ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Diary ,, My Memory : ถ้ารู้เบอร์เรา...ก็เข้ามานะ :)

    ลำดับตอนที่ #1 : วีรกรรมหกวัน อิน บางกอก (1) : ค่ายเด็กรักหนังสือ #3

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 55


    บันทึก ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2554
                อ่า...สวัสดีค่า ทุกคนที่สามารถมาก ๆ พอที่จะหลุดเข้ามา >O< (จะมีเรอะ!?)

    ยินดีต้องรับเข้าสู่ My Diary ,, My Memory ของดาวค่า

    ที่นี่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อนสนองนี้ดส่วนตัวของดาว...เผื่อว่าสักวันดาวจะกลับมาเปิดย้อนรอยความทรงจำดี ๆ (?) ภายในนี้ T^T

    อ่า...
     

    บันทึก ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2554
     

    วันนี้จะเล่าเรื่องของการเข้าค่ายสุดแสนทรหด ที่บางวันก็น่าเบื่อของดาว โดยบุกน้ำลุยไฟ จริงจังมากไปถึงกรุงเทพ ...และด้วยความกลัวน้ำท่วมดาวจึงรีบกลับ (อ้าว) เอ๊ย ! ม่ายช่ายยย ค่ายนี้ค่าที่ดาวไปเข้า...

    I Love Book By AMARIN #3 (ค่ายเด็กรักหนังสือ)

    ค่ายนี้ถูกจัดขึ้นโดยบริษัท อมรินทร์ ปริ้นติ้ง โดยอยู่ภายใต้โครงการอมรินทร์ เทรนนิ่ง อันมีพี่เหน่ง เป็นผู้จัดการ (ที่เขาลือกันว่าโหดสุด ๆ =__=;;)

    พอดาวไปก็ดันเป็นพี่ใหญ่ของที่นั่นซะงั้น ฮา

    ต้องบอกว่าเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ กับการมาค่ายนี้ เพราะสนใจหนังสือ (นิยาย) แต่พอเข้าไปได้สามสี่วัน ชะอุ๋ย! เขารับเด็กตั้งแต่ 7 – 14 ปี และนี่มันก็คือ รักหนังสือสำหรับเด็ก ! ตะแล่น นิทานนั่นเองค่า ด้วยความที่ว่า สกิลฝีมือการวาดรูปของดาวแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ตกต่ำอย่างใหญ่หลวง T^To ทำให้ดาวไม่สามารถทำได้แบบที่น้อง ๆ เขาทำ ฮา *แพ้เด็ก*

    ค่ายนี้มีพี่ ๆ สตาฟฟ์อยู่สามคน ได้แก่

    พี่หนุ่ม...พี่ที่ถูกเรียกผิดว่า “พี่ภูมิ” อยู่บ่อย ๆ (-w-“  )

    พี่ฝ้าย...พี่สตาฟฟ์หญิงหนึ่งเดียว ที่คงความน่ารักและสดใส

    พี่ภูมิ...อันพี่คนนี้สุดจะบรรยาย - -“ ชอบหายตัวชะแว้บชะวับ แถมยังเป็นคนจัดอาหารได้...เอิ่ม...ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่ามันกินไม่ลง !

    ค่ายนี้จัดกัน 5 วัน

     

     

    โดยวันแรก...จันทร์ที่ 10 ต.ค. 2554

    09.00 – 10.00 น.     - เปิดกิจกรรม 
                                     - เด็กๆแนะนำตัว
                                     - กิจกรรมละลายพฤติกรรม

    ไอ้ตรง “เปิดกิจกรรม” นี่ไม่มีปัญหาอะไรเลย (- -“ ) แต่มันดันมีปัญหากับ “เด็ก ๆ แนะนำตัว” กับ “กิจกรรมละลายพฤติกรรม” นี่สิ

    เพราะอะไรน่ะเรอะ !?

    เพราะวันแรกเราน่ะ ไม่มีตารงตารงเวลาอะไรเลย เลยรีบตื่นเช้าคิดว่ารายงานตัวแปดโมง จริง ๆ แล้วมันเก้าโมง บ้าเอ๊ย! เราเลยนั่งแกร่วอยู่คนเดียวอย่างโลนลี่ พอมาเริ่มกิจกรรมเลยไม่มีเพื่อนอะไรกะเขาซักคน Y__Y

    แถมตอนแนะนำตัวเรายังได้ตรัสรู้อีกว่า เราเป็นต่างจังหวัดคนเดียว นอกนั้นเป็น “กรุงเทพ” หมดเลย ฮือออออ

    แล้วไอ้กิจกรรมละลายพฤติกรรมนี่เราโคตาระไม่เข้าใจเลยว่าเขาให้ทำอะไร แกว่งแขนซ้าย แกว่งแขนขวา แล้วก็จับดั้ง (จมูก) โครง (ซี่โครง) ปาก เป็นจังหวะ ดั้งดั้งดั้ง ดั้ง โครง ดั้ง ดั้ง โครง ดั้ง ดั้ง โครง ดั้ง ปาก ดั้ง โครง ดั้ง โอ๊ย เราล่ะปวดหัวมึนตึ้บ +O+


    10.15 - 12.00 น.        - การบรรยายเรื่องหนังสือคืออะไร
    13.00 –16.00 น.         - กระบวนการจัดทำหนังสือเล่ม เน้นหนังสือสำหรับเด็ก สนพ.แพรวเพื่อนเด็ก และสนพ. อมรินทร์การ์ตูน
                                     - ให้น้องๆ มีส่วนร่วมโดยเล่าเรื่องหนังสือที่ตัวเองชอบ เป็น หนังสือเล่มหรือนิตยสารก็ได้
     

    อ่า...การบรรยายอันแรกมีวิทยากรที่มีสปิริตเป็นถึงบก.สนพ.แพรวเพื่อเด็กมาบรรยาย >< ทาดา! นั่นคือ “พี่นุช” ค่า เขาก็ถามนู่น ถามนี่ ถามว่าหนังสือคืออะไร ได้ประโยชน์อย่างไร บลา ๆ ๆ เราก็สนใจอยู่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่ก็ให้น้อง ๆ เด็กผู้น่ารัก (น่าตบตี) ทั้งหลายตอบไป

    ส่วนการบรรยายอันต่อมามีวิทยากรอีกคนนึง ที่ต้องบอกว่าขอซูฮกในความสามารถของพี่คนนี้มาก /(_ _)\ เป็นทั้งนักเขียน นักวาด นักออกแบบของเล่น “พี่หมุด” [หรือว่าชื่อบุตรว่า เราฟังไม่ชัด (-o-a) ] พี่เขาก็มาอ่านนิทง นิทานที่วาดเอง สอนการวางแผนโครงเรื่อง เบื้องหลังของนิทานที่เราแอบปลื้มนิด ๆ 55555

     

     

    อ่า ตัดฉับฉับมาวันที่ 2 ...อังคารที่ 11 ต.ค. 2554*

    อะแฮ่ม วันนี้ขอติ๊กดอกจันแดงไว้นิสนุง -.- เพราะวันนี้เราค่อนข้างที่จะแม้ง่วง แต่เราก็ได้เรียนรู้เรื่องที่ด้วยหัวข้อว่า “โรงพิมพ์ : ต้นกำเนิดหนังสือ =[]=!

    55555 วันนี้ได้ไปชมโรงพิมพ์ค่ะ เอ้า มาดูกันเล้ยยย

    09.00 – 12.00 น.        ชมกระบวนการจัดจำหน่ายหนังสือ A BOOK ร้าน นายอินทร์ สาขา สำนักงานใหญ่

    อ่า ก่อนจะไปโรงพิมพ์เราสามสี่ชีวิต (?) นั่งรถตู้ไปยังร้านนายอินทร์สาขาสำนักงานใหญ่ที่พอฟังแล้วนึกถึงบรรยากาศหนังสือเยอะ ๆ แบบที่ร้านคิโนะคุนิยะ แต่ที่ไหนได้! มันเล็กกระจิ๋วเดียว แถมด้านหน้ายังมีคลองขนาดย่อม (น้ำท่วม) อีกด้วย O.O

    55555 แต่ที่เราเป็นปลื้มและแอ๊บชอบที่นี่มาก เพราะว่าเมื่อเราซื้อหนังสือจากที่นี่จะได้ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับลูกค้าทั่วไป ทว่า วันนี้พวกเราเกือบครึ่งสามสิบ (?) ชีวิตไม่ใช่คนธรรมดา แต่กำลังจะกลายเป็นมะนาวต่างนุ้ด เอ๊ย! พวกเราไม่ใช่ลูกค้าธรรมดา เพราะเรามากับพี่ ๆ ทีมงานที่มีสิทธิพิเศษของทีมงาน ได้รับส่วนลดถึง 40 เปอร์เซ็นต์!

    บร๊ะเจ้าโจ๊ก O[ ]O !

    หากแต่ทว่า ! สี่สิบเปอร์เซ็นต์คือส่วนลดของหนังสือที่มีตรามุมบนซ้ายที่หน้าปกเป็นตราอมรินทร์ แต่ถ้าไม่มีลดแค่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดี ! เพราะเราซื้อหนังสือของแจ่มใสสามเล่ม จากที่ราคาสี่ร้อยกว่า ลดพรวดพลาดเหลือสามร้อยห้าสิบ!

    13.00 –15.00 น.         - นำชมอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ณ อมรินทร์ คอร์เปอเรท ปาร์ค
                                       - ชมออฟฟิศ กอง บก.นิตยสาร, กอง บก.หนังสือเล่ม
                15.00-16.00 น.          - ชมโรงพิมพ์/กระบวนการพิมพ์ 
               
    ในที่สุดเราก็ย้ายจากร้านนายอินทร์สาขาสำนักงานใหญ่ (แต่ไซส์เล็ก) มาที่บริษัทอมรินทร์ ปริ้นติ้ง โดยที่แรก เราได้ไปชมกองบรรณาธิการของนิตยสาร “ชีวจิต” ก็ได้เจริญหูเจริญตากะโต๊ะของคอลั่มนิสต์ที่มีแต่โมเดล ตุ๊กตา สารพัดของชำร่วย O[ ]o เราชักไม่แน่ใจซะแล้วสิว่านั่นคือที่ทำนิตยสาร ไม่ใช่ร้ายขายของเล่น =_=a

    กองบรรณาธิการที่สองคือ นิตยสาร “บ้านและสวน” ที่บอกเราได้ว่า การมีอยู่ของการทำนิตยสารคือการขายหน้าโฆษณา หน้านึงเป็นหมื่น บ๊ะ! คือจะรวยแท้ ...อีกอย่างหนึงที่เราตรัสรู้จากที่นี่คือ ทุกคนนิยมปั่นจักรยาน และยกมันมาวางไว้ข้างโต๊ะ (ที่ชั้นสาม + ไม่มีลิฟต์ = เดินบันได !!) แถมยังมีที่สูบลมวางอยู่มุมห้อง จนเด็ก ๆ ยังต้องเข้าไปจ้องเจ้าของแปลกตา (เพราะมันอยู่ผิดที่) ด้วยความฉงน ฮา

    ส่วนการชมโรงพิมพ์นั้นค่อนข้างสัญจรลำบาก แถมยังมีวิทยากรที่ไม่ยอมบอกชื่อ (หรือบอกไปแล้ว เราจำไม่ได้ -_-a // โดนตบ) เครื่องจักรเต้มมมไปหมด แถมเรายังได้ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องตัดกระดาษ O__O มันช่างสุดยอดแห่งความเจ๋งเป้ง! 55555

    การเดินนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากเราที่เดินงัวเงีย จนพี่ภูมิต้องได้ร้องว่า “เฮ้ย ตื่น” และแถมยังเผลอเดินไป ติดผนังเขาไปแบบตุ๊กแกอีกต่างหาก =O=

     

    ฉับ ฉับ ฉับ...

    มาวันที่สาม พุธที่ 12 ต.ค. 2554

    09.00 – 12.00 น.        เขียนอย่างไรให้สนุก 
                                        -น้อง ๆ จะทำหนังสืออะไรดี

    อ่า...ขอระบายนิสนุง ต้องบอกว่าพอมาถึงส่วนนี้ของค่าย รู้สึกว่ามันเป็นช่วงที่น่าหลับที่สุด ! โดยอันนี้ “พี่เหน่ง” ผจก.ของเราจะมานำเสนอการใช้ “ภาษาไทยให้สละสลวย” อ่า ไอ้เราก็มีสกิลการตกภาษาไทยเป็นทุนเดิม แต่ก็พอถูไถกะเขาได้บ้าง แต่มันค่อนข้างจะวิชาการเกินไป มันเลยทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ (?) อย่างเราเหมือนโดนยาเบือไปเลย

    แต่ก็ต้องขอยอตัวเองนิสนุงด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อพี่เหน่งเห็นคำบรรยายของเราที่พอมีสกิลการแต่งฟิคติดตัวไปบ้าง ก็ถึงกับอึ้ง บอกว่าเราเก่ง ฮ่าฮ่า เพราะเมื่อเราเล่นประธานของประโยคไปว่า “เจ้าของตาสีฟ้า” ที่คงไม่มีใครคิดไม่ถึงหากคุณไม่ลองหยิบนิยายพวกนั้นมาดู ฮา

    13.00 –16.00 น.         - บรรยายการถ่ายภาพด้วย กล้องดิจิตอล
                                        - Workshop ถ่ายภาพสถานที่,บุคคล,สิ่งของ 

    เวิร์คช็อปถ่ายภาพ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่เบื่อแบบอันลิมิเต็ด เนื่องด้วยการว่าท่านวิทยาการผู้สูงศักดิ์เป็นถึงช่างภาพมืออาชีพจากนิตยสาร...เอ่อ อะไรสักอย่าง ที่เราก็เข้าใจว่าพวกติสท์ ๆ มันคุยด้วยไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่นี่มันก็ไม่รู้เรื่องจนน่าตกใจ !

    มันเริ่มช็อคตั้งแต่เขาแนะนำจุดตัดเก้าช่อง เราก็ เอ่อ อ่า มันคืออะไรหว่า ต่อมาด้วยการให้ภาพมีอากาศเราก็ ห๊ะ หือ กะเขาไปบ้าง

    พอมาสรุปสุดท้าย...วันนี้มันช่างน่าเบื่ออะไรเช่นนี้ T^T

     

     

    ว้าบ เคว้ง พ้าง (???)

    วันที่สี่...พฤหัสที่ 13 ต.ค. 2554

    วันนี้ขออนุญาตบรรยาเบื้องต้น (_A_)

    คือในวันแรกที่พี่นุชมาสอน ท่านพี่ก็ได้บอกเราว่าเราจะได้ “หนังสือทำมือ” กลับบ้านกันคนละเล่ม โดยที่เราจะเป็นคนทำตั้งแต่เรื่อง ภาพ บลา ๆ ๆ ๆ ด้วยตัวเอง (ยกเว้นรูปเล่มล่ะนะ เขากำหนดมาให้ตั้ง 16 หน้า !) และเนื่องด้วยเหตุนี้เอง วันพฤหัสนี้จึงเป็นวันแห่งการคิดพล๊อตพะยะค่ะ =[ ]=!

    09.00 – 12.00 น.        - การเขียนนิทาน 
                                                    - การคิดเรื่อง 
                                                    - การเขียนเบื้องต้น

    13.00 –16.00 น.         - วาดภาพประกอบหนังสือ 

    วันนี้พี่นุช กะพี่หมุด (หรือบุตร) ก็เข้ามาเป็นวิทยากรอีกเช่นเคย พวกพี่ ๆ ท่านสอนเราเล็ก ๆ น้อยๆ (อาทิเช่น องค์ประกอบของนิทาน คือ ฉาก เหตุการณ์ ตัวละคร นำมาสู่ ปมปัญหา การแก้ปัญหา และบทสรุป) นอกนั้นก็ให้เราก่ายหน้าผากคิดซะมากกว่า ส่วนไอ้เราก็นั่งเท้าคางฟัง ๆ ไป พอถึงเวลาที่ต้องคิดเองก็ เฮือก! หนูคิดไม่ออก T^T

    จริง ๆ เราก็พอมีพล๊อตเรื่องอะไรในใจไว้ แต่พอจะมาลงมือทำจริง ๆ เรากลับทำไม่ได้ หัวสมองมันตัน อื้ออึงไปหมด โฮฮฮ

    แล้วเราก็นั่งไร้สาระกับการพยายามอธิบายให้พี่หมุด (หรือบุตร) เข้าใจเสียทีว่ามันมีอะไรบ้างในเรื่องที่เราอยากแต่ง แล้วเราก็ตรัสรู้อย่างฮวบอาบทันทีว่าพี่ท่านจะให้เราแต่ “นิทาน” แต่เราดันไม่ถนัดเอาเสียเลย เลยเริ่มพล๊อตเรื่อง “นิยาย” (ที่นู่นเขาเรียกว่า “วรรณกรรมเยาวชน” เอาซะสวย -3-) ไปแทน

    พอจะมาอธิบายให้พี่หมุด (หรือบุตร โอ๊ย!ช่างเถอะ) เข้าใจกลับคาอยู่คอหอย ตอนแรกพี่เขากะจะใจอ่อน เอาให้เราไปแต่งเอาเลย แต่ทว่า เรากลับบอกว่าเราจะเขียนเรื่องย่อมาให้ดูละกัน เลยกลับมานั่งก่ายหน้าผากอยู่ที่โต๊ะเช่นเดิม

    พอคิดไม่ออกเราก็เริ่ม เดิน เดิน เดิน เดินแบบไม่รู้จุดหมาย จนน้อง ๆ แถวนั้นทัก “พี่เดินทำไม” แถมยังมาขัดขาเราอีก ...เกือบฆ่าเด็กไปแล้วมั้ยล่ะ - -*

    พอหัวสมองไม่แล่น เราก็ยัดทั้งลูกอม น้ำหวาน ของหวานเข้าไป จนสมองมันแช่อิ่มด้วยน้ำตาลไปแล้วจึงกลับมานั่งหน้าโต๊ะ ...จากนั้นก็ตัดสินใจได้ละ ! เรื่องย่ง เรื่องย่อไม่เขียนมันละ!

    เราเลยจัดการเขียน “ทรีตเมนท์” ในแต่ละตอนไปแทน เพราะตอนแรกเราร่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้แล้ว จากนั้นก็ตะแหล่นแต๋นไปส่งพี่เขาในเวลาอีกสิบห้านาทีเลิก ฮา ;w;

    พอกลับมาที่แมนชั่น (เราพักอยู่ “อมรินทร์ แมนชั่น” จ้า) ก็กลับมานั่งคอตกหน้าคอม กะจะแต่งลงคอมก่อนแต่ดันคิดไม่ออกซะนี่ หลังจากที่เอาหัวโคกโต๊ะไปสามสี่ที เราก็บรรลุได้ว่านั่งทำหน้าคอมสมองไม่แล่น เลยตัดสินใจไปนอนเกลือกกลิ้งเขียนบนเตียงแทน นั่นทำให้เราใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมงในการเค้นสมองเขียนแค่สองบท (พร้อมอ่านนิยายในเน็ตไปด้วย // มิน่าถึงช้า - -) รวม ๆ เสียเวลาก่อนหน้านั้นไปเกือบสองชั่วโมงกับการนั่งคอตกหน้าคอม Y^Y

     

     

    แชว้บ ชิ้ง ฉับ !?

    วันสุดท้าย...ศุกร์ที่ 14 ต.ค. 2554

    วันนี้มีเส้นตายของหนังสือทำมือที่ก่อนบ่ายสองค่ะ ไอ้เราที่หน้าปกก็ยังไม่ทำ รองปกก็ยังไม่เริ่ม ปกหลังก็ปล่อยมันไว้ แถมเนื้อเรื่องยังเหลืออีกตั้งสองบทกว่าจะจบ (มันมีสี่บทพะยะค่ะ ><)

    09.00 – 14.00 น.        - การทำหนังสือทำมือแต่ละคน

    - จัดทำ A/W ภาพประกอบรูปเล่ม 

    พอดีวันนี้เราย้ายที่นั่งจากหลังสุดไปหน้าสุดเพราะเพื่อนแสนดีในค่ายของเราชวนไปนั่งด้วย นั่นทำให้เราต้องนั่งแบบขวางโลกขวางทางเดินเขา และพยายามเค้นสมอง พร้อมหัวเราะเบาสมองไปกับเพื่อน และน้อง ๆ

    หลังจากที่เวลากระชั้นชิด เราก็แทบจะเรียกว่า “ตาลีตาเหลือก” ปั่นงานนี้ รู้สึกว่ามันยาก และทำยากกว่าแต่งฟิคลงเน็ตเยอะ เพราะเราต้องทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ต่อหน้าอ่าน และแน่นอนว่าถ้าอ่านไม่รู้เรื่องเขาจะเงยหน้าขึ้นมาถาม นั่นทำให้ดาวอับอาย >/ / /<

    พอเวลากระชั้นชิดแบบมาก ๆ ดาวก็เริ่มเกิดอาการตันเมื่อคิดไม่ออกว่าหน้าปกควรจะเป็นอย่างไร พี่ ๆ เขาก็แนะนำให้ทำปกรองก่อน จะได้มีไอเดีย พอจะทำปกรอง เราก็เกิดอาการวิงเวียน คลื่นเหียน เลยไม่เอาละ! ไปก่ายหน้าผากคิดหน้าปกดีกว่า !!

    ด้วยสปิริตอันแรงกล้าทำให้เราวาดรูปนางเอกของเรื่องออกมาเป็นหน้าปกพร้อมชื่อเรื่องที่เขียนผิดทำให้มันเปลี่ยนความหมายไปโดยปริยาย ในตอนแรก เราคิดจะตั้งชื่อเรื่องว่า...

    Let the weak says I am strong (เมื่อเราอ่อนแอ โปรดจงพูดว่าเราแข็งแกร่ง)

    แต่ทว่าด้วยความสะเพร่าและเขียนเพลินของเรา ทำให้เราตกคำว่า “weak” ไป มันเลยกลายสภาพเป็น...

    Let the says I am strong (โปรดจงพูดว่าเราแข็งแกร่ง)

    น่านงายยยย มันไปแล้ว T^T

    และปกในเราก็เลยเขียนชื่อเรื่องตัวโต ๆ แล้วเขียนข้างล่างว่า “เรื่องและภาพ โดย J.J.Downtown” นี่แหละคือความฝันของเราเลยที่จะมีหนังสือสักเล่มที่เราทั้งเขียนทั้งวาดเอง แอร๊ยยย แม้มันจะเน่าก็เถอะ -/ / /-

    13.00 –14.30 น.         - น้อง ๆเตรียมตัวนำเสนอผลงานของตัวเอง 
                14.45 - 16.00 น.         - พิธีปิดโครงการ น้อง ๆ นำเสนอผลงานของตัวเองผู้ปกครองเข้าร่วมงาน (มีอาหารว่างและเครื่องดื่มเสิร์ฟ)

    คำว่า “เตรียม” นำเสนอผลงานทำเราเหงื่อตก เนื่องจากไอ้คนอื่น ๆ นั้นเขียนเป็นเรื่องนิทานภาพ การ์ตูนคอมมิค พอเปิดอ่าน เปิดบรรยายให้เขาฟังได้ ไอ้เราที่เป็นนิยาย ที่มีภาพประกอบอยู่สองภาพ คือภาพด้านในกะปก นั่นทำให้พี่ ๆ เขาบอกให้เราพูด “เรื่องย่อ” เราถึงกับต้องบีบมือ เครียดจัด แค่ตอนเสนอพล๊อตเรื่องย่อก็บ้าจนแทบหงายหลังแล้ว เราก็เลย เออ..ตามน้ำมันไป คิดอะไรได้ก็พูดเลย เราแต่งเองอยุ่แล้วนี่ !

    ...เขาใช้วิธีจับฉลากเลือก ตอนนี้พี่หมุดก็จับคนแรก และพวกเรามีหน้าที่ไม่ต่างกะเซอร์ราวด์ โดยต้องนั่งทำเสียง “ทาแด่ม แท่น แท่น” ให้ตอนเขาจับกัน

    ตอนแรกได้น้อง “มังกร” เราไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไหร่ พอมังกรอ่านเสร็จ ก็จับฉลากได้น้อง “อิงอิง” ซึ่งเรากะน้องคนนี้สนิทกันมาก ตัวติดกันอย่างกะเงา พอน้องอิงอิงอ่านจบเราก็ปรบมือแทบไม่ทัน เรื่องของน้องเขาเจ๋งมาก เป็นเรื่องของกระต่าย กะผีเสื้อ เรื่องคำสาปของแม่มด บลา ๆ ๆ (รูปสวยเพราะลอกลาย 555 =w=)

    แต่ทว่า...!! เรื่องโชคร้ายมันมาเยือนหลังจากนี้ต่างหาก ! ด้วยความสนิทชิดเชื้อกันเกินไป น้องอิงอิงที่รักของเราก็จับฉลากได้

    ทาแด่ม แท่น แท่น...

    “พี่ดาว” ค่า TOT!

    อันดับที่สามนับว่าโชคร้ายปนดีพอควร Y__Y

    ตอนที่เราเดินออกไปพี่หนุ่มก็ประกาศแก่พ่อ ๆ แม่ๆ ของน้อง ๆ ทั้งหลายว่าเรานี่ตั้งใจจะมาค่ายนี้อย่างมาก เดินทางมาจากอุดรเลยนะ

    พอเราจับไมค์ก็เริ่มใส่สกิลความเนียนไหลตามน้ำ แบบที่ทำประจำเวลาออกไปเสนอหน้าชั้นเรียนด้วยการเริ่มต้นที่คำพูดว่า

    “ก็ค่ะ ชื่อเด็กหญิงนลินทิพย์ เอกพงษ์ ชื่อเล่นชื่อ ดาว ค่ะ อายุสิบสาม ก็...มาจากอุดรค่ะ ยังไงก็สวัสดีผู้ปกครองของน้อง ๆ ทุกคนในห้องนี้ด้วยนะคะ” แล้วก็ยิ้มสวมวิญญาณพิธีกรมืออาชีพ ฮา

    จากนั้นเราก็เริ่มดำเนินตามสเต้ป

    “อ่า...วันนี้ดาวจะมานำเสนอหนังสือทำมือเรื่อง Let the says I am strong (ตรงนี้ใส่เอ็กเซ้นส์ภาษาอังกฤษซะคนฟังไม่ทัน ฮา) แต่เนื่องจากว่าหนังสือของดาวเนี่ยทำมาเป็นแนว วรรณกรรมเยาวชน (เขาเรียกกันแบบนี้ ตอนแรกกะจะพูดว่า “นิยาย” ไปโต่ง ๆ อยู่แล้ว ;w;) ทำให้ดาวไม่สามารถเปิดอ่านให้ทุก ๆท่านได้ เพราะฉะนั้นดาวจะขอพูดเรื่องย่อ ๆ นะคะ”

    ไหลลื่นไร้การสะดุด

    “เรื่องของดาวก็เริ่มจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เอ่อ... (ลืมไปว่าต้องบรรยายอีกอย่างนึงก่อนเลยกลับลำ) คือถ้าลองคิดดูว่าหากโลกเราในอนาคตมีการติดต่อกับนอกโลก กับชาวต่างดาว ในเรื่องของดาวเริ่มที่ตัวเอกเป็นนักวิจัยค่ะ จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่มนุษย์แต่อันนี้เขาก็ยังไม่รู้ แต่ว่าก็มีพวกมนุษย์ต่างดาวต้องการตัวเขา ทุกคนปกป้องเขาค่ะ แต่เขาก็คิดว่า เออ ทำไมต้องให้ทุกคนมาตายเพื่อเขา เขาก็เลยออกไปให้พวกต่างดาวนี้จับ พวกต่างดาวนี้เป็นพวกดาวนอกระบบสุริยะ (ตรงนี้แหลขึ้นมา จริง ๆ มันต้องเป็นนอกสมาพันธ์อัลพิโอเนีย) ที่มีวิทยาการล้ำหน้า พวกในระบบสุริยะ (มั่วไปนั่น) จึงอยากจะกำจัดดาวดวงนี้เพราะกลัวเป็นเสี้ยนหนามในอนาคต ทว่า พอตัวเองของดาวเนี่ยเขาถูกจับไปเป็นเชลยสงคราม เขากลับได้รู้ความจริงว่าเขานี่เป็นตุ๊กตาที่ถูกทำขึ้นเพื่อพวกมนุษย์ต่างดาว ที่สามารถร้องเพลง และเต้นรำ เพื่อพวกนั้น เป็นเหมือนขวัญกำลังใจของดาวดวงนั้น แต่ว่า...พวกระบบสุริยะ (แหลให้มันถึงที่สุด) ก็เห้นว่าตุ๊กตาตัวนี้จะเป้นอันตรายจึงขโมยออกมา...พอเธอคนนี้ (เปลี่ยนสรรพนามเร็วมาก ;w; ) ได้รู้ความจริง เธอก็ท้อค่ะ เธอไม่รุ้ว่าจะเข้าข้างไหนดี พอรู้ความจริงพวกในระบบก็ผิด ในระหว่างที่กำลังสับสน เพื่อนของเธอ (ตรงนี้มีคนมองหน้าด้วยความงุนงง T^T เพื่อนมาจากไหน ?) จึงบอกกับเธอว่า “เธอเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ต่อให้เราอ่อนแอ แต่เราก็ยังต้องสู้ต่อไป ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนบนโลกต้องการเธอ” ตุ๊กตาตัวนั้นก็คิดจะสู้ค่ะ เธอจึงพาพรรคพวกทั้งหมดหลบหนีกลับโลก และตั้งใจจะเจรจาให้ทั้งสองฝ่ายรู้เรื่อง ขอเพียงแค่ให้สงครามยุติลงเท่านั้นค่ะ ...จบแล้วค่า”

    อ่า...พอเล่าเรื่องย่อจบต้องบอกเลยว่าเราเห็นสีหน้าพี่บุตรอึ้งด้วยล่ะ เพราะตอนแรกที่บอกให้เราเล่าเรื่องย่อ เราร้องครางออกมาเหมือนจะร้องไห้เลย

    แถมพี่หนุ่มยังชมตบท้ายด้วยว่า “เป็นยังไงบ้างครับพี่บุตร น้องเขาเล่า ผมเห็นเป้นฉาก ๆ เลยนะครับ” >/ / /< เขินค่ะ เขิลลลลล !

    อาการด้นสด + แหลสดทำให้เราเริ่มคิดว่ามันเริ่มไม่เหมือนเนื้อหาที่แต่งเลยนะ *เกาแก้ม*

    พอหลังจากนั้นพี่บุตรก็ถามคำถามเดียวกันกับสองคนแรกว่า “คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไง มีแรงบันดาลใจมาจากไหน”

    และด้วยสปิริตความเป็นพี่ใหญ่เราเลยไม่อ้ำอึ้งแบบน้อง ๆ เลยพูดความจริงออกไปอย่างฉะฉาน

    “คือหนูได้อ่านหนังสือเรื่อง another history ค่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่อยู่ ๆ เธอก็มีคลื่นสมองตรงกับหุ่นยนตร์รบต่างดาว ทำให้ดึงเธอเข้าไปในสงครามอวกาศ ซึ่งดาวรู้สึกชอบมาก ๆ ค่ะ”

    ...ใจจริงเรากะจะจบแค่ตรงนี้ แต่ทว่ากับเสริมเข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง

    “กับหนูได้อ่านอีกเล่มหนึ่ง คือ Lupius library (ตอนอ่านออกเสียงเป็น “ลูพีส” TOT) มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน ๆ หนึ่งที่จริง ๆ แล้วเขาเป็นร่างจำลอง (จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวกะหอสมุด ;w;) ที่ใส่ความทรงจำของคน ๆ หนึ่งเข้าไป ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ใช่เขา แต่เขาเป็นเหมือนตัวแทนของอีกคนน่ะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนูชอบมากๆ เหมือนกัน”

    เสียงปรบมือดังมาก ...พี่บุตรอึ้งไปสามวิ (. .  ) คงไม่เชื่อสินะว่าเราคิดได้ขนาดนี้ เพราะตัวจริงออกจะไร้สาระ 555 จากนั้นพี่บุตรก็ชมค่ะ ชมจนเรายิ้มแก้มปริไปเลย

    “น้องดาวเค้าเป็นผลิตผลที่ได้จากการอ่าน น้องเขาต้องอ่านหนังสือมาก (เราเห็นแม่เราพยักหน้าสนับสนุน / ไปงานหนังสือได้มาเป็นลัง ;w;) ถึงจะคิดได้ถึงขนาดนี้ ผมเชื่อว่าในอนาคต เราจะมีคนดีๆ อย่างน้องดาวเข้ามาประดับวงการครับ”

    แอร๊ยยย >O< ชาบู ชาบู พี่บุตร กรี๊ดดดด

     จากนั้นก็มีตบท้ายเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพี่หนุ่มด้วยการบอกว่า “งั้นก่อนกลับพี่ขอถ่ายรูปด้วยนะ”

    แซวกันจนดาวยิ้มไม่หยุดก็ยอมปล่อยดาวไปโดยสวัสดิภาพ ฮา

    จากนั้นเราก็ไปเอาซูชิ กะฮะเก๋า (ของว่าง) มานั่งกิ่นซะจนอิ่มหนำพร้อมนั่งฟังนิทานของน้อง ๆ คนอื่น ๆ ไปด้วย เราก็นั่งฟังแบบพยายามตั้งใจสุด ๆ ก็พบว่าน้องหลายคนมีความสามารถ O.O ว้าววว ถึงเด็กจะอนอัว แต่ก็ขอยอมรับ !

    สุดท้ายก้มีการกล่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพี่เหน่ง ผจก. พร้อมมอบเกียรติบัตร จากนั้นเราก็มานั่งซึ้งดู OPV อำลาที่พี่หนุ่มทำ จากนั้นก็แลกเบอร์ กะที่อยู่กะ ลินลินเพื่อนสนิทสุดรักของเรา แล้วเราจะติดต่อไปนะลิน :’)

    แล้วจะคิดถึง ไอแอลบี #3

    วีรกรรมหกวัน อิน บางกอก ตอนที่ 1 บาย เจเจ ดาวน์ทาวน์ ก็ขอจบลงด้วยความยาวสิบสามหน้าค่า >O<

     

    ปล. ถ้าท่านอยากคอมเม้นกรุณาเชิญที่หน้าไอดีค่ะ ที่นี่ไม่เปิดให้เม้น XD

    ปล.2 ดูรายละเอียดโครงการได้ที่นี่ : http://www.amarintraining.com/CourseDetail.aspx?id=2125
     

       บันทึก : 15 ตุลาคม 2554
                   @Edit : 16 ตุลาคม 2554           

             

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×