[Yuri][SNSD] There you'll be [Yoonsic] - [Yuri][SNSD] There you'll be [Yoonsic] นิยาย [Yuri][SNSD] There you'll be [Yoonsic] : Dek-D.com - Writer

    [Yuri][SNSD] There you'll be [Yoonsic]

    โดย manutshi

    ผู้เข้าชมรวม

    2,668

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.66K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ย. 55 / 19:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้





    There you'll be








































    จิ้มฟังประกอบอารมณ์ ^^






     
    Poster + OPV by P'Mint




     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      There you’ll be [Yoonsic]

       







       

      When I think back on these time….

      And the dreams we left behind….

      I’ll be glad ‘cause I was blessed to get to have you in my life…

       




       

      “ฟังเพลงนี้อีกแล้วเหรอยุน ไม่เบื่อบ้างรึไง เห็นฟังทุกวันเลย”

      ร่างบางเอ่ยตัวสูงกว่าที่กำลังใจจดใจจ่อฟังเพลงที่ฟังมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่
      เพลงนี้ถือเป็นเพลงประจำร่างสูงตรงหน้าเลยก็ว่าได้


      “อือ เพราะดีออก สิก้าว่ามันไม่เพราะเหรอ?”

      ยุนอาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆที่ริมผีปากสวยได้รูป






      “ไอ้เพราะมันก็เพราะอยู่หรอก แต่เนื้อหานี่ มันเศร้ามากเลยนะยุน”






      “นั่นสิ่นะ...นี่ สิก้า ร้องเพลงนี้ให้ยุนฟังหน่อยสิ่”

      ร่างสูงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเงียบสักพักราวกับใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
      ก่อนจะขออะไรบางอย่างกับคนรักของเขา

      “ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ ร้องยากจะตาย...”

       

       

       

       

       

      ................................................................................................... 









       

       

      เสียงลมพัดเบาๆ กอปรกับเสียงกิ่งไม้ไหว ไม่ได้ทำให้สถานที่ที่แสนเงียบสงบแห่งนี้
      ดูมีความวุ่นวายหรือครึกครื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
      ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครที่ต้องการความวุ่นวายเหล่านั้นอีกแล้ว
      ความวุ่นวายที่ฉันเพิ่งจากมันมาชั่วคราวเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง


      จะพูดว่าไม่มีใครต้องการก็ไม่ถูก เพราะมันไม่ใช่ไม่มีใครต้องการ
      แต่สถานที่แห่งนี้
      ไม่มีใครแล้วต่างหาก

       





       

      ฉันยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพสีขาวขนาดไม่ใหญ่มากนัก
      ท่ามกลางความเงียบสงบของสถานที่ ที่ซึ่งมีไว้สำหรับผู้ที่หลับใหลไปตลอดกาล
      ตัวหนังสือที่สลักอยู่บนแท่นหินอ่อนนั้นทำให้หัวใจที่อ่อนแรงของฉันไหวอีกครั้ง
      ทั้ง ๆ ที่เตรียมใจว่าจะไม่ร้องไห้แล้วแท้ ๆ....

       









      -------------------------------------------------------------













       

       




       

       



       

       

      “รอนานมั๊ยคะ?”
      ร่างสูงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาอีกคนดูมาถึงก่อนแล้ว พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบโตหนึ่งใบ
      กับกระเป๋าใส่กีต้าร์ที่สะพายอยู่ข้างหลังที่แสนบอบบางของเธอ








      “ไม่นานเท่าไหร่ ก็แค่ยุนช้าอีกนิดรถไฟจะออกแล้ว”
      ร่างบางตอบกลับไปพร้อมยักไหล่เบาๆ ความจริงเธอไม่ได้โกรธหรืออะไร แค่แซวเล่นๆ
      พอเป็นพิธีเฉยๆ ดูสิ่ นัดตั้งแต่หกโมง กว่าจะโผล่มาหกโมงจะครึ่งอยู่แล้ว






      “อ่า ยุนขอโทษนะ พอดียุนหาเจ้านี่อยู่อ่ะ”
      ยุนอาว่าพลางชี้ไปที่กระเป๋าสีดำใบโตที่ดูก็รู้ว่าข้างในบรรจุอะไรอยู่






      “ค่า ไปๆ ขึ้นไปกันเถอะ รถไฟจะออกแล้ว”

      ร่างบางว่าพลางยกกระเป๋าเป้ของตัวเองหมายจะเอาขึ้นพาดบ่า แต่ทว่ามือเรียวอีกคู่หนึ่งของคนข้างๆ
      มารั้งกระเป๋าใบโตไว้ซะก่อน





      “เดี๋ยวยุนถือให้นะ”

       

       





       

      ยุนอามองดูศีรษะของคนรักที่เอนมาพิงไหล่บางๆ ของเธอ
      ในช่วงเวลาที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลามาได้สักพัก

       กระเป๋าเบ้ใบโตสองใบ พร้อมกับกระเป๋ากีต้าร์หนึ่งตัว จับจองพื้นที่ข้างขวาของยุนอาไว้ ตลอดทั้งโบกี้รถไฟ
      มีแค่เธอสองคนเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ บวกกับเส้นทางสายที่เธอไป
      มันเป็นทางไปชนบท ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าสุดสายที่ไหน แต่ยังไงทริปต์นี้ก็ไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว









      ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่คนเริ่มมีประปราย
      บ้างก็ขึ้นมาจากสถานีหนึ่ง ไปลงในอีกสถานีหนึ่ง
      บ้างก็นั่งอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ลงไปในสถานีต่อๆ มา
      มีเพียงหญิงสาวสองคนที่ยังคงนั่งต่อมาเรื่อยๆ ผ่านสถานีแล้วสถานีเล่า
      จนกระทั่งถึงปลายทาง ปลายทางที่ร่างสูงประเมินจากสายตาแล้วว่าเป็นเมืองที่น่าจะเงียบสงบ
      เธอตัดสินใจปลุกอีกคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ที่ไหล่บางของเธอให้ตื่นขึ้นเพื่อลงจากรถไฟขบวนที่นั่งมาร่วมวันได้แล้ว





      “อือออ ถึงแล้วเหรอคะ?”

      ร่างบางตื่นขึ้นบางปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดอ่อนๆ
      ที่สาดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างรถไฟขบวนนี้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ







      “ที่ไหนอ่ะยุน?”

      ยุนอาได้แต่ยิ้มบางๆเป็นการตอบคำถาม
      เพราะเค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่คือที่ไหน
      แต่ไหน ๆ จุดประสงค์การเดินทางครั้งนี้ มันไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว
      บางทีการไปเที่ยวซักที โดยไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า มันก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ
      ปล่อยให้โชคชะตาพาเราไป นั่งรถไฟมาเรื่อยๆ อยากลงตรงไหนก็ลง
      ยิ่งการมากับคนที่รักที่สุดแล้ว ไม่ว่าทริปต์นี้จะออกมายังไง
      ยุนอาก็มั่นใจ ว่าตัวเค้าและหญิงสาวตรงหน้าต้องมีความสุขแน่นอน







      “ไม่แน่ใจค่ะ ลงจากรถไฟกันเถอะ”

      ร่างสูงเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบโตขึ้นพาดบ่าทั้งสองใบ ส่วนกีต้าร์คู่ใจก็ประจำอยู่ที่มือขวา
      โดยร่างสูงไปลืมที่จะเอื้อมมือข้างที่ว่างไปจูงมือคนข้างๆเดินมาด้วยกัน







      “ยุน ไม่ต้องถือหมดก็ได้นะ แบ่งมาบ้าง เดี๋ยวก็ปวดไหล่หรอก”

      เจสสิก้าพยายามที่จะแบ่งปันสัมภาระที่คนรักของเธอเอาไปถือไว้คนเดียวจนหมดโดยไม่ห่วงถึง
      สภาพร่างกายอันแสนบอบบางของตัวเองนัก







      “ไม่เป็นไรหรอก ยุนแข็งแรงจะตาย ถ้ายุนจะปวดไหล่นะ ยังไงมันก็ดีกว่าให้สิก้าปวดอยู่แล้ว”

       





       

      ยุนอาพาร่างที่เต็มไปด้วยสัมภาระของตัวเองกับอีกคนเดินออกมาจากสถานีรถไฟ
      เธอมองไปรอบๆเพื่อหาว่าที่นี่คือที่ไหนและตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนในบริเวณนั้น
      ก่อนจะได้คำตอบว่าเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในจังหวัดคังวอน
      ซึ่งเธอก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเนื่องจากสภาพที่เห็นทำให้ทั้งสองพอใจมากอยู่แล้ว

       






       

      ทั้งสองคนต่อรถยนต์รับจ้างเพื่อออกไปทางชานเมืองอีกนิด  
      การมาเที่ยวในครั้งนี้ พวกเธอต้องการที่ที่สงบจริงๆ
      ไม่ได้ต้องการจะมาในเขตคนพลุกพล่าน หรือสวยงามจนนักท่องเที่ยวแห่มาชมกันไม่ขาดสาย
      ความจริงแค่อยากมาชมความสวยงามของธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริงๆ
      ไม่ได้รังสรรค์หรือแต่งเติมแต่ประการใด

       






       

      ไม่นานยุนอาก็ได้สถานที่ที่ถูกใจ โดยไม่ลืมที่จะถามความเห็นคนของอีกคนด้วย
      สถานที่พักที่เธอได้เป็นรีสอร์ทไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองประมาณ สิบกว่าๆ กิโลเมตร
      ตัวบ้านที่มีไว้สำหรับเป็นที่พักก็ไม่ได้ดูหรูหราโอ่อ่าหรือย่ำแย่
      แต่มันเป็นเพียงบ้านเล็กๆ ที่สภาพโดยรวมจัดได้ว่าดี
      ด้านหลังของรีสอร์ทแห่งนี้เป็นลำธารเล็กๆ ซึ่งไม่ได้ลึกนัก ทำให้เธอยิ่งพอใจเข้าไปอีก

       





       

      นอกจากพวกเธอสองคน มีแขกที่มาพักอีกประมาณหนึ่งหรือสองกลุ่มเท่านั้น 
      สอบถามจากเจ้าของรีสอร์ทก็ได้ความว่ามันยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยวของที่นี่
      ทำให้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนึก ซึ่งจากจุดนี้ทำให้ยุนอาและเจสสิก้ารู้สึกดีใจ
      เพราะพวกเธอไม่ได้ต้องการมาในที่ที่คนพลุกพล่านจริงๆ

       


       

       

       

      “ยุน เก็บของเสร็จแล้วไปเดินเดินเล่นแถวๆลำธารหลังรีสอร์ทกัน”

      เสียงชวนของฉันทำให้ยุนอาที่เพิ่งเก็บสัมภาระเข้าที่พักชั่วคราวเสร็จ
      หันไปมองนาฬิกาไม้เรือนโตที่ประดับอยู่บนฝาบ้านหลังนี้
      นาฬิกาตีบอกเวลาจะห้าโมงเย็นแล้ว ซึ่งเธอก็เห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะกับการเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายดี




      ยุนอาเดินออกจากบ้านมาหาฉันที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูอยู่แล้ว
      โดยไม่ลืมกีต้าร์ตัวเก่งที่สะพายพาดบ่าเล็กๆมาด้วย

       




       

      “ยูนนนน ร้องเพลงให้ฟังหน่อย ได้ป่ะ?”






      “ไม่ร้องได้ป่ะล่ะ?”

      ยุนอาตอบกลับฉันที่กำลังคลอเคลียอยู่ด้านหลังเธอโดยมือก็จับกีต้าร์ออกจากซองสีดำสนิท






      “อื้ออ ไม่ได้ดิ่ ร้องให้ฟังหน่อย นะๆๆๆ”





      “ถ้าไม่ได้แล้วสิก้าจะถามทำไมล่ะคะ วันหลังก็บอกให้ยุนร้องให้ฟังเลยสิ่ หะหะ”

      ฉันลุกจากที่หันหลังชนกันเปลี่ยนเป็นเดินไปนั่งที่ข้างหน้าคนตัวสูงทันที







      “เดี๋ยวนี้กวนใหญ่แล้วนะยุน”






      “ฮ่าๆ เวลาสิก้าทำหน้าบึ้งอ่ะ น่ารักจะตาย”

      ยุนอาเอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มๆ ของฉันเบาๆ ก่อนจะเริ่มหยิบกีต้าร์มาวางพาดที่ขายาวๆของตัวเอง
      และเริ่มดีดมันด้วยนิ้วเรียวๆตามคำขอของฉันทันที








       

      When I think back on these times

      เวลาที่ฉันหวนนึกถึงเวลาเหล่านั้น


      And the dreams we left behind 

      และความฝันที่พวกเราทิ้งมันไว้เบื้องหลัง


      I'll be glad 'cause I was blessed To get to have you in my life 

      ฉันพอใจกับมัน เพราะการมีคุณเข้ามาในชีวิต มันเป็นความสุขของฉัน





       

       

      ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่ายุนอาต้องร้องเพลงนี้  ซึ่งฉันก็ชอบฟังมันเพราะยุนอาเป็นคนร้องนี่แหล่ะ
      ยุนอาเป็นคนทำให้ฉันชอบเสียงเพลง ชอบร้องเพลง
      รวมไปถึงเป็นคนผลักดันให้ฉันมีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องอีกด้วย








      เสียงทุ้มต่ำนิดๆ ในเวลาที่ร้องเพลงนี้ของยุนอายังคงร้องมันต่อไปเรื่อย
      มือเรียวคู่นั้นที่กรีดนิ้วอยู่บนสายกีต้าร์ตัวเก่ง พร้อมทั้งริมผีปากแดงสดที่ขยับเปล่งเสียงแต่ละคำออกมา
      ทุกอย่างช่างลงตัวส่งให้สายตาของฉันไม่อาจละไปจากคนตรงหน้าได้เลย

      ฉันเคยถามยุนอาว่าทำไมถึงชอบเพลงนี้ ทั้งๆที่ฉันไม่เคยชอบมันเลย
      จนกระทั่ง วันที่ริมผีปากเรียวนี้ ดวงดาสุกใสคู่นี้ มือบางมือนี้ ทุกๆสัดส่วนที่เป็นของคนๆนี้
      เป็นคนที่เปล่งมันออกมา ฉันไม่ต้องการคำตอบใดๆอีกแล้ว ทุกอย่างเสริมให้เพลงนี้ดูมีเสน่ห์
      แม้ความหมายของมันจะไม่ตรงกับพวกเราในเวลานี้
      แต่แค่เป็นยุนอา แค่เป็นยุนอาเท่านั้นจริงๆ ไม่ว่าคำใดที่เธอเปล่งออกมา
      สำหรับฉัน มีดีกว่าถ้อยคำหวานซึ้งของคนอื่นเป็นไหนๆ






       


      'Cause I always saw in you my light, my strength 

      เพราะฉันเห็นมันในตัวคุณ ทั้งแสงสว่าง ความเข้มแข็ง


      And I want to thank you now 

      และฉันอยากขอบคุณ คุณในตอนนี้


      For all the ways you were right there for me 

      ในทุกๆอย่าง ที่คุณยังอยู่ที่ตรงนั้น เพื่อฉันเสมอ


      You were right there for me For always 

      คุณอยู่ที่ตรงนั้นสำหรับฉัน เสมอไป




      In my dreams I'll always see you soar above the sky 

      ในความฝันของฉัน ฉันมองเห็นคุณล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า


      In my heart there will always be a place for you For all my life 

      ในหัวใจของฉัน จะยังมีที่สำหรับคุณเสมอ ทั้งชีวิตนี้



      I'll keep a part of you with me 

      ฉันจะเก็บภาพอดีตของเราสองคนเอาไว้


      And everywhere I am, there you'll be

       ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ในทุกๆที่ ที่ฉันอยู่ ที่นั่นจะมีคุณตรงนั้น....

       




       

       

      นั่นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่ฉันได้ฟังมันจากปากของยุนอา หากแต่ฉันรู้เพียงสักนิด ว่านั้น...จะเป็นครั้งสุดท้าย

       

       

       

       

       

       ........................

       

       

      “นี่ สิก้า ไปออดิชั่นที่ SS Ent กัน”

      ยุนอาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงระรื่นในเช้าที่อากาศแจ่มใสของฤดูใบไม้ผลิ
      จุดประสงค์จริงๆ ของยุนอาไม่ใช่ต้องการจะให้ตัวเองไปเป็นนักร้อง
      ต่ยุนอารู้ว่าคนตรงหน้าของเธอต่างหากที่อยากเป็น
      ทั้งๆที่เจสสิก้าเกิดมาพร้อมเสียงที่เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์สำหรับการร้องเพลง
      แต่เจ้าตัวก็ขาดความมั่นใจเกินกว่าจะไปประกวดหรือไปทำอะไรที่ออกนอกหน้านอกตามากเกินไปนัก








      “อื้อ ไม่เอาอ่ะ ไม่กล้า ยุนไปเถอะ สิก้าจะไปให้กำลังใจ”





      “สิก้าไปกับยุนนะ ไปด้วยกัน เผื่อติดทั้งคู่เราจะได้เป็นนักร้องดูโอ้ไง”

      ยุนอาพยายามหาทางดึงดูดความสนใจจากเจสสิก้า
      ความจริงเธอไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก เพราะทั้งใบสมัคร ทั้งอะไรต่อมีอะไร
      เธอส่งประวัติของคนตรงหน้าไปหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าตัวโอเคก็จบ







      ยุนอารู้ดีว่าเจสสิก้าอยากเป็นนักร้องมากแค่ไหน และก็รู้ด้วยว่าเจสสิก้าไม่มีทางยอมไปออดิชั่นง่ายๆ แน่
      เธอเลยตัดสินใจส่งประวัติตัวเองไปด้วย  ยังไงเธอก็ไม่ติดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วง
      ต่กับร่างบางตรงหน้า ขอแค่เธอกล้าพอที่จะร้องมันออกมาอย่างสุดความสามารถเถอะ
      ค่ายเพลงที่ไหนไม่รับไว้นะ คงต้องขอไปดูหน้าคนตัดสินหน่อยแล้ว




      “เอาจริงอ่ะยุน? แต่สิก้ายังไม่พร้อมเลยนะ”





      “รอสิก้าพร้อมยุนไม่ได้เป็นนักร้องกันพอดี นี่ๆ สิก้าร้องเพลงนี้นะ ยุนอยากฟัง”

      เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ยุนอาขอให้เจสสิก้าร้องเพลงเดิมๆ
      เพลงที่เปรียบเสมือนเพลงประจำตัวของเธอ
      …There you’ll be







      “อือ ไม่เอาอ่ะ สิก้าร้องไม่ได้หรอกยุน เพลงนี้น่ะ ต้องยุนเท่านั้นรู้มั๊ย”






      “อ่า โอเค ไม่เอาเพลงนี้ก็ได้ นี่แสดงว่าสิก้าจะยอมไปกะยุนแล้วใช่ป่ะ เยส!!!!

       

       

       

       

       .........................................

       

       

       

       

       

      “คนต่อไป คุณ อิม ยุนอา เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ”

      เสียงเรียกจากสต๊าฟที่เดินออกมาจากห้องโถงขนาดใหญ่ภายใต้บริษัท SS Ent
      ทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งกุมมือกันอยู่หน้าประตูห้องถึงกับสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าคิวของตัวเองจะมาถึงเร็วขนาดนี้




      “ยุน คิวยุนแล้ว สู้ๆนะ”

      เจสสิก้าจับมือยุนอาเขย่าๆเบาก่อนที่ร่างสูงจะลุกยืนขึ้นพร้อมกีต้าร์คู่ใจตัวเดิมแล้วหันมายิ้มกว้าง
      โชว์ฟันขาวแล้วเดินหายเข้าไปในประตูบานโต



       

       





       

      “คุณอิม ยุนอา ใช่มั๊ยคะ?”

      เสียงของใครซักคนในบรรดาคณะกรรมการหรืออะไรซักอย่างที่นั่งเรียงรายอยู่ประมาณสี่ถึงห้าคน
      ถามขึ้นในขณะที่เด็กสาวร่างสูงหน้าตาจัดว่าดีคนหนึ่งเข้ามายืนข้างหน้าพวกเขา








      “ค่ะ ดิฉัน อิม ยุนอา ค่ะ”





      “โอเคค่ะ คุณยุนอา งั้นเริ่มการแสดงได้เลยค่ะ”

      เสียงของบุคคลเดิมที่ยังคงก้มหน้ามองกระดาษที่มีรูปของตัวเองติดอยู่ทำให้ยุนอาเงียบไปซักพักก่อนจะพูดขึ้น







      “ก่อนที่ฉันจะแสดง ฉันมีเรื่องเรื่องอยากจะพูดก่อนค่ะ….
      การมาออดิชั่นของฉันในครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะเข้าเป็นนักร้องหรือเด็กฝึกของที่นี่นะคะ
      แต่ฉันมาเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่จะมาออดิชั่นในวันนี้เช่นกัน
      ดังนั้น ฉันจะแสดงอย่างสุดความสามารถและไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
      ฉันก็จะขอขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาอันมีค่ามาทนรับชมและรับฟังฉันค่ะ”


      หลังจากการพูดประโยคอันยืดยาวของยุนอา
      ทำให้ทุกบุคคลในห้องละความสนใจจากกระดาษหรืออะไรเพื่อมามองเด็กที่มาในวันนี้
      ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครที่มาออดิชั่นโดยไม่ได้หวังจะเป็นนักร้องมาก่อน








      ยุนอาหยิบกีต้าร์คู่ใจขึ้นมาก่อนจะเล่นเพลงที่เปรียบเสมือนเพลงประจำตัวของเธอเอง เพลงที่เธอรักมันมากที่สุด

       


       

      When I think back on these time.....

      And the dreams we left behind.....




      ทันทีที่เสียงของยุนอาเริ่มร้องในท่อนแรกขึ้นมา
      แม้มันจะไม่ใช่เสียงที่ทรงพลัง หรือก้องกังวานใส
      แต่ทว่า เสน่ห์จากตัวนักร้องเองเสริมให้เพลงดูมีเสน่ห์และเข้าถึงอารมณ์มากขึ้นจนน่าตกใจ
      ทุกคนในห้องโถงกว้างต่างจับจ้องไปที่เด็กสาวเพียงคนเดียว
      พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆมาเด็กคนนี้จะเป็นเพชรเม็ดงามต่อวงการมากแค่ไหน หากผ่านการเจียระไนจนถึงที่สุด







      ริมฝีปากของยุนอายังคงเอื้อนเอ่ยเนื้อเพลงที่จำแม่นราวกับฝังอยู่ในส่วนลึกสุดของหัวใจไปเรื่อยๆ
      ในขณะที่ทุกสายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่เธอเช่นกัน
      บทเพลงดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงท่อนท้ายสุดที่ต้องปลดปล่อยพลังเสียงออกมา
      แม้นยุนอาจะทำมันได้ไม่ดีเท่าต้นฉบับหรือนักร้องคนไหนๆ
      แต่ความสามารถการดึงดูดความสนใจจากทั้งคนที่รับและรับฟัง
      เป็นความสามรถเฉพาะที่หาไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ








      ทันทีที่เพลงจบลงพร้อมนิ้วเรียวที่ดีดสายกีต้าร์เป็นเสียงสุดท้ายดังขึ้น
      ยุนอาก็ลุกขึ้นยืนและโค้งให้เหล่าผู้ชมในการแสดงขนาดเล็กนี้ทันที








      ก่อนที่ยุนอาจะเดินออกจากห้องไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเพื่อนรั้งยุนอาให้พูดคุยกับพวกเขาต่อ


      “เดี๋ยวค่ะ คุณยุนอา”



      “คะ?”



      ยุนอาหันหลังกลับไปหาต้นเสียงก่อนจะพบว่าเป็นคนเดียวกับที่เป็นคนเอ่ยถามชื่อของเธอในตอนต้น





      “คุณ….ไม่สนใจที่จะเป็นศิลปินในสังกัดเราจริงๆเหรอคะ?”

      เมื่อได้ยินดังนั้น ยุนอาก็ชี้มาที่ตัวเองเป็นเชิงถามว่าหมายถึงเธอใช่มั๊ย
      เมื่อได้รับคำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้า ทำให้ร่างสูงคลี่ยิ้มบางๆออกมาทันที








      “ค่ะ ฉันไม่ได้มาเพื่อที่จะเป็นนักร้องค่ะ แต่คนที่พวกคุณต้องพบต่อไปนี้ต่างหาก
      ที่พวกคุณควรจะพิจารณาเค้าอย่างจริงๆ จัง ๆ ยังไงก็ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

      ยุนอาโค้งให้เหล่าผู้ตัดสินก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อตามตัวคนที่เป็นจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเธอทันที

       




       

      “ยุนนน เป็นไงบ้าง”

      เสียงใสถามขึ้นทันทีที่เห็นคนรักเดินออกมาจากประตูบานโต
      เธอนั่งภาวนาให้ยุนอากับเธอผ่านการออดิชั่นครั้งนี้ไปพร้อมกัน
      เพื่อความฝันของเธอและความฝันของคนตรงหน้านี้ด้วย(?)







      “อื้อ สบายมาก ต่อไปคิวสิก้าแล้วนะ ”





      “ตื่นเต้นจังเลยอ่ะยุน”

      ร่างบางพูดเสียงอู้อีในขณะโผเข้ากอดยุนอาแบบหลวมๆ






      “สู้ๆนะ ยุนจะคอยเชียร์สิก้าอยู่ข้างนอกนี่ สิก้าต้องทำได้รู้มั๊ย
      ถ้าสิก้ากลัวให้นึกว่าทุกคนในนั้นเป็นยุน โอเคมั๊ย?”

      ยุนอาผละคนรักออกเล็กน้อยแล้วเกลี่ยปอยผมที่ร่วงลงมาให้กลับไปทัดที่ใบหูเล็กๆนั่นเบาๆ






      “วันนี้สิก้าของยุนสวยที่สุดรู้รึเปล่า แถมเสียงยังเพราะที่สุดด้วยไปเร็ว เค้าออกมาเรียกแล้ว”

       

       

       








      .......................................




       

       

      “ค่ะ...ใช่ค่ะ...ค่ะ....จริงเหรอคะ! ขอบคุณมากค่ะ!

      เสียงใสที่พูดในขณะที่ยุนอากำลังสำรวจความเรียบร้อยของกีต้าร์คู่ใจอยู่ต้องละสายตาจากของตรงหน้าไปหาเธอทันที





      “ใครโทรมาเหรอสิก้า?”

      ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบดี ร่างบางก็โผเข้ามากอดเธอทันที






      “ยุน!!!



      “หืม!? มีอะไรเหรอ?”

      ยุนอาถามขึ้นพลางลูบเรือนผมของคนรักที่กำลังกอดเธอแน่นเบาๆ







      “ยุน สิก้าจะได้เป็นนักร้องแล้ว!

      ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดของยุนอาแต่มือยังคงโอบอยู่รอบคอของคนรักแน่น







      “หืออออ? จริงดิ่ เย่ สิก้าทำได้แล้วนะ!

      ยุนอาผละออกจากเจสสิก้าแล้วกระโดดขึ้นด้วยความดีใจแทนคนรักของเธอทันที






      “อื้อ เมื่อกี๊เข้าโทรมาบอกให้ติดต่อเข้าไปอีกรอบแหล่ะยุน”






      “ไปๆๆๆ สิก้า พรุ่งนี้เลย!

      ยุนอาร้อนใจถึงขนาดเตรียมวิ่งเข้าบ้านอยากจะเก็บเสื้อผ้าเข้าโซลซะเดี๋ยวนั้นเลย






      “เดี๋ยวยุน! แล้วยุนล่ะ!?”

      คำตอบของอีกคนทำให้ร่างสูงเงียบไปทันที ไม่ใช่ว่าเสียใจหรืออะไรนะ
      ต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง เมื่อวานมีโทรศัพท์เข้ามาจากบริษัท
      SS แล้ว
      แต่เธอยังคงยืนยันคำเดิม คนที่จะเป็นนักร้อง มีเพียงเจสสิก้าเท่านั้น
      กอย่าง ถ้าเธอได้เป็นนักร้อง คงไม่คุ้มหรอกมั๊ง?







      “อย่าหลบตาสิ่คะ มีอะไรรึเปล่า? ยุนไม่ติดเหรอ? เค้าอาจจะแค่ยังไม่ติดต่อมาก็ได้”

      เจสสิก้าที่เข้าใจว่าคนรักหลบตาไปเพราะเสียใจ ค่อยๆเอื่อมมือไปจับที่ใบหน้าเรียวของยุนอาให้หันมามองทางตัวเอง






      “อือ ไม่เป็นไรหรอกสิก้า ยุนไม่ติดหรอก....ไปๆ ไปเก็บของกัน จะได้เข้าโซลพรุ่งนี้เลย”

      ร่างสูงส่งยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า แล้วเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะยุ่งยากไปมากกว่านี้ทันที






      “ไม่ไปหรอก ถ้าไม่ได้เป็นกับยุน สิก้าก็ไม่อยากเป็นนักร้องหรอก”

      เจสสิก้าเริ่มงอแงทำให้ยุนอาลำบากใจเล็กน้อย





      “ไม่เอาหน่า นี่เป็นความฝันของสิก้าเลยนะ อย่าให้มันมาล่มเพราะยุนสิ่
      ไม่ได้ร้องกับยุนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงยุนก็ยังอยู่กับสิก้าอยู่แล้ว
      สิก้าว่างเมื่อไหร่เราค่อยมาร้องเพลงด้วยกันก็ได้นิ่ จริงมั๊ยคะ?”







      “ไม่เอานะ

      ยุนอาดึงร่างบางที่กำลังงอแงมากอดหลวมๆ กอดจะพูดขึ้น






      “ถ้ายุนไม่ได้เป็นนักร้อง สิก้าก็ทำแทนยุนสิ่ ทำแทนความฝันของยุน
      แทนความฝันของสิก้าด้วย ถ้าสิก้าปฏิเสธการเป็นนักร้องเพราะยุน
      ยุนไม่ดีใจหรอกนะ ยุนอยากให้สิก้าทำสิ่งที่อยากทำ ทำมันแทนยุน
      ได้มั๊ย?”








      “แต่สิ่งที่สิก้าอยากทำคืออยู่กับยุนนะ






      “แล้วใครบอกว่าถ้าสิก้าเป็นนักร้องแล้วเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ
      ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากัน เราก็บยังคุยโทรศัพท์ได้นิ่
      ถ้าสิก้าไม่ว่าง ยุนไปหาก็ได้ จริงมั๊ย?”



      ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน แต่ยุนอาก็รู้ดีว่าเจสสิก้าคงไม่อยากพูดอะไรตอนนี้
      การเป็นนักร้องคือความฝันลึกๆ ของเจสสิก้าที่เธอรู้มาตลอด
      ยังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยให้คนตรงหน้าละทิ้งความฝันเพราะเธอแน่ๆ








      “เลิกคิดมากได้แล้วค่ะ ไป ไปเตรียมของกัน”

       

       

       

       
       

       

       ....................................

       

       

      [วันนี้เป็นไงบ้างสิก้า เหนื่อยมากมั๊ยคะ?]

      เสียงที่ถูกถ่ายทอดมาตามสาย ทำให้คนปลายสายหากจากการเหนื่อยทั้งปวงแบบปลิดทิ้งเลยทีเดียว






      อือ เหนื่อยมากเลยยุน คิดถึงยุนด้วย”

      เจสสิก้าพูดประโยคหวานๆออกมาจากใจเธอจริงๆ
      เธอคิดถึงคนอีกฟากของโทรศัพท์เครื่องนี้มากๆ
      คนที่ช่วยหนุนหลังเธอในยามที่เหนื่อย อยู่เคียงข้างเธอในยามที่ท้อ
      แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่แค่คำพูดของยุนอาก็ทำให้หัวใจของเธอชุ่มชื้นขึ้นเป็นกองแล้ว









      [อือ เดียวอีกวันสองวันนี้ยุนว่าจะเข้าโซลแหล่ะ]

      คำบอกกล่าวของปลายสายทำให้เจสสิก้ายิ้มออกทันที
      แต่พอนึกๆดูแล้ว ยุนอาต้องลำบากเดินทางไปมาเพื่อเธอคนเดียวเลย







      “ยุน ไม่ต้องหรอก สิก้าอยู่ได้ กว่าจะมาถึงนี่ เดินทางไปเดินทางมาเหนื่อยจะตาย”

      ความจริงเธอไม่ได้เจอยุนอานานมากแล้ว เกือบสามเดือนได้
      แต่หากแค่ความรู้สึกเล็กน้อยๆ ของเธอทำให้ยุนอาต้องทนเหนื่อยเดินทางมาถึงนี่
      ตัวเธอเองคิดว่ามันดูจะไม่ยุติธรรมกับยุนอาไปซักหน่อย






      [เจอหน้าสิก้ายุนก็หายเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก]






      “ค่าๆ แล้วแต่ยุนละกันยุน! สิก้าลืมบอก สิก้าจะได้เดบิวต์แล้วนะ!

      หลังจากที่ตกลงเรื่องการมาของยุนอาเสร็จ เจสสิก้าก็นึกเรื่องสำคัญที่เธอเพิ่งดีใจจนแทบเป็นลมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนได้
      ความจริงเธอกะจะโทรบอกยุนอาอยู่แล้ว
      แต่พอยุนอาโทรมา เธอก็ลืมเรื่องที่จะพูดหมดเลย





      [จริงดิ่!!!!  งี้ต้องฉลองแล้ว เอาเป็นว่ายุนไปพรุ่งนี้เลยแล้วกัน เจอกันนะสิก้า ยุนไปเก็บของแล้ว ฝันดี บาย!]

       

       

       

       

       

       

       ..........................................




       

      “ฮื่อออ ยุน หลับรึยัง?”

      เสียงใสถามขึ้นทันทีที่ปลายสายรับโทรศัพท์ เธอว่าพลางมองนาฬิกาไปด้วย
      ไม่ใช่ว่าไม่รู้เวลาโทรไปหาเอาเวลาใกล้จะตีหนึ่งอยู่รอมร่อ
      แต่ตารางงานที่แสนจะอัดแน่นของเธอเพิ่งจบลงเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี่เอง







      [ยังค่ะ รอส่งนักร้องสาวสวย เจสสิก้า จอง เข้านอนอยู่]

      เป็นอีกครั้งที่เสียงตอบรับจากยุนอาทำให้เธอมีแรงที่จะก้าวต่อไปได้
      ตอนนี้งานของเธอกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้ยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างถึงขนาดคนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง
      แต่ถ้าเจาะกลุ่มวัยรุ่นช่วงนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักนักร้องสาวดาวรุ่งมาแรง เจสสิก้า จอง แน่นอน






      ยุนอายังคงดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย
      แม้บางทีเธอจะยุ่งมากจนไม่มีเวลามากพอที่จะโทรหาเค้า
      แต่ยุนอาก็เข้าใจทุกๆอย่าง ทุกงานที่เป็นงานเปิด ให้แฟนคลับหรือบุคคลภายนอกเข้าไปได้
      คนที่เธอมั่นใจว่าจะมา และมองหาเป็นคนแรกคือยุนอาเสมอ
      ถึงแม้งานปิด เธอก็ยังไม่ลืมที่จะชวนยุนอามาด้วย
      ซึ่งยุนอาไม่เคยทำให้เธอต้องรอ เค้ามาหาเธอได้ทุกครั้งที่เธอต้องการ









      “ยุน ได้ดูรายการเพลงวันนี้รึเปล่า?”

      เธอเริ่มประเด็นคุยเรื่องนู่นเรื่องนี้ไปตามปกติ เธอเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยุนอาฟังเสมอ
      ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่ไหน ยุนอาก็พร้อมที่จะรับฟังเธอเสมอ







      เจสสิก้าคุยไปเรื่อยๆพลางนึกถึงครั้งล่าสุดที่ได้พบหน้ายุนอา
      มื่อครั้งงานประกาศรางวัลครั้งล่าสุด คนรักของเธอดูเปลี่ยนไปมากทีเดียว
      ไม่รู้ใครจะว่ายังไง แต่ในสายตาเจสสิก้า ยุนอาดูดีมากๆ
      อาจจะเป็นชุดที่ใส่มา หรือ อายุที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม วุฒิภาวะที่มากขึ้นด้วย







      หลังจากคุยกันร่วมชั่วโมงซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั้งคู่
      เจสสิก้าก็ขอตัวไปนอนก่อนเพราะพรุ่งนี้เธอยังมีงานเช้าอีก
      หากเธอนอนดึกมากกว่านี้เป็นไปได้ว่าอาจะตื่นไม่ไหวและเธอจะโดนพี่ผู้จัดการเฉ่งเอา



      [ฝันดีนะคะ คนดีของยุน…]

       

       

       




      ............................................

       

       
       

       

      เป็นงานที่สี่แล้วที่ฉันไม่เห็นยุนอาเหมือนที่ผ่านๆมา เรายังคงคุยกันเป็นประจำ
      แต่การพูดคุยฟังเสียงเหมือนจะลดน้อยลง ยิ่งการพบหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง
      ช่องทางการติดต่อหลักของพวกเราเปลี่ยนมาเป็นการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์เครื่องเดิมแทน
      ทั้งนี้เป็นเพราะตารางงานอันแน่นขนัดของฉัน
      รวมถึงยุนอาที่ค่อนข้างยุ่งกับอะไรซักอย่าง
      ฉันพยายามเข้าใจว่ายุนอายุ่งมากจริงๆ
      แต่บางทีความน้อยใจเล็กๆ มันก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว







      พักหลังยุนอามักจะติดธุระเสมอในงานสำคัญๆ ของฉัน
      ไม่สิ่ อาจจะทุกงานเลยก็ได้ ฉันพยายามที่จะหาวันหยุดเพื่อที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านของฉัน
      ซึ่งดูเหมือนว่ายุนอาจะเป็นคนดูแลให้อยู่
      รวมทั้งคนที่ฉันรักมากที่สุดเพียงคนเดียว คนที่เป็นเหมือนทุกสิ่งของฉัน
      แต่ในสถานะของฉันตอนนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
      ที่จะหาเวลาว่างมากพอที่จะนั่งรถจากที่นี่ไปที่ไหนๆแบบส่วนตัวโดยไม่มีใครติดตามหรือจำได้

      ฉันไม่ได้อวยตัวเองหรอกนะ แต่ตอนนี้ ฉันคิดว่า สำหรับคนที่พอจะติดตามวงการเพลงอยู่บ้าง
      ไม่น่าจะมีใครที่ไม่รู้จักฉันแล้วล่ะ ก็ฉันเดบิวต์มาได้สองปีจะครึ่งอยู่แล้ว
      ยิ่งนานเท่าไหร่ฉันยิ่งรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างฉันกับยุนอายิ่งเพิ่มมากขึ้น
      ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ฉันก็มั่นใจว่าความรักที่ฉันมีให้ยุนอา และความรักที่ยุนอามีให้ฉัน มันไม่มีทางน้อยลงแน่ๆ








      “ลำดับต่อไปจะเป็นการประกาศรางวัล ศิลปินเดี่ยวยอดเยี่ยมฝ่ายหญิงนะคะ เชิญรับชมผู้เข้าชิงทั้ง 5 คนได้เลยค่ะ!

      ทันทีที่พิธีกรสาวพูดจบ จอขนาดยักษ์ด้านหลังก็ฉายภาพแนะนำชื่อผู้เข้าชิงทั้งสาม
      ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเจสสิก้า จอง ศิลปินสาวที่กำลังมาแรงในขณะนี้ด้วย







      “ค่ะ และสำหรับคนที่ได้รับรางวัลนี้ไปนะคะได้แก่ คุณ.............................จอง เจสสิก้า ยินดีด้วยค่ะ!!!!

      เสียงปรบมือแสดงความยินดีดังขึ้นอื้ออึง
      ในขณะที่นักร้องสาวก้าวออกจากโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่เพื่อขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้
      ทันทีก้าวขึ้นไปยืนบนเวที สายตาเรียวกวาดมองรอบๆ แล้วกล่าวขอบคุณทุกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จครั้งนี้
      ละไม่ลืมที่จะพูดถึงบุคคลสำคัญที่สุด แม้นจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา
      ต่เธอหวังลึกๆว่าเค้าจะมองเธออยู่จากโทรทัศน์หรือทางใดๆ ก็ตาม และรับรู้ถึงมัน
      ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างๆหนึ่งที่ดูคุ้นเคย
      ร่างสูงในชุดคลุมมิดชิดกับหมวกแก็ปใบไม่ใหญ่มาก แต่กลับบดบังใบหน้าเรียวได้อย่างเหมาะเจาะ
      ด้วยความคุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอมองไม่ผิดแน่ๆ
      ด้วยความคิดถึง ความโหยหาสัมผัส
      ทุกๆอย่างส่งให้เธอก้าวท้าวลงจากเวทีเร็วขึ้นโดยไม่ลืมที่จะก้มหัวเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้









      ร่างบางกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อที่จะได้ไปถึงอีกคนเร็วขึ้น
      แต่ด้วยความที่รางวัลนี้เป็นรางวัลค่อนข้างใหญ่
      เพื่อนนักร้องนักแสดงของเธอหลายคนต่างกรูกันเข้ามาแสดงความยินดีกับเธอ
      กว่าที่จะผละออกจากพวกเขาเหล่านั้นได้ร่างสูงก็พลันหายไปซะแล้ว

       





       

       

      ทันที่เธอกลับมาถึงคอนโดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับชื่อคนเดิมที่ปรากฏบนหน้าจอ
      คนที่เธอคิดว่าเพิ่งเจอไปเมื่อสักครู่ ซึ่งงานนี้มีแววต้องเคลียกันซักหน่อยแล้ว ข้อหาที่นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป








      [ยินดีด้วยนะคะ นักร้องหญิงยอดเยี่ยม]

      เสียงที่ทักขึ้นมาจากปลากสายทำให้เจสสิก้าลืมความน้อยใจเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น
      เธอไม่เคยโกรธหรือเคืองยุนอาได้นานซักที
      แค่เสียงๆ นี้พูดขึ้นมาเธอก็แทบจะลืมทุกอย่างในใจไปหมดแล้ว








      “อื้อ

      ร่างบางตอบกลับไปพลางอมยิ้มอยู่คนเดียว ซึ่งยุนอาก็สามารถเดาจุดนี้ได้ดี







      [รู้มั๊ย ยุนลุ้นแทบตายตอนเค้ากำลังจะประกาศรางวัลน่ะ]

      เจสสิก้าลองคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น บางทีเธออาจจะคิดถึงยุนอามากจนตาฝาดไปเองล่ะมั๊ง
      ถ้าเป็นยุนอาจริง เค้าไม่น่าจะกลับแล้วโทรหาเธอทันในตอนนี้







      “อือแล้วยุนเป็นไงบ้าง เสียงดูไม่ค่อยดีเลย เป็นหวัดเหรอ?”

      เสียงของยุนอาที่ส่งมาตามสายดูแหบและอ่อนแรงมากจนเธอออดเป็นกังวลไม่ได้







      [อ่อ ใช่ๆ ยุนเป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวก็หายแล้ว]






      “ดูแลตัวเองดีๆนะยุน สิก้าเป็นห่วง”





      [ค่า สิก้าด้วยแหล่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าดหมงานหนักมาก ยุนเป็นห่วงเหมือนกัน
      ไปนอนได้แล้วนะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก แม่นักร้องขี้เซา]

      คำแซวจากยุนอาทำให้เจสสิก้าอดยิ้มไม่ได้ และยอมไปนอนตามที่ยุนอาบอกแต่โดยดี
      บางทีเดือนสองเดือนหน้า น่าจะขอให้พี่ผู้จัดการหาวันหยุดให้ซักอาทิตย์ก็ดีมั๊ง

       

       
       

       

       

       .........................................


       

       

      ฉันคุยกับพี่ฮโยยอนได้แล้วเรื่องวันหยุดยาวซักห้าถึงเจ็ดวัน
      ซึ่งพี่ฮโยก็เข้าใจถึงจุดนี้และพยายามเคลียตารางเวลาให้ฉันอย่างเต็มที่
      ตามกำหนดการมันเป็นอีกสองสัปดาห์หลังจากนี้
      กลายเป็นว่าระยะนี้ ฉันต้องโหมงานหนักมากทีเดียว แต่เพื่อผลดีที่ตามมาทีหลัง มันถือว่าคุ้มทุน

       

      ระยะนี้ฉันได้คุยกับยุนอาน้อยมากๆ การโทรคุยกันเรียกได้ว่าแทบไม่มีเลยทีเดียว
      นื่องจากตารางที่อัดแน่นยิ่งกว่าปกติของฉันถึงสองเท่า
      ส่งผลให้การปลีกเวลามาส่งข้อความก็ยิ่งแทบจะไม่มี
      พอกลับถึงคอนโด ฉันก็เพลียมากเกินที่จะกดโทรศัพท์หรือคุยกับใครแล้ว
      ฉันคิดถึงยุนอามากๆ แต่แค่คิดว่าอีกไม่กี่วันก็จะได้เจอกันแล้ว ความเหนื่อยของฉันก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย

       

       

       

       

       

       ...............................

       

      ในที่สุด วันที่ฉันรอคอยก็มาถึง พี่ฮโยยอนอาสาขับรถมาส่งฉันที่บ้านต่างจังหวัดด้วยตัวเอง
      ความจริงกึ่งๆ หน้าที่ด้วยแหล่ะ เพราะขืนฉันนั่งรถเมล์รถไฟมาคนเดียว
      ชาวบ้านได้แตกตื่นกันทั้งบางแน่ๆ
      เกือบสองอาทิตย์มานี้ ไม่มีแม้ซักข้อความจากยุนอาเลย
      ส่วนตัวฉันก็ไม่ได้ส่งอะไรไปเช่นกัน ไหนๆก็จะเจอกันแล้ว ฉันอยากเซอร์ไพร์สยุนอาบ้าง












      ฉันบอกให้พี่ฮโยจอดส่งฉันที่หน้าปากซอยบ้าน ซึ่งบ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นเท่าไหร่นัก
      ถัดจากบ้านฉันก็เป็นบ้านยุนอาแล้ว ฉันเอากระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเก็บในบ้านตัวเองก่อนจะไปกดกริ่งที่บ้านยุนอา
      อยากรู้ว่ายุนจะทำหน้ายังไงน๊า ถ้าเห็นฉันมาแบบนี้







       

      ติ๊งต่องงงงง

       





       

      หลังจากกดกริ่งที่หน้าบ้านได้ไม่นาน ประตูบ้านก็เปิดออก
      ฉันวิ่งเข้าไปหลบหลังประตูรั้วทันที

      อิอิ ต้องเซอร์ไพร์สซักหน่อย พอหอมปากหอมคอ




      “ใครมากดกริ่….




      “ยุนอา!! อ่าว เอ่อ พี่ยูริ สวัสดีค่ะ”





      “สะ สิก้า”

      ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่คนมาเปิดประตูเป็นพี่ยูริไม่ใช่ยุนอา
      ก็จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อปกติพี่ยูริแทบไม่เคยกลับมาบ้านเลย
      พี่ยูริทำงานอยู่ที่อื่น ร้อยวันพันปีถึงจะกลับมาบ้านทั้งที


      ตัวพี่ยูริเองก็ดูตกใจไม่น้อยที่เห็นฉันเช่นกัน






      “พี่ยูริคะ ยุนอาล่ะคะ?”

      ฉันถามคนตรงหน้าไป แต่คำตอบที่ได้มากลับกลายเป็นความเงียบ
      พร้อมกับพี่สาวของคนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่







      “อยู่ในบ้านเหรอคะ? พี่ยูริอย่าบอกยุนอานะคะว่าสิก้ามา”

      ฉันเตรี๊ยมกับพี่ยูริแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านทันที แต่เสียงของพี่ยูริเรียกฉันไว้ก่อน






      “สิก้าเดี๋ยว ยุนอา ไม่อยู่ในนั้นหรอก





      “เอ๋?ไม่อยู่บ้าน? แล้วยุนอาไปไหนคะ?”

      ฉันถามพี่ยูริกลับไป นี่มันวันเสาร์นะแถมเพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองด้วย ยุนอาจะออกไปไหนแต่เช้าขนาดนี้?







      “พี่หมายถึง ยุน มะไม่อยู่แล้ว

      เสียงของพี่ยูริสั่นเครือเล็กน้อยตอนที่ตอบคำถามฉัน ไม่อยู่แล้วหมายความว่ายังไง?





      “หมายความว่ายังไงคะ? ย้ายที่อยู่อย่างนั้นเหรอคะ? พี่ยูริพาสิก้าไปหายุนได้มั๊ยคะ?”

      อะไรกัน ยุนอาย้ายที่อยู่อย่างนั้นเหรอ? ทำไมไม่บอกฉันซักคำ สงสัยงานนี้ต้องคุยกันยาวแล้ว




       

      ฉันมัวแต่สนใจเรื่องของยุนอาจนไม่ได้สนใจใครอีกคนที่ฉันเพิ่งบอกให้เธอพาฉันไปหายุนอาเมื่อซักครู่นี้เลย

       



       

       



       

      “พี่ยูริพาสิก้ามาที่นี่ทำไมคะ?”

      ฉันถามขึ้นเมื่อรถของพี่ยูริจอดลงที่หน้าสถานที่เงียบสงบอย่างสุสานประจำหมู่บ้านนี้







      “ยุนอาไม่ได้อยู่กับเราแล้วสิก้า..

      ฉันขมวดคิ้วทันทีที่ได้ฟังคำพูดจากพี่สาวแท้ๆของคนรัก
      น้ำเสียงสั่นเครือแล้วน้ำใสๆที่คลอรอบดวงตานั้น
      ทำให้ให้ฉันไม่อาจพูดได้เลยว่าทุกคำพูดที่เธอพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง








      “พ พี่ พี่ยูริอย่าโกหกสิก้าสิ่คะ

      ดวงหาของฉันเริ่มเห่อร้อนขึ้นบ่งบอกถึงน้ำใสๆ ที่กำลังตามมาไม่ช้านี้
      ไม่สิ่ พี่แกอาจจะแค่แสดงเหมือนจริงไปหน่อยก็ได้








      “ยุนไปแล้วสิก้ายุนไปแล้ว ฮึก ฮือ”

      พี่ยูริก้มลงปิดหน้าด้วยสองมือของตัวเอง
      เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมายิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
      คำถามมากมายประดังเข้ามาหาฉันไม่หยุดหย่อน มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
      นี่ฉันมัวแต่ห่วงจะกลับมาที่นี่จนไม่ได้สนใจยุนอางั้นเหรอ?





      “มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ”

       

       

       


       

       








       

       

      เจสสิก้า จอง ของ อิม ยุนอา




      เสียงจากคลิปวีดิโอที่ฉันเพิ่งได้รับจากพี่ยูริเมื่อซักครู่ ทำให้หัวใจของฉันไหวอีกครั้ง
      น้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไปเริ่มเอ่อคลอรอบดวงตาเล็กน้อย และคาดว่าจะไหลลงมาเรื่อยๆ
      ฉันโทษตัวเองย้ำๆว่าทำไมไม่สนใจคนรักให้มากกว่านี้
      ถ้าฉันกลับมาเร็วกว่านี้ซักเดือน หรือสองเดือน บางทีมัน
      อาจจะไม่เป็นแบบนี้







      กว่าสิก้าจะได้ดูคลิปนี้ สิก้าคงรู้ความจริงหมดแล้วสินะ
      อ่าาาาาา ยุนขอโทษนะที่ไม่ได้บอกความจริงสิก้า ยุนไม่อยากให้สิก้าเป็นห่วงน่ะ…’









      “ฮึก ยุนอา! คนบ้า!





      ตอนนี้สิก้าต้องกำลังด่ายุนอยู่แน่ๆ ร้องไห้ด้วยใช่มั๊ยล่ะ?
      ด่าได้แต่ห้ามร้องไห้นะ เป็นนักร้องแล้ว เดี๋ยวไม่สวย
      …’


      ร่างสูงในคลิปเงียบลงอีกครั้ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นอีก




      เสียดายเวลาเหมือนกันนะ มันผ่านไปเร็วมากๆ
      แต่ยุนไม่เสียใจหรอกนะ ทุกความฝันของยุนคือสิก้านะ
      สิก้าประสบความสำเร็จมันก็เท่ากับยุนประสบความสำเร็จด้วย
      ฟังดูเห็นแก่ตัวจัง ไม่ได้ทำอะไรแต่ประสบความสำเร็จซะงั้น ฮ่าๆ

      หยุดร้องไห้ได้แล้ว เลิกโทษตัวเองด้วย รู้นะ กำลังคิดมากอยู่ใช่มั๊ยล่ะ
      สิก้าทำดีที่สุดแล้ว ในทุกๆเรื่องเลย เป็นคนรักที่ดีที่สุดของยุน
      ดีมากกว่ายุนเป็นร้อยเป็นพันเท่าแน่ะ ยุนมันไม่ได้เรื่องจริงๆ
      นี่
      ถึงยังไง ยุนก็ไม่ได้ไปไหนซักหน่อย........ยุนยังอยู่กับสิก้าเสมอนะ

      เวลานึกถึงยุน เรายังมีความทรงจำที่เคยใช่ร่วมกัน

      วันเวลาดีๆ ที่มี สิก้าลองมองไปรอบ ๆ สิ่ ยุนอยู่รอบตัวสิก้าเสมอ
      ของทุกอย่างของยุน สิก้าหยิบมันมาใช้ได้หมดเลยนะ ของยุนก็เป็นของของสิก้านั่นแหล่ะ
      …’



      เจสสิก้ามองไปรอบๆห้องที่มีความทรงจำของเธอกับยุนอาเต็มไปหมด
      กีต้าร์ตัวนั้น กระเป๋าใบนั้น แม้แต่โทรศัพท์ที่เธอถืออยู่เครื่องนี้
      ของยุนอา





      หรือถ้านึกไม่ออกจริงๆ ดูคลิปนี้ก็ได้นะ แต่น่าเสียดาย สภาพยุนตอนนี้มันอาจจะดูแย่ไปซักหน่อย ฮะๆ
      นี่ยุนเพิ่งกลับจากโซลมาได้ไม่นานเอง เพิ่งวางสายจากสิก้าด้วย 
      ยุนล่ะกลั๊วกลัวสิก้าจะเห็นตอนยุนไปงานรับรางวัล
      เห็นป่ะๆ คนที่หล่อๆใส่หมวกแก็ปอ่ะ
      .



      มาถึงท่อนนี้เจสสิก้านึกโทษตัวเองนิดหน่อยที่วันนั้นไม่วิ่งให้เร็วกว่านี้
      เป็นยุนอาจริงๆด้วย น้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มจนดวงตาพร่ามัวไปหมด
      ถูกมือเรียวปาดออกอย่างลวกๆ เพื่อให้ดูวิดีโอของคนรักต่อไป







      ยุนไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะสิก้า ไม่มีอะไรจะต้องห่วงแล้วด้วย
      สิก้าทำได้แล้ว ได้เป็นนักร้องอย่างที่ฝันแล้ว
      แล้วตอนนี้กำลังดังมาก ๆ เลยด้วย อย่าทำให้ยุนและบรรดาแฟนคลับผิดหวังรู้มั๊ย?
      ...
      ยุนจะร้องเพลงให้สิก้าฟังนะ ไม่รู้สิก้าจะเบื่อเพลงนี้รึเปล่า
      ถือว่าเป็นเพลง ส
      อึก เพลงสุดท้าย จากยุน….’



      ยุนอายกมือขึ้นปาดที่ขอบดวงตาลวกๆ
      ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์ตัวเดียวกับที่อยู่ในมือเจสสิก้าขึ้นมาวางพาดที่ตัก
      แล้วเริ่มพรมนิ้วเรียวลงที่สายของมันทันที







      เสียงเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมน้ำตาของเจสสิก้าที่ไม่อาจจะอั้นมันไม่ให้ไหลได้อีกแล้ว
      เธอไม่กล้าที่จะน้อยใจยุนด้วยซ้ำ ทุก ๆ อย่างที่ยุนอาทำเพราะเธอจริง ๆ









      สิ้นสุดท่วงทำนองช้า ๆ พร้อมริมฝีปากซีด ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีแดงสด คลี่ยิ้มบางๆออกมา
      แล้วทุกอย่างในคลิปก็จบลง ตรงกันข้ามกับน้ำตาของคนฟังที่ยังคงไหลลงมาเรื่อยๆไม่หยุด......

       

       

       

       

       

       

       

      .............................




       

       

      ยุน จำได้รึเปล่า ยุนเคยขอให้สิก้าร้องเพลงนี้ให้ฟัง

      ร่างบางพูดกับแท่นหินอ่อนขนาดไม่ใหญ่นักที่มีตัวอักษรถูกสลักไว้เป็นชื่นของคนที่ล่วงลับไปแล้ว



      ชื่อของ     
      อิม ยุนอา






      “แล้วตอนนั้นสิก้าเคยบอกว่ามันร้องยาก….
      .....ฮึก มัน ไม่ใช่อย่างนั้น สิก้าอยากฟังมันจากยุน แค่ยุนเท่านั้น รู้มั๊ย





       

      “ไม่รู้ว่ามันสายไปรึยัง ถ้าสิก้าจะทำตามคำขอของยุน
      สิก้าเคยบอกว่าความหมายของมันไม่ตรงกับเรา
      ….แต่ตอนนี้….”

      ร่างบางปล่อยให้น้ำตาหยดเล็กๆ ร่วงลงไปตามแนวที่มันควรจะเป็น
      มือเรียวเอื้อมไปแตะที่แผ่นหินเย็นเฉียบตรงหน้าเบาๆ







      “ตอนนี้ สิก้ารู้แล้วนะ มัน….ฮึก ย ยุน ฟังอยู่ใช่มั๊ย ฟังมันนะ
      เพลงนี้ สิก้าจะร้องให้ยุนฟัง ฮึก ให้ยุนฟังแค่คนเดียว

       






       

      When I think back on these times

      เวลาที่ฉันหวนนึกถึงเวลาเหล่านั้น


      And the dreams we left behind 

      และความฝันที่พวกเราทิ้งมันไว้เบื้องหลัง


      I'll be glad 'cause I was blessed To get to have you in my life 

      ฉันพอใจกับมัน เพราะการมีคุณเข้ามาในชีวิต มันเป็นความสุขของฉัน

      When I look back on these days 

      เวลาที่ฉันมองย้อนกลับไปถึงคืนวันเหล่านั้น


      I'll look and see your face 

      ฉันจะมองเห็นใบหน้าของคุณเสมอ


      You were right there for me 

      คุณอยู่ตรงนั้นสำหรับฉันเสมอ







      In my dreams I'll always see you soar above the sky 

      ในความฝันของฉัน ฉันมองเห็นคุณล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า


      In my heart there will always be a place for you for all my life 
      ในหัวใจของฉัน จะยังมีที่สำหรับคุณเสมอ ทั้งชีวิตนี้


      I'll keep a part of you with me 

      ฉันจะเก็บเรื่องราวของเราสองคนเอาไว้


      And everywhere I am, there you'll be 
      ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ในทุกๆที่ ที่ฉันอยู่ ที่นั่นจะมีคุณตรงนั้น....






      Well you showed me how to feel 

      คุณทำให้ฉันรู้สึก


      Feel the sky was in my reach 

      รู้สึกว่าฉันสามารถเอื้อมถึงท้องฟ้าได้

            

      And I always will remember all the strength you gave to me 

      และฉันจะจดจำทุกความเข้มแข็งที่คุณให้ฉันไว้เสมอ


      Your love made me make it through 

      ความรักของคุณทำให้ฉันผ่านมันไปได้


      Oh, I owe so much to you 

      ฉันติดค้างคุณอยู่มากมายเหลือเกิน


      You were right there for me 

      คุณยังอยู่ที่นั้น สำหรับฉันเสมอ


      In my dreams I'll always see you soar above the sky 

      ในความฝันของฉัน ฉันมองเห็นคุณล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า


      In my heart there will always be a place for you For all my life 

      ในหัวใจของฉัน จะยังมีที่สำหรับคุณเสมอ ทั้งชีวิตนี้


      I'll keep a part of you with me 

      ฉันจะเก็บเรื่องราวของเราสองคนเอาไว้


      And everywhere I am, there you'll be

       ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ในทุกๆที่ ที่ฉันอยู่ ที่นั่นจะมีคุณตรงนั้น....

       



       

      'Cause I always saw in you my light, my strength 

      เพราะฉันเห็นมันในตัวคุณ ทั้งแสงสว่าง ความเข้มแข็ง


      And I want to thank you now 

      และฉันอยากขอบคุณ คุณในตอนนี้


      For all the ways you were right there for me 

      ในทุกๆอย่าง ที่คุณยังอยู่ที่ตรงนั้น เพื่อฉันเสมอ


      You were right there for me For always 

      คุณอยู่ที่ตรงนั้นสำหรับฉัน เสมอไป






      In my dreams I'll always see you soar above the sky 

      ในความฝันของฉัน ฉันมองเห็นคุณล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า


      In my heart there will always be a place for you For all my life 

      ในหัวใจของฉัน จะยังมีที่สำหรับคุณเสมอ ทั้งชีวิตนี้



      I'll keep a part of you with me 

      (ฉันจะเก็บเรื่องราวของเราสองคนเอาไว้)


      And everywhere I am, there you'll be

       ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ในทุกๆที่ ที่ฉันอยู่ ที่นั่นจะมีคุณตรงนั้น...."

       


       

       

      “ไม่ว่าสิก้าจะอยู่ที่ไหน ที่นั่น….ยุนจะอยู่ด้วยเสมอ……












      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×