ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัลลังก์ไพร [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #8 : แดนอสรพิษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 325
      24
      13 ธ.ค. 61


    คณะเดินทาง ออกจากคลองน้ำเขียว ตั้งแต่เช้าตรู่

    เส้นทางต้องเดินผ่านคลองภูตผี เหล่าลูกน้องแอบเหลือบมองอย่างหวาดเสียว ไม่มีใครพูดจาอะไร ต่างก็เร่งฝีเท้าเพื่อให้หลุดพ้นอาณาเขตโดยเร็ว

    ลั่นทมเดินนำหน้า กระทิงห้อยท้ายตามเดิม พวกสมุนก็ทำหน้าที่หาบของตามปกติ เส้นทางยังเดินสะดวก ขบวนเป็นแถวเรียงเดี่ยว บรรยากาศภายในคณะกลับค่อนข้างเงียบขรึม หลังจากผจญกับเหตุการณ์เมื่อคืน ลูกน้องหลายคนโดยเฉพาะดาบธงชัยผู้ตกเป็นเหยื่อ แม้สภาพเขียวช้ำบนร่างกายจะหายไปแล้ว แต่สภาพจิตใจยังไม่ดีนัก แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติครั้งแรกของพวกเขา คนพวกนี้ไม่กลัวปืนผาหน้าไม้ สัตว์ร้าย ภัยธรรมชาติ แต่กลัวอำนาจลี้ลับที่มองไม่เห็น 

    อิษฎาเดินนำหน้าพวกลูกน้องฝ่ายตน คอยหันมาสังเกตอาการพวกเขาบ่อยๆ จ่าศราวุธเป็นคนเดียวที่เห็นภูตผี ก็มีลักษณะซึมๆ ไปเหมือนกัน สบชัยเดินตาม จังหวะหนึ่ง ก้าวขึ้นมาเดินคู่ แอบกระซิบคุยกันเบาๆ ไม่ให้ใครได้ยิน 

    "เมื่อคืนนี้ ลั่นทมตั้งใจจะให้เกิดเรื่องขึ้น" สบชัยเอ่ยเรียบๆ 

    "คิดว่าไม่ถึงกับตั้งใจ แค่จงใจไม่บอกละเอียด" อิษฎาว่า 

    "การกระทำของลั่นทม ทำให้ฉัตรทิพย์ไม่พอใจ เขาถือตัวว่าเป็นหัวหน้าคณะ เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของทุกคน ควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ แต่พอเริ่มออกเดินทางมา การเคลื่อนไหวของนายหญิงแห่งหมู่บ้านไพรพฤกษ์ทำให้ฉัตรทิพย์รู้สึกประเมินสถานการณ์ไม่ได้ คล้ายถูกบงการให้เดินตามเกมของหล่อน"

    "ไม่เฉพาะกับฉัตรทิพย์หรอก ก้าวแรกที่เข้าป่า พวกเราทุกคนก็ถูกกำหนดบทบาทแล้ว อำนาจบารมีที่เคยอวดเบ่งในหมู่บ้านไพรพฤกษ์ ใช้ไม่ได้เลยกับป่าโศกแห่งนี้ ฉันนับถือลั่นทมนะ เขาเป็นผู้หญิงบ้านป่า รับจ้างนำทางกึ่งโดนบังคับมา หากเขาไม่มีลูกไม้ เล่ห์เหลี่ยม สร้างเกราะป้องกันตัวเองบ้าง พวกเราก็คงจะไม่ยำเกรงเขา ฉันไม่โกรธที่เขามีลับลมคมใน และไม่ได้แปลว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ที่เขาบอกก็ถูก บนเส้นทางนี้เขานำ หากคนตามขัดคำสั่ง เท่ากับหาภัยใส่ตัว ลั่นทมแค่ตั้งใจบอกเราเป็นนัยๆ ว่า อย่าเล่นตุกติก ถ้าไม่อยากพบจุดจบไม่ดี ในป่านี้ เขาสามารถล่อเราไปตายตรงจุดไหนก็ได้ โดยที่เราไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ"  

    อดีตผู้พันหนุ่มกล่าว น้ำเสียงราบเรียบไม่แฝงอารมณ์ใดๆ พ่อบ้านขบคิดลึกซึ้ง แล้วพึมพำ

    "ผู้หญิงคนนี้รู้มาก ทั้งเก่งกาจเดินป่าและการใช้จิตวิทยา ต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา"

    "ลั่นทมเคยบอกว่าตัวเองเป็นทหาร อย่างนั้นก็แปลว่า รู้ไส้รู้พุงกันดี แต่ฉันสนใจลูกบุญธรรมของเขามากกว่า..." อิษฎาตบแขนสบชัย เป็นเชิงให้เขาเดินไปก่อน ส่วนตัวเองค่อยๆ ผ่อนฝีเท้า ทำเป็นทักทายลูกน้อง ลงต่ำมาเรื่อยๆ 

    กระทิงเอาแต่เดินก้มหน้าดุ่มๆ ไม่ทันสังเกต รู้ตัวอีกที ก็ถูกตบบ่า พร้อมร่างของผู้พันหนุ่มมาเดินขนาบข้าง

    "อ้าว คุณอยู่ข้างบนไม่ใช่เหรอ" กระทิงทำหน้าเหรอหรา

    "เปลี่ยนอารมณ์บ้าง ฉันก็อยากเดินรั้งท้ายเหมือนกัน" อิษฎาตอบหน้าตาย

    "เปลี่ยนตำแหน่งเองมั่วๆ ไม่ได้นะ เวลาเกิดเรื่องขึ้นมา มันจะวุ่นวายเสียกระบวน ผมว่า คุณกลับไปคุมตรงกลางเถอะ" กระทิงจะเร่งฝีเท้าเดินฉีกหนี ก็ถูกเกี่ยวแขนไว้ 

    "เมื่อคืน นายใช้วิธีอะไร ขับไล่พวกภูตไปได้"

    น้ำเสียงกระซิบถาม ทำเขาสะดุ้งโหยง

    "หาาาา โอ๊ย คุณไม่อยากรู้หรอก ผมก็แค่... สวดมนต์ เอ่อ ท่องนะโมตัสสะอะไรไปเรื่อยเปื่อย มันไม่ได้กลัวผมหร๊อก มันตกใจเสียงคนมากันเยอะน่ะ"

    กระทิงพยายามวางหน้าเฉย แต่เขาเป็นพวกเสแสร้งไม่เก่ง เลยแสดงความหลุกหลิกออกทางแววตา อิษฎายิ้มหึๆ ตบบ่าเขา แล้วเดินกลับขึ้นหน้าไปโดยไม่ซักไซ้ไล่เลียง กระทิงเป่าปากโล่งอก



    สองชั่วโมง ขบวนท่องป่าโศก หลุดออกจากป่ารกชัฏ มาสู่เนินเขากว้าง

    ทั้งหมดเดินเป็นวงกลมรอบตีนเขา เพื่อจะหาทางเข้าสู่ปากหุบอสรพิษ ดวงอาทิตย์ขึ้นบนสุดขอบฟ้า ทั้งคณะต้องเผชิญกับแสงแดดร้อนจัดอีกครั้ง และที่นี่ทุกคนได้เห็นสัตว์ใหญ่เป็นครั้งแรก สัตว์สี่เท้าชนิดกินพืช เช่น เก้ง กวาง แพะ เลียงผา ซึ่งแทะเล็มหญ้า อยู่ลิบๆ บนทุ่งหญ้ากว้าง บางส่วนกำลังวิ่งไต่หน้าผา เป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก ทุกคนเผลอมองเพลินตา 

    ขบวนมาหยุดพักอยู่ใต้ร่มไม้ ลั่นทมเรียกกระทิงเข้ามาสั่งการบางอย่าง ก่อนที่กระทิงจะหยิบขวดเล็กในย่ามออกมาเทบนฝ่ามือ ประกบมือถูๆ แล้วละเลงลงบนต้นคอ กับ ข้อเท้าของตัวเอง ชาวกรุงยืนมองตาปริบๆ

    "นี่เป็นสมุนไพรสูตรลับเฉพาะ ทุกคนชโลมบนผิวหนังให้ทั่วร่างกาย เพราะเส้นทางข้างหน้า คือ หุบอสรพิษ ที่อยู่ของสัตว์พิษจำนวนมาก ไม่ต่างอะไรกับเกาะมฤตยูในออสเตรเลีย เราไม่อยากเสียเวลากับการปฐมพยาบาลใคร" 

    ลั่นทมยืนประกาศต่อหน้าทุกคน กระทิงเดินเข้ามาแจกวรมาศคนแรก

    "อี๋ เหม็นจัง ทำจากอะไรเนี่ย" หญิงสาวดมแล้ว ถึงกับโบกมือไล่กลิ่น

    "อ๋อ ยาพวกนั้นเราก็มี นี่ไง ฉันพกมา" สาวิตรีหยิบขวดยาของตัวเองจากกระเป๋า เพื่อนๆ เข้ามารุมล้อม "ขอฉันด้วยสิ" "ขอแบ่งบ้าง" 

    เห็นพวกสาวกหันไปสนใจ "ยานอก" กันหมด กระทิงจึงเดินมาหาอิษฎา ชายหนุ่มรับขวดมาดมกลิ่นเล็กน้อย เหลือบมองพรานหญิงก็วางหน้าเฉย ไม่ได้บังคับให้ใครต้องทา ลูกน้องของเขาเลยละเลง "ยาฝรั่ง" กันอย่างสนุก อิษฎาหันมาสบตากับสบชัย ก่อนจะถือขวดนั้นเดินหายเข้าไปในพุ่มไม้หลังโขดหิน



    สิบสามชีวิตเคลื่อนขบวนเข้าสู่หุบอสรพิษ

    ลักษณะทางกายภาพมันเป็นหุบเขาที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ เป็นป่าทึบสลับโปร่ง บริเวณที่โล่งจะเป็นเนินทรายปกคลุมด้วยพุ่มไม้พันธุ์เล็ก บริเวณที่รกชัฏ ต้นไม้เถาวัลย์พันเกี่ยวกันอย่างแน่นหนา แทบจะต้องเคลื่อนไหวสรีระทุกส่วนอยู่ตลอดเวลาในจังหวะก้าวเดิน มุด ปีน ห้อย กระโดด โรยตัว หรือแม้แต่ต้องคลาน การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบากมาก คนตัวเปล่ายังเต็มกลืน นับประสาอะไรกับพวกลูกหาบ 

    แต่ด่านโหดหินนี้ ก็ได้พิสูจน์ความสามารถและความทรหดของเหล่าตำรวจทหารทุกนายออกมาเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาไม่ได้แค่ผ่านการฝึกทางร่างกาย จิตใจก็นับว่าแข็งแกร่งมาก ไม่มีบ่นมีว่า ไม่มีรักตัวห่วงสบาย รวมถึงสองสาวที่สวมวิญญาณชายอกสามศอก สมบุกสมบัน แบบไม่กลัวสกปรกเปรอะเปื้อน แม้การมีหีบใหญ่ติดตัวไปด้วย เป็นอุปสรรคที่ทำให้เกะกะ เพิ่มความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่ทั้งแปดคนไม่ยอมให้ใครมาช่วย แม้แต่พรานกระทิง ในความทระนงดูเหมือนจะซ่อนเกมแข่งขันไว้ เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นคู่อริ จึงไม่มีใครยอมแสดงความอ่อนแอออกมา

    และแล้วสิ่งที่อิษฎาคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง ช่วงหนึ่งที่ต้องเดินลุยพื้นที่ชื้นแฉะ หนองน้ำนิ่ง พวกสัตว์ดูดเลือดชนิดปลิงและทาก ต่างขึ้นเกาะเนื้อตัวพวกที่ทายาเคมีของฝรั่ง เดือดร้อนต้องมาแกะออกกันบนบก ต่างกับพวกที่ทายาสมุนไพรบ้านของลั่นทม ได้แก่ กระทิง อิษฎา และสบชัย เท่านั้น ที่ไม่โดนเกาะเลยสักตัว ฉัตรทิพย์ค่อนข้างหงุดหงิด ตัวเขาเองไม่เชื่อลั่นทม กลับคิดว่าหล่อนหาเรื่องกลั่นแกล้ง พาพวกเขามาผจญพวกสัตว์กระหายเลือด

    เดินทางต่อ ก็พบกับเรื่องหวาดเสียวเรื่อยๆ ชาวคณะเจอตะขาบ กิ้งก่า และแมงป่อง ตัวใหญ่ผิดหูผิดตา น่าขนลุกขนพอง พวกที่เลี่ยงพ้นก็เลี่ยง พวกที่เลี่ยงไม่พ้นก็ใช้ส้นรองเท้าคอมแบ็ทกระทืบตาย ยังไม่นับพวกแมงมุมพิษที่ห้อยระโยงระยางอยู่ตามกิ่งไม้ และหนูป่าที่อาศัยอยู่ตามโพลงใต้ต้นไม้

    "ระวังนะ อย่าให้ถูกมันกัดเข้า" ดาบธงชัยบอกเพื่อนๆ ส่วนตัวเขาเองที่เป็นคนตัวใหญ่ กลับมีความทุลักทุเลในการหลบรอดพวกใยแมงมุมมากกว่าคนอื่น

    ผ่านศึกแรกมาได้ก็แทบจะพากันปราดเหงื่อ ดงไม้ทึบหลุดออกมาแล้ว ด้านหน้า คือ หลุมดิน ที่เป็นทางเดินสะดวก ไม่มีกิ่งไม้เถาวัลย์มาพัวพันให้เกะกะ

    "พยายามหลบซอกหินไว้" ลั่นทมกล่าวเตือน "เดินตามฉันมา" กระทิงขึ้นมาเดินนำคนที่สอง ก้าวตามหลังแม่บุญธรรม เป็นการแสดงตัวอย่างให้ดูว่าเดินยังไง ทั้งสองเหยียบบนก้อนหินที่ระเกะระกะทีละก้อนอย่างระมัดระวัง โดยลั่นทมมือถือไม้ไผ่เคาะหินทุกก้อนก่อนเหยียบลงไป ฉัตรทิพย์ อิษฎา สบชัย ก้าวตามหลังกระทิง เหยียบบนหินลูกเดียวกัน พวกลูกหาบนั้นแบกของมาด้วย จึงทรงตัวได้ลำบาก เดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง วัลลภ กับวรมาศ ก็หมดความอดทน ลงมาเดินบนเนินดินข้างล่าง ซึ่งสบายกว่า 

    "กลับขึ้นมา!" ลั่นทมสังหรณ์ใจ หันกลับมาดู เห็นแล้วตวาดลั่น คนอื่นหันขวับมามอง ตำรวจทั้งสองชะงักเท้า 

    ...แซ่กกก...ฉึก... อสรพิษลายดำ ร่างอ้วนป้อม ลำตัวและหางสั้น ขดตัวพักผ่อนอยู่ใต้ซอกหิน มีบางสิ่งมาเฉียดใกล้ จึงฉกหัวงับตามสัญชาตญาณ  "โอ๊ย!" สิบตรีหญิง วรมาศ ร้องลั่น ปลดคานหามลงจากบ่าอย่างรวดเร็ว ทรุดนั่งยองกับพื้น มือจับที่ข้อเท้า "ฉันถูกงูกัด!!"

    บัดนั้นเอง เกิดความวุ่นวายโกลาหลไปทั้งขบวน สิบเอกวัลลภที่เป็นคู่หาบผงะเมื่อเห็นงูตัวที่สองในซอกหินใกล้ๆ เลื้อยออกมา กระโดดถอยหลังไปชนธงชัยล้มลงจากก้อนหิน กระแทกพื้นก้นจ้ำเบ้า ...ฟ่อออ... งูชนิดเดียวกันขดตัวอยู่อีกซอก ส่งเสียงขู่ "เหวอ!" ธงชัยลุกพรวด กระโจนหนี เสียงหวีดร้องของสาวิตรีดังประสาน การถูกงูกัดของวรมาศทำทุกคนตกใจ หลายคนเห็นงูเลื้อยมาเลยโดดหลบ พากันเสียตำแหน่งไปหมด การเคลื่อนไหวที่พลุกพล่าน ปลุกเหล่าอสรพิษที่นอนหลับพักผ่อนอยู่ในซอกหินอีกหลายสิบตัว ให้พากันออกมาโจมตีอย่างดุร้าย

    ปัง ปัง ปัง ปัง...! ไวทันเหตุการณ์ ฉัตรทิพย์ อิษฎา ไม่คิดมาก ควักปืนสั้นข้างเอวออกมากระหน่ำยิง เด็ดชีพอสรพิษร้ายอย่างเมามัน ทั้งสองยืนตระหง่านอยู่บนโขดหิน ขณะที่พรรคพวกทั้งสองฝ่าย วิ่งหนีชุลมุนอยู่ท่ามกลางฝูงงูที่ออกอาละวาด "โอ๊ย! ผมถูกกัด ผมถูกกัดแล้ว" พัชรโชคร้ายวิ่งเหยียบงู บาดเจ็บทรุดลงอีกคน สบชัยยืนเฉยต่อไปไม่ไหว วิ่งเข้ามาดูพัชร จังหวะเดียวกับที่พรานกระทิงวิ่งเข้ามาดูวรมาศ ปลดเป้หลัง ล้วงมีดสั้นจากย่ามมาตัดขากางเกงทิ้งไม่ให้บดบังเกะกะ แล้วยื่นมือบีบนวดบริเวณใกล้บาดแผล เพื่อให้เลือดออกมากที่สุด ก่อนหยิบขวดน้ำสะอาดจากเป้มาราดเทลงบนรอยกัด บาดแผลอยู่สูงเหนือตาตุ่มเล็กน้อย รอยเขี้ยวชัดเจนว่าเป็นงูพิษ  

    "อย่ายิง! หยุดยิง! เดี๋ยวถูกสะเก็ดปืน" ลั่นทมร้องตะโกน เมื่อสองหนุ่มยังรัวยิงอย่างบ้าเลือด

    อิษฎาหยุดมือ ฉุกคิดได้ว่าพรานหญิงเตือนถูกแล้ว พวกเขาคิดแต่จะฆ่างู จนลืมดูไปว่า ที่นี่เต็มไปด้วยโขดหิน หากยิงพลาด ลูกกระสุนกระทบถูกก้อนหิน กระเด็นใส่พวกเดียวกันเอง อาจได้รับบาดเจ็บ... ฉัตรทิพย์ไม่ฟังเสียง คล้ายจะเดือดดาลกับอสรพิษที่รุมทำร้าย ยังคงสาดกระสุนเข้าใส่ ทั้งที่มันเลื้อยหนีไปไกลแล้ว

    "พอ!" อิษฎายึดข้อมือข้างนั้นไว้ ตวาดหนักๆ ฉัตรทิพย์หันขวับมาจ้องหน้า

    ทั้งบริเวณกลับมาเงียบสงบ มีเพียงเสียงหอบหายใจ และซากงูที่ตายเกลื่อน

    "รีบหาที่ปลอดภัยให้พวกเขา เร็วเข้า!" อิษฎาสั่งการ



    บริเวณเนินดินพื้นที่ว่าง ภายในหุบอสรพิษนั้นเอง เต็นท์บ้านสองหลังถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคู่อริเป็นครั้งแรก เพราะผู้บาดเจ็บเป็นคนของทั้งสองฝ่าย

    "เดี๋ยวก่อน จะทำอะไร" ในเต็นท์หลังหนึ่ง อิษฎาเปิดกระเป๋าเวชภัณฑ์ มีเข็มฉีดยา และหลอดเคมีหลายสี เขาหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาก็ถูกคว้าข้อมือไว้

    "ถูกงูกัดต้องฉีดเซรุ่ม ถึงผมไม่ใช่หมอ ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง ผมต้องรักษาพวกเขา" อดีตผู้พันบอกเฉียบขาด ภายในเต็นท์นั้นยังมีสบชัยอยู่อีกคน

    "ฟังนะ คนที่ถูกงูพิษกัด ใช่ว่าจะได้รับพิษงูเข้าสู่ร่างกายทุกราย เรื่องนี้ฉันรู้ดีที่สุด เราต้องประเมินสภาพเบื้องต้นของพวกเขาก่อน ไม่อย่างนั้นจากเบาจะกลายเป็นหนัก" 

    ลั่นทมกล่าวเสียงหนัก สีหน้าจริงจังมาก อิษฎาอึ้ง หันมาสบตาพ่อบ้าน...

    "หายใจลำบากรึเปล่า? คลื่นไส้อาเจียนไหม? เจ็บแผลแค่ไหน?"

    ทุกคนปล่อยลั่นทมถามคนไข้อย่างอิสระ ทำได้เพียงเอาใจช่วยอยู่ข้างๆ ผู้ป่วยวรมาศกับพัชรนั่งบนเตียงสนาม ตอบคำถามดี ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

    "หน้าและปากไม่เห่อบวม เลือดไม่ไหลแล้ว" พรานหญิงเช็คอาการภายนอก

    "พิษของงูแมวเซาทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการปวดและบวมภายในสามนาทีหลังถูกกัด ยี่สิบนาทีผ่านจะบวมอย่างชัดเจน เกิดตุ่มน้ำเหนือบาดแผลและกดเจ็บ แปลว่าพิษซึมเข้าสู่กระแสเลือด ไม่ว่าเกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องฉีดเซรุ่ม ถ้าไว้ใจฉัน รอดูพวกเขาอีกยี่สิบนาทีเถอะ"

    ไม่มีใครคัดค้าน แม้จะแปลกใจ ทุกคนอดทนรอ เมื่อครบยี่สิบนาที ปรากฎว่าผู้ป่วยทั้งสองไม่แสดงอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่าถูกพิษ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อผ้ากางเกงหนา งูฉกทะลุแต่พิษไม่มากพอให้เกิดอันตรายถึงภายใน มีเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น 

    เหมือนยกภูเขาจากอก กลุ่มลูกน้องพากันโห่ร้อง ไชโย อิษฎากอดอกลอบถอนใจ ลั่นทมเดินมาหยุดเบื้องหน้าเขา พูดเบาๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือยินดี

    "ทำแผลตามปกติ ยาแก้ปวดใช้ para แทน aspirin เพราะอาจเกิดเลือดออกตามทางเดินอาหาร อ้อ อย่าลืมยาป้องกันบาดทะยักให้พวกเขากันไว้ด้วย"

    พูดจบ ก็ออกจากเต็นท์ไป อิษฎาเหลียวหลังมองตาม เช่นเดียวกับฉัตรทิพย์ 
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×