ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet Serial Killer.

    ลำดับตอนที่ #20 : Light of my life, fire of my loins. My sin, my soul.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.33K
      136
      7 ก.ค. 62










    เสียงเพลงจากวิทยุเครื่องเล็กดังเคล้าคลอไปทั่ว เช่นเดียวกับกลิ่นสารเคมีฉุนกึกจากน้ำยาย้อมผมยี่ห้อแคล์รอลลอยคละคลุ้งทั่วห้องน้ำชวนให้มึนหัว แม้ว่าจะถูกน้ำชำระล้างออกไปแต่ก็ไม่ช่วยบรรเทาเท่าไรนัก บิลย่นจมูกก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งเปิดประตูห้องน้ำให้กว้างไล่เอากลิ่นอันเข้มข้นให้ระบายออกไปได้บ้าง ส่วนมืออีกข้างก็ประคองไดร์เป่าผม ไล่ลมร้อนจากเครื่องจักรไฟฟ้าสู่เส้นผมของเด็กสาวที่นั่งพิงหลังอยู่บนโถชักโครกอย่างเกียจคร้าน


    อยู่นิ่ง ๆ สักวินาทีหนึ่งจะได้ไหม


    บิลกล่าวเสียงขรึม และนั่นก็เป็นเหตุให้เด็กสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ใคร่จะพอใจนักแต่ก็ไม่พูดอะไร เมื่อเธอนิ่งแล้วเขาจึงจับเส้นผมส่วนหนึ่งของเธอขึ้นมาพิจารณา สีของมันดำสนิทอย่างที่เขาต้องการ แต่ก็ยังไม่น่าพอใจ เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะคว้ากรรไกรจากอ่างล้างหน้ามาไว้ในมือ และหันไปจ้องผมของโดโลเรสอีกรอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก


    บิลไม่เคยตัดผมมาก่อน มากสุดก็แค่โกนหนวดเท่านั้นแหละ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้ เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นในขณะที่จรดปลายคมของโลหะบนเส้นผมสีดำ เขาไม่ได้หวังจะให้มันออกมาสวยเหมือนช่างทำผมมืออาชีพในร้านเสริมสวยหรอก(ก็แน่ล่ะ เขาพึ่งจะเคยตัดผมให้คนอื่นเป็นครั้งแรกในชีวิตนี่น่า) แต่อย่างน้อยก็ให้มันไม่ออกมาน่าเกลียดก็พอแล้ว


    สิ่งที่ยากที่สุดคือการต้องรักษาข้อมือให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ยามที่หั่นผมของอีกฝ่าย จนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงพร้อมกับเสียง แกร่ก สุดท้ายจากกรรไกรในมือ ทุกอย่างก็สำเร็จไปได้ด้วยดี บิลถอยห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อที่จะมองรูปลักษณ์ใหม่ของคนตรงหน้าให้เต็มตา ผมสีดำที่สั้นระใบหูก็ออกมาเป็นสไตล์ที่ดูดีอยู่แม้จะยุ่งเหยิงไปบ้าง ถือว่าเขาก็มีฝีมือในระดับหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้หัวของโดโลเรสแหว่ง


    เสร็จแล้วเหรอ


    บิลพยักหน้าแทนคำตอบ มองดูเด็กสาวที่กำลังหมุนคอไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ เธอคิดว่าไง?”


    ได้ยินคำถามเช่นนั้นเธอก็หันไปส่องกระจกอย่างพิจารณา ก่อนจะจับผมตัวเองแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย


    ดูแปลก ๆ ไม่ค่อยชินเท่าไร กล่าวจบโดโลเรสก็หันมายิ้มให้เขา แต่ก็ขอบคุณนะคะ


    บิลรู้สึกโล่งใจไม่น้อย อย่างแรกเพราะเธอไม่ได้ไม่พอใจกับฝีมือการทำผมครั้งแรกของเขา และอย่างที่สองก็คือเธอไม่ได้แสดงท่าทีสงสัยและตั้งคำถามแก่เขาว่าเหตุใดจู่ ๆ เขาถึงได้ลุกมาจัดการย้อมและตัดผมให้เธอแบบนี้


    จริง ๆ แล้วเหตุผลก็ไม่ได้สลักซับซ้อนอะไรนักหรอก เพราะบิลไม่ได้กักขังโดโลเรสไว้ในห้องใต้ดินอีกแล้ว เขาให้อิสระเธอในการไปไหนมาไหนได้ตามใจ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงความคิดของเขาเองที่อยากจะพาเธอออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง แต่การปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์แบบเดิมอาจจะทำให้มีคนที่จดจำเธอได้ มันจึงเป็นการดีกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกให้แตกต่างจากเดิม อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้เป็นโดโลเรสคนเก่าอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้จึงไม่นับว่ามากมายอะไรนัก แต่ก็ถือว่าผิดแปลกจากเดิมไปพอสมควร


    เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทำผมแล้ว ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังสาละวนกับการใช้ผ้าเช็ดตัวปัดเอาเศษผมออกจากคอและบ่าของคนตัวเล็กกว่า บิลก็รู้สึกได้ว่าดวงตาสีเขียวจากเจ้าของทรงผมใหม่กำลังจ้องมองเขาอยู่ มันไม่ใช่สายตาของความสงสัยหรือจับผิด แต่มันออกไปทางสายตาที่เหม่อลอยเสียมากกว่า เขาคิดเช่นนั้น


    โดโลเรส?” เขาหยั่งเชิง แล้วก็ได้ผลเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็ก ๆ อย่างสงสัยใส่เขา คิดอะไรอยู่เหรอ


    ฉัน... น้ำเสียงลากยาวอย่างติดจะลังเลดึงดูดให้เขาต้องตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น บิลจัดการโยนผ้าขนหนูไว้ตรงอ่างล้างหน้าก่อนจะหันไปมองโดโลเรสอย่างเต็มตา ไม่มีอะไรหรอก เรื่องไร้สาระนะ


    โดโลเรสไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือปัจจุบันนี้ก็ตาม เธอไม่ใช่คนมีความลับอะไรเมื่ออยู่กับเขา เธอยินดีจะเล่าอะไรหลาย ๆ อย่างเดียวกับตัวเองให้เขาฟังด้วยซ้ำไป ฉะนั้นคำพูดที่บอกว่าไม่มีอะไร จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย


    หรือเธอจะไม่ชอบที่ฉันตัดผมให้เธอ?” บิลถามกึ่งเล่นกึ่งจริง และนั่นก็ทำให้โดโลเรสต้องหัวเราะออกมาจนได้


    ไม่เกี่ยวอะไรกับทรงผมหรอกน่า พลันสีหน้าของเด็กสาวฉายแววไม่มั่นใจนัก เธอเสมองไปทางกระจกมากกว่าจะมองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ คล้ายกับจะหลบซ่อนสายตาของตัวเองจากคนตรงหน้า ฉันก็แค่มีเรื่องที่สงสัยอยู่นิดหน่อย


    ความสงสัยไม่ใช่เรื่องที่ดี บิลคิดอย่างนั้น ความสงสัยเปรียบเสมือนเนื้อร้ายในความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์ และเขาไม่ควรจะปล่อยทิ้งให้ความสงสัยนั้นอยู่นานเกินไปจนเป็นภัย


    “บางทีฉันอาจะให้คำตอบกับเธอได้นะ ถ้าเธออยากถามฉัน”


    เธอถอนหายใจ แล้วจึงหันมาจ้องตาเขาด้วยความจริงจัง


    ฉันอยากรู้ว่าเรารักกันได้ยังไง


    คำถามนั้นทำให้บิลชะงัก ด้วยไม่คาดคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายสงสัยจะเป็นเรื่องนี้ ทำไมถึงอยากรู้ล่ะ


    นายบอกว่านายเป็นสามีฉัน และเราแต่งงานกันแล้วนี่ใช่ไหม โดโลเรสจับผมของตัวเองทัดหู รอยยิ้มเก้อเขินประดับบนใบหน้าเผยให้เห็นฟันซี่เป็นระเบียบ บอกตามตรง ฉันไม่เคยจินตนาการถึงการมีครอบครัวเลย ไม่สิ...ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีแฟนด้วยซ้ำ มันทำให้ฉันสงสับมาตลอดเลยว่าอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มา..เอ่อ..ลงเอยกันนะ


    มันเป็นคำถามที่ง่ายดาย แต่บิลกลับไม่สามารถที่จะตอบไปได้โดยทันที แท้จริงแล้วการตอบคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาเลยถ้าหากจะเลือกโกหกไปดั่งเช่นเรื่องงี่เง่าอื่น ๆ ที่เคยโกหกเธอไว้ก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มยังไม่อาจให้คำตอบแก่โดโลเรสได้นั่นเป็นเพราะคำถามของเธอทำให้บิลต้องเกิดคำถามแก่ตัวเองเช่นกัน ว่าเหตุใดเขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่ใช่แค่ในตอนนี้แต่เป็นตลอดมาเลยต่างหาก


    เรารักกันได้ยังไง


    ความรักอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ อาจจะเป็นที่บุคลิกหรือรูปลักษณ์ที่ดูดีช่วยดึงดูดให้เกิดความรู้สึกที่ดีไปด้วย นั่นทำให้ผู้คนมักตกหลุมรักใครคนอื่นที่หน้าตาเป็นส่วนใหญ่ แต่ความสวยงามภายนอกไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสนใจ สิ่งที่ดึงดูดสายตาเขาไม่ใช่ดวงตาสีเขียวสวย รอยกระเล็ก ๆ ตรงจมูก ผมสีน้ำตาลเหลือบทอง และริมฝีปากเล็ก ๆ นั่น แต่เป็นเพราะเธอมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับแม่ของเขาจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้สักวินาทีเดียว เขาอยากฆ่าเธอเพียงเพื่อหวังว่ามันจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่เคยถูกแม่ทารุณกรรมมาก่อน และบิลก็เชื่อว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเช่นนั้นไม่ใช่ความรักแน่ ๆ


    แต่อะไรกันเล่าที่เป็นจุดเปลี่ยนทำให้เขารักเธอ?


    โดโลเรส ผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับแม่ของเขา แต่เนื้อแท้แล้วเธอไม่เหมือนแม่ของเขาเลยแม้แต่สักนิดเดียว หากแม่คือฤดูหนาวที่โหดร้าย โดโลเรสก็เป็นฤดูร้อนที่อบอุ่น เธอไม่ใช้ผู้ช่วยเหลือที่มาฉุดดึงเขาขึ้นจากแม่น้ำ แต่คือผู้ที่พร้อมยินดีจะจมน้ำร่วมกับเขา เขาคิดถูกที่คิดว่าเธอคือผู้ที่สามารถชดเชยและเติมเต็มความว่างเปล่าในใจให้กับเขา ไม่ใช่ด้วยการฆ่าแต่เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะเธอให้ในสิ่งที่แม่ไม่สามารถให้เขาได้...นั่นก็คือความรัก


    เขารักเธอเพราะเธอเหมือนแม่ และก็ไม่เหมือนแม่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้เขาเกลียดเธอเสียด้วย แต่มันก็ไม่มากเท่ากับความรักหรอก เพราะถ้าหากเขาเกลียดเธอมากกว่านี้ เธอก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไปนานแล้วล่ะ


     อืม..มันค่อนข้างจะน่าตลกสักหน่อยนะ เด็กหนุ่มพูดทำลายความเงียบในที่สุด มีความลังเลฉายชัดอยู่ในแววตา บิลไม่คิดว่าการเล่าอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องนี้จะเป็นความคิดที่ดีเท่าไรนัก แม้ว่าเขาจะไม่อยากโกหกเรื่องของความรู้สึกกับเธอเลยก็ตามที


    ขืนบอกไปตรง ๆ ว่า ‘ตอนแรกฉันอยากจะฆ่าเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ดันทำให้ฉันรักเธอแทน’ มันก็คงจะไม่ใช่ความรักที่โรแมนติกชวนฝันแน่ ๆ ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าจะเล่าความจริงผสมกับเรื่องโกหกลงไปบ้างสักเล็กน้อยแทน เราเจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนสมัยยังเรียนหนังสือ แล้วตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยชอบหน้าเธอเท่าไร


    ทำไมถึงไม่ชอบฉันล่ะ


    ก็เพราะ..เธอหน้าเหมือนคนที่ฉันไม่ชอบมาก ๆ นะสิ บิลพูดพร้อมเกาจมูกไปด้วย รู้สึกเคอะเขินอยู่นิดหน่อยที่ต้องมารำลึกความหลังเก่า ๆ ให้ใครอีกคนฟัง แต่นั่นมันก็ไม่นานหรอก เพราะหลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกัน ฉันก็เริ่มจะชอบเธอขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเลิกเกลียดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้


    อ่า..งั้นใครเป็นคนเริ่มทำความรู้จักก่อนเป็นคนแรกเหรอ


    ก็เธอนั่นแหละ


    ฉัน?” โดโลเรสชี้นิ้วใส่ตัวเอง ใบหน้าเหรอหราของเธอทำให้เด็กหนุ่มหลุดขำออกมาเล็กน้อย


    เธอเป็นคนชวนฉันคุยก่อน สาบานได้เลยว่าอันนี้เขาไม่ได้โกหก ก็เธอเริ่มชวนเขาคุยก่อนตั้งแต่ตอนที่อยู่ในสถานบำบัดจิตจริง ๆ นี่น่า บางทีเธอก็ติดจะพูดมากไปนิด แต่ฉันก็ชอบฟังที่เธอพูดนะ ฉันชอบความใส่ใจที่เธอมีกับทุกเรื่องซึ่งนั่นต่างจากฉันมาก แต่ก็ไม่มากสักทีเดียวเพราะเธอก็มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับฉันด้วย ฟังดูย้อนแย้งแปลก ๆ แต่ฉันคิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันชอบเธอมั้ง


    นายใช้คำว่ามั้งโดโลเรสขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีเขียวที่จ้องเขม็งทำให้บิลอึดอัด นั่นไม่ใช่เหตุผลที่นายชอบฉันจริง ๆ ใช่ไหม


    บิลกำลังจนตรอก ดูเหมือนคำโกหกของเขาจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีเท่าไรนัก นี่เป็นความผิดพลาดที่เขาไม่ได้คิดล่วงหน้าถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เธอจึงสามารถจับพิรุธได้ไม่ยากนัก และการฝืนโกหกต่อไปก็คงมีแต่จะทำให้แย่ลงแน่


    หรือบางทีการเสแสร้งอาจไม่ใช่คำตอบที่เราทั้งคู่ต้องการก็ได้?



    For one command, I stand and wait now

    From one who's master of my fate now

    I can't escape, for it's too late now

    I'm just a prisoner of love[1]



    เพลงที่กำลังเล่นจากวิทยุในเวลานี้ดูจะดังเป็นพิเศษเมื่อความเงียบเข้าครอบงำอย่างกะทันหัน ไม่มีคำพูดใดได้เอื้อนเอ่ยเมื่อริมฝีปากทาบทับสอดประสานไม่ทันตั้งตัว เขาจูบเธออยู่นานเป็นนาที ก่อนจะถอนริมฝีปาก ประคองใบหน้าเธอด้วยมือทั้งสองข้างแล้วแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเด็กสาว ท่ามกลางเสียงเพลงเขาได้ยินเสียงหอบหายใจยกใหญ่จากเธอ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่ดังอย่างรุนแรงกว่าทุกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย บิลจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย หวังให้เธอรับรู้ทุกสิ่งได้ผ่านแววตาของเขา บางทีถ้าหากคนเราสามารถอ่านใจกันได้ โลกนี้คงไม่จำเป็นต้องมีคำโกหกอีกต่อไป


    เพราะเธอเข้ามาเติมเต็มฉัน เพราะเธอให้ความรักฉันในแบบที่ไม่มีใครให้ฉัน ฉันจึงรักเธอ


    นี่เป็นเรื่องจริงที่สุดเท่าที่เด็กหนุ่มจะพูดออกมาได้ และเขารู้ว่าอย่างไรเสียเธอก็ต้องเชื่อสิ่งที่เขาพูดแน่  บิลคิดอย่างนั้นก่อนจะจูบเธออีกเป็นครั้งที่สองและครั้งที่สาม เพื่อพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีการเสแสร้ง ไม่มีการปั้นแต่ง ไม่มีการหลอกลวง ไม่มีการสงสัย


    เพราะโดโลเรสมีความทรงจำถึงเพียงแค่อายุสิบเอ็ดปีเท่านั้น เด็กสาวจึงไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร เธอจูบไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ มันสมควรถูกเรียกว่าเป็นจูบที่ห่วยแตกเลยล่ะ ยามที่บิลเริ่มเป็นฝ่ายรุกก่อน เขาสัมผัสได้เพียงความเงอะงะ ลนลาน และตกใจจากอีกฝ่ายเท่านั้น


    เขาควรจะหงุดหงิดกับเรื่องนี้ แต่กลายเป็นว่าความไม่รู้ประสาของเธอกลับทำให้เขารู้สึกอยากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก


    ถอดเสื้อซะ


    โดโลเรสมองอีกฝ่าย ไม่ใช่ด้วยความหวาดกลัวแต่เป็นด้วยความสับสน เด็กสาวถอดเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ ราวกับไม่มั่นใจว่าควรจะถอดมันออกจริงหรือเปล่า บิลไม่ชอบความชักช้าเช่นนี้ เขาอยากจะเข้าไปฉีกกระชากเสื้อผ้าของอีกฝ่ายให้จบ ๆ ไปเหมือนกับที่เคยทำมาก่อน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ต้องการจะทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นมาอีก โดโลเรสไม่ได้หัวแข็งเหมือนกับเมื่อก่อนเสียหน่อย มันจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่จะต้องทำรุนแรงแก่เธอ


    เธอบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้แรกแย้มที่เริ่มเบ่งบานรับแสงตะวัน และเขาก็อยากจะถนุถนอมความบริสุทธิ์นี้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้


    ฝ่ามือลูบไล้เนื้อขาวที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกหยอกเย้าให้เกิดอารมณ์ เสียงเล็กกดครางแผ่วช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้ดีเลยทีเดียว เด็กหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายประหนึ่งอีฟที่ถูกงูล่อลวงให้กินแอปเปิ้ลในสวนอีเดน เขาจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ละเมียดชิมรสชาติอันแปลกประหลาดที่น่าหลงใหล แต่สุดท้ายก็ยอมผละออกเมื่อคนตัวเล็กกว่าเริ่มส่งเสียงประท้วงที่ถูกช่วงชิงลมหายใจ แต่บิลก็ไม่ได้เว้นช่วงให้เธอทำใจนานนักเมื่อร่างสูงเริ่มไล่พรมจูบไปทั่วผิวหนังทุกที่ของเธอ ร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กสาวกำลังสั่นสะท้าน หอบหายใจอย่างหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อ่อนไหวและไร้เรี่ยวแรงเมื่อโดนอีกฝ่ายดันนอนราบไปบนพื้นอย่างไม่รู้ตัว


    บิลได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังเหมือนกับเสียงฟ้าร้องของเด็กสาวอย่างแจ่มแจ้ง และเขาเองก็ไม่ต่างกันเลย ใบหน้าแดงก่ำของโดโลเรสปลุกเร้าสัญชาตญาณของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงซิบกางเกงถูกรูดลงอย่างรีบร้อนตามด้วยตัวตนที่สอดแทรกเข้าไปข้างใน แล้วมันก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเชื่องช้านิ่มนวลก่อนจะเร็วขึ้นอย่างเป็นจังหวะ มากขึ้นและมากขึ้น ฉับพลันทุกอย่างในดวงตาก็เจือจางและหม่นมัว ร่างกายกระตุกเกร็งคล้ายว่าจะลอยละล่องทั้งที่ยังคงแนบชิดติดกันไม่ห่าง



    She's in my dreams, awake or sleeping

    Upon my knees, to her, I'm creeping

    My very life is in her keeping

    I'm just a prisoner of love



    ไม่มีการเอื้อนเอ่ยใด ๆ ต่อกัน ความเงียบอันยาวนานยังคงดำเนินต่อไปคล้ายกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด และในวันนั้นทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้ว่าความเงียบนั้นเป็นคำตอบที่ดียิ่งกว่าคำพูดเป็นไหน ๆ



    ....................................



    Light of my life, fire of my loins. My sin, my soul.


    ประโยคจากนวนิยายเรื่องโลลิต้า[2]ของวลาดีมีร์ นาโบคอฟ ดูจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อโดโลเรส ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดในนิยายฮัมเบิร์ตจึงหลงรักโลลิต้าหัวปักหัวปำนัก บิลเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับโดโลเรสทำให้เขาหลงใหลคลั่งไคล้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นไม่ต่างกันเลยสักนิด


    โดโลเรสคือฝันหวานในฤดูร้อนของเขา


    งดงาม แสนดี สดใส อบอุ่น ยั่วยวน และไร้เดียงสา


    เธอเหมือนลูกนกตัวน้อย ๆ ที่ต้องการการปกป้องดูแลอยู่เสมอ และเขาก็ชอบที่ได้ดูแลเธออยู่เสมอ ทำอาหารให้เธอ ถักเปียให้เธอ อาบน้ำให้เธอ แต่งตัวให้เธอ ประหนึ่งแม่ที่ดูแลลูกสาว หรืออาจจะเหมือนเด็กที่กำลังเล่นตุ๊กตา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม สิ่งที่เขาชอบที่สุดคือบทบาทที่ได้เป็นผู้ครอบครองตัวเธออย่างสมบูรณ์แบบ


    เขาปรารถนาที่จะทำให้เธอสบายใจและมีความสุขในฐานะของ ๆ เขา และมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาในค่ำคืนหนึ่ง


    เสียงแผดร้องลั่นอย่างหวาดกลัวปลุกให้เด็กหนุ่มต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เขาพบว่าตัวเองไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ตื่นเมื่อเห็นว่าโดโลเรสนอนลืมตาโพลงในความมืดท่ามกลางแสงจันทร์สลัว เมื่อไฟถูกเปิดขึ้นในห้องบิลจึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่


    เกิดอะไรขึ้น เขาลนลานไม่น้อยเมื่อเห็นแม่ตุ๊กตาตัวน้อยของเขาร่ำไห้ แล้วสองมือก็บรรจงเช็ดหยาดน้ำตาจากใบหน้าของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน


    เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่ดูหวาดกลัวเหลือหลาย บิลชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้สบอีกฝ่าย นั่นเพราะสายตาของเธอยามนี้ช่างเหมือนกับสายตาที่เคยมองเขาครั้งที่เธอยังคงถูกจับขังอยู่ในห้องใต้ดินไม่มีผิด มันเป็นสายตาที่ทำให้เขากังวลและไม่ใคร่จะชอบใจเท่าไรนัก


    เหตุใดเธอถึงได้มองเขาด้วยสายตาเช่นนี้เล่า? หรือเธอจะเกิดจดจำขึ้นมาได้กะหันทันว่าตัวจริงของเขาคือใคร?


    เมื่อกี้ฉันฝันร้ายน้ำเสียงสั่นเครือของโดโลเรสดึงเขาออกมาจากอารมณ์หวั่นวิตก บิลถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เขาคิด ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กกว่าด้วยต้องการปลอบโยนให้หายเศร้าเสียใจ


    อย่าร้องไห้เลย มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละ เขากล่าวแก่เธออย่างนุ่มนวล ไหนเล่ามาสิว่าฝันว่าอะไร


    ฉันยืนอยู่ในที่ ๆ หนึ่ง มันเป็นห้องสีขาวสว่าง แล้วก็มีคนเยอะแยะอยู่ในนั้นกับฉัน โดโลเรสสะอื้นไห้อยู่เป็นระยะ ราวกับฝันร้ายนี้ทำให้เธอขวัญเสียอย่างสิ้นเชิง แล้วก็มีผู้ชายใส่ชุดดำถือปืนกระบอกใหญ่ไล่ยิงคนทีละคน จนทุกที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด..


    ตอนนั้นเองที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีเขียววาววับคู่นั้นจดจ้องที่ใบหน้าเขาอย่างจริงจัง


    ผู้ชายชุดดำคนนั้นหน้าเหมือนคุณเลย


    บิลชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากปากเธอ และครั้งนี้เขาไม่อาจควบคุมความหวั่นวิตกของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าตัวเขาเองก็กำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเฉกเช่นเดียวกับโดโลเรส แต่เป็นในสาเหตุที่ต่างกันออกไป


    เธอฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นจริง หนึ่งในความชั่วช้าที่เขาได้กระทำลงไป นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าความทรงจำของเธอกำลังจะกลับมาแล้วใช่หรือไม่?


    หากเธอสามารถจดจำเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมาได้จริง นั่นเท่ากับว่าโดโลเรสที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็จะเปลี่ยนไปด้วย เธอจะไม่ใช่ลูกนกตัวน้อย ๆ ที่คอยพึ่งพาเขาอีกแล้ว แต่จะกลับกลายเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คนที่ต่อต้าน หวาดกลัว และเกลียดชังเขาสุดหัวใจ คนที่พยายามจะหนีไปจากเขาอยู่ตลอดเวลา คนที่ทำร้ายและทำลายจิตใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


    แค่คิดว่าเธอจะต้องกลายเป็นเช่นนั้น จิตใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว


    ไม่ ไม่เด็ดขาด เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่ ๆ


    เธอเป็นของ ๆ เขา และเขาจะไม่มีวันยอมเสียสิ่งที่เป็นของเขาโดยชอบธรรมไปอย่างแน่นอน


    ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรอก ฉันอยู่ตรงนี้และฉันจะจัดการทุกอย่างเอง


    บิลกล่าว ไม่ใช่แค่เพื่อปลอบโยนเธอเท่านั้นแต่เป็นการปลอบโยนความรู้สึกตัวเองไปด้วย เขาจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายแล้วสวมกอดเธอแน่นอย่างหวงแหนในขณะที่ยังคงครุ่นคิดถึงความหลังเก่า ๆ ที่ไหลกลับเข้ามาในหัว รวมถึงความเป็นไปได้หากสิ่งที่เขาคิดนั้นเกิดขึ้นมาจริง ๆ


    บางทีครั้งหน้าเขาควรจะตีหัวเธอให้แรงกว่านี้สักหน่อย เผื่อว่าเธอจะได้ความจำเสื่อมไปตลอดกาล คราวนี้เธอจะได้ไม่ต้องหนีไปจากเขาเสียที



    _____________________



    [1] เพลงPrisoner of Love - Russ Columbo(1931)


    [2] โลลิต้า เป็นนวนิยายที่เขียนโดยวลาดีมีร์ นาโบคอฟ เรื่องเกี่ยวกับฮัมเบิร์ต ชายวัยกลางคน ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องได้ตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำและมีความสัมพันธ์ทางเพศกับ โดโลเรส โลลิต้า เฮซ เด็กสาวอายุ 12 ปี บุตรบุญธรรมของตน




    Talk:เห็นครบ100คอมเม้น เลยมาลงเพิ่มให้เป็นพิเศษ สังเกตว่ามีคนอ่านหน้าใหม่ๆมาเพิ่มด้วย ไม่รู้ว่ามาจากไหนกัน แต่อย่างไรก็ขอบคุณนะครับที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้ 
                 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×