่เพลิงเอ่ยแทรกความคิดของผมขึ้นมาทันควัน หัวใจดวงน้อยๆดวงนี้อยู่ๆมันก็หดลง

     “เห็นไหม! ถ้างั้นคุณปล่อยเอวน้องมินเลย”  ผมเผลอถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ พี่เพลิงก็เป็นแค่น้าของหนูดาวอย่างที่พี่เขาว่านั้นแหละ ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านี้สักหน่อย

    ผมเขยิบตัวออกห่างพี่เพลิง การที่พี่เขาปฏิเสธพี่อาร์ตี้ไปแบบนั้นมันก็ถูกแล้ว คนอื่นจะได้ไม่เข้าใจพี่เขาผิด

     “น้องมินครับ น้องมินพูดมาเลยดีกว่าครับ สรุปกับคุณคนนี้ น้องมินเป็นอะไรกับเขา”

     “เป็นน้อง” ผมไม่ได้ตอบ พี่เพลิงชิงตอบไปก่อน ผมหันไปมองคนด้านข้าง ที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใจเย็น สุขุม ดีที่สุด!

     “ถ้าเป็นน้อง คุณก็ปล่อยสิครับ” 

     “...” ย้ำจังเลยนะคำว่าน้องเนี่ยพี่อาร์ตี้ จบเรื่องวันนี้ผมต้องคุยกับพี่เขาจริงจังสักหน่อยแล้ว

     “ปล่อยสิคุณ” พี่อาร์ตี้เอ่ยเสียงขุ่น ยื่นมือจะคว้าแขนผมเพื่อดึงเข้าหาตัว แต่พี่เพลิงใช้มือพี่เขาปัดแขนพี่อาร์ตี้ออกจนเกิดเสียงของเนื้อกระทบกัน “เฮ้ย! คุณ”

     “ผมว่าคุณไม่เข้าใจคำพูดของผมสักเท่าไหร่” พี่เพลิงเอ่ยเสียงเรียบ บรรยากาศตอนนี้เริ่มไม่ค่อยดีแล้วล่ะครับ “คำว่าน้องของผมมันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

     “อะไรของคุณ”

     “น้องที่ไม่ได้แปลว่าน้อง คุณไม่เข้าใจหรือไงครับ”  

     “...” เงิบเลยดิ ผมอะเงิบเลยดิ ใครก็ได้จับผมหน่อยผมจะล้ม เฮ้ย! ผมเป็นโรคหัวใจป่ะวะเนี่ย ทำไมมันเต้นแรงขนาดนี้ ไม่ได้ๆ หายใจเข้าพุธ หายใจออกโท โอ๊ย! หัวใจ

     “คุณจะชอบหรือทำอะไรกับใครก็ได้นะครับ แต่ต้องไม่ใช่แบบคนของผม ช่วยให้เกียรติและเคารพกันด้วย ถือว่าผมเตือนคุณแล้วนะ” พี่เพลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับคำว่าคนของผมที่ติดอยู่ในความรู้สึกของผม

     “แต่ผมมาก่อนคุณ คุณมีสิทธิ์อะไร”

     “แล้วคุณมีสิทธิ์อะไร ถ้าสิทธิ์ที่มาก่อนผมขอไม่เคารพนะครับ ผมว่ามันไร้สาระเกินไป”

    โอ้โห! ปรบมือให้เลย ไม่ผิดจริงๆที่ผมแอบชอบพี่เขา ไม่ผิดหวังเลยสักนิด หล่อ นิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษ แม่ครับ! มินอยากได้คนนี้ จะเอาคนนี้เลย

     “นี่คุณ!” พี่อาร์ตี้ชี้หน้าพี่เพลิงอย่างเอาเรื่อง “ฝากไว้ก่อนเถอะ ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก” 

     “ยอมเถอะครับ เพราะถ้ามีครั้งหน้าผมไม่รับปากว่าผมจะพูดเตือนคุณอย่างเดียว คนของผม ผมไม่ปล่อยให้ใครมายุ่งแน่นอน”

     “เออ” พี่อาร์ตี้กระแทกเสียงใส่พี่เพลิงแล้วเดินออกจากร้านไป ไม่ลืมที่จะหันมามองผม ใจจริงผมก็สงสารเขานะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วชัดเจนดี

     แปะๆ แปะๆ

    ผมหันไปมองลมกับหนูดาวที่ปรบมือให้พี่เพลิงอย่างพร้อมเพียง ก่อนผมจะเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าด้านข้าง พี่เพลิงมองหน้าหนูดาว แล้วฉีกยิ้มน้อยๆออกมาให้

    เป็นรอยยิ้มที่สามารถ ฆ่าผมตายได้เลยล่ะครับ...

     “น้าไฟของหนูดาวเก่งที่ฉุดเลยค่ะ” 

     “ขอคุณครับ” พี่เพลิงฉีกยิ้มกว้าง 

     “ผมนึกว่าพี่ไฟจะไม่เข้าใจแล้วซะอีก” ลมเอ่ย

     “เห็นหนูดาวขยิบตาขนาดนั้นก็ควรจะเข้าใจไหมล่ะ”

     “ไม่ได้มองหน้าผม”

     “หน้ามึงมีอะไรให้มอง”

     “เจ็บว่ะ” ไอ้ลมแสร้งทำท่าเจ็บหัวใจ ก่อนจะมองมือพี่เพลิงที่โอบเอวผมอยู่สลับกับมองหน้าผมไปด้วย

    เราสองคนคุยกันผ่านส่ายตา ไอ้ลมส่งสายตามาแซวผมที่ทำเนียนปล่อยให้พี่เพลิงโอบ ส่วนผมน่ะหรอเอานิ้วจิ้มหัวมันในความคิดแล้วเอ่ยในใจว่า อย่าทักนะมึง ปล่อยไว้ กูกำลังใช้บุญที่ทำมาอยู่

     “อุ้ย! น้าไฟปล่อยพี่มินได้แล้วนะคะ”

    เฮ้อ! บุญหมดซะล่ะ

     “ขอโทษที พี่ลืมตัว” 

     ลืมบ่อยๆก็ได้นะครับผมไม่ว่าอะไรเลย “ไม่เป็นไรครับ”

     พี่เพลิงชักมือออกจากเอวของผมด้วยความเร็ว ผมเขยิบตัวออกห่างเพื่อเว้นระยะนิดหน่อย เงยหน้ามองพี่เขาแล้วฉีกยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับ”

     “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง”

     “เรื่องแค่นี้ที่ไหน นี่มันเรื่องใหญ่มากตั่งหาก” ไอ้ลมเอ่ยแทรกขึ้นมา “ถ้าไม่ได้พี่ไฟจัดการนะ ป่านนี้คงโดนไอ้พี่นั้นหลอกจับมือทุกวันแน่ๆ”

     “เขาทำขนาดนั้นเลยหรอมิน”พี่เพลิงหันมาถามผม

     “ใช่ค่ะ หนูดาวเป็นพยานได้”  

     “ครับ” ผมพยักหน้าตอบกลับ ยอมรับแต่โดยดี “แต่พี่เขาแค่จับมือเองครับ ไม่เป็นอะไรเลย”

     “อืม” พี่เพลิงว่า

     “ไม่เป็นไรได้ไง หัดรักนวลสงวนตัวบ้างมิน”

    ไอ้ห่าลม... 

    ผมถลึงตาใส่ไอ้ลม หันมามองหน้าพี่เพลิงที่ขมวดคิ้วเหมือนแปลกใจ ไม่พอใจ หรืออะไรสักอย่าง...

     “เพราะฉะนั้นวันนี้ มึงต้องไปทำอาหารเย็นให้พี่กูกินที่บ้านเป็นการตอบแทน”

     “ห๊ะ?”

     “ใช่ค่ะ พี่มินต้องไปบ้านหนูดาว ไปทำอาหารให้หนูดาวกิน เอ่อ ทำให้น้าเพลิงด้วยค่ะ คิคิ”

    ผมเอียงคอมองหน้าลมด้วยความสงสัย มันขยิบตาให้ผมหนึ่งทีเป็นอันรู้กัน แล้วบอกให้กูรักนวลสงวนตัวนะมึง แบบนี้มันเสนอตัวชัดๆแล้วไอ้ห่า

     “เอ่อ...”

     “ห้ามปฏิเสธนะคะพี่มิน หนูอยากให้พี่มินไปบ้านหนู นะคะ นะคะ นะนะ”

     “ครับๆ พี่มินไปก็ได้”

     “เย้ๆ น้าลมแปะมือ” ดีใจแล้วหันไปแปะมือกับลม ดูไม่ออกเลยหนูดาวลูกว่านัดกับไอ้ลมมา 

    “ถ้างั้นมึงไปรถพี่ไฟ กูไปกับหนูดาว ตามนี้”

     “ไม่ๆ เดี๋ยวกูขับรถไปเอง”

     “เพื่อนมิน กูบอกให้มึงไปกับพี่กู มึงขับรถไม่เก่งอะ” 

    เดี๋ยวก๊อนนนนนนนนนนน!

    ใครขับรถไม่เก่ง ผมเริ่มหัดขับรถตั้งแต่ม.4 สอบใบขับขี่ครั้งเดียวผ่าน หลับตาถอยรถเข้าซองยังได้เลย...

    “ไปกับพี่กูนั้นแหละดีแล้วมึง”

    ผมหันไปมองหน้าพี่เพลิงที่เลิกคิ้วขึ้นรอคำตอบจากผม “เอ่อ พี่เพลิงสะดวกไหมครับ”

     “ถ้าขับรถไม่เก่งจริงๆ เดี๋ยวพี่ขับให้”

     “แล้วถ้าผมขับเก่งล่ะครับ”

     “งั้นขับให้พี่นั่งด้วยแล้วกัน” ผมอมยิ้มออกมาหลังจากได้คำตอบ พี่เพลิงยกมือของตัวเอง วางมือพี่เขาไว้บนหัวของผม เฮ้อ! สักวันหนึ่งหัวใจผมต้องหัวใจวายตายแน่ๆ อย่าทำแบบนี้กับผมเลยขอร้อง  “สรุปขับเก่งหรือไม่เก่ง”

     “ไม่เก่งครับ”

     “ถ้าอย่างงั้นพี่ขับให้ก็แล้วกัน”

     “ขอบคุณครับ” 

     

    ผมพึ่งรู้ว่าในรถพี่เพลิงเรียบร้อยขนาดนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับรถไอ้ลมแล้วก็คือฟ้ากับเหวที่แท้เลย

    พี่เพลิงจัดของที่เบาะด้านหลังเป็นระเบียบมาก ถึงแม้ว่าเบาะหลังจะไม่มีที่ให้นั่งแล้วก็ตาม มีแต่แฟ้มเอกสารวางเรียงกันอยู่ มีชุดสูทแขวนไว้ด้วยหนึ่งตัว

    แต่ถ้าเป็นรถไอ้ลม รถมันไม่มีอะไรเลย มีแต่ขยะกับเศษเอกสารที่ตกอยู่เต็มหลังรถ ถ้าไม่นับความหน้าตาดีของมัน ก็คือไม่รู้เลยว่าเป็นน้องพี่เพลิงจริงๆ

     “รถพี่สกปรกหน่อยนะ ลืมบอก” พี่เพลิงหันมาเอ่ยกับผม “พี่ยังไม่มีเวลาได้เก็บเลย”

     “จริงๆไม่สกปรกเลยนะครับ แค่ของเยอะเฉยๆ ถ้าสกปรกต้องรถลมครับ อันนั้นของแท้”

     “มีหนักกว่าพี่อีกหรอเนี่ย”พี่เพลิงเอ่ยพร้อมหักพวงมาลัยรถออกจากซอยร้านผม ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ ผมใช้เวลานี้กับการสำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาของคนด้านข้าง

     คนอะไรหนอ ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ที้งแสนดี วันนี้ผมชมพี่เขาไปกี่ครั้งกันแล้วนะ แต่ที่ผมชมไปทั้งหมดก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

     “หน้าพี่มีอะไรติดหรือเปล่าครับ”

     “หล่อ... เอ้ย ไม่ใช่ๆ ไม่มีอะไรครับ” ผมรีบแก้ตัวแล้วหันหน้าหนีทันที แอบยกมือตบปากตัวเองเบาๆหนึ่งทีด้วย นี่เผลอตัวเกินไปแล้วนะเราเนี่ย “แฮะ”

     “หึ” พี่เพลิงหันมายิ้มให้ผมแล้วส่ายหัวไปมา หันกลับไปโฟกัสที่ถนนต่อ 

     ตื้ด... ตื้ด...

     “โทรศัพท์พี่เพลิงเข้าครับ” ผมว่าพร้อมชี้ไปที่โทรศัพท์พี่เขาที่วางอยู่ช่องตรงกลางของรถ พี่เพลิงหันมามองแล้วพยักหน้า

     “รับแล้วเปิดลำโพงให้พี่หน่อยครับ พี่ขับรถอยู่”  

    ผมทำตามที่พี่เขาบอก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วกดรับสายพร้อมเปิดลำโพงให้ สายเรียกเข้าเป็นผู้หญิง ชื่อที่เมมไว้คือ ‘คุณนับ’

     [คุณเพลิงคะ]

     “ครับคุณนับ” พี่เพลิงเอ่ยแต่ตายังมองถนนอยู่

    [คือนับจะโทรมาบอกคุณเพลิงว่า ลูกค้าฝากขนมมาให้ นับวางไว้หลังรถแล้วนะคะ กลัวคุณเพลิงไม่รู้แล้วทิ้งมันไว้ในรถน่ะค่ะ]

     “อ๋อ ขอบคุณมากครับ ผมเห็นแล้ว”

     [แล้วก็ที่ร้านเสื้อโทรมาบอกนับว่าสูทอีกตัวของคุณเพลิงยังซักไม่เสร็จนะคะ พรุ่งนี้น่าจะได้ แฟ้มเอกสารนับเรียงให้เรียบร้อยแล้วหลังรถเปิดหาได้เลยค่ะ]

    อ่า...

    คนจัดรถให้คือคนในสายนี่เอง

    ทำทุกอย่าง รู้ทุกอย่างเลยนะ คุณนับเนี่ย...

     “ครับ ขอบคุณมากครับ”

     [ค่ะ จริงๆนับจะบอกคุณเพลิงตั้งแต่อยู่บริษัทแต่พอออกจากห้องประชุม พนักงานก็บอกว่าคุณเพลิงออกไปรับหลานแล้ว]

     “ครับ แค่นี้ก่อนนะครับคุณนับ พอดีผมขับรถอยู่”

     [อ่าวหรอคะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ]

     “ครับ ไม่เป็นไร แค่นี้นะครับ”

     [ค่ะคุณเพลิง] โห เสียงหวานเชียวนะ...

     สายจากคุณนับตัดไป ผมวางโทรศัพท์พี่เขาลงที่เดิม เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้นิดหน่อยแล้วหันหนีไปมองหน้าต่างรถด้านข้างแทน

    ผมรู้สึกหึงอะ มันแบบ หึงอะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจัดการอารมณ์ของตัวเอง

     “มินช่วยดูข้างหลังให้พี่หน่อยได้ไหมครับว่ามีสมุดจดวางไว้ไหม”

    ผมหันไปมองพี่เพลิงแล้วพยักหน้ารับ หันไปดูเบาะหลังให้พี่เขา “ที่ผมเห็น มีแต่แฟ้มเอกสารนะครับ”

     “สงสัยคุณนับจะลืมเก็บมาให้พี่แน่เลย”

     “สำคัญหรอครับ กลับไปเอาก่อนไหม”

     “ไม่เป็นไรครับ ไม่สำคัญมากเท่าไหร่”

     “ครับ คุณนับนี่ เป็นคนรู้ใจพี่เพลิงจังนะครับ” 

     “ก็คงแบบนั้นครับ คุณนับเป็นเลขาที่พี่สนิท เขารู้ใจพี่... แต่ไม่ใด้เป็นคนรู้ใจพี่นะครับ” ทันมุขผมซะด้วย

     “ถ้างั้น แปลว่าพี่เพลิงมีคนรู้ใจแล้ว”

     “ช่วยพิมพ์ไปบอกคุณนับในไลน์ให้พี่ทีครับว่าพี่ลืมสมุดจด” เลี่ยงไม่ตอบ ผมพยักหน้าตอบกลับพี่เพลิง หยิบโทรศัพท์มือถือพี่เขาขึ้นมา แต่มันต้องใส่รหัสผ่านนี่นา “วันเดือนปีเกิดพี่ครับลองใส่ดู”

     “ตั้งง่ายจังครับ” ผมใส่วันเดือนปีเกิดพี่เพลิงเข้าไปทั้งหมดหกตัว “รหัสไลน์ล่ะครับ”

     “เหมือนเดิมครับ”

     “อื้ม” ผมเข้าไลน์พี่เพลิงโดยใช้รหัสผ่านที่เป็นวันเดือนปีเกิด และผมก็แอบจำเอาไว้ด้วย ในไลน์พี่เพลิงมีแต่กลุ่มงาน กลุ่มประชุมงาน มีกลุ่มครอบครัวด้วย แต่ชื่อไลน์คุณนับนี่เด่นมาเลยนะ “ผมพิมพ์บอกให้แล้วนะครับ”

     “ขอบคุณครับ เมื่อกี้มินถามพี่ว่าอะไรนะ”

     “มี... มีคนรู้ใจหรือยังครับ”

     “น่าจะ มีแล้วครับ” ห๊ะ?! เหมือนโลกของผมหยุดหมุนไปชั่วขณะ ได้ไงอะ ไม่เห็นรู้เลย แต่พี่เขาใช้คำว่าน่าจะ นี่เนาะ อาจจะที่แปลว่ามี หรือไม่มี ก็ได้ เราอาจยังมีหวัง 

     “น่าจะ นี่แปลว่ามี หรือไม่มีหรอครับ”

     “ไม่มีครับ”

     “อ่าว!” มุขนี้อย่าหาเล่นอีกนะพี่เพลิง นอกจากจะไม่ขำ ยังจะพาคนฟังเศร้าไปด้วยอีก

     “ว่าแต่เราเถอะ รู้วันเดือนปีเกิดพี่ด้วยหรอ”

     เออว่ะ

    โป๊ะเฉยเลยกู...

    ...

     “เดาเอา? มึงบอกพี่กูไปแบบนี้อะนะ”

     “ก็ตอนนั้นกูคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า”

     “สิ้นคิดสัส แล้วพี่กูก็เชื่อด้วยนี่นะ”

    ผมหันไปพยักหน้าให้ลมแล้วหันกลับมาคนหม้อต้มยำต่อ เร่งไฟให้แรงขึ้นแล้วรอน้ำเดือด 

    ตอนนี้ผมอยู่ในครัวที่บ้านของลม ผมเคยมาที่นี่สองสามครั้ง บ้านลมมันหลังใหญ่และอลังการมาก เป็นบ้านที่อยู่ท้ายสุดของซอย พื้นที่คือเยอะ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมเพราะบ้านนี้อยู่กันหลายคน

     “พี่มึงไม่ได้เชื่อหรอก เนียนมากกว่า” ผมหันไปตอบคำถามลม พอนึกถึงตอนนั้น พี่เพลิงแค่ตอบปัดๆทำเป็นเชื่อ เพราะคนบ้าอะไรจะเดาวันเดือนปีเกิดคนอื่นได้ตรงขนาดนี้ ถ้าเขาไม่มีความสำคัญ

     “เออกูก็ว่างั้น ไอ้ที่เก็บความรู้สึกมาเป็นปีๆจะพังก็วันนี้แหละว่ะ”

     “เพราะมึงแหละ”

     “กูช่วยพอ...น้ำเดือดแล้วมึง”

    ผมหันไปเบาไฟลงนิดหน่อย หยิบกุ้งแม่น้ำที่ล้างรอไว้ใส่ลงไปในหม้อ ตักฟองที่ลอยอยู่บนน้ำออกทิ้ง แล้วปิดไฟเมื่อกุ้งเปลี่ยนสีและสุก “ช่วยให้กูหลุดพูดออกมาอะนะ”

     “ก็มึงไม่กล้าสักที”

     “ก็มันยังไม่ถึงเวลา”

     “แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลา รอพี่กูแต่งงานก่อนหรอ”

     “ไม่รู้” ผมพึมพำตอบ ตำพริกใส่ถ้วยแล้วบีบมะนาวลงไป ตักกุ้งกับน้ำตัมยำในหม้อใส่ลงถ้วย ใช้ช้อนคนให้เข้ากันแล้วตักใส่ช้อนอีกคันให้ลม “ชิม”

     “มันร้อน” 

     “เป่าให้แล้ว” พูดจบผมก็ยัดช้อนใส่ปากมัน “อร่อยไหม”

     “ร้อน!!! ไอ้เหี้ย! เออแต่อร่อย”

     “เสร็จแล้ว จะกินอะไรเพิ่มไหม”

     “พอไหมมึง แค่นี้ก็เยอะชิบหายแล้ว”

    ผมพยักหน้าเข้าใจ ยกถ้วยต้มยำกุ้งไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารรวมกับกับข้าวอย่างอื่น ปล่อยให้แม่บ้านจัดเรียงอาหารบนโต๊ะแล้วกลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง

     “แล้วของหวานอะ” ลมถามผม

     “จะกินอะไรล่ะ”

     “แกะในถุงเอาแล้วกันมึง ป้าแม่บ้านเขาซื้อลอดช่องมาไว้อยู่” ผมพยักหน้าเข้าใจ “ในตู้เย็นยกออกมาเลย”

     ได้ทีใช่ใหญ่เลยนะ “ครับ คุณท่าน”

     “ก็ว่าไอ้ลมหายไปไหน มาอยู่ในครัวนี่เอง” ผมหันไปมองคนที่เข้ามาในครัว ยกมือไหว้สวัสดีพี่ไม้ ลูกชายคนที่สองของบ้านหลังนี้ “ฟ้าบอกว่ามินมา ก็เลยแวะเข้ามาดูสักหน่อย”

     “ไม่เคยเห็นมิน?”

     “อย่ากวนตีนไอ้ลม” พี่ไม้พูดทีเล่นทีจริง เดินเข้ามายืนพิงเคาน์เตอร์ครัวที่ไม่ได้ใช้ ก่อนจะหันมาคุยกับผม “ไม่ค่อยเจอกันเลยนะมิน”

     “ก็พี่ไม้ไม่ค่อยอยู่กรุงเทพนิครับ”

     “ก็จริง แล้วนี่ทำอะไรกินบ้างล่ะ”

     “ต้มยำกุ้ง แกงจืดเต้าหู้ ไข่เจียวปู ผัดเปี้ยวหวานกุ้ง แล้วก็ผัดฉ่าทะเล ตบท้ายด้วยลอดช่อง” ลมพูดแทนผมหมดทุกอย่างเลย เขาถามผมหรือเปล่าเนี่ย! “วันนี้ทะเล”

     “ใครชอบทะเลวะจำไม่ได้”

     “หนูดาวไง”

     “อ๋ออออออออ หนูดาว”

    ผมอมยิ้มมองสองพี่น้องที่คุยกัน แต่มันกระทบกระเทือนมาถึงผมไง คนที่ชอบทะเลไม่ใช่หนูดาวสักหน่อย แต่เป็นพี่เพลิงตั่งหากล่ะ 

     “มีให้ชิมไหม อยากชิมอะ” พี่ไม้ว่าพร้อมคนหม้อต้มยำไปมา “หอมนะ หิวข้าวเลย”

     “ไอ้มินจัดการดิ้”

     “อืม เดี๋ยวผมตักให้ชิม” ผมวางถุงลอดช่อง หันไปตักน้ำต้มยำในหม้อให้พี่ไม้ชิม ผมกับพี่ไม้รู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะครับ เราเลยคุยเล่นกันได้ ไม่เกร็งอะไรเท่าไหร่ “เป่าไหมครับ”

     “แล้วแต่มินจะกรุณาเลยครับ”

     “ถ้างั้นไม่เป่า” ผมว่าแล้วยื่นช้อนไปที่ปากพี่ไม้ ให้กินแบบร้อนๆไปเลย “อร่อยไหมครับ”

     “จืด จืดมาก ร้อนด้วยมิน”

     “ฮ่าๆ ก็ในหม้อมันยังไม่ปรุงนี่ครับ”

     “แล้วทำไมไม่บอก นี่แกล้งพี่หรอ”

     “เปล่านะครับ ก็พี่ไม้อยากชิมมินก็ให้ชิมไง” ผมว่าอย่างขำๆ ก่อนลมจะสะกิดผมให้หันไปมองทางประตู พี่เพลิงอุ้มหนูดาวยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้หนูดาวอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วด้วยล่ะครับ

    น่ารักมาก...

     “ทำอะไรกันอยู่คะทุกคน” หนูดาวเอ่ยถาม

     “เล่นแกล้งพี่ไม้อยู่” ลมตอบ

     “หนูเล่นด้วยสิ ไม่เห็นชวนเลย”

     “ก็เรามัวแต่ดูละครกับแม่อะ”

     “ก็น้าลมไม่ชวน”

     “กลับไปดูละครไป”

     “น้าลม!!!” หนูดาวเท้าเอวแล้วทำหน้าดุ พวกเรายิ้มขำกันก่อนพี่เพลิงจะเดินเข้ามาด้านในครัว “พี่มินอุ้มหนูดาวหน่อย”

     “แปปนึงนะคะ ขอพี่มินถอดผ้ากันเปื้อนก่อน” ผมว่าพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนออก พยายามดึงเชือกด้านหลังที่มัดไว้แต่มันไม่ออก มาไม่ออกอะไรตอนนี้เนี่ย “ลมดึงเชือกให้หน่อย”

     “ไอ้ไฟดึงเชือกออกให้น้องดิ้”

     “เออพี่ไฟจัดการที ลมมือเปื้อน” มือเปื้อนอะไรวะ มึงยังไม่ได้จับอะไรเลย นี่รวมหัวกันแกล้งผมชัดๆ

     ผมฉีกยิ้มมองพี่เพลิงที่ทำหน้านิ่ง พี่เขาคงรู้แหละว่าโดนแกล้งเพราะสองคนนั้นเล่นโยนผมให้พี่เขาแบบไม่เนียนเอาซะเลย ผมหันหลังให้พี่เพลิงแกะเชือกให้ พี่เพลิงใช้มือเดียวในการกระตุกเชือกผ้ากันเปื้อนด้านหลังของผม

    “ได้แล้วครับ”

    พี่เขาจะรู้สึกอึดอัดหรือเปล่า นั้นคือคำถามที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้

     “ขอบคุณครับ” ผมถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วรีบรับหนูดาวมาอุ้ม “ตัวหนักจังเลยค่ะ”

     “ไม่หนักนะคะ หนูดาวออกจะผอม”

     “ค่ะ พี่มินล้อเล่น”

     “อยู่กันครบเลยนี่หว่า เล่นเกมกันไหม” ผมหันไปมองหน้าพี่ไม้ที่เอ่ยขึ้นมา “บอกอะไรก็ได้กับคนในนี้...”

     “โห~” ผมโอดโอยออกมา มองหน้าพี่ไม่ที่ยักคิ้วให้ นี่มันแกล้งกันชัดๆ “พี่ไม้จะแกล้งมินอีกแล้ว”

     “ไม่เป็นไรนะคะ หนูดาวจะปกป้องพี่มินเอง” ผมกดจมูกลงที่แก้มของคนที่จะปกป้องผม ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ลูก

     “มาเล่น! เริ่มที่หนูดาวเลย อยากบอกอะไรกับคนในนี้คะ เลือกมา” พี่ไม้เอ่ยกับหนูดาว หนูดาวพยักหน้าเข้าใจ เกมส์นี้บ้านนี้เขาเล่นด้วยกันบ่อย เอาไว้แกล้งกันน่ะครับ เมื่อก่อนลมชอบเอามาเล่นกับผม จนตอนนี้ผมรู้ทางหมดแล้ว

     “อยากบอกว่า ให้พี่มินมาอยู่ที่บ้านเราได้ไหมคะ”

     “นั้นมันคำขอแล้วหนูดาว” ลมเอ่ย

     “ก็เหมือนกันแหละค่ะ”

     “จ้า” พี่ไม้เอ่ย

     “ตามินละ อยากบอกอะไรกับคนในนี้” พี่ไม้หันมาชี้ผม พร้อมกับยีกคิ้วให้

     “ไม่เล่นครับ” ผมเอ่ยเสียงแข็งทำหน้ามุ่ย "เพราะมินไม่มีอะไรอยากบอกใคร"

     “ไม่จริง! ถ้างั้นพี่ถามใหม่ดีกว่า อยากบอกอะไรกับเพลิง... แล้วก็ลม”

     “แล้วพี่ไม้ล่ะครับ” ผมถามกลับ

     “แล้วเราอยากบอกอะไรพี่ล่ะ”

     “อยากบอกว่า ทำไมพี่ต้องแกล้งมินด้วย”

     “ไม่รู้เหมือนกัน" ผมมุ้ยหน้ามองคนยิ้มขำ "แล้วไอ้ลมล่ะ อยากด่าอะไรมันไหม” 

     “ไอ้ลม! ไอ้เพื่อนรัก” ผมหันไปบอกลม แต่คำว่าเพื่อนรักเสียงมั้นเบามาก อยากด่าแต่เกรงใจพี่ๆคนอื่น

     “แล้วเพลิงล่ะ”

    ว่าแล้ว ผมกลืนน้ำลายลงคออีกใหญ่ มองหน้าพี่เพลิงที่กอดอกเลิกคิ้วขึ้นมองผม ถ้าเลี่ยงไม่พูดคงโดนแกล้งมากกว่านี้แน่เลย นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับพี่เพลิงน่ะหรอ คงเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คำว่า ‘รัก’ หรือ ชอบ แน่นอน 

     “ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมวันนี้” มาจากใจเลยนะ

     “อืม” พี่เพลิงพยักหน้าเข้าใจ

     “แล้วหนูดาวล่ะคะ” หนูดาวเอ่ยขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าหนูดาว แล้วกระซิบข้างหูเขาเบาๆกับสิ่งที่อยากบอก ‘พี่อยากมาอยู่ที่นี่ค่ะ’ ก่อนผมจะก็เอานิ้วทาบที่ปากตัวเองเป็นการห้ามหนูดาวไม่ให้บอกใคร “เหมือนกันค่ะ"

    เพราะเราจะรู้กันแค่สองคน..

     “อะไรวะ มินบอกอะไร” ไอ้ลมหันมาถามหนูดาว ทำหน้าอยากรู้โคตรๆ

     “ห้ามบอกใครนะคะหนูดาว”

     “ค่ะ หนูดาวจะไม่บอก”

     “แล้วเพลิงล่ะมีอะไรจะบอกพวกเรา เริ่มที่มินคนแรกเลย” เป็นพี่ไม้ที่เอ่ยขึ้นมา

    ผมมองหน้าพี่เพลิงที่ฉีกยิ้มบางมองผม “ข้าวกลางวันอร่อยมากครับ” 

    อ่า...

    แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้ว

     “ข้าวที่ไอ้มินขโมยผมไปให้พี่อ่ะนะ”

     “ไอ้ลม!!!”

     “ความจริงต้องถูกเปิดเผย” ผมยื่นมือไปปิดปากมัน ส่วนมันก็กวนจะฟ้องพี่เพลิงให้ได้ ลมมันปัดมือผมออก ดันผมที่อุ้มหนูดาวอยู่เกือบล้ม ดีนะที่พี่ไม้ประคองผมเอาไว้ได้ก่อน

    "เกือบล้มเลยลม!"

    "ก็มึงอะ" ผมทำหน้ามุ้ย ก่อนจะมีเสียงเรียกพวกเราจากด้านนอกเพื่อห้ามศึกตรงนี้เอาไว้

     “พากันออกมากินข้าวได้แล้วไม้”

     “ครับพี่ฟ้า”

     “เร็วๆ”

     “ดูละครเสร็จแล้วหิวเลยหรอ” ลมเอ่ยแซวพี่ฟ้า

     “เดี๋ยวเถอะไอ้ลม!”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    น้องเขาเรียนสำนักไหนมาคะ เดาวันเกิดคนอื่นได้ด้วย555555

    อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้หนูด้วยนะ //กระพริบตาปริบๆ

    #ห่างไฟแค่หนึ่งมิน



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×