ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Heart to Heart special chp. : Be My Valentine
Heart to Heart special chp. : Be My Valentine
Writer : RioNa'
__________________________________________________________
แม้จะเป็นวันแห่งความรักที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกไม้หลากหลายชนิดที่เหล่าสต๊าฟนำมาตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับคอนเซปท์ แต่ลีกีซอบ นายแบบหนุ่มที่เพิ่งผันตัวเองมาจากการเป็นเน็ตไอดอลและก้าวเข้าสู่วงการแห่งสีสันนั้นไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกยินดียินร้ายกับวันที่คนอื่นแสนจะมีความสุขเลยซักนิด
จริงๆแล้วการมีชีวิตอิสระเป็นเน็ตไอดอลอย่างที่เขาเคยเป็นอยู่นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่การที่จู่ๆพ่อของเขาก็ตกงานทำให้เขาต้องรับภาระเพิ่มขึ้น บางทีวันนี้เขาอาจจะต้องไปโรงเรียน ยิ้มรับช็อคโกแลตจากรุ่นน้องเหมือนทุกปี หากแต่ว่าวันเวลาแบบนั้นคงจะหาได้ยากแล้วสำหรับเขาที่กำลังถูกสื่อมองมาและมีป้ายติดว่าเป็นเด็กใหม่ของวงการ กีซอบยิ้มให้เงาของตัวเองที่ฉายอยู่บนกระจก รอยยิ้มของเขาที่ถูกขนานนามกันในเวลาสั้นๆว่าเป็นรอยยิ้มที่กระชากหัวใจของสาวเล็กสาวน้อยหลายๆคนนั้นช่างเป็นรอยยิ้มที่มันไม่ได้ออกมาจากใจจริงของเขาเลยแม้แต่น้อย
"พี่กีซอบ หนูขอโทษนะที่ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย" เสียงของน้องสาวที่ช่วยส่งกระเป๋าให้พี่ชายก่อนออกจากบ้านดังอยู่ในหัวของเขา
"ทั้งๆที่หนูก็เห็นแม่ร้องไห้เหมือนพี่ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้"
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ่ายแบบงานนึุงก็ได้เงินเยอะแล้ว ไปโรงเรียนเถอะ" เขาฝืนยิ้มตอบกลับไปให้น้องสาวที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมต้นพร้อมกับลูบหัวเธอ
"กีซอบ ตากล้องเค้าพร้อมแล้วนะ ออกมาได้แล้วจ้า" สไตล์ลิชสาวที่แต่งหน้าให้เขาเป็นประจำส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้ชายหนุ่มหลุดออกมาจากภวังค์
"ฮะ" ส่งเสียงตอบกลับไปพร้อมกับเดินเข้าไปหานูน่าที่ย่นจมูกแล้วจับผมของเด็กใหม่ให้เข้าที่
"ไม่อยากถ่ายอีกแล้วใช่ไหมกีซอบ... อดทนหน่อยนะ" เธอบีบบ่าเขาเบาๆเพื่อให้กำลังใจ กีซอบยิ้มให้เธอพร้อมกับพยักหน้าเล็กๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
แสงสปอร์ตไลท์แยงเข้าตาเขาทันทีที่เดินออกไป กีซอบชินแล้วกับภาพแบบนี้
"เอ้า กีซอบ มานี่หน่อย" คนจัดแสงกวักมือเรียกให้นายแบบหนุ่มเดินเข้าไปหา เขาเดินตามไปงงๆ ก่อนจะพบกับคนที่เขาคิดว่าเป็นตากล้องคนใหม่ที่กำลังนั่งเต๊ะุจุ้ยไขว่ห้างขมวดคิ้วดูฉากผ่านเลนส์
"นี่คุณปาร์ค ซังฮยอนนะ ตากล้องงานนี้น่ะ" กีซอบโค้งทักทายหลังจากที่พี่คนนั้นบอก แต่เขาก็แอบไม่พอใจนิดๆเหมือนกันที่อีตากล้องคนที่ว่านี่ไม่่แม้แต่จะหันมาพยักหน้ารับ ให้ตายสิ อายุก็ไม่น่าต่างกันซักเ่่ท่าไหร่เลยแท้ๆ
"เฮ้ชอนดุง นี่กีซอบ" เขาบอกพร้อมกับผายมือมาทางเจ้าของชื่อ ตาซังฮยอนอะไรนั่นถึังได้ยอมละสายตาจากกล้องมาทักทายเขาจนได้ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากัน
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตะลึงค้างกับเด็กหนุ่มผมสีดำยาวประบ่าร่างบางในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวกับเฟอร์เล็กๆให้เข้ากับคอนเซ็ปท์รักบริสุทธิ์ตามฉากหลังนั่น ฝ่ายกีซอบเองก็ถึงกับงงๆเหมือนกับจะคุ้นหน้าคนตรงหน้าเหมือนเคยเห็นบนปกนิตยสารเล่มไหนสักเล่ม
"นี่ขยับมาทางซ้ายนิดนึง ก้มหน้าลงแอ๊บแบ๊วกว่านั้นอีก รูปนี้รูปสุดท้ายก็พักกล้องได้แล้วล่ะ"
'แช๊ะ!!'
สิ้นเสียงกดชัตเตอร์ ซังฮยอนลดกล้องลงพร้อมกับกดดูรูปที่ถ่ายมาแล้วเพื่อเช็คดู
เขายอมรับว่าเขาไม่อาจละสายตาจากรอยยิ้มนั้นได้เลย ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งก็ตาม
ตอนนี้งานทั้งหมดใกล้จะเสร็จแล้ว กีซอบนึกฉงนในลักษณะการสั่งให้เขาออกท่าทางและบางทีก็มีมายืนอยู่ทำให้ดูข้างๆด้วยก็มี ถึงแ้ม้ตากล้องคนอื่นๆที่เขาเคยร่วมงานมาด้วยก็มักจะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ปาร์ค ซังฮยอนกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เขาดูเหมือนจะเข้าใจว่านายแบบหน้าใหม่จะมีอาการอย่างไรในการถ่ายแบบที่ไม่เคยมาก่อน
"นายโอเครึเปล่า ดูเหนื่อยๆนี่" เสียงของซังฮยอนดังขึ้นข้างหลังของนายแบบหนุ่มที่กำลังยืนเหม่อมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีมาเป็นสีส้ม ตากล้องหนุ่มเดินถือน้ำมาด้วยแก้วนึงพร้อมกับส่งให้ กีซอบรับมาพร้อมกับยิ้มแหยตอบ
"ธันเดอร์ ถ้าเรียกอย่างนี้คุ้นหูมั่งมั้ย" กีซอบหันขวับเมื่อได้ยินชื่อที่เขาพยายามนึกแต่นึกไม่ออก ก่อนหน้านี้ปาร์คซังฮยอนหรือธันเดอร์เป็นที่รู้จักในวงการเป็นอย่างดี แต่จู่ๆเมื่อห้าหกเดือนที่แล้วชื่อของเขาก็เริ่มเงียบหายไป
"อ๋อคุณ..." ซังฮยอนยิ้มก่อนจะพูดต่อ
"วงการมันก็อย่างนี้แหละ เหนื่อยกับข่าวลือสารพัดก็เลยผันตัวมาเป็นเบื้องหลัง กีซอบ นายน่ะเข้าวงการมาโดยที่ไม่อยากเข้าใช่ไหม"
"ฮะ.." นายแบบหน้าใหม่พยักหน้ารับพร้อมกับพองแก้ม
"ไม่ต้องพูดสุภาพหรอก เราอายุเท่ากันนี่ เรียกชอนดุงก็ได้" พูดจบก็ทำท่าจะขยี้หัวนายแบบหนุ่มที่วิ่งหลบแทบจะทันที
"ถ้าคุณเป็นนายแบบมาก่อนคุณก็น่าจะรู้นะว่าทรงผมมันสำคัญแค่ไหนน่ะ!!" กีซอบแหวใส่ทีเล่นทีจริง ซังฮยอนหัวเราะลั่นแล้วยื่นมือให้กีซอบ
"มาเป็นเพื่อนกันเถอะ" พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าสมัยเป็นนายแบบ อีกฝ่ายก็มองเหมือนจะไม่ไว้ใจแต่ก็ยื่นมือออกไปรับไมตรี
"เฮ้ย!!" ไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อมืออีกข้างของตากล้องหน้าใสก็คว้าหมับเข้าที่หัวของนายแบบหนุ่มพร้อมกับขยี้ทันที ทำเอากีซอบถึงกับผงะออกแทบไม่ทัน แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
"เดี๋ยวเถอะชอนดุง เล่นอะไรเนี่ย ต้องเช็ตผมกันใหม่หมดเลยเห็นมั้ย!!" นูน่าสไตล์ลิชขึ้นเสียงสูงใส่คุณตากล้องหน้าตาดีที่เดินหัวเราะหึๆกลับไปนั่งไขว่ห้างเช็ครูปในกล้องต่ออย่างสบายอารมณ์ ส่วนอีกคนที่โดนแกล้งไปเต็มๆกลับได้แต่นั่งให้พี่สาวที่บ่นไม่ขาดปากเซ็ตผมให้ใหม่หมด
ไม่นานนักการถ่ายแบบส่วนที่เหลือก็เสร็จสิ้น บรรยากาศจากตอนแรกที่ซีเรียสนิดหน่อยก็คลายมาเป็นบรรยากาศสบายๆกับเสียงหยอกเล่นกันของตากล้องกับนายแบบ ทำเอาผู้ร่วมงานคนอื่นๆถึงกับงงๆว่าตอนพักกล้องสองคนนี้ไปทำอะไรกันมาจู่ๆก็สนิทกันขึ้นมาได้ กว่ากีซอบจะเก็บของเดินออกมาจากสตูดิโอท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินซะแล้ว ร่างบางถอนหายใจหนักก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
"อุตส่าห์บอกว่าจะรีบกลับไปกินข้าวเย็นแล้วเชียว ถ่ายแบบแค่นี้ทำไมนานนักนะ" นายแบบหนุ่มพองแก้มแล้วกระชับเสื้อโค้ทที่ตัวเองใส่อยู่ให้เข้าที่แล้วเริ่มออกเดิน
'ปี๊นๆ'
เสียงบีบแตรทำให้กีซอบต้องหยุดเดินและหันไปมองรถมินิคูเปอร์สีขาวที่ขับช้าๆมาจากข้างๆเขา ก่อนกระจกติดฟิลม์ทึบจะลดระดับลงพร้อมกับหน้าขาวๆของตากล้องตัวแสบที่ชะโงกออกมาตะโกนเรียก
"ขึ้นมาสิ บ้านนายอยู่ไหนอะ เดี๋ยวไปส่ง"
"ไม่อะ กลับเองได้" กีซอบปฎิเสธทันทีแล้วเดินหนี ทำเอาชอนดุงที่พกความมั่นใจมาสุดฤทธิ์เสียหน้าอย่างแรง
"ง๊า... ปกติถ้ามีคนมาชวนเค้าก็ต้องตอบรับดีๆสิ" ว่าแล้วก็ยังไม่วายขับรถตามต่อ
"ก็บอกแล้วไงว่ากลับเองได้"
"ไม่ ขึ้นมา" คนเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้
"นายจะอะไรกับชั้นนักหนาเนี่ย!" กีซอบหยุดเดินแล้วตะโกนใส่คนที่อยู่ในรถ ว่าแล้วชอนดุงก็ยกยิ้มกับแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้สดๆ
"แฟนผมเค้างอนผมวันวาเลนไทน์อะค้าบ ทำยังไงดีล่ะ!!!!" ว่าแล้วก็ตะโกนต่อไปอย่างไม่แคร์สิ่งใด ส่วนกีซอบก็เริ่มเป็นจุดสนใจจากคนแปลกหน้ารอบข้าง เป็นซะอย่างนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากจะยอมเดินกระทืบเท้ามาเปิดประตูรถอีกฝั่งแล้วนั่งลงอย่างแรง
"ใครเป็นแฟนนายไม่ทราบ ปาร์ค ซังฮยอน..." นายแบบหนุ่มพูดเสียงต่ำ ตามองคนข้างๆที่ขับรถไปฮัมเพลงไปแบบจะควักไส้ออกมาให้ได้
ตั้งแต่ที่ชอนดุงเล่นหัวเขาเสร็จก็เริ่มพูดจาหยอกล้อบ่อยซะจนกีซอบนึกรำคาญ
ฝ่ายตากล้องเมื่อเห็นนายแบบเริ่มหัวเสียก็นึกสนุกอยากแกล้งต่อจนอดไม่ไหว
"แล้วบ้านนายอยู่ไหนล่ะ" ชอนดุงหันมาถาม
"เลี้ยวซ้ายแยกหน้าแล้วตรงไป ถึงแล้วจะบอกเอง" กีซอบบอกเสียงห้วน
"แหม... ยิ้มหน่อยน่า" ว่าแล้วก็เอามือไปสะกิดๆไหล่อีกคนที่ทำตาขวางหันกลับมามองระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง
"หันมาหน่อยน่า น๊า" ว่าแล้วก็เซ้าซี้ซะจนกีซอบหันมาอ้าปากเตรียมตัวจะด่า
"นาย..."
'แช๊ะ!!'
"ถ่ายได้อีกรูปและ หึหึ" พูดจบก็รอเจ้ากล้องโพรารอยด์สีเงินปริ้นท์รูปออกมา ไม่ทันไรกีซอบผู้มีนิสัยจู้จี้กว่าที่คิดบ่นยาวเป็นหางว่าวจนตั้งแต่เลิกติดไฟแดงยันถึงหน้าบ้านของนายแบบหนุ่มนั่นเอง
"ขอบคุณที่มาส่ง" กีซอบพูดขอบคุณเสียงแข็งตามมารยาท ฝ่ายชอนดุงก็หัวเราะก่อนจะบอกลาแล้วออกรถจากไป
ห้าทุ่มแล้ว ใกล้ถึงเวลานอนของนายแบบหนุ่มที่เดินงัวเงียๆมาที่เตียงด้วยความง่วงนอนสุดฤทธิ์เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ขณะที่กำลังจะหลับนั้นเองเสียงเมสเสจเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
'ขอบคุณนะที่ทำให้วาเลนไทน์ของชั้นมีสีสันขึ้นมา ลีีกีซอบ'
ข้อความสั้นๆปรากฎขึ้นมาพร้อมกับรูปของเขาที่ชอนดุงคงถ่ายมาจากกล้องโพรารอยด์อีกที กีซอบส่ายหน้าช้าๆก่อนจะยิ้มบางๆแล้วพิมพ์เมสเสจตอบกลับไป
"นายก็ทำให้ชีวิตที่ชั้นคิดว่ามันน่าเบื่อกลับมามีสีสันเหมือนนั่นแหละ ฝันดีนะ ปาร์ค ซังฮยอน"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้ววววววววววววววววววววววววววว
เดี๋ยวรูปตัวละครมาทีหลังเด้อ ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อน
จะจมภาษาอังกฤษตายแย้ววววว
Writer : RioNa'
__________________________________________________________
แม้จะเป็นวันแห่งความรักที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกไม้หลากหลายชนิดที่เหล่าสต๊าฟนำมาตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับคอนเซปท์ แต่ลีกีซอบ นายแบบหนุ่มที่เพิ่งผันตัวเองมาจากการเป็นเน็ตไอดอลและก้าวเข้าสู่วงการแห่งสีสันนั้นไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกยินดียินร้ายกับวันที่คนอื่นแสนจะมีความสุขเลยซักนิด
จริงๆแล้วการมีชีวิตอิสระเป็นเน็ตไอดอลอย่างที่เขาเคยเป็นอยู่นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่การที่จู่ๆพ่อของเขาก็ตกงานทำให้เขาต้องรับภาระเพิ่มขึ้น บางทีวันนี้เขาอาจจะต้องไปโรงเรียน ยิ้มรับช็อคโกแลตจากรุ่นน้องเหมือนทุกปี หากแต่ว่าวันเวลาแบบนั้นคงจะหาได้ยากแล้วสำหรับเขาที่กำลังถูกสื่อมองมาและมีป้ายติดว่าเป็นเด็กใหม่ของวงการ กีซอบยิ้มให้เงาของตัวเองที่ฉายอยู่บนกระจก รอยยิ้มของเขาที่ถูกขนานนามกันในเวลาสั้นๆว่าเป็นรอยยิ้มที่กระชากหัวใจของสาวเล็กสาวน้อยหลายๆคนนั้นช่างเป็นรอยยิ้มที่มันไม่ได้ออกมาจากใจจริงของเขาเลยแม้แต่น้อย
"พี่กีซอบ หนูขอโทษนะที่ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย" เสียงของน้องสาวที่ช่วยส่งกระเป๋าให้พี่ชายก่อนออกจากบ้านดังอยู่ในหัวของเขา
"ทั้งๆที่หนูก็เห็นแม่ร้องไห้เหมือนพี่ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้"
"ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ่ายแบบงานนึุงก็ได้เงินเยอะแล้ว ไปโรงเรียนเถอะ" เขาฝืนยิ้มตอบกลับไปให้น้องสาวที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมต้นพร้อมกับลูบหัวเธอ
"กีซอบ ตากล้องเค้าพร้อมแล้วนะ ออกมาได้แล้วจ้า" สไตล์ลิชสาวที่แต่งหน้าให้เขาเป็นประจำส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้ชายหนุ่มหลุดออกมาจากภวังค์
"ฮะ" ส่งเสียงตอบกลับไปพร้อมกับเดินเข้าไปหานูน่าที่ย่นจมูกแล้วจับผมของเด็กใหม่ให้เข้าที่
"ไม่อยากถ่ายอีกแล้วใช่ไหมกีซอบ... อดทนหน่อยนะ" เธอบีบบ่าเขาเบาๆเพื่อให้กำลังใจ กีซอบยิ้มให้เธอพร้อมกับพยักหน้าเล็กๆ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
แสงสปอร์ตไลท์แยงเข้าตาเขาทันทีที่เดินออกไป กีซอบชินแล้วกับภาพแบบนี้
"เอ้า กีซอบ มานี่หน่อย" คนจัดแสงกวักมือเรียกให้นายแบบหนุ่มเดินเข้าไปหา เขาเดินตามไปงงๆ ก่อนจะพบกับคนที่เขาคิดว่าเป็นตากล้องคนใหม่ที่กำลังนั่งเต๊ะุจุ้ยไขว่ห้างขมวดคิ้วดูฉากผ่านเลนส์
"นี่คุณปาร์ค ซังฮยอนนะ ตากล้องงานนี้น่ะ" กีซอบโค้งทักทายหลังจากที่พี่คนนั้นบอก แต่เขาก็แอบไม่พอใจนิดๆเหมือนกันที่อีตากล้องคนที่ว่านี่ไม่่แม้แต่จะหันมาพยักหน้ารับ ให้ตายสิ อายุก็ไม่น่าต่างกันซักเ่่ท่าไหร่เลยแท้ๆ
"เฮ้ชอนดุง นี่กีซอบ" เขาบอกพร้อมกับผายมือมาทางเจ้าของชื่อ ตาซังฮยอนอะไรนั่นถึังได้ยอมละสายตาจากกล้องมาทักทายเขาจนได้ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากัน
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตะลึงค้างกับเด็กหนุ่มผมสีดำยาวประบ่าร่างบางในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวกับเฟอร์เล็กๆให้เข้ากับคอนเซ็ปท์รักบริสุทธิ์ตามฉากหลังนั่น ฝ่ายกีซอบเองก็ถึงกับงงๆเหมือนกับจะคุ้นหน้าคนตรงหน้าเหมือนเคยเห็นบนปกนิตยสารเล่มไหนสักเล่ม
"นี่ขยับมาทางซ้ายนิดนึง ก้มหน้าลงแอ๊บแบ๊วกว่านั้นอีก รูปนี้รูปสุดท้ายก็พักกล้องได้แล้วล่ะ"
'แช๊ะ!!'
สิ้นเสียงกดชัตเตอร์ ซังฮยอนลดกล้องลงพร้อมกับกดดูรูปที่ถ่ายมาแล้วเพื่อเช็คดู
เขายอมรับว่าเขาไม่อาจละสายตาจากรอยยิ้มนั้นได้เลย ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งก็ตาม
ตอนนี้งานทั้งหมดใกล้จะเสร็จแล้ว กีซอบนึกฉงนในลักษณะการสั่งให้เขาออกท่าทางและบางทีก็มีมายืนอยู่ทำให้ดูข้างๆด้วยก็มี ถึงแ้ม้ตากล้องคนอื่นๆที่เขาเคยร่วมงานมาด้วยก็มักจะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ปาร์ค ซังฮยอนกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เขาดูเหมือนจะเข้าใจว่านายแบบหน้าใหม่จะมีอาการอย่างไรในการถ่ายแบบที่ไม่เคยมาก่อน
"นายโอเครึเปล่า ดูเหนื่อยๆนี่" เสียงของซังฮยอนดังขึ้นข้างหลังของนายแบบหนุ่มที่กำลังยืนเหม่อมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีมาเป็นสีส้ม ตากล้องหนุ่มเดินถือน้ำมาด้วยแก้วนึงพร้อมกับส่งให้ กีซอบรับมาพร้อมกับยิ้มแหยตอบ
"ธันเดอร์ ถ้าเรียกอย่างนี้คุ้นหูมั่งมั้ย" กีซอบหันขวับเมื่อได้ยินชื่อที่เขาพยายามนึกแต่นึกไม่ออก ก่อนหน้านี้ปาร์คซังฮยอนหรือธันเดอร์เป็นที่รู้จักในวงการเป็นอย่างดี แต่จู่ๆเมื่อห้าหกเดือนที่แล้วชื่อของเขาก็เริ่มเงียบหายไป
"อ๋อคุณ..." ซังฮยอนยิ้มก่อนจะพูดต่อ
"วงการมันก็อย่างนี้แหละ เหนื่อยกับข่าวลือสารพัดก็เลยผันตัวมาเป็นเบื้องหลัง กีซอบ นายน่ะเข้าวงการมาโดยที่ไม่อยากเข้าใช่ไหม"
"ฮะ.." นายแบบหน้าใหม่พยักหน้ารับพร้อมกับพองแก้ม
"ไม่ต้องพูดสุภาพหรอก เราอายุเท่ากันนี่ เรียกชอนดุงก็ได้" พูดจบก็ทำท่าจะขยี้หัวนายแบบหนุ่มที่วิ่งหลบแทบจะทันที
"ถ้าคุณเป็นนายแบบมาก่อนคุณก็น่าจะรู้นะว่าทรงผมมันสำคัญแค่ไหนน่ะ!!" กีซอบแหวใส่ทีเล่นทีจริง ซังฮยอนหัวเราะลั่นแล้วยื่นมือให้กีซอบ
"มาเป็นเพื่อนกันเถอะ" พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าสมัยเป็นนายแบบ อีกฝ่ายก็มองเหมือนจะไม่ไว้ใจแต่ก็ยื่นมือออกไปรับไมตรี
"เฮ้ย!!" ไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อมืออีกข้างของตากล้องหน้าใสก็คว้าหมับเข้าที่หัวของนายแบบหนุ่มพร้อมกับขยี้ทันที ทำเอากีซอบถึงกับผงะออกแทบไม่ทัน แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
"เดี๋ยวเถอะชอนดุง เล่นอะไรเนี่ย ต้องเช็ตผมกันใหม่หมดเลยเห็นมั้ย!!" นูน่าสไตล์ลิชขึ้นเสียงสูงใส่คุณตากล้องหน้าตาดีที่เดินหัวเราะหึๆกลับไปนั่งไขว่ห้างเช็ครูปในกล้องต่ออย่างสบายอารมณ์ ส่วนอีกคนที่โดนแกล้งไปเต็มๆกลับได้แต่นั่งให้พี่สาวที่บ่นไม่ขาดปากเซ็ตผมให้ใหม่หมด
ไม่นานนักการถ่ายแบบส่วนที่เหลือก็เสร็จสิ้น บรรยากาศจากตอนแรกที่ซีเรียสนิดหน่อยก็คลายมาเป็นบรรยากาศสบายๆกับเสียงหยอกเล่นกันของตากล้องกับนายแบบ ทำเอาผู้ร่วมงานคนอื่นๆถึงกับงงๆว่าตอนพักกล้องสองคนนี้ไปทำอะไรกันมาจู่ๆก็สนิทกันขึ้นมาได้ กว่ากีซอบจะเก็บของเดินออกมาจากสตูดิโอท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินซะแล้ว ร่างบางถอนหายใจหนักก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
"อุตส่าห์บอกว่าจะรีบกลับไปกินข้าวเย็นแล้วเชียว ถ่ายแบบแค่นี้ทำไมนานนักนะ" นายแบบหนุ่มพองแก้มแล้วกระชับเสื้อโค้ทที่ตัวเองใส่อยู่ให้เข้าที่แล้วเริ่มออกเดิน
'ปี๊นๆ'
เสียงบีบแตรทำให้กีซอบต้องหยุดเดินและหันไปมองรถมินิคูเปอร์สีขาวที่ขับช้าๆมาจากข้างๆเขา ก่อนกระจกติดฟิลม์ทึบจะลดระดับลงพร้อมกับหน้าขาวๆของตากล้องตัวแสบที่ชะโงกออกมาตะโกนเรียก
"ขึ้นมาสิ บ้านนายอยู่ไหนอะ เดี๋ยวไปส่ง"
"ไม่อะ กลับเองได้" กีซอบปฎิเสธทันทีแล้วเดินหนี ทำเอาชอนดุงที่พกความมั่นใจมาสุดฤทธิ์เสียหน้าอย่างแรง
"ง๊า... ปกติถ้ามีคนมาชวนเค้าก็ต้องตอบรับดีๆสิ" ว่าแล้วก็ยังไม่วายขับรถตามต่อ
"ก็บอกแล้วไงว่ากลับเองได้"
"ไม่ ขึ้นมา" คนเอาแต่ใจไม่ยอมแพ้
"นายจะอะไรกับชั้นนักหนาเนี่ย!" กีซอบหยุดเดินแล้วตะโกนใส่คนที่อยู่ในรถ ว่าแล้วชอนดุงก็ยกยิ้มกับแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้สดๆ
"แฟนผมเค้างอนผมวันวาเลนไทน์อะค้าบ ทำยังไงดีล่ะ!!!!" ว่าแล้วก็ตะโกนต่อไปอย่างไม่แคร์สิ่งใด ส่วนกีซอบก็เริ่มเป็นจุดสนใจจากคนแปลกหน้ารอบข้าง เป็นซะอย่างนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากจะยอมเดินกระทืบเท้ามาเปิดประตูรถอีกฝั่งแล้วนั่งลงอย่างแรง
"ใครเป็นแฟนนายไม่ทราบ ปาร์ค ซังฮยอน..." นายแบบหนุ่มพูดเสียงต่ำ ตามองคนข้างๆที่ขับรถไปฮัมเพลงไปแบบจะควักไส้ออกมาให้ได้
ตั้งแต่ที่ชอนดุงเล่นหัวเขาเสร็จก็เริ่มพูดจาหยอกล้อบ่อยซะจนกีซอบนึกรำคาญ
ฝ่ายตากล้องเมื่อเห็นนายแบบเริ่มหัวเสียก็นึกสนุกอยากแกล้งต่อจนอดไม่ไหว
"แล้วบ้านนายอยู่ไหนล่ะ" ชอนดุงหันมาถาม
"เลี้ยวซ้ายแยกหน้าแล้วตรงไป ถึงแล้วจะบอกเอง" กีซอบบอกเสียงห้วน
"แหม... ยิ้มหน่อยน่า" ว่าแล้วก็เอามือไปสะกิดๆไหล่อีกคนที่ทำตาขวางหันกลับมามองระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง
"หันมาหน่อยน่า น๊า" ว่าแล้วก็เซ้าซี้ซะจนกีซอบหันมาอ้าปากเตรียมตัวจะด่า
"นาย..."
'แช๊ะ!!'
"ถ่ายได้อีกรูปและ หึหึ" พูดจบก็รอเจ้ากล้องโพรารอยด์สีเงินปริ้นท์รูปออกมา ไม่ทันไรกีซอบผู้มีนิสัยจู้จี้กว่าที่คิดบ่นยาวเป็นหางว่าวจนตั้งแต่เลิกติดไฟแดงยันถึงหน้าบ้านของนายแบบหนุ่มนั่นเอง
"ขอบคุณที่มาส่ง" กีซอบพูดขอบคุณเสียงแข็งตามมารยาท ฝ่ายชอนดุงก็หัวเราะก่อนจะบอกลาแล้วออกรถจากไป
ห้าทุ่มแล้ว ใกล้ถึงเวลานอนของนายแบบหนุ่มที่เดินงัวเงียๆมาที่เตียงด้วยความง่วงนอนสุดฤทธิ์เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ขณะที่กำลังจะหลับนั้นเองเสียงเมสเสจเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
'ขอบคุณนะที่ทำให้วาเลนไทน์ของชั้นมีสีสันขึ้นมา ลีีกีซอบ'
ข้อความสั้นๆปรากฎขึ้นมาพร้อมกับรูปของเขาที่ชอนดุงคงถ่ายมาจากกล้องโพรารอยด์อีกที กีซอบส่ายหน้าช้าๆก่อนจะยิ้มบางๆแล้วพิมพ์เมสเสจตอบกลับไป
"นายก็ทำให้ชีวิตที่ชั้นคิดว่ามันน่าเบื่อกลับมามีสีสันเหมือนนั่นแหละ ฝันดีนะ ปาร์ค ซังฮยอน"
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้ววววววววววววววววววววววววววว
เดี๋ยวรูปตัวละครมาทีหลังเด้อ ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อน
จะจมภาษาอังกฤษตายแย้ววววว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น