บทความหนุกๆในDek-d - บทความหนุกๆในDek-d นิยาย บทความหนุกๆในDek-d : Dek-D.com - Writer

    บทความหนุกๆในDek-d

    บทความหนุกๆในDek-d

    ผู้เข้าชมรวม

    207

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    207

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 เม.ย. 49 / 13:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ความจริง 25 ข้อ ที่รู้แล้วอึ้ง !!!
      1. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น ก็ เอาไว้ฟาดฟันตอนประกบ ปากกันไง
      2.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่อพวกเธออยู่สระว่ายน้ำ
      3.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ "จอห์น" หรือ "ฃาร่าห์" ไม่ แต่เป็น "โมฮัมเหม็ด" ต่างหาก
      4.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
      5.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน ก่อนที่มันจะอดอาหาร จนตาย
      6.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก
      7.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!
      8.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
      9.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
      10.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง ฮ่า ฮ่า
      11.โดยถัวเฉลี่ย มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ก็เวลา ที่มันคลานเข้าไป ในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง
      อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่า คนส่วนใหญ่ นะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายซะอีก
      12.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
      13.ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
      14.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ
      15.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
      16.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิพสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
      17.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ
      18.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
      19.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!
      20.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป
      21.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่ย์
      22. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพีช
      23. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม
      24.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
      25. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง!!!!!!
      ข้อ 25 นี่ตรงกันบ้างไหมเอ่ย เหอ เหอ


      สูตรสู่ความสำเร็จ

      ถ้า A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W
      X Y Z

      มีค่าเท่ากับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
      21 22 23 24 25 26
      แล้วจะพบว่า......

      1) H+A+R+D+W+O+R+K = 8+1+18+4+23+15+18+11 = 98%
      HARD WORK หรือ ทำงานหนัก มีค่าเท่ากับ 98 %

      2) K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%
      KNOWLEDGE หรือ ความรู้ มีค่าเท่ากับ 96 %

      3) L+O+V+E=12+15+22+5 = 54%
      LOVE หรือ ความรัก มีค่าเท่ากับ 54 %

      4) L+U+C+K = 12+21+3+11 = 47%
      LUCK หรือ โชค มีค่าเท่ากับ 47 %

      Q ; ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ !!! แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ
      100 %
      - ใช่เงินหรือเปล่า ?……… .... .....ไม่ใช่ !!!!! -
      ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?………ไม่ใช่ !!!!!
      Q ; แล้วอะไรล่ะ ?
      Ans. ; A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5 = 100%
      ATTITUDE หรือ ทัศนคติ นั่นเอง ที่มีค่าเท่ากับ100 %

      ท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่ ทุกปัญหามีทางออก . . บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน
      "ทัศนคติ " ของเราเสียใหม่เท่านั้นเอง
      มีเพียงแต่ ทัศนคติของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวนำทาง
      ไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
      และงานที่ทำ ความคิด & ทัศนคติ สุดท้าย .... ลงมือทำ

       

      เมื่อดวงวิญญาณของของบิล เกตส์ ไปถึงสวรรค์ เขาจะเป็นอย่างไร

      ดวงวิญญาณของเขาก็ล่องลอยไปยังจุดกึ่งกลาง
      ระหว่างสวรรค์และนรก
      ที่นั่นเขาได้พบกับพญามัจจุราช
      พญามัจจุราชกล่าวกับเขาว่า
      "ในฐานที่เจ้าได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย
      ซอฟท์แวร์ของเจ้าเป็นที่นิยมใช้ไปทุกหัวระแหง


      แม้แต่สวรรค์และนรก
      ยังใช้วินโดวส์
      2003 เป็นเซอร์ฟเวอร์เลย
      เมื่อเป็นเช่นนี้
      ข้าจะให้เจ้าเลือกว่าจะไปอยู่ในสวรรค์หรือนรก
      และเพื่อให้เจ้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
      ข้าจะพาเจ้าไปทัวร์ทั้ง
      2 ที่ก่อน
      ถ้าเจ้าชอบที่ไหน
      ค่อยเลือกก็แล้วกัน"
      วิญญาณของนายเกตส์ดีใจมาก
      เขาขอไปดูที่นรกก่อนเป็นที่แรก
      ที่นรก:

      เขาพบตัวเองอยู่บนหาดทรายขาวสะอาด ท้องทะเลสีคราม
      และแสงแดดอันอบอุ่นสดใส
      ในทะเลมีเหล่านางงามระดับมิสยูนิเวอร์ส
      อวบขาวอึ๋ม นุ่งชุดบิกินี่ทูพีซ
      กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่อย่างร่าเริง
      พร้อมกับเครื่องดื่มนานาชนิด
      เขาประทับใจมาก แต่ก็ขอไปดูที่สวรรค์ก่อน
      เพื่อประกอบการตัดสินใจ
      ที่สวรรค์:

      เขาพบว่าตัวเองอยู่บนปุยเมฆขาวและอ่อนนุ่ม
      มีมวลหมู่นางฟ้านางสวรรค์
      บรรเลงพิณขับกล่อมอย่างไพเราะ
      บางนางก็คอยป้อนผลไม้ให้อย่างฉอเลาะ

      เขาประทับใจมาก แต่ไม่เท่ากับในนรก
      "ผมอยากไปอยู่ในนรกครับท่าน !"

      บิลบอกพญามัจจุราชอย่างลิงโลด
      เขาแทบจะรอคอยไม่ไหว
      พญามัจจุราชก็ไม่ขัดใจ "เจ้าจะได้สิทธิ์นั้น
      เดี๋ยวนี้ !"
      1 สัปดาห์ผ่านไป
      พญามัจจุราชก็ไปเยี่ยมบิลถึงในนรก
      เพื่อถามถึงสารทุกข์สุขดิบ ที่นั่น มืดมิด
      มีเสียงร้องครางด้วยความทุกข์ทรมาณของบิล เมื่อพบหน้าพญามัจจุราช
      บิลจึงคร่ำครวญว่า "ท่านพญามัจจุราช
      ข้าเจ็บปวดทรมาณเหลือเกิน
      แล้วหาดทรายขาว ทะเลสีคราม และเหล่านางงามทั้งหลายหายไปไหนหมดเล่า
      ?" "อ๋อ...
      นั่นมัน
      สกรีนเซฟเวอร์"

       

      เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
      เราให้ชื่อเรื่องนี้ว่า "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม " เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว

      วันที่ 31 ธันวาคม
      ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ร้านบะหมี่ "ฮอกไก" บนถนนซัปโปโร

      การกินบะหมี่โซบะในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้น
      เป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ร้านบะหมี่ขายดีในวันสิ้นปี

      "ร้านฮอกไก" นี้ก็เช่นกัน ในวันนี้คนแน่นร้านแทบทั้งวัน
      จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. คนก็เริ่มน้อยลง

      โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่
      แต่วันนี้ทุกคนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปต้อนรับปีใหม่กัน
      ดังนั้นถนนสายนี้จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ

      เถ้าแก่ของร้าน "ฮอกไก" เป็นคนซื่อ และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี
      ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า พอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป

      ในขณะเถ้าแก่เนี้ยก็จะปิดร้าน ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบา ๆ
      มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน
      คนหนึ่งอายุประมาณ 6 ขวบกับอีกคนหนึ่งอายุประมาณ 10 ขวบเข้ามาในร้าน เด็กชายทั้งสองคนสวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน
      ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โค้ทลายสก๊อตเก่า ๆ เชย ๆ

      "เชิญนั่งครับ" เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา
      หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัวว่า "ขอบะหมี่น้ำสักชามได้ไหมค๊ะ"
      เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังสบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

      "ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ"
      เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง
      แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"

      บะหมี่หนึ่งชามมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน
      เถ้าแก่คิดแล้วก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง

      สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินพลางพูดพลาง
      "ทานเถอะครับ"ลูกคนพี่พูด
      "แม่ทานหน่อยสิครับ" ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน
      ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน
      แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า "ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ(ครับ)" พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป
      "ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)" ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างก็กล่าวขอบคุณ

      ทำงานไปวันแล้ววันเล่า ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นและแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี
      วันที่ 31 ธันวาคมก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง

      ในวันส่งท้ายปีเก่า ร้านบะหมี่ "ฮอกไก" ก็ยังคงขายดีและดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย และแล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง

      22.00น.กว่า ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น
      ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบา ๆ ผู้ที่เข้ามาก็คือหญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน

      พอเห็นเสื้อโอเวอร์โค้ทที่เก่าและเชย เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นลูกค้าคนสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่าของปีที่แล้วนั่นเอง

      "ขอบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั๊ยค่ะ"
      "ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะค๊ะ"
      เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้ว โต๊ะเบอร์สอง
      ตะโกนไปพลางว่า "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"

      เถ้าแก่รับคำพลาง จุดเตาที่เพิ่งจะดับไปพลาง "ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"
      เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า
      "นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ"
      "ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอายและไม่สบายใจได้รู้มั๊ย" สามีตอบพลาง
      แล้วโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อนลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดพล่าน
      เดินไปยืนข้างภรรยาแล้วก็ยิ้ม
      ภรรยาก็พูดขึ้นว่า "เห็นเธอซื่อ ๆ ทึ่ม ๆ ไม่นึกเลยว่าจิตใจก็ดีเหมือนกันนะ" ฝ่ายสามีเดินไปตักบะหมี่ชามใหญ่ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้นแล้วให้ภรรยายกไปให้
      สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่ กินไปพลางคุยไปพลาง

      เสียงคุยของสามแม่ลูกดังถึงหูของตายาย "หอมจังเลยยอดไปเลยอร่อยจริง ๆ" "ปีนี้สามารถกินบะหมี่ของร้านฮอกไกได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว"
      "ถ้าปีหน้าสามารถมากินได้อีกก็ดีนะสิ"
      กินเสร็จก็จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน
      แล้วสามแม่ลูกก็เดินออกจากร้านฮอกไกไป
      "ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"
      มองตามหลังสามแม่ลูกจนลับหายไป

      สองตายายก็ยกเรื่องสามแม่ลูกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไปได้ระยะหนึ่ง
      ในวันสิ้นปีของสามปีมานี้ กิจการของร้านฮอกไกดีมาก
      สองตายายต่างก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกัน แต่พอเลย 21.00น.ไปแล้ว
      สองตายายก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
      พอถึง 22.00น. พนักงานในร้านต่างก็รับอั้งเปาแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป

      พอคนกลับไปหมดแล้ว .................
      เจ้าของร้านทั้งสองก็ช่วยกันเอาป้ายราคาบะหมี่ในร้านที่เขียนไว้ว่า "บะหมี่ชามละสองร้อยเยน"
      ที่แขวนไว้ตามผนังทั้งหมดพลิกกลับหลัง
      แล้วช่วยกันเขียนใหม่ว่า "บะหมี่ชามละร้อยห้าสิบเยน"
      30 นาทีก่อนเถ้าแก่เนี้ยก็เอาป้าย "จองแล้ว" ไปวางไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
      เหมือนกับว่าจะมีเจตนารอแขกที่ลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้วถึงจะมาอย่างนั้นแหละ

      22.30น. ในที่สุดสามแม่ลูกก็ปรากฎตัวขึ้น
      พี่ชายสวมเครื่องแบบมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง
      น้องชายสวมเสื้อแจ๊คเก็ทที่พี่ชายสวมเมื่อปีก่อน ดูหลวมและไม่พอดีตัว เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก
      ส่วนผู้เป็นแม่ก็ยังคงสวมเสื้อโค้ทลายสก๊อตที่ทั้งเก่าและเชยแถมสีซีดตัวเดิม

      "เชิญค่ะ เชิญค่ะ" เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ
      มองใบหน้าอันยิ้มแย้มและท่าทางต้อนรับอย่างเต็มที่ของเถ้าแก่เนี้ย
      ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเปล่งคำพูดออกมาอย่างงกงกเงิ่นเงิ่นว่า "รบกวนช่วยทำบะหมี่น้ำให้สักสองชามได้ไหมค่ะ"
      "ได้ค่ะ เชิญนั่งทางนี้ค่ะ" เถ้าแก่เนี้ยนำแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะเบอร์สอง
      แล้วรีบเอาป้าย "จองแล้ว" ออก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      แล้วตะโกนบอกไปทางครัวว่า "บะหมี่น้ำสองชาม"
      "ได้ครับ บะหมี่น้ำสองชามได้เดี๋ยวนี้แหละครับ" เถ้าแก่พลางตอบ
      พลางโยนบะหมี่ลงไปในหม้อน้ำสามก้อน สามแม่ลูกกินไปพูดไป
      ดูแล้วเหมือนมีความสุขกันมาก
      สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ได้รับรู้ถึงความสุข ที่พวกเขาได้รับกันในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย

      "ลูกรัก วันนี้แม่ต้องขอบคุณลูก ๆ เป็นอย่างมาก"
      "ขอบคุณ ?"
      "ทำไมครับ"
      "เรื่องเป็นอย่างนี้ คือคุณพ่อของลูกที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป
      ได้ทำให้คนอีกแปดคนได้รับบาดเจ็บ และทางบริษัทประกันก็ไม่รับผิดชอบในส่วนนั้น
      ในช่วงหลายปีมานี่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเดือนละห้าหมื่นเยนทุกเดือน"
      "เอ๊ะ เรื่องนี้เราก็ทราบกันอยู่แล้วนี่ครับ" ผู้เป็นพี่ตอบ

      ส่วนเถ้าแก่เนี้ยได้แต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่หลังโต๊ะทำอาหาร
      "แต่เดิมนั้นเเราต้องชำระหนี้ไปจนถึงปีหน้าเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้เราได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว"
      "จริง ๆ หรือครับ แม่"
      "จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยันไปส่งหนังสือพิมพ์
      ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยันพร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่นๆ อีก จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด"

      "ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ" "ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ ไอ้น้องชาย เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้หน่อยแล้วนะ"
      "ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริง ๆ"
      "แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือ

      ในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายนโรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ ผู้ปกครองไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง คุณครูของน้องยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด
      เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อน ๆ ของน้องนะครับผมถึงทราบ
      ดังนั้น ในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง"

      "จริงหรือลูก แล้วต่อมาล่ะ"
      "หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ "ความปรารถนาของข้าพเจ้า" น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย"

      "เรียงความเขียนว่าหลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย เพื่อที่จะชำระหนี้ คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย…"

      "ยังมีอีก น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกันกินบะหมี่น้ำ อร่อยมากสามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว
      คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก
      แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก
      เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่า ให้กำลังใจให้เข้มแข็ง
      ที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด…"

      "ด้วยเหตุนี้น้องจึงได้ตัดสินใจว่าโตขึ้นน้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่ แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย
      แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคนขอให้มีความสุขครับขอบคุณครับ…"

      สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ จู่ ๆ ก็หายตัวไป
      พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลยเพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ
      ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด
      เหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ

      "พอน้องอ่านเรียงความจบ คุณครูก็พูดว่าวันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่ ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ "

      "จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรหล่ะ"

      "ก็มันกระทันหันเกินไป ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผมจึงพูดว่าขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี
      น้องผมต้องไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน
      ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็น
      ก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่างๆไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับบ้าน
      เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร
      เมื่อครู่นี้ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
      ผมรู้สึกอายมาก แต่พอได้เห็นน้องยืดอกอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
      ด้วยเสียงอันดัง นั้น จนจบ จึงได้รู้สึกถึงความรู้สึกอายจริงๆว่าเป็นอย่างไร "

      "หลายปีมานี้ ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามนั้นเพื่อกินกันสามคนนั้น ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด ผมและน้องจะต้องขยัน และดูแลแม่เป็นอย่างดี
      และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ"

      สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบ ๆ ตบไหล่ กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุก ๆ ปี
      จ่ายเงินไปสามร้อยเยน กล่าวขอบคุณค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป

      มองตามหลังสามแม่ลูกไป เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่าปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริง ๆ
      พร้อมกับกล่าวว่า "ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"

      และแล้วก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง
      พอถึงเวลา 21.00 น. ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย "โต๊ะจอง" ไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
      และเฝ้ารอคอย การมาเยือนของสามแม่ลูกเช่นเคย
      แต่ในปีนี้สามคนแม่ลูกไม่ได้มาปรากฏตัวที่ร้านเลย

      ปีที่สอง ปีที่สาม โต๊ะเบอร์สองก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม

      สามแม่ลูกไม่ได้มาที่ร้านฮอกไกอีกเลย

      กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว
      ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่ โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่
      จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สองที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม
      "นี่มันเรื่องอะไรกัน" ลูกค้าหลายคนต่างก็ถามด้วยความกังขา
      เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่อง บะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง
      โต๊ะเก่าตัวนั้นวางอยู่กลางร้านเหมือนกับว่าเป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง
      และก้อไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งลูกค้าทั้งสามอาจจะกลับมาอีก
      พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้นในการต้อนรับลูกค้าทั้งสามของเขา
      โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อว่า "โต๊ะแห่งความสุข"
      ลูกค้าต่างก็พูดต่อ ๆกันไป

      มีนักเรียนหลายคนอยากเห็นโต๊ะตัวนี้ถึง
      ขนาดที่ว่านั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกลมากินบะหมี่ และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้

      ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลาย ๆ ปี เจ้าของร้านค้าในระแวกใกล้เคียงร้านฮอกไก พอถึงวันสิ้นปีหลังจากปิดร้านแล้วก็มักจะมารวมตัวฉลอง โดยการกินบะหมี่ที่ร้านฮอกไก
      กินไปพลาง ก็รอเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าไปพลาง
      แล้วทุกคนก็ไปวัดเพื่อไหว้พระด้วยกัน เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว

      ในวันนี้พอเลย 21.30น.ไปแล้ว เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อนพร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย
      ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อย ๆเป็นระยะ บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา
      ปกติแล้วก็จะรวมตัวกันได้ประมาณ 30-40 คน ต่างก็คึกคักกันมาก

      ทุกคนที่มานั้นต่างก็รู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง
      ทุกคนก็พยายามไม่เอ่ยถึงมันแต่ในใจต่างก็คิดกันว่า
      วันนี้"โต๊ะจอง"ตัวนั้นไม่มีคนที่พวกเขาเฝ้ารอมานั่ง
      มันคงจะว่างเปล่าเพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม
      พวกเขาบ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่ บ้างก็เข้า ๆ ออกๆ
      พอเตรียมกับข้าวกับแกล้ม ต่างก็กินกันไปคุยกันไป
      พูดเรื่องการค้าบ้าง คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้
      แม้แต่น้ำทะเลขึ้นลง ในระยะนี้บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่
      ก็นำมาพูดคุยในวงสนทนา คุยมันทุก ๆ เรื่อง จนเหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน

      เวลาผ่านไปจนถึง 22.30น. ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ถูกผลักออกเบา ๆ
      ทุกคนในร้านหยุดพูดคุยกัน สายตาทุกคู่มองตรงไปยังประตูร้าน
      ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากลพาดโอเวอร์โค้ทไว้บนแขน
      พอเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใครทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง
      และเริ่มสนทนากันต่อไปอย่างคึกคัก

      ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะพูดว่า "ขอโทษค่ะ ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ"
      เพื่อปฏิเสธลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญอยู่นั้น ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมชุดกิโมโนเดินเข้ามายืนระหว่างกลางของชายหนุ่มทั้งสองคน
      ทุกคนในร้านแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินคุณนายผู้นั้นพูดว่า

      "เอ้อรบกวนรบกวนช่วยทำบะหมี่ให้สามชามได้ไหมค๊ะ"

      ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
      ภาพของสามแม่ลูกในความทรงจำ กับภาพของสามแม่ลูกตรงหน้า
      เธอพยายามจะนำทั้งสองภาพมาวางซ้อนกัน

      เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ที่โต๊ะทำบะหมี่ ชี้นิ้วไปยังทั้งสามแม่ลูก
      "พวกคุณ .. พวกคุณ" เขาพูดได้เพียงแค่นั้น คำพูดทุกคำจุกอยู่ที่คอ

      ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนเห็นท่าทีของเถ้าแก่เนี้ยที่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดกับเถ้าแก่เนี้ยว่า "พวกเราสามคนแม่ลูก ที่เมื่อสิบสี่ปีก่อนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามทานกันสามคนไงครับ และพวกเราก็ได้รับกำลังใจจากบะหมี่น้ำชามนั้น พวกเราจึงได้สามารถยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้"

      "หลังจากนั้นก็อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่กับยายที่อำเภอชิกะ
      ปีนี้ผมสอบผ่านได้เป็นนายแพทย์แล้ว ตอนนี้ผมเป็นแพทย์ฝึกหัดแผนกกุมารเวช
      ที่โรงพยาบาลเกียวโต ปีหน้าเดือนเมษายนก็จะย้ายมาประจำโรงพยาบาลกลางของซัปโปโรแล้ว"

      "วันนี้พวกเราก็เลยแวะมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว แล้วเลยไปไหว้สุสานของคุณพ่อ และน้องชายที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของกิจการร้านบะหมี่นั้น
      ขณะนี้ได้ทำงานในธนาคารเกียวโต
      ได้เสนอความคิดที่เริดเรออย่างหนึ่งก็คือ ปีนี้ในวันส่งท้ายปีเก่า
      พวกเราสามคนแม่ลูกจะมาเยี่ยมคารวะเจ้าของร้านบะหมี่ฮอกไกที่ซัปโปโร
      และทานบะหมี่น้ำสามชามของร้านฮอกไกด้วย"

      สองตายายฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลางด้วยน้ำตาคลอเบ้า
      เถ้าแก่ร้านขายผักที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตู
      พยายามใช้แรงอย่างเต็มที่ที่จะกลืนบะหมี่คำที่คาอยู่ในปากลงไปในคอ

      แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า
      "อ้าวเถ้าแก่เป็นอะไรไปหล่ะ อุตสาห์เตรียมการมาตลอดสิบปีเพื่อเฝ้าคอยวันนี้
      "โต๊ะจอง" ตัวนั้นไงที่พวกเถ้าแก่จองให้ลูกค้าที่จะมาตอนหลังสิบโมงของคืนวันสิ้นปีไง
      รีบๆ ต้อนรับพวกเขาสิ เร็วเข้า"

      ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ ตบไหล่ของเถ้าแก่ร้านขายผัก แล้วพูดว่า "ยินดีต้อนรับค่ะเชิญนั่งข้างในค่ะนี่ตาเฒ่าบะหมี่น้ำสามชามโต๊ะสอง"
      เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า
      "ครับ..บะหมี่น้ำสามชาม"

      หากดูกันตามจริงแล้ว สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่ทั้งสองได้ให้ไปมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย มันเป็นแค่เพียงบะหมี่ไม่กี่ก้อน คำพูดที่จริงใจและให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำ
      รวมทั้งคำอวยพรว่า "ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"ก็เท่านั้นเอง

      แต่มันกลับให้ผู้ที่ถูกความจริงอันโหดร้ายบีบให้จมอยู่ในสถานการณ์คับขับ
      ได้สามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

      เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าพยายามมองข้ามตัวเอง
      ตัวเราเองสามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ได้
      บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงความใส่ใจความห่วงใยอันจริงใจของคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
      ก็สามารถนำพาเอาแสงสว่างอันเจิดจรัสอย่างไม่มีขีดจำกัดมาสู่โลกได้

      ด้วยเหตุนี้ความหวังความใฝ่ฝันที่แรงกล้าของพวกเรา
      เพื่อนพ้องทั้งหลาย
      อย่ามัวเห็นแก่ตัวกันหรือเสียดายมันอยู่เลย

      หวังว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสามารถมอบหัวใจแห่งความรักและความเมตตา
      ที่เราอัดเก็บไว้ในใจมา เป็นเวลานานแสนนานนั้น
      มอบให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ จุดประกายแห่งความสว่างแก่โลก ….
      ถึงแม้จะเป็นแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น
      แต่สำหรับคืนอันหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือกของฤดูหนาว
      มันเป็นประกายแห่งความอบอุ่น และแสงสว่างอันสุกสกาวจริง ๆ

      เรื่องนี้ตอนที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกประทับใจมานับไม่ถ้วนแล้ว
      ดังนั้นจึงมีคนพูดกันว่า "ใครที่อ่านนิทานเรื่องแล้ว ไม่มีใครเลยที่จะไม่หลั่งน้ำตาให้"

      ถึงแม้คำพูดนี้ออกจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ได้อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว
      รู้สึกประทับใจจริง ๆ จนน้ำตาร่วง และน้ำตาที่ร่วงรินเหล่านั้น
      มันไม่ใช่น้ำตาจากความรันทดใจ
      แต่เป็นน้ำตาที่หลั่งให้แก่ความประทับใจต่อความห่วงใยอย่างจริงใจ
      และน้ำใจไมตรีอันกว้างขวางที่มอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

       

      ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : ENGINEER

      สัญลักษณ์ : EN

      มวลรวม : มาตรฐาน 600 N แต่อาจแปรผันได้ตามภาวะเศรษฐกิจส่วนตัว

      มวลสมอง : แปรผกผันกับมวลรวม และมีได้เกิน 1 %

      ลักษณะทางกายภาพ:
      - ภายนอกเถื่อนถ้ำ ภายในติงต๊อง
      - พื้นผิวหมองคล้ำ ไม่ชวนต่อการสัมผัส
      - เมื่อถูกเคาะอย่างแรงจะเปล่งเสียงดังกังวานเป็นคำหยาบคาย
      - แปรสภาพเป็นวัตถุแข็งเกร็ง (Rigid body) เมื่อถูกสัมผัสโดยแผ่วเบา
      - ถึงจุดเยือกแข็งได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุแต่การคงสภาพขึ้นอยู่กับชั่วโมงบิน
      - เป็นของแข็งที่ประพฤติตนคล้ายไอศครีมคาลิปโปคือดูดอมได้แต่ไม่ละลาย
      - ไม่ทนต่อการเสียดสีโดยปราศจากการหล่อลื่น
      - สามารถเป็นผู้ออกแรงกระทำได้ดี

      คุณสมบัติทางเคมี:
      - ทำปฏิกริยาอย่างรวดเร็วกับน้องๆ เฟรชชี่
      - ทำปฏิกริยาอย่างรุนแรงกับเด็กบัญชี it วารสาร เศรษฐศาสตร์และเด็กต่างสถาบัน
      - เกิดปฏิกริยานิวเคลียร์กับสาวเกาะอกหรือสายเดี่ยว
      - ไม่ทำปฏิกริยากับธาตุ Wo(women) ที่มีลักษณะสีค่อนข้างคล้ำหรือดำ มวลมากกว่า 550 N อายุมากกว่า 20 ปี
      - ดูดซึมและส่งผ่านข้อมุลข่าวสารใต้เข็มขัดได้อย่างรวดเร็ว
      - มีสมบัติทำละลายเงินได้ดีเมื่อมีแอลกอฮอล์เป็นตัวเร่งปฏิกริยา

      การทดสอบ:
      - วัตถุตัวอย่างจะมีอาการเซื่องซึมในเวลาราชการ
      - วัตถุตัวอย่างจะรู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้นหลังตะวันตกดิน
      - วัตถุตัวอย่างจะช่วยรักษาธรรมชาติเป็นอย่างดีโดยการปล่อยสัตว์สงวน ทั้งหลาย ออกมาเป็น จำนวนมากเมื่ออยู่รวมกัน
      - วัตถุตัวอย่างนิยมการเล่นฟุตบอลด้วยโทรศัพท์มากกว่าเท้า

      ประโยชน์:
      - สืบสานวัฒนธรรมโดยการใช้ภาษาสมัยพ่อขุนรามคำแหง
      - เป็นตัวอย่างทึ่ดีต่อเยาวชนในสิ่งผิด
      - ช่วยชาติโดยบริจาคเงินผ่านทางกรมสรรพสามิต (สุราและยาสูบ)

      ข้อควรระวัง:
      - ไม่ควรใช้คำสุภาพในการสนทนา เนื่องจากจะไม่ได้รับการสนใจใดๆ เพราะถือว่าเป็นการไม่ ให้เกียรติอย่างรุนแรง
      - ห้ามพูดถึงเรื่องเกรดเฉลี่ยหรือ point สะสมเพราะถือว่าเป็นการหยาบคายอย่างยิ่ง

      ประมวลกฎหมายใหม่

      มาตรา 1

      ประมวลกฎหมายนี้บังคับใช้กับชายหนุ่มทั่วราชอาณาจักร

      มาตรา 2

      ชายใดกระทำการอันเป็นการไม่ทะนุถนอมความรักของข้าพเจ้า

      ข้าพเจ้าได้มอบให้ชายคนนั้น ต้องระวางโทษหอมแก้มไม่เกิน

      3 ที และจูบไม่เกิน 2 ที หรือทั้งหอมทั้งจูบ

      มาตรา 3

      ชายใดมีข้าพเจ้าเป็นแฟนแล้ว ยังไปลักลอบมีกิ๊ก

      ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน

      5 พันบาท

      มาตรา 4

      ชายใดทำให้ข้าพเจ้าอกหัก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน

      5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 9 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

      มาตรา 5

      หากมีกฎหมายใหม่ออกมาแล้วขัดต่อกฎหมายเก่า

      ให้ถือเอากฎหมายใหม่เป็นหลัก

      มาตรา 6

      ชายใดที่ข้าพเจ้าได้ไปขอเบอร์แล้ว

      ชายนั้นไม่ยอมบอกเบอร์โทร ต้องระวางโทษหอมแก้ม 5 ที

      มาตรา 7

      ชายใดน่ารักมาก ๆ อันเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าหวั่นไหว

      หรือตกหลุมรัก ต้องระวางโทษเป็นแฟนกับข้าพเจ้า

      อย่างน้อย 3 วัน

      มาตรา 8

      ชายใดอ่านประมวลกฎหมายนี้แล้วหัวเราะ

      หรือแอบขำต้องระวางโทษโดยมอบหัวใจมาให้ข้าพเจ้าดูแล

      หากไม่มอบหัวใจให้ข้าพเจ้าจะต้องระวางโทษถูกยิงศรรักปักหัวใจชายนั้น

      มาตรา 9

      หากชายใดอ่านประมวลกฎหมายนี้แล้วไม่ขำหรือไม่หัวเราะ

      ต้องระวางโทษเหมือนกับ มาตรา 8

      เคยแต่ดูดวงแบบไทยๆ มานานแล้ว ลองเปลี่ยนสไตล์ไปดูดวงแบบอินเดียกันบ้าง รับรองว่าแม่นยำไม่แพ้กัน


      อัศวินี (13 - 26 เมษายน)
      เป็นคนแข่งแกร่ง มีอำนาจ
      และมองหาความท้าทายให้ชีวิตอยู่เสมอ
      มีบุคลิกร่าเริงแจ่มใส งดงาม เฉลียวฉลาดและเปิดเผย
      แต่กระนั้นก็มีความลึกลับอยู่ในตัวทำให้เป็นคนเข้าใจยาก
      ในเรื่องความรัก
      คุณกำลังมองหาคู่ที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ
      แต่ตัวคุณเองมักไม่พร้อมที่จะมีพันธะ
      สัญลักษณ์ หัวม้า หมายถึงแจ่มใส

      ราศีเนื่อคู่ ภรณี
      สี แดงเข้ม
       
      ภรณี (27 เมษายน - 10 พฤษภาคม)
      เป็นคนมีเสน่ห์ทางเพศ ชื่นชมความงามและศิลปะทุกรูปแบบ
      แต่ต้องระวังอย่าหมกมุ่นในเรื่องเพศมากเกินไป
      บางครั้งอาจจะก้าวร้าวและดูเหมือนเห็นแก่ตัว
      จึงต้องหาคู่ที่ไม่กลัวการผูกมัดและสามารถสนองตอบความต้องการทางโลกียและเพศรสได้
      สัญลักษณ์
      โยนี (อวัยวะเพศหญิง) หมายถึงมีเสน่ห์ทางเพศ

      ราศีเนื้อคู่ อัศวินี
      สี แดงเข้ม


      กฤติกา (11 - 24 พฤษภาคม)
      เป็นคนทุ่มเท ฉลาด และสุขุมเยือกเย็นยามเกิดวิกฤต
      แต่ก็มักโมโหง่ายและถึงแม้จะไม่ชอบการเผชิญหน้า
      แต่ก็สู้ไม่ถอยเมื่อถึงเวลา
      เป็นคนที่เปิดกว้างต่อโลกภายนอกแต่ก็เคร่งครัดในศาสนาในเวลาเดียวกัน
      และถึงเเม้จะกำลังตามหารัก ก็ยังคงกลัวการผูกมัดอยู่ดี
      สัญลักษณ์ ใบมีด หมายถึงไฟ

      ราศีเนื้อคู่ เชษฐา
      สี ขาว
       

      โรหิณี (25 พฤษภาคม - 7 มิถุนายน)
      เป็นคนอ่อนไหว เปลี่ยนแปลงตัวเองได้รวดเร็ว
      เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้
      แต่ก็มีเสน่ห์ และชอบความสุขสบาย
      อาจเป็นคนขี้หึงจึงเจ็บปวดได้ง่าย
      ดูจากภายนอกอาจจะเป็นคนไม่ผูกพันกับใคร แต่ลึก
      ๆแล้วใฝ่หาความรักสุดตัวทีเดียว สัญลักษณ์ ล้อรถ
      หมายถึงความงาม

      ราศีเนื้อคู่ อนุราธ
      สี ขาว


      มฤคศิร (8 - 20 มิถุนายน)

      เป็นคนเข้มแข็ง ฉลาดเป็นกรด และหัวไวอีกต่างหาก
      ทุ่มเถียงทะเลาะกับใครก็ต้องชนะให้ได้
      เกิดมาเป็นผู้นำ และชอบมีอำนาจเหนือผู้อื่น
      คุณต้องการคู่ชีวิต
      แต่มีเพียงคนที่คุณต้องการจริงๆ
      เท่านั้นที่จะกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของคุณได้ สัญลักษณ์
      ศีรษะกว้าง
      หมายถึงสติปัญญา

      ราศีเนื้อคู่ หัฏฐะ
      สี เงิน

      อารทรา (21 มิถุนายน - 4 กรกฏาคม)
      เป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นที่ชื่นชอบของใครๆ
      จึงมักวุ่นวายอยู่เสมอ
      และมักให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของคนอื่นมากเสียจนละเลยความคิดตัวเองไป
      ความที่ชอบฟังคำซุบ
      ซิบและชอบออกงานสังคม
      อาจทำให้คุณดูเหมือนคนมีความคิดตื้นเขิน แต่จริงๆ
      แล้วไม่ใช่คนแบบนั้นเลย
      คุณยอมสละได้ทุกอย่าง
      เพียงเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง
      สัญลักษณ์ เพชร หมายถึงนักยุทธศาสตร์

      ราศีเนื้อคู่ มฤคศิรถ
      สี เขียว

       

      ปุนัพสุ (5 - 18 กรกฎาคม)
      เป็นคนน่ารัก ห่วงใยและใส่ใจผู้อื่น
      คุณจะต้องตั้งเป้าหมายและทะยานไปสู่ความสำเร็จเสมอไม่อย่างนั้น
       จะรู้สึกว่าตัวเองขาดหลักในชีวิต คุณอยากมีครอบครัวใหญ่ๆ
      แต่ถ้าไม่มีก็จะพยายามเข้าใกล้กลุ่มคนที่เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้สัญชาตญาณความเป็นแม่
      แต่ระวังบรรดาคู่
      รักของคุณจะเซ็งเสียก่อน
      สัญลักษณ์ คันธนู
      หมายถึงความเป็นแม่

      ราศีเนื้อคู่ ภรณี
      สี เทา


      ปุษยะ (19 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม)
      เป็นคนขยัน ทุ่มเทให้กับการทำงาน
      และมีความสามารถในการปั้นความคิดให้เป็นความจริงขึ้นมา
      หากวางแผนดีๆ ก็จะประสบความสำเร็จในการงานได้ไม่ยากนัก

      สำหรับคุณการแสดงความรู้สึกอาจจะเป็นเรื่องยาก
      แต่ก็ต้องพยายามหน่อย
      ไม่เช่นนั้นคู่ของคุณอาจจะรู้สึกว่าเขาหรือเธอ
      ไม่เป็นที่ต้องการก็ได้ สัญลักษณ์ ดอกไม้ หมายถึงสีสัน
      สดุดตา

      ราศีเนื้อคู่ อัศวินี / อาศเลษา
      สี แดงและดำ


      อาศเลษา (2 - 15 สิงหาคม)
      อาจจะดูเป็นคนขี้เกียจ แต่จริง ๆ แล้วสมองไว
      ไม่เคยหยุดนิ่ง รักอิสระ และอาจจะรักสันโดษด้วย รัก
      ความสงบ
      ไม่บ่อยนักที่จะโกรธใครแต่ใครมาแหยมเป็นเจอดีและแม้ว่าจะเป็นคนขึ้หึง
      ก็ไม่ได้อยากให้คู่ของคุณมีนิสัย
      อย่างเดียวกัน
      สัญลักษณ์ งูพิษ หมายถึงอำนาจสะกดใจ

      ราศีเนื้อคู่ ปุษยะ
      สี แดง


      มาฆะ (16 - 29 สิงหาคม)
      เป็นคนฉลาด เอาตัวรอดเก่ง ร่าเริงแจ่มใส ใครเห็นใครปิ๊ง
      เป็นผู้นำที่ใจดีแต่แฝงด้วยความเข้มแข็งข้อดีเหล่านี้ทำให้คนมากมายชื่นชนคุณ
      แต่ขณะเดียวกันก็มีคนคอย อิจฉาด้วย
      คุณมีความสุขดีอยู่กับชีวิตรักแต่คนรักในอุดมคติของคุณนั้นค่อนข้างจะหายากทีเดียว
      สัญลักษณ์ วอ หมายถึง
      ชื่อเสียง

      ราศีเนื้อคู่ เชษฐา
      สี ครีม

       

      บุรพผลคุนี (30 สิงหาคม - 12 กันยายน)
      เป็นคนอบอุ่น มีเสน่ห์ และดวงดี คุณทำงานหนัก
      แต่ก็รู้จักหาความสุขกับชีวิต
      ความกระตือรือร้นที่มีอยู่เต็มเปี่ยมจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ

      นอกจากนี้
      คุณยังเป็นคนจริงใจไม่โกหก
      รสนิยมคุณนั้นเลิศหรูนัก
      มักจะเป็นสีสันให้กับงานเลี้ยงเสมอๆ
      คุณอยากให้ตัวเองและคู่มีเป้าหมายเดียวกันและเคียงข้างกันก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
      สัญลักษณ์ เตาผิง
      หมายถึงโชค

      ราศีเนื้อคู่ มาฆะ
      สี น้ำตาล


       
      อุตรผลคุนี (13 - 25 กันยายน)

      เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี หนักแน่น
      และเกิดมาเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง
      เป็นเจ้าแห่งยุทธวิธีและเป็นนักวางแผนที่ดีแต่ความรู้สึกไม่ค่อยมั่นคงและตึงเครียด
      อาจทำให้คุณประพฤติ
      ตนไร้เหตุผล เกิดความประหม่า
      และไม่มั่นใจได้ คุณคอยเป็นกำลังใจให้คู่ของคุณเสมอ
      และก็หวังให้เขาหรือเธอเห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณทำและตอบแทนคุณด้วยความรัก
      สัญลักษณ์ ขาเตียง หมาย
      ถึงสู้ชีวิต

      ราศีเนื้อคู่ บุรพผลคุนี
      สี ฟ้าสดใส


       
      หัฏฐะ (26 กันยายน - 9 ตุลาคม)
      เป็นคนมีเสน่ห์และน่าสนใจ แต่ก็อารมณ์เสียได้ง่ายๆ
      คุณทะเยอทะยานและเป็นเจ้าของชะตาชีวิตของตัวเอง
      บางครั้งอาจจะดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว
      แต่จริงๆแล้วคุณเป็นคนใจกว้างกว่าใครๆ
      เมื่อคุณตกลงปลงใจกับคู่ของคุณแล้ว
      คุณจะดูแลเอาใจใส่เขาหรือเธอเป็นอย่างดี
      และจะเป็นผู้ให้ที่แสนอารี
      สัญลักษณ์ ฝ่ามือ หมายถึงการฝึกตนด้วยโยคะ

      ราศีเนื้อคู่ มฤคศิราย
      สี เขียว

       

      จิตรา (10 - 22 ตุลาคม)
      เป็นคนชอบเข้าสังคม รักชีวิตกลางแจ้ง
      และชอบเมาต์เป็นชีวิตจิตใจ
      คุณอาจจะดูมีความสุขกับการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
      และหาเพื่อนใหม่ได้ง่ายๆ แต่โดยธรรมชาติของคุณแล้ว
      คุณรักความสันโดษ
      แม้จะอยากใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนแค่ไหน
      แต่คุณก็ไม่เคยทุ่มให้เขาหรือเธอเต็ม
      100เปอร์เซ็นต์ได้สักที
      สัญลักษณ์ ไข่มุก หมายถึงความงาม
      ราศีเนื้อคู่ หัฏฐะ
      สี ดำ


      สวาตี (23 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน)
      เป็นคนแอกทีฟ ไม่เคยอยู่นิ่ง
      แต่มักจะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอะไรเป็นสิ่งต่อไปเพราะอยากทำอะไรๆ
      เต็มไปหมดถึงแม้ว่าคุณมีอุดมการณ์เป็นแรงบันดาลใจและเป็นพลังขับเคลื่อน
      แต่คนชอบหาว่าคุณเป็นจอม
      บงการ จริงๆ คุณก็แค่มีความมุ่งมั่นเท่านั้นเอง
      ส่วนในด้านความรัก
      พันธะทางใจต่อกันนับเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดสำหรับคู่รักในอุดมคติของคุณ
      สัญลักษณ์ ปะการัง หมายถึง
      ความทะเยอทะยาน

      ราศีเนี้อคู่ ภรณี
      สี ดำ

      วิสาขะ (6 - 18 พฤศจิกายน)
      เป็นคนทะเยอทะยาน
      แต่ใช่ว่าความสำเร็จทางด้านวัตถุจะทำให้คุณพอใจเสมอไป
      หากต้องการเติมชีวิตให้เต็มอาจจะต้องเปลี่ยนการมองโลกเสียใหม่
       ข้อดีของคุณก็คือ
      สามารถเข้ากับคนได้ทุกระดับ มีความสนใจในสิ่งต่างๆ
      หลากหลายและแม้ว่าคุณยอมรับการผูกพันกับใครคนหนึ่ง
      แต่คุณก็ยังคงต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง
      สัญลักษณ์ แท่นปั้นหม้อ หมายถึงความหวัง

      ราศีเนื้อคู่ จิตรา
      สี ทอง

      อนุราธ (19 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม)
      คุณเป็นคนที่มีความขัดแย้งอยู่ในตัวบางครั้งคุณอาจจะสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ
      แต่ก็วัตถุนิยมแบบสุดขั้ว
      ใจดีก็ได้ ใจร้ายก็บ่อย
      สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้ในนาทีหนึ่งแต่ก็กลับหดหู่ซึมเซาในนาทีถัดมา
      ดังนั้นคุณจึงไขว่คว้าหา
      ทางสายกลางอยู่ตลอดเวลา
      คุณกำลังตามหารักแท้และก็พร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อมัน
      สัญลักษณ์ ดอกบัว
      หมายถึงความรัก

      ราศีเนื้อคู่ เชษฐา
      สี น้ำตาลแดง


       
      เชษฐา (2 - 14 ธันวาคม)
      คุณเป็นคนร่าเริง ทะเยอทะยาน
      ต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยทำได้มาก่อน
      และเชื่อ
      ได้เลยว่าคุณจะทำสำเร็จ หากมีวินัยในตัวเองมากพอ
      คุณเชื่อมั่นในเรื่องจิตวิญญาณ แต่ก็นิยมยินดีกับเพศรส
      บางครั้งอาจจะประหม่า
      แต่ต้องแสดงออกว่ามั่นใจเอาไว้ก่อน
      นอกจากนี้คุณยังขี้หึง ในขณะที่ตัวเองเป็นคนหลายใจ
      คุณต้องการคู่ที่ทำหน้าที่คู่สนทนาได้อย่างชาญฉลาด
      สัญลักษณ์ ตุ้มหู หมายถึงความสง่างาม

      ราศีเนื้อคู่ มาฆะ
      สี ครีม

       

      มูละ (15 - 27 ธันวาคม)
      ทดลองของใหม่ๆ อยู่เสมอ
      และยังเป็นผู้นำที่มองโลกในแง่ดีอีกด้วย
      คุณเป็นคนเบื่อง่าย แต่เพราะว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง
      จึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนอะไรๆ ได้เมื่อสิ่งต่างๆ
      รอบตัวนั้นดูราบเรียบเกินไป
      ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่จะเป็นไปได้ด้วยดี
      ตราบใดที่เขาหรือเธอยอมให้คุณเป็นตัวของตัวเองต่อไป
      สัญลักษณ์ หางสิงโต หมายถึงความไม่หยุดนิ่ง

      ราศีเนื้อคู่ บุพพสาฬหะ
      สี เหลืองมีสตาร์ด

       

      บุรพสาฬหะ (28 ธันวาคม - 10 มกราคม)
      เป็นสร้างสรรค์ เฉลียวฉลาด และมีปัญญา
      หากคุณได้ทำงานที่ตรงกับความสามารถแล้วล่ะก็
      ทุกอย่างจะผ่านฉลุย
      และผลที่ได้ก็จะเป็นที่น่าพอใจ
      คุณเปลี่ยนตัวเองไปได้เรื่อยๆ
      แต่อาจจะพบความยุ่งยากหากคู่ของคุณไม่ยอมเปลี่ยนตามไปด้วย

      สัญลักษณ์ งาช้าง หมายถึงบุคลิกที่โดดเด่น
      ราศีเนื้อคู่ เรวดี
      สี ดำ

       

      อุตตราสาฬหะ (11 - 23 มกราคม)
      เป็นคนกระฉับกระเฉง สมองดี เข้าขั้นปัญญาชน
      ทำสิ่งที่ตั้งใจและไล่ตามความฝันได้โดยไม่ย่อท้อ
      คุณเกลียดการหลอกลวงและคนโกง
      และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ทำลายคนพวกนี้ให้สิ้นซาก
      หนึ่งในความต้องการของคุณคือการได้อยู่คนเดียว
      ดังนั้นความสัมพันธ์ของคุณอาจจะซับซ้อนและยุ่งยากกว่าคนอื่น

      สัญลักษณ์ ขาเตียง หมายถึงการสันโดษ
      ราศีเนื้อคู่ อุตตรภัทรบท
      สี ทองแดง

       

      ศรวณะ (24 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์)
      คุณมีสมองเฉียบแหลมราวมีดโกน
      และรูปลักษณ์ภายนอกอันแข็งแกร่งไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัว
       
      คุณถวิลหาความสงบท่ามกลางสรรพเสียงแห่งชีวิต
      แต่ก็เป็นผู้ฟังที่ดีและเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นคู่ของคุณจะต้องเคารพเงื่อนไขที่คุณตั้งไว้
      และจะ ต้องเข้าใจด้วยว่าบางครั้งคุณก็ต้องการอยู่คนเดียว
      สัญลักษณ์ หู หมายถึงความเงียบ

      ราศีเนื้อคู่ อุตตรภัทรบท
      สี ฟ้า

       

      ธนิษฐา (6 - 18 กุมภาพันธ์)
      เกิดมาพร้อมพรพิเศษในทางสายธรรม
      แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งเรื่องทางโลกย์
      คุณมีความสามารถรอบด้านบุคลิก โดดเด่น มีสง่า
      ผ่องใส และไม่เห็นแก่ตัว
      คู่ของคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณทำตัวห่างเหิน
      แต่หากคุณพบคู่ที่วาดฝันไว้แล้วล่ะก็
      คุณจะซื่อสัตย์กับเขาหรือเธออย่างที่สุด
      และโชคของคุณที่คนรอบข้างยอมรับข้อเสียหลายอย่างของคุณได้

      สัญลักษณ์ ขลุ่ยหรือกลอง หมายถึงดนตรี
      ราศีเนื้อคู่ ศตภิษัช้อ
      สี เงิน

       


      ศตภิษัช้อ (19 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม)
      เป็นคนยึดมั่นในหลักการ ดูลึกลับในบางครั้ง
      และชอบตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมให้กับตัวเอง
       
      คุณมองการณ์ไกลแต่ขาดความมั่นใจ
      ต้องการมีความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้น
      แต่ฝ่ายตรงข้ามจะรู้ได้อย่างไร
      หากคุณไม่เริ่มต้นส่งสัญญาณให้เขาหรือเธอรับรู้เสียก่อน

      สัญลักษณ์ ดวงดาว หมายถึงความรู้แจ้ง
      ราศีเนื้อคู่ ธนิษฐา
      สี เขียวอ่อน

       

      บุรพภัทรบท (4 - 16 มีนาคม)
      คุณเป็นคนอ่อนไหว และห่วงใยคนรอบข้าง
      ทำให้คนมากมายเข้ามาขอคำปรึกษาจากคุณ
      ถึงแม้ตอนนี้คุณจะประสบความสำเร็จทางด้านวัตถุแล้วก็ตาม
      คุณก็ควรวางแผนการเงินของคุณให้ดี
      นอกจากนี้คุณมักจะมองคนข้างกายในแง่ดีเกินจริง
      และเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์แล้ว
      คุณอาจจะดูเหมือนเป็นฝ่ายที่ต้องพึ่งพา แต่จริง ๆ
      แล้วคุณเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องง้อใคร

      สัญลักษณ์ ดาบ หมายถึงสันติสุข
      ราศีเนื้อคู่ อุตตรภัทรบท
      สี เงิน


      อุตตรภัทรบท (17 - 30 มีนาคม)
      เป็นคนฉลาด ใจบุญ มีอุดมการณ์ และเคารพความฝันของผู้อื่น
      คุณเชื่อในโชคชะตา
      และมักมีความรู้สึกไม่ อยากยุ่งเกี่ยวผูกพัน
      ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต
      คุณจะเป็นครูที่ดีได้ถ้าเลือกจะไปทางนั้น
       
      คุณมักจะพยายามประคองความสัมพันธ์ให้อยู่รอด
      แต่ถ้ามันไม่งอกงาม
      คุณก็จะตัดใจและก้าวไปข้างหน้าต่อไป
      สัญลักษณ์ ฝาแฝด หมายถึงความมืดที่งดงาม

      ราศีเนื้อคู่ เรวดี
      สี ม่วง
       
       
      เรวดี (31 มีนาคม - 12 เมษายน)
      คุณเป็นคนมีจิตใจเมตตา ห่วงใยผู้อื่น และอ่อนไหว
      คุณอุทิศตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
      แต่เป็นประเภทปิดทองหลังพระ
      คุณเป็นคนมีความงาม แต่ขาดความมั่นใจ
      คุณต้องเรียนรู้ที่จะศรัทธาและไว้ใจคนอื่นบ้าง
      สำหรับเรื่องความรัก คุณเป็นคนโรแมนติก
      จึงต้องการคนที่เข้าใจว่าลึกๆแล้วคุณต้องการอะไร
      สัญลักษณ์ ปลา หมายถึง ความบริสุทธ์
       
      ราศีเนื้อคู่ อุตตรภัทรบท
      สี น้ำตาล

       

      แบบทดสอบของดาไลลามะ

       

      แบบทดสอบบุคคลิกภาพที่แม่นๆจากธิเบต


      ทดสอบบุคลิกภาพเพื่อค้นหาความเป็นตัวคุณต่อไปนี้ มีคำถามเพียง 3 ข้อ ตื่นเต้นเร้าใจมาก
      คุณจะรู้สึกมหัศจรรย์ใจกับคำทำนายที่ได้รับ อย่าแอบดูคำทำนายก่อนตอบล่ะ ตอบทีละข้อ
      ถ้าคุณเห็นคำทำนายก่อนตอบคำถาม คำตอบที่ได้รับก็จะไม่แม่นยำแล้ว

      เขียนคำตอบลงในเศษกระดาษของคุณทีละข้อ แบบทดสอบนี้บอกถึงตัวตนภายในของคุณได้มากทีเดียว

       

      1.ให้จัดลำดับสัตว์ต่อไปนี้ตามความชอบของคุณจากมากไปหาน้อย
      ก. วัว
      ข.เสือ
      ค. แกะ
      ง. ม้า
      จ. หมู

      2.เขียนคำบรรยายคุณลักษณะของสิ่งต่อไปนี้
      ก. สุนัข
      ข. แมว
      ค.หนู
      ง. กาแฟ
      จ. มหาสมุทร

      3.คิดถึงคนที่คุณรู้จักและเขาก็รู้จักคุณ เป็นบุคคลที่สำคัญต่อคุณโดยที่คนคนนั้นดูจะโยงเข้ากับสีแต่ละสีที่ให้มาข้างล่าง หนึ่งสีต่อหนึ่งคนอย่าตอบซ้ำ
      ก. สีเหลือง
      ข. สีส้ม
      ค.สีแดง
      ง. สีขาว
      จ. สีเขียว

      เขียนคำตอบเสร็จแล้วใช่ไหม ตรวจอีกทีว่าคุณแน่ใจกับคำตอบของตนเองหรือเปล่า ก่อนจะอ่านบทวิเคราะห์ต่อไปนี้บทวิเคราะห์

      1.สัตว์แต่ละชนิดบอกถึงอับดับของสิ่งที่คุณให้ความสำคัญในชีวิต
      ก. วัว แทนอาชีพ
      ข. เสือ แทนศักดิ์ศรี
      ค. แกะ แทนความรัก
      ง. ม้า แทนครอบครัว
      จ. หมู แทนเงิน

       

      2.คุณลักษณะของสิ่งที่คุณบรรยายมีความนัยบ่งบอกถึง
      ก. สุนัขเป็นความนัยบอกถึงบุคลิกภาพของตัวคุณเอง
      ข. แมว มีนัยถึงคู่ของคุณบอกบุคลิกของคนที่เป็นคู่ชีวิต
      ค. หนู หมายถึง บุคลิกของศัตรูของคุณเอง
      ง. กาแฟ หมายถึง การตีความในเรื่องเซ็กซ์ว่าคุณคิดอย่างไร
      จ.มหาสมุทร บ่งบอกถึงชีวิตของคุณเอง

       

      3.สีแต่ละสีแทนค่าความรู้สึกที่ทำให้ให้คุณนึกถึงใคร
      ก. สีเหลืองใครคนนั้นที่คุณไม่อาจลืม ข.
      สีส้มคนคนนี้คุณมองว่าเขาหรือเธอเป็นเพื่อนที่ดี
      ค. สีแดงคนที่คุณรักเหลือเกิน ง. สีขาว คู่ใจหรือคู่ชีวิต
      จ. สีเขียวคนที่จะจดจำไปชั่วชีวิต

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×