ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัลลังก์ไพร [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #10 : ลูกสาวพรานใหญ่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      21
      6 ส.ค. 62


    เสือโคร่งลายพาดกลอน 16 ตัว ตัวเขื่องเต็มที่ วิ่งเข้าหาเหยื่อที่หมายตา

    "ไรเฟิล!" พรานกระทิงร้องเตือน แล้วตวัดปืนที่ห้อยไหล่ขึ้นประทับบ่าก่อนใครเพื่อน ปัง! นัดแรกยิงขึ้นฟ้า หมายใช้เสียงดังไล่พวกมันให้หนีไป ทว่า ไม่เป็นผล สัตว์สี่เท้าเจ้าแห่งพงไพร ยังวิ่งเข้าหาอย่างบ้าคลั่งผิดวิสัยเสือ ...ปัง ปัง ปัง ปัง...  ลูกซองแม๊กนั่ม เบอร์ 12 เลยส่งกระสุนลูกปรายมาเป็นชุด แต่ก็ได้แค่เฉี่ยวไปมา 

    เหล่าชายฉกรรจ์และหญิงใจเด็ดที่ผ่านการฝึกโหดมาอย่างโชกโชน ไม่มีตื่นตกใจเตลิดหนี สองผู้ยิ่งใหญ่ควักปืนสั้นข้างเอวออกมายิงกราด เพราะไม่ทันตั้งตัว อาวุธที่สมควรใช้ ดันเก็บอยู่ในหีบ แปดลูกน้องปลดคานหามทิ้ง ...ปัง ปัง ปัง ปัง... ระดมยิงปืนสั้นมาเป็นชุด แต่ยิงพลางถอยพลาง เพราะหวั่นๆ กับจำนวนที่มาเยอะ และกระสุนปืนที่ไม่เหมาะกับการยิงเสือ ทำให้ลดทอนประสิทธิภาพ สบชัยแม้เป็นพ่อบ้าน แต่ก็ได้รับการฝึกมา เขากับพรานหญิงลั่นทม ไหวพริบไวพอกัน กระโจนเข้าหาหีบสัมภาระ อาศัยคนอื่นยิงถ่วงเวลาให้ เปิดแล้วโยนปืนลูกซอง กับไรเฟิล ในสภาพบรรจุกระสุนพร้อมไปให้กับทุกคนที่ใช้ปืนสั้นอยู่ ฉัตรทิพย์โยนปืนสั้นทิ้งรับ .460 เวเธอร์บี แม๊กฯ มาจากลั่นทม อิษฎารับ วินเชสเตอร์ .375 มาจากสบชัย ทั้งสองกระชากลำกล้อง เหนี่ยวไกไววูบ กระหน่ำรัวเข้าใส่ฝูงเสือร้าย ส่วนแปดผู้ติดตามทั้งหมดใช้ปืนชนิดเดียวกัน คือ ซีแซด.30 - 06 ซึ่งมีอานุภาพฆ่าสัตว์ใหญ่ได้ไม่แตกต่างกัน

    "ยิงกลางแสกหน้า!" ลั่นทมร้องบอก พลางลั่น ซีแซด .375 ในมือ ส่วนสบชัยใช้ เอฟเอ็น .375

    เมื่ออาวุธหนักสิบสองกระบอกจากนักแม่นปืนมือฉมังที่ยืนเรียงหน้ากระดานระดมยิง ฝูงเสือแม้ตัวใหญ่บ้าคลั่งสักแค่ไหนก็ทานทนไม่ได้ ตัวที่ดาหน้ามาใกล้สุดล้มลงไป ตัวข้างหลังทยอยตามมา กระทิงลดปืนลง รู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องเปลืองกระสุนต่อไปแล้ว เพราะอาวุธที่แข็งแกร่งกว่า ทรงอานุภาพ และมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวเขาที่ยิงไม่ตายสักตัวเดียว!

    "ไม่ต้องตาม!" ลั่นทมร้องห้าม เมื่อเสือร้ายสี่ห้าตัวได้รับบาดเจ็บ ลูกปืนไม่โดนจุดสำคัญ พากันวิ่งเตลิดหนีไป

    "เสือลำบาก ปล่อยไว้ไม่ได้" ฉัตรทิพย์กับพรรคพวกชะงักเท้า ผู้การพูด

    "เสือลำบากจะดุร้ายเหี้ยมโหดกว่าเดิม พวกมันออกล่ากันเป็นฝูงอย่างนี้ อาจเป็นไปได้ว่า มีเพื่อนๆ อยู่ข้างหลังอีก หนทางยาวไกล เราอย่าเปลืองกระสุนเพื่อความสะใจเลย รีบฉวยโอกาสนี้ ข้ามทุ่งทรายแดงไปให้พ้นดีกว่า"  

    อิษฎาเห็นด้วยกับลั่นทม จึงหันไปสั่งลูกน้อง ทุกคนบรรจุกระสุนใหม่พร้อม ยกคานหามขึ้นบ่า เดินเป็นขบวนแถวผ่านซากเสือร้ายที่นอนตายเกลื่อน

    โชคดี ที่ระหว่างทางออกจากทุ่งทรายแดงนั้น ไม่เห็นเงาเสือ หรือสัตว์ร้ายชนิดใดอีก ลั่นทมเดาว่า เป็นเพราะพลังกระสุนสังหารที่เสียงดังลั่นป่า ทำเอาสัตว์ป่าอื่นแตกหนีกระเจิงกันไปหมดแล้ว ไม่นานนัก ขบวนก็ออกจากทุ่งทรายแดง มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านดอกเข็ม



    ณ หมู่บ้านไพรพฤกษ์

    ภายในห้องทำงานของนายหญิงแห่งหมู่บ้านไพรพฤกษ์ หน้าปืนยาวคู่สองกระบอกที่แขวนอยู่ผนัง หญิงสาววัยสิบเก้าปี ร่างโปร่งบาง ผมลอนยาวผูกหางม้า ในชุดเสื้อกล้ามสีดำ แจ็คเก็ตสีฟ้า และกางเกงยีน ยืนทอดสายตาเหม่อลอย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เจิดจรัสทอแสงอ่อนลง เมื่อยื่นมือออกไปสัมผัสปลายด้ามปืน

    "คุณหนูทิพย์...!"

    บุญศรีผู้ได้รับคำการแจ้งข่าวจากลูกบ้าน พาร่างอันชราเข้ามาอย่างตื่นเต้น

    "ลุงศรี..." ทัตติยา แสงกำเนิด หันกลับมา 

    "ก...กลับมาแล้วเหรอครับ อ่า... จากไปซะนานเลยนะ" 

    "ที่นี่เงียบมาก หายไปไหนกันหมด" หญิงสาวกวาดมองแล้วพึมพำ

    บุญศรีชวนหญิงสาวมานั่งคุยบนโซฟา ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบพอสมควรแล้ว ก็ล้วงจดหมายที่ลั่นทมฝากไว้ออกมา ทัตติยารับไปจากมือด้วยสีหน้าอึ้งๆ

    "นายหญิงลั่นทมฝากบอกว่า หากคุณหนูกลับมา อย่าออกตามหาท่าน ท่านไปทำหน้าที่... แต่กระผมใจคอไม่ดีเลย การไปครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ กลัวว่าจะเกิดเรื่อง..."

    ทัตติยาชะงักการเปิดอ่านจดหมาย คิ้วกระตุกเพราะคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน 

    "นี่คือ รายละเอียดทั้งหมดของผู้จ้างวาน ตอนนั้น ผมไม่ได้อยู่ด้วย แต่มีการเซ็นสัญญาไว้ พวกเขาจ่ายค่าจ้างแพงมาก แต่ผมยังคิดว่ามันไม่ปกติ ไม่น่ามาเดินป่าทั่วไป พวกเขา...ค่อนข้างน่ากลัว ฟังจากลูกบ้าน ตอนเข้ามาในหมู่บ้าน ก็ชักปืนออกมากร่าง เกือบจะมีเรื่องมีราวกันอยู่แล้ว ดีว่านายหญิงห้ามไว้"

    ทัตติยามานั่งลงบนโต๊ะ เปิดแฟ้มไปทีละหน้า เอกสารระบุรายละเอียดของผู้จ้างวานเดินป่า มันเป็นกฎระเบียบก่อนออกนำทางของพรานป่า ที่จะต้องทำสัญญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร 

    ...ค่าจ้างเดินทางเจ็ดหลัก เป็นของอดีตพันโท อิษฎา เรืองวิเศษ ไม่มีรูปถ่าย

    ...ไม่มีค่าจ้าง ระบุว่า เป็นการทำงานช่วยราชการ ผู้จ้างวาน คือ พลตำรวจตรี ฉัตรทิพย์ เปรมจินดา ไม่มีรูปถ่ายเช่นกัน...

    ...เหล่าผู้ติดตามทั้งแปด รายชื่อเรียงเป็นแถวลงมา...

    "ชาวบ้านเล่าว่า พวกเขาสองกลุ่มต่างคนต่างมา พอเจอหน้ากันในหมู่บ้าน ก็มีเรื่องปะทะคารม ถึงขั้นชักปืนออกมาจะยิงกัน กระทิงกับนายหญิงออกมาห้าม แล้วพาเข้ามาคุยในบ้าน เจรจากันอย่างไรไม่ทราบ นายหญิงออกมาบอกทุกคนว่าจะเดินทาง แม้ท่าทางปกติ แต่ผมสังเกตดูสีหน้าแล้ว ไม่ค่อยจะดีนัก" 

    ทัตติยารับฟังอย่างนิ่งสงบ พลิกหน้าต่อไป เป็นรายชื่อของผู้นำทาง ปรากฏรูปภาพสีแผ่นเล็กๆ ของนายหญิงลั่นทม และพรานกระทิง แนบติดกระดาษ หญิงสาวมองซึม จรดนิ้วลูบใบหน้าของมารดา 

    "คุณแม่ไปกับพี่ทิงแค่สองคนเท่านั้นเหรอ" 

    "ใช่แล้ว ที่ผมกังวลใจ ก็คือ ไปกันสองคนนี่แหละ ฝ่ายโน้นมีตั้งสิบกว่าคน ขนอาวุธไปอื้อซ่า แถมท่าทางนักเลงโต ไม่รู้จะไปเดินป่า หรือไปทำอะไรกันแน่"

    ทัตติยาปิดแฟ้ม ลุกขึ้นยืน 

    "พวกเขาไปนานเท่าไหร่แล้วคะ"

    "สี่วันแล้วล่ะครับ" 

    หญิงสาวเดินไปยังปืนยาวบนผนังอีกครั้ง ทอดสายตามองลึกซึ้ง...

    ทัตติยาเดินเข้ามาในกระท่อมน้อย ห้องนอนสีฟ้าของตนเอง ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีแม้แต่รอยฝุ่น แสดงถึงการถูกทำความสะอาดอย่างดี 

    นิ้วเรียวสวยปัดม่านโมบายดัง ...กรุ๊งกริ๊ง... ไปหยุดยืนอยู่ริมหน้าต่าง 

    สูดลมหายใจเข้าปอดลึก กลิ่นอายธรรมชาติสะอาดบริสุทธิ์ หญิงสาวระบายยิ้มเบาๆ ที่นี่...ยังคงสวยงามเหมือนในอดีต ดอกไม้ป่าสีขาวบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล 

    ทรุดนั่งลงบนเตียง นิ่งทำใจชั่วครู่ ก่อนจะคลี่กระดาษในมือออก

    "...ทัตติยา ลูกรัก

    แม่รู้ว่า เมื่อลูกอ่านจดหมายฉบับนี้จบ ลูกจะต้องโกรธแม่ แต่ก่อนที่ลูกจะโกรธ ขอให้ฟังคำที่แม่พูดต่อไปนี้ก่อน แม่ขอโทษ...ที่ไม่ได้ร่ำลา เหตุผลในการไปครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น แม่รู้ว่าแม่ไม่มีทางปฏิเสธได้ ใช่ว่าคนอื่นเอาดาบมาจี้คอ แม่มีความจำเป็นต้องออกเดินทาง... เพื่อไปให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต เพื่อพิสูจน์สิ่งที่แม่เชื่อมาตลอด... แม้ว่ามันจะเป็นหนทางที่ยากลำบาก และผลลัพธ์อาจเลวร้ายกว่าที่คาด... ทิพย์... ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ แม่เอาตัวรอดได้ สายเลือดของพรานที่มีในตัวลูก ก็มีอยู่ในตัวของแม่เช่นกัน... แม่ไม่มีทางให้ใครมาดูถูก 

    แม่ดีใจที่ลูกกลับบ้าน กลับมาครั้งนี้ แม่คาดหวังสิ่งที่ยิ่งใหญ่จากลูกได้ใช่ไหม ลูกสาวของแม่เติบโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่ที่กล้าหาญ เส้นทางที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ลูกเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือก อย่าให้ใครมากำหนดชีวิตเรา... ใบสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัย คือ อนาคตที่ดีที่สุด ที่แม่สามารถมอบให้ลูกได้ ทิพย์ลูกรัก ทำให้แม่ดีใจสักครั้ง วันที่แม่กลับมา แม่อยากเห็นลูกในชุดนักศึกษา... แม่อยากเห็นลูกในรั้วมหาลัย... แม่อยากเห็นลูกอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง... ใช้ชีวิตในวัยสาว อย่างที่หญิงสาววัยนี้เป็นกัน ลูกอาจจะมีแฟนสักคนหรือหลายคน ลูกจะร้องไห้อกหัก หรือบ้ากีฬาสักประเภท หรือหมกมุ่นตำรับตำรา... เชื่อเถอะ ไม่มีอะไรที่สูญเปล่า มันคือเส้นทางที่มีค่า ดีพอที่ลูกจะเรียนรู้สัมผัส ประสบการณ์จากการเดินทางรอบโลก คงสอนมุมมองชีวิตให้กับลูกแล้ว และแม่หวังเหลือเกิน... แม่จะได้เห็นทัตติยาคนใหม่ ที่สุกสกาวสดใสในโลกของสังคมเมือง... ที่ที่เหมาะกับลูกอย่างแท้จริง

    ย่อหน้าสุดท้าย แม่อยากจะบอกว่า แม่ภูมิใจในตัวทิพย์เสมอ... ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ขอให้ลูกจำไว้ ลูกคือแก้วตาดวงใจของแม่ตลอดกาล... 

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามออกติดตามมา

    รักลูกเท่าชีวิต

    แม่"



    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาผิวกายจนเหงื่อโชก ขบวนท่องป่าโศกเหยียบย่างสู่ทะเลทรายขาว 

    พื้นที่เล็กๆ แต่บรรยากาศราวกับทะเลทรายแถบป่าเขตร้อน ที่อุณหภูมิสูงตลอดทั้งปี ที่นี่ไม่มีต้นไม้ ไม่มีธารน้ำ แม้แต่ต้นหญ้าเล็กๆ ก็ยังไม่มี กลายเป็นดินแดนแห้งแล้ง อบอ้าวอย่างที่สุด ชาวคณะเดินเป็นแถวเรียงเดี่ยว เร่งฝีเท้าลุยย่ำดินทรายที่ร้อนดั่งลาวาราวกับจะหลอมละลายรองเท้าของตนไปด้วย ยังดีที่มองเห็นภูเขาห่างออกไปอยู่ไม่ไกล

    "นี่มันโอเอซิสขนาดย่อมชัดๆ" ธงชัยพึมพำ แต่ละคนไม่กล้าพูดมาก กลัวฝุ่นทรายเข้าปาก

    ข้ามแดนมาได้ ก็พากันถอนใจเฮือก นั่งพักเหนื่อยกันตามใต้ต้นไม้ชั่วขณะ พัชรกับวรมาศหน้าเบ้ มือบีบจับขา เริ่มมีอาการเจ็บตรงบาดแผลงูกัด เพราะเหงื่อออกทำให้ผ้าที่พันไว้อับชื้น บวกกับไม่ได้อาบน้ำ จึงเกิดการหมักหมม

    "เอาล่ะ ทนร้อนอีกหน่อย สามร้อยเมตรข้างหน้า จะเข้าเขตหมู่บ้านดอกเข็มแล้ว ที่นั่นมีที่พักอาหารและน้ำสะอาดให้ได้ชำระล้างเนื้อตัว" พรานหญิงประกาศ

    พอได้ยินคำว่า "น้ำ" หลายคนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที ผู้การฉัตรทิพย์เอง แม้จะเยือกเย็นแค่ไหน ยามนี้ก็เริ่มทนทานไม่ไหวเหมือนกัน ออกเดินนำหน้าก่อนใครเพื่อน ลูกน้องทั้งสี่รีบเดินตาม 

    "แม่... หมู่บ้านนั้นมันแปลกๆ อย่าแวะดีกว่า!" 

    ลั่นทมถูกกระตุกแขนเสื้อ หันกลับมาก็พบท่าทางหลุกหลิก กระวนกระวาย ของลูกบุญธรรม

    "มีอะไรรึเปล่า?" อิษฎาจับสังเกตอาการสองแม่ลูกอยู่แล้ว เขาคิดว่า การทำแบบนี้ จะทำให้อ่าน "รหัสป่า" ได้ถูกต้องมากกว่าคำพูด! 

    ลั่นทมหันมองเขา หันมองกระทิง แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า 

    "ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ถ้าเดินต่อไปเราต้องค้างแรมกลางป่า แต่ว่าน้ำที่เอามาใกล้จะหมด ยังไงก็ต้องไปเติมที่ลำธาร ที่นั่นเป็นหมู่บ้านที่เราแวะพักระหว่างทางบ่อย สนิทคุ้นเคยกันดี อาจจะมีสัตว์ป่าแวะมากินน้ำที่ลำธารบ้าง แต่ค้างสักคืนคงไม่มีปัญหาอะไร"

    "แต่ว่า..." กระทิงอ้าปาก อยากจะพูดสิ่งที่เขาเผชิญมาเมื่อ "เที่ยวล่าสุด" แต่อิษฎาจ้องเขม็งอยู่ ก็เลยไม่กล้า อ้ำอึ้งอึกอักอยู่อย่างนั้น ลั่นทมไม่ได้ไปกับเขาในตอนนั้น เลยไม่ทราบ คิดว่ากระทิงแค่กลัวสัตว์ป่ามารบกวนวุ่นวาย

    และแล้ว ขบวนท่องป่าโศกมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านดอกเข็ม เมื่อแสงสุริยาไล่ตามหลัง นกแร้งหลายสิบตัวกระพือปีกจากกิ่งไม้ โบยบินข้ามหัวดุจจะนำทางไปสู่...

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×