ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet Serial Killer.

    ลำดับตอนที่ #21 : (Never)Ending Story

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      106
      1 ก.ย. 62

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง










    โดโลเรสแทบจะไม่พูดอะไรอีกเลยนับตั้งแต่ที่ฝันร้ายคราวนั้น


    เธอมักจะนั่งจับเจ่าอยู่เป็นชั่วโมง จ้องมองพื้นพรมในบ้านอย่างหมองหม่น คิ้วขมวดมุ่นเหมือนคนที่ครุ่นคิดและหงุดหงิดตลอดเวลา เมื่อเธออารมณ์ไม่ดีทุกสิ่งในบ้านก็ดูอับเฉาไปเสียหมด และนั่นก็ทำให้บิลรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย


    ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้ความฝันบ้า ๆ นั่นแน่ ๆ


    บิลอยากให้เธอลืมความฝันงี่เง่าไร้สาระนั่นแล้วกลับมาเป็นโดโลเรสผู้สดใสคนเดิมเสียที แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการดึงความสนใจของใครสักคน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอยากเอาอกเอาใจเธอมากเป็นพิเศษ หวังเพียงแค่ว่าความเอาใจใส่ของเขาจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย


    มีอะไรที่เธออยากได้เป็นพิเศษไหม


    เมื่อบิลเอ่ยปากออกไปในเช้าวันหนึ่งหลังจากรับประทานมื้อเช้าไปแล้ว คำพูดของเขาก็สามารถดึงดูดให้อีกฝ่ายหันมาให้ความสนใจแก่เขาด้วยสีหน้าประหลาดใจอยู่เล็ก ๆ


    คุณจะให้ฉันเหรอถ้าฉันขอ?”


    แน่นอนอยู่แล้ว ชายหนุ่มรีบพยักหน้ายืนยันโดยทันที วันนี้ฉันจะตามใจเธอหนึ่งวันนะ


    โดโลเรสจึงขมวดคิ้วอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ด้วยความหงุดหงิดเช่นแต่ก่อน มันเป็นไปด้วยความครุ่นคิดเสียมากกว่า ใช้เวลาอยู่เป็นนาทีก่อนที่เธอจะเอ่ยตอบ


    ฉันอยากไปร้านขายขนม อยากจะกินแพนเค้ก แล้วก็ขนมกับนมช็อกโกแลตเยอะ ๆ "


    น้ำเสียงเจื้อยแจ้วสดใสดั่งแสงอรุณกลับมาแล้ว ท่าทางกระตือรือร้นแบบเด็ก ๆ และแววตาที่มีความดีใจอยู่ข้างในของเธอทำให้บิลโล่งใจได้สักทีหลังจากที่ต้องเห็นอารมณ์อันหดหู่อย่างประหลาดจากเธอมาได้สักพัก แต่ตอนนี้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว กลับมาเป็นเจ้าลูกนกตัวน้อย ๆ และฝันหวานในฤดูร้อนของเขาอีกครั้ง


    เขาย่อมยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาแสงสว่างนี้ไว้

     


    โดโลเรสดูไม่ค่อยคุ้นเคยกับการออกมาข้างนอกเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะกับที่ไดเนอร์[1] ตั้งแต่มาถึงที่นี่เธอก็เดินไปเสียทั่วร้าน(แม้กระทั่งในห้องน้ำ)ยังกับว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต เธอตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นี่แม้กระทั่งการได้เห็นคนเยอะ ๆ ในร้านอาหาร แล้วยังไม่รู้วิธีการสั่งอาหารเลยจนพนักงานต้องเอาเมนูมาให้แล้วคอยให้คำแนะนำในการสั่งอาหารอีกที มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนซึ่งสูญเสียความทรงจำไปจะทำตัวแปลก ๆ ไปบ้างยามออกมานอกบ้าน อย่างไรก็ตามบิลรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่ได้เห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนที่เอาแต่นั่งจ้องพรมด้วยหน้าเครียด ๆ แบบนั้นตั้งเยอะ


    เธอพูดไม่ผิดที่บอกว่าอยากกินขนมกับนมช็อกโกแลตเยอะ ๆ เพราะบนโต๊ะตอนนี้มีทั้งแพนเค้กราดไซรับชิ้นหนาหมดไปเกือบครึ่ง ขนมปังวานิลาที่ไม่มีแม้แต่ซาก นมช็อกโกแลตแก้วโตก็เหลือเพียงแก้วเปล่าเช่นเดียวกับไอศกรีมซันเดย์ ไม่นับพายแอปเปิลและวาฟเฟิลที่สั่งไปแล้วยังมาไม่ถึงอีก บิลเหล่มองนาฬิกาอันโตที่แขวนอยู่ในร้าน เกือบสองชั่วโมงแล้วที่เขานั่งอยู่ที่นี่และโดโลเรสก็ยังกินไม่เสร็จสักที ยิ่งนานเท่าไรเด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่สบายใจขึ้นทุกที เพราะเขาไม่เคยใช้เวลาอยู่ข้างนอกนานเท่านี้มาก่อน


    ตามจริงแล้วทำเลที่มีคนพลุกพล่านเฉกเช่นร้านแนวไดเนอร์ไม่ใช่สถานที่ที่บิลชื่นชอบเลยสักนิด ไหนจะความอึดอัด ไหนจะเสียงพูดคุยที่ตีกันวุ่นวายในอากาศ เป็นเสียงหึ่ง ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ราวกับเสียงของแมลงวัน ช่างเป็นอะไรที่น่ารำคาญสิ้นดี นอกเหนือจากนั้นการถูกรายล้อมด้วยผู้คนยังเพิ่มความเสี่ยงที่เขาและเธออาจจะโดนคนพวกนั้นสังเกตหรือจับผิดเอาได้ การอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าสบายใจเท่าไรนัก และบิลก็คงไม่คิดจะเหยียบย่างมาที่นี่แน่ ๆ ถ้านั่นไม่ใช่คำร้องขอของโดโลเรสเอง


    ความไม่สบายใจแต่แรกทำให้สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างได้ง่ายดาย เขาสังเกตได้ว่าพนักงานเสิร์ฟในร้านกำลังจับจ้องมาที่เขาอยู่ แล้วเมื่อบิลหันกลับไปมอง คนพวกนั้นก็พากันหลบลี้ไปอย่างรวดเร็ว เสียงพูดคุยรอบตัวดูจะดังขึ้นและดังขึ้นไปอีก และบิลก็อดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนั้นอาจกำลังพูดถึงเขาอยู่ ความกดดันก่อตัวเพิ่มขึ้นทุกขณะยามที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดหย่อน


    สำหรับคนที่มีคดีติดตัวอยู่เช่นเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ระแวงเวลาอยู่ในที่แจ้งแบบนี้


    เราควรจะกลับกันได้แล้วนะ


    บิลรู้ว่าโดโลเรสจะต้องไม่พอใจแน่ จึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดคาดนักเมื่อเห็นใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปโดยทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด


    ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่ ของยังมาไม่ถึงเลยนะเธอแย้งทันควัน


    ช่างมันเถอะบิลพูดอย่างรีบร้อนเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานเสิร์ฟพวกนั้นอีกครั้ง เขาอยากออกจากตรงนี้ไปเต็มแก่แล้วถ้าเธออยากกินต่อ เดี๋ยวค่อยสั่งไปกินที่บ้าน


    เขาโยนเงินไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นทันทีและไม่ลืมที่จะดึงข้อมือคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นด้วย ความรีบร้อนลนลานทำให้บิลไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้างให้ชัดเจน จนกระทั่งเมื่อเดินออกมานอกร้านแล้ว เด็กหนุ่มจึงได้มองเห็นแสงไซเรนวิบวับสีแดงสลับน้ำเงินจากรถตำรวจสองสามคันที่พึ่งขับรถเข้ามาอย่างพอดิบพอดี


    ฉิบหาย!


    บิลสบถคำหยาบคายออกมาหลายคำก่อนจะกระชากโดโลเรสให้ไปอีกทางโดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือเปล่า เขาสนเพียงแค่ว่าต้องหนีให้พ้นจากรถตำรวจพวกนั้นให้ได้ แต่มันก็เป็นเพียงแต่การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนตายของสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อเหล่านักล่าในชุดเครื่องแบบตำรวจต่างเข้ามาดักหน้าเขาอย่างว่องไวพร้อมกับปืนในมือ


    พวกนักล่ามองเห็นเขาแล้ว และพวกมันก็จะไม่มีวันปล่อยเขาอย่างแน่นอน


    หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าขยับ ชูมือขึ้นซะ


    มือของบิลยังคงกุมมือของโดโลเรสเอาไว้แน่น เขาอยากจะอยู่กับเธอให้นานที่สุดก่อนที่นักล่าพวกนั้นจะพาตัวเขาออกไปจากเธอ นั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ และแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่จนมุมอย่างที่สุดเขาก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือจากเธอ


    หากแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างจริงแท้ไม่ใช่การถูกจับเข้าคุก แต่คือการที่เธอเป็นฝ่ายปล่อยมือจากเขาก่อนต่างหาก


    โดโลเรสสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่มอย่างฉับพลัน ก่อนที่ร่างบอบบางจะรีบกระโจนไปหาหนึ่งในตำรวจพวกนั้นทันที เธอสวมกอดพวกเขาแล้วร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร เอาแต่พร่ำพูดใส่คนพวกนั้นว่าขอบคุณที่มาช่วยเธอได้ทันเวลา


    ขอบคุณที่มาช่วยเธอได้ทันเวลา?...


    นี่มันหมายความว่ายังไงกันวะ!


    บิลมองไปที่เธอ เช่นเดียวกับเธอที่กำลังมองกลับมาที่เขายามที่ตำรวจพวกนั้นใส่กุญแจมือเขาแล้วพาเขาไปที่รถตำรวจ ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเธอเมื่อครู่ได้จางหายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงความเยียบเย็นของโลหะบนข้อมือที่จะจองจำเขาไปตลอดชีวิตนับจากนี้ และมันทำให้เขาตระหนักรู้ได้สักทีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องจริงเลยแม้แต่น้อย ไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริงสักอย่างเดียว


    โดโลเรสไม่เคยความจำเสื่อม แต่เธอแสร้งทำว่าตัวเองความจำเสื่อม ทำตัวเป็นเด็กดีใสซื่อเพื่อหลอกลวงให้เขาไว้วางใจ ทำให้เขารักเธอ เพื่อที่ที่วันหนึ่งเธอจะใช้โอกาสนี้ออกสู่โลกภายนอกและหลบหนีออกจากเขาได้ดั่งที่หวัง แล้วเธอก็ทำได้เสียด้วย


    มันเป็นแผนการของเธอมาตลอด เธอขอร้องให้เขาพามาที่นี่ เพื่อที่จะได้แอบขอความช่วยเหลือจากคนนอกเช่นพวกพนักงานเสิร์ฟ อาจจะเป็นตอนที่เธอแสร้งสำรวจร้านอาหาร หรืออาจจะเป็นตอนที่เธอยื่นเมนูคืนให้พนักงานเสิร์ฟพร้อมกับข้อความขอความช่วยเหลือที่คงซุกซ่อนอยู่ในนั้น


    เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้นอกจากความโง่เง่าของเขาเอง เพราะโดโลเรสคือจุดอ่อนของเขาเสมอ และเธอก็ฉลาดมากพอที่จะใช้ตัวเองเพื่อมาตลบหลังเล่นงานเขาทีหลัง ต้องยอมรับว่าไม่เคยมีใครทำให้คนอย่างเขาจนมุมได้เช่นนี้มาก่อนเลย


    ช่างสมกับเป็นนังตอแหลจอมโกหกตัวแม่จริง ๆ


    เด็กหนุ่มหัวเราะแผ่วเบาอยู่ในรถตำรวจ สายตามองผ่านกระจกรถไปที่โดโลเรสซึ่งยังคงร้องไห้อยู่ข้างนอกโดยมีตำรวจคอยปลอบ บิลจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเธอ ใบหน้าที่เขาทั้งรักและชัง ใบหน้าที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อย ๆ ปรากฏออกมา


    เขารู้ว่าเธอจะไม่มีทางลืมเขาเฉกเช่นตัวเขาที่จะไม่มีทางลืมเธอแน่ และบิลมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนเธอก็จะต้องนึกถึงเขาเสมอ ทุกครั้งที่ลืมตาและทุกครั้งที่หลับตา แฝงร่างอยู่ในความทรงจำและคอยเป็นฝันร้ายที่จะหลอกหลอนเธอไปชั่วชีวิตหลังจากนี้


    วันนี้เธออาจจะคิดว่าเธอสามารถกำจัดเขาออกไปได้แล้ว แต่มันไม่จริงเลย ไม่มีทางเสียหรอกที่โดโลเรสจะสามารถกำจัดเขาออกไปจากชีวิตเธอได้


    เพราะเขาจะคงอยู่กับเธอเสมอ และตลอดไป



    ..............................



    พวกเขาเรียกเธอว่า ผู้รอดชีวิต


    โดโลเรส วินสตัน บุคคลเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุสังหารหมู่สะเทือนขวัญใน Likon High school แล้วยังเป็นเหยื่อที่ถูกกักขังและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฆาตกรโรคจิตนานเกือบปี เรื่องราวเหล่านี้มากเพียงพอที่จะทำให้คนทั้งประเทศให้ความสนใจแก่เธอจนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงกันทั่ว


    ใคร ๆ ก็ล้วนบอกว่าเธอโชคดีมากแค่ไหนที่สามารถรอดจากเงื้อมมือของเขามาได้โดยที่ยังคงมีชีวิตอยู่เช่นนี้


    โดโลเรสเคยคิดแบบนั้นเช่นกันในช่วงแรก ๆ ต้องขอบคุณทักษะการแสดงอันเชี่ยวชาญของตนที่เป็นตัวช่วยสำคัญทำให้เธอได้หลุดพ้นเป็นอิสระดั่งใจหวัง การแสร้งเป็นสาวความจำเสื่อมเป็นเดือน ๆ เพื่อหลอกล่อให้ฆาตกรเชื่อใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ แต่อย่างน้อยเธอก็ทำมันได้ดีเชียวแหละ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ทำให้บิลหลงกลเข้าเต็มเป้าจนเอาตัวรอดมาได้อย่างสวยงามเช่นนี้หรอก


    เด็กสาวโล่งใจอย่างเหลือล้นที่ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลเสียที ได้อยู่อย่างปลอดภัยภายในโรงพยาบาล รวมถึงได้รับการดูแลคุ้มครองเป็นอย่างดีในฐานะเหยื่อและพยานปากเอกหนึ่งเดียว เรื่องเลวร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เหมือนกับฤดูหนาวที่ได้ถูกทดแทนด้วยฤดูร้อนอันสดใส ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด


    แต่เมื่อเวลาผ่านไป เด็กสาวก็ได้เรียนรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แท้จริงแล้วฤดูร้อนนั้นไม่เคยมีจริง ไม่มีเลย...


    สิ่งเลวร้ายที่ได้เผชิญแบกรับเป็นระยะเวลานานทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โดโลเรสไม่สามารถปรับตัวกับอะไรได้ในโลกภายนอกได้เลย ทุกสิ่งล้วนแปลกประหลาดเหลือเกินในสายตาเธอ ไหนจะความหวาดกลัวยังคงแฝงล้ำลึกในห้วงคำนึง ความทรงจำที่ยังคงตามรังควานเสมอทั้งในยามหลับและยามตื่นชักจูงให้จิตใจหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เพียงแค่เสียงปากกาตกจากนางพยาบาลจอมซุ่มซ่ามก็ทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าได้ง่าย ๆ


    แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดหรอก จนเมื่อเด็กสาวได้รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายยิ่งกว่าจากปากคำของหมอ สิ่งที่ทำลายจิตใจเธออย่างไม่มีชิ้นดีแล้วฉุดกระชากเธอจากความเป็นจริงดิ่งลงสู่เหวนรกอันมืดมิดอีกครั้ง และคงไม่มีทางจะกลับขึ้นมาได้อย่างเหมือนเดิมอีกต่อไป


    มันคือปีศาจ


    มันแฝงอยู่ข้างในตัวเธอมาตลอดอย่างไม่รู้ตัว อยู่ในเซลล์ อยู่ในเลือดเนื้อ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสูบกินเธอจากข้างในอย่างตะกละตะกลาม เจ้าปีศาจตัวนั้น ปีศาจที่เธอไม่ได้ต้องการ ปีศาจที่มาจากบิล


    โดโลเรสได้รู้แล้วว่าแม้เธอจะหลุดพ้นจากบิลแล้ว แต่ตามจริงบิลนั้นไม่เคยหายไปไหนเลย เพราะส่วนหนึ่งของเขาอยู่กับเธอเสมอ มันกำลังเติบโตอยู่ในร่างกายเธอนี่เอง


    โดโลเรสรังเกียจมันอย่างเหลือล้น ขยะแขยงและชิงชังอย่างถึงที่สุด ยิ่งมันเติบโตขึ้นเท่าไร เธอก็ยิ่งอ่อนแอย่ำแย่ลงทั้งร่างกายและจิตใจ เด็กสาวร่ำร้องไห้อย่างสิ้นหวังทุกคืนวัน เจ็บปวดแหลกสลายลึกลงถึงจิตวิญญาณจนไม่อาจเยียวยารักษาได้อีก ได้แต่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นเธอ? เหตุใดกันพระเจ้าถึงได้ทำกับเธอเช่นนี้ ฉุดเธอขึ้นมาจากปีศาจในนรกเพื่อที่จะได้รู้ว่ามีปีศาจอีกตัวกำลังเวียนว่ายและเติบโตอยู่ในร่างของเธอเอง


    เด็กสาวได้รับรู้แล้วว่าการรอดชีวิตไม่ใช่ความโชคดีอย่างที่ใครเขาพูดกัน คนที่ตายไปแล้วต่างหากที่เรียกได้ว่าโชคดีอย่างจริงแท้


    ร่างบอบบางนอนอย่างสงบนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด นัยน์ตากวาดมองไปทั่วห้องพักผู้ป่วยที่ปราศจากผู้คนแล้วจึงหยุดอยู่ตรงนาฬิกาติดผนังสีน้ำตาลอ่อนอันใหญ่ ยังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมงก่อนที่หมอจะเข้ามาตรวจเช็กอาการเธออีกครั้ง คิดได้เช่นนั้นโดโลเรสก็ดันตัวเองขึ้นจากเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปยังโต๊ะวางอาหารอย่างระมัดระวังแล้วคว้าเอาช้อนส้อมที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


    เด็กสาวกำโลหะในมือเอาไว้แน่นจนนิ้วมือขึ้นข้อขาว เธอสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นแรงด้วยความหวั่นวิตกที่ก่อตัวขึ้น โดโลเรสรู้ว่ามันคงเจ็บปวดอย่างมากมายมหาศาล แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จำเป็นต้องทำ เธอไม่อาจปล่อยให้ปีศาจอย่างมันอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เลือดเนื้ออันชั่วร้ายจักต้องถูกทำลายลงเท่านั้น และมีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด


    เธอถกชุดกระโปรงคนไข้ขึ้น เผยเรียวขาอันเปลือยเปล่าไร้การปกปิดสัมผัสกับอากาศ โดโลเรสอ้าขาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอกระชับช้อนส้อมในมือให้แน่นยิ่งขึ้น แล้วนับถอยหลังในใจไปเรื่อย ๆ ในตอนที่ค่อย ๆ ยกมือของตนชูขึ้นจนสุดแขน


    เมื่อถึงเลขสิบ เธอก็แทงปลายด้ามของช้อนเข้าไปข้างในช่องคลอด ทะลวงดันผ่านส่วนอันอ่อนไหวเอย่างรุนแรงและลึกที่สุด


    ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก เลือดไหลอาบง่ามขาก่อนจะซึมไปบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ย้อมทุกสิ่งให้กลายเป็นสีแดงชาด กระจายออกเป็นดวงกว้างในผืนผ้า เบ่งบานเหมือนกับดอกไม้ไฟในงานปีใหม่


    เจ็บ เจ็บฉิบหาย


    โดโลเรสกรีดร้องโหยหวน เจ็บปวดทรมานเหนือคณานับ แต่เธอก็ยังคงไม่หยุดการกระทำของตัวเอง นัยน์ตาเบิกโพลงจ้องมองดูอวัยวะเพศที่มีแต่เลือดอยู่ทุกซอกมุมราวกับว่ามันกำลังจมจ่อมในบ่อเลือดบ่อใหญ่ นี่คือเลือดแห่งความชั่วร้าย เลือดแห่งความโสมมอันน่าขยะแขยง ต้องเอาออกมา ออกมาให้หมดอย่าให้เหลือ


    ประตูห้องทุกเปิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากเสียงร้องดังขึ้น โดโลเรสเงยหน้าขึ้น มองเห็นพยาบาลยืนอยู่ตรงนั้น กำลังเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด เธอส่งยิ้มให้หล่อนอย่างเบาบาง พึมพำขอโทษที่ทำให้ผ้าปูเตียงเลอะเทอะ ช้อนในมือร่วงหล่นเมื่อความเจ็บปวดกลืนกินเอาเรี่ยวแรงที่มีไปหมดแล้ว แล้วก็กำลังกลืนกินสติของเธอตามไปด้วยเช่นกัน


    เอามันออกไป เอามันออกไป


    เศษเสี้ยวในความคิดยังคงกรีดร้องคำเดิมซ้ำ ๆ เธอล้มลงไปบนเตียงแล้วหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก นี่คือการชำระบาป และเธอไม่เคยรู้สึกสะอาดและบริสุทธิ์มากเท่านี้มาก่อน



    ____________________



    [1] ไดเนอร์(Diner) คือร้านอาหารแบบคลาสสิกอเมริกัน มักเป็นร้านอาหารข้างทางที่หาได้ทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่จะเปิด24ชม. ลักษณะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีเบาะแดงยาวสีแดงติดหน้าต่างเป็นแบ่งบล็อกๆ และมีโต๊ะบาร์ให้นั่งแยก รวมถึงโซนเอนเตอร์เทนอื่น ๆ เช่นตู้เพลง อาหารในร้านนี้มักเป็นอาหารคาวและหวานอเมริกันยอดฮิตเช่นเบอร์เกอร์ สเต๊ก เบคอนไข่ดาว พายแอปเปิล วาฟเฟิลแบบราคาถูก แล้วยังสามารถเติมกาแฟและน้ำอัดลมได้ไม่อั้นด้วย เป็นร้านที่นักเดินทางและคนขับรถบรรทุกชอบมากินกันเป็นพิเศษ



                 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×