ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 บทนำ
ตอน บทนำ
เมืองไทย เมืองกรุงอันแสนศิวิลัยที่มีประชาชนแออัดด้วยรถยนต์และผู้คนมากมาย วุ่นวายเกินกว่าที่จะหาความสงบสุขได้ ผู้คนในเมืองกรุงมีการแข่งขันในทุก ๆ ที่ ทั้งด้าน การทำงาน การเรียน และหลังจากนั้นก็จะหาความสุขให้กับตนเองด้วยการเที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน หลงแสงสีที่หยอกล้อให้เราหลงผิด เด็กไทยไม่น้อยหลงในสิ่งเหล่านี้ ใช้เวลาเล่นเกม ดูหนังและฟังเพลง ล้วนแต่ลืมรากเหง้าของตนเองไปเสียสิ้น
ความเป็นไทยคงหายากยิ่งในปัจจุบันกาลนี้ หากเปรียบจากก่อนเก่าครั้งกาล ยามราตรีเมื่อใด ชาวบ้านแต่ละครอบครัวก็จะนอนเล่นอยู่ในบ้านหาความสุขให้กับตนเองโดยการ เสวนา พูดคุยกับลูก ๆ หลานๆ และทำกิจกรรมเล็กน้อยที่ปลูกฟังให้กลายเป็นคนที่กตัญญูกตเวที ค่อยๆ
บ่งเมล็ดพันธุ์ ให้งอกงามในอนาคต
รวมไปถึงเล่นดนตรีพื้นบ้าน ร้องเพลง การละเล่นต่าง ๆ ในวันงานเทศ กาลเช่น ร้องเล่นลำตัด การเล่นแม่ศรี เป็นต้น ดนตรีไทยก็มีความสำพันธ์กับมนุษย์มานมนาน ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ ปัจจุบันนี้มนุษย์ยุคไฮเทค กลับละเลยและดูถูกดนตรีไทย มีความต้องการที่จะออกจากบ้านกันมากขึ้น บ้างก็ออกมาทำงาน หลายคนก็ออกมาเที่ยว ล้วนน่าเสียดายแท้ ที่ความเป็นไทยจะหายไปเสียสิ้น
สายฝนที่โปรยปรายอย่างไม่ขาดสายในช่วงยามราตรีที่หม่นหมองไปด้วยเมฆหมอกที่สลัว เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องผสมกับสายฟ้าที่สะท้อนแสงทำให้ผู้คนที่เหม่อมองสะดุ้ง ห่างออกไปจากเมืองกรุงฝั่งพระนครที่วุ่นวาย กั้นขวางด้วยแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหญ่สัญจรไปมาด้วยเรือด่วนข้ามฝาก หรือจะนั่งรถข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าก็เห็นจะเข้าที
นั่นคือย่านฝั่งธนบุรีที่เงียบสงบ มีสวนมากมายดูร่มรื่น ผลไม้นานาพันธ์ก็มากพอที่จะค้าขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวสวนฝั่งธนได้ โดยเฉพาะย่านเขตตลิ่งชัน
ที่มีต้นหมากพร้าว ต้นหมากม่วง ต้นกล้วย และต้นไม้น้อยใหญ่สูงตระหง่านมากมายปกคลุมด้วยพื้นหญ้าที่เขียวขจีจนมันกลายเป็นเอกลักษณ์ของย่านนั้นไปเสียแล้ว บ้านริมน้ำ บ้านสวนถูกปลูกขึ้นจากครั้งสมัยโบราณ บ้างก็ช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนปลาย
จะกล่าวถึงบ้านไม้เรือนไทย ในสวนริมคลองเล็กๆ ที่ขุดลอกจากคลอง บางระมาด
ตลิ่งสองข้างทางเป็นโคลนและมีกิ่งต้นไผ่ผุดขึ้นเป็นกอ ในบางฤดูก็มักจะออกหน่อให้ชาวสวนได้เก็บไปขาย ทางเดินเข้าไปในบ้านหลังนี้ ต้องลงเรือขุดเข้าไป หรือเดินบนบกก็สะดวกดี
แต่คนไม่เคยมาก็จะพาหลงได้อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากต้นไม้นานาชนิด และเถาวัลย์พันเกี่ยวเลียวลดมากมาย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศบ้านสวนเหล่านี้ หายากยิ่งในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงความสงบที่ได้จากการอยู่บ้านสวน แต่มันรวมไปถึงความสุขร่มรื่นทางใจ
ยังมีอากาศที่เย็นสบาย ลมโบกทั้งคืนวัน ยิ่งหากสายๆ เอาหนังสือไปอ่านเล่นบนเปลยวนที่ผูกไว้กับต้นมะพร้าว กลิ่นไอดินมักจะลอยขึ้นเข้าจมูก ทำให้ผล็อยหลับไปก็ดี ยามฝนตกก็ได้เห็นบรรยากาศที่หยาดน้ำค้างเกาะตามต้นไม้ มองเข้าไปข้างในสวนที่ลึกค่อนข้างไกลความเจริญ บ้านเรือนไทยเก่าโบราณถูกสร้างจากไม้หนาดูดีมีราคา กระไดบ้านมีที่ล้างเท้าก่อนย่ำขึ้นเรือน
รอบข้างมีพื้นที่บริเวณพอควรที่จะวิ่งเล่นได้ มองไปด้านขวามือ มีแท่นปูนซีเมนต์นูนขึ้นมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณสามเมตร คราบตะไคร่น้ำจับเกาะเป็นรอยยาวแสดงให้เห็นว่า ถูกละเลยมานานมาก
ทันใดนั้นเสียง เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งย่ำบนพื้นหญ้าและดินที่เปียกปอย กำลังเดินจ้ำอ้าวมายังบ้านเรือนไทย และเสียงนั้นก็เงียบลง เรือนร่างของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีสูงประมาณร้อยหกสิบห้าผมทรงนักเรียนยาวๆ ดูไม่ค่อยเรียบร้อยเสียเท่าไร
เขาค่อยๆถอดรองเท้าและถอดถุงเท้ากองไว้ที่ริมหัวกระไดบ้าน และตักน้ำล้างเท้า รีบเดินขึ้นบนเรือนอย่างรวดเร็ว บนบ่าของเขาสะพายกระเป๋ายาวประมาณสองสามคืบสีดำ มีตราลายไทยประดับด้วยลายฉลุสีทองอร่าม
เมื่อขึ้นมาบนเรือนแสงสว่างจากหลอดไฟสะท้อนใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น ทำให้เห็นใบหน้าที่คม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ผิวแทน เชื้อสายของเด็กคนนี้ไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีส่วนไหนของเขาที่จะบอกได้เลยว่าเขาเป็นคนจีน เด็กหนุ่มสวมชุดนักเรียนกางเกงสีดำสั้น ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน
บนเรือนแบ่งเป็นห้องมากมายทั้งเล็ก กลาง และใหญ่ มีโคมไฟโบราณติดตามผนังบางจุดของเรือนไทยยังคงใช้ตะเกียงโคมไฟโบราณ เปลวไฟสีเหลืองอมส้มสะท้อนเข้าสายตาของเด็กหนุ่มตามมุมมืดต่าง ๆ แลทำให้เขามองเห็นผนังที่มีกรอบรูปบรรจุภาพขาวดำของผู้คนในชุดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดท่านขุน คุณหญิง ที่ยกระดับสายตาทำมุมสี่สิบห้าองศาเสมอ
ล้วนแต่เป็นพ่อครูแม่ครูสมัยก่อนเก่าของคุณตาทั้งนั้น ทำให้เด็กหนุ่มอดขนลุกไม่ได้เมื่อเดินผ่าน บางครั้งเขารู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านหลังเมื่อมองรูปเหล่านั้น ฝีเท้าของเด็กหนุ่มจึงรีบเดินผ่านเสาไม้หนาและตู้เก้าอี้โบราณแกะสลักด้วยความประณีต ขันโตกและแจกันที่ตั้งบนพื้น
นอกจากนั้นยังมีการประดับประดาไปด้วยถ้วยโถโอชามของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในตู้กระจก บริเวณใจกลางของเรือนไม้ยังมีแท่นที่ให้นั่งยามพักผ่อน ทั้งหมอนอิงรูปสามเหลี่ยม ถ้วยน้ำชา เชี่ยนหมาก และโถใบเล็กๆ อยู่บนแท่นนั้น ความกว้างของแท่นนั่งพักผ่อนใจกลางเรือนไทย ก็ยังคงคงรูปแบบบ้านเรือนไทยในอดีตไว้ให้เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
ยามตอนมีลมพัดแรงๆ เด็กหนุ่มมักจะออกมานั่งที่ชาญหลังคาบ้านริมประตู แลสีซออู้เป็นบทเพลงต่างๆ และมักจะเพลินกับสายลม จนบางครั้งไม่มีใครกล้าที่จะเดินผ่านสวนแห่งนี้ ... ระหว่างที่เด็กชายเดินผ่านบริเวณห้องต่างๆ ก๊อง! เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับเหล็กดังก้องกังวาลในขณะที่ทุกอย่างในบ้านเงียบกริบ
เด็กชายหันวูบไปยังต้นเสียงด้วยความกล้า เสียงนั่นเป็นเสียงของไม้ตีฆ้องวงที่เก็บไม่เรียบร้อยเกลือกกลิ้งบนลูกฆ้อง เด็กหนุ่มทำใจคงไม่เป็นอย่างอื่นกว่าที่ได้คิด ไอ้จ่อย เด็กอายุราวห้า ขวบบ้านมันอยู่ท้ายสวน มักจะมาตีเล่นบ้างก็มาต่อเพลงกับคุณตาในช่วงที่เด็กหนุ่มไปเรียน เจ้าจ่อยมันมาตีตามประสาเด็กแล้วลืมเก็บตามเคย เด็กหนุ่มส่ายหน้าพลางเดินไปเก็บไม้ตีฆ้องวงให้เข้าที่ตามเดิม...
“กลับมาแล้วหรือ กล้า” เสียงชายชราทักขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มมีนามว่ากล้าถึงกลับหยุดชะงัก แลเดินเข้าไปยังต้นเสียง กล้าเดินเข้าไปในห้องที่มีแสงสว่างมาจากตะเกียงสีส้ม ชายชรา จมูกโด่ง คิ้วเข้มผิวแทน ในชุดสีขาวโพลนท่อนล่างเป็นโจงกระเบนสีน้ำเงิน ทอดกายบนเก้าอี้ไม้อ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ มีถ้วยน้ำชาวางอยู่ด้านข้างและหนังสือหลายเล่ม รูปภาพของคุณยายและพ่อแม่ของกล้าตั้งอยู่
“ครับ - - คุณตา พึ่งกลับมาครับ” กล้าก้าวผ่านธรณีประตูและนั่งลงบนพื้นไม้
“อืม - - นั่งก่อนสิ” คุณตาตอบรับพลางเงียบไปชั่วครู่ สายตาของคุณตายังอ่านหนังสืออยู่ตามปกติ
“วันนี้กลับดึกจริงนะ - - - ” ชายชราพูดต่อ
“ครับ ที่โรงเรียน ครูเค้า ซ้อมวงเครื่องสายและต่อเพลงให้ใหม่ครับ” กล้าตอบพลางมองหน้าคุณตา
“อืม - - และไปถึงไหนแล้ว เรียนมาตั้งแต่มัธยม สามปีแล้วสินะ ไม่สิประถมตาก็ปูพื้นไว้แล้ว” - - -
ชายชราพูดต่อ
“ก็ดีครับคุณตา แต่บางทีมือก็รวน พรมนิ้วผิดถูกบ้าง - - - สายเอกสายทุ้มยังมีปัญหาเรื่องขึ้นเสียงเล็กน้อย- -” กล้ารายงานเสมือนอ่านจากกระดาษแผ่นหนึ่ง
“ อืม งั้นรึ ” ชายชราหันมาทางกล้า สายตาของเขามองด้วยความเอ็นดู พลางมองดูบนกระหม่อมที่มีน้ำฝนเปียกปอยที่เกาะตามเส้นผม ดูชุ่มฉ่ำ ไม่ช้าคุณตาน้ำมือลูบไล้ที่ศีรษะ วูบ! เหมือนมีอะไรบางอย่างผ่านกระหม่อมของกล้าไป หยาดฝนและน้ำค้างหายไปอย่างไร้ร่องลอย กล้าก็รู้สึกแบบนี้จนชินแล้ว หลายครั้งที่คุณตาของเขาทำอะไรแปลกๆ เหมือนผู้รู้ทางอาคม และดนตรีไทย กล้าจึงถามอีกครั้ง
“คุณตาครับ - - - ? ”
“หืม หลานรัก - - -” ชายชรายิ้มให้ด้วยแววตาอย่างเอ็นดู
“เอ่อ เมื่อไร ตาจะสอนใช้ แบบว่า - - - เอ่อ - - เอ่อ ”
“อาคมนะรึ - - - ” คุณตาหรี่ตามองเด็กหนุ่ม
“ครับ สอน พระเวทย์นั่น ให้กล้าบ้าง เผื่อใช้ในการขึ้นสายเสียงเทียบเสียง สายซอ ใช้อารมมันคงง่ายดายกว่า มานั่งบิดเอง” กล้าหลบสายตาทันที เพราะคำถามนี้เคยถามไปครั้งก่อนก็โดนดุกลับมาทุกที
คุณตาทำหน้านิ่วเล็กน้อย - - - - “หลานรัก ดนตรีไทยเป็นสิ่งสวยงาม หากใยหลานจะใช้พระเวทย์
ดูมิดี หากเมื่อเจ้าพร้อมจึงสมควรคู่แค่การใช้พระเวทย์กับซอของเจ้า ตาขอเตือน การใช้พระเวทย์กับดนตรีในการบรรเลง ผิดกฎทุกที่โดยเฉพาะในโรงเรียนที่เลื่องชื่อ มีสองอย่างตายกับเนรเทศ อย่าได้ใช้ตาขอร้อง หลานรัก พรุ่งนี้ ตาคงมีเรื่องอะไรบางอย่างจะคุยด้วย- - เอาละจบได้แล้วหลานรัก รีบไปอาบน้ำ ปิดเทอมแล้วใช่ไหม ”
“ครับ - - ตอนนี้ก็ได้ครับคุณตา ผมว่าง” กล้าตอบรับ
“กล้า - - ”คุณตาลากเสียงที่ยานที่สุด เท่าที่จะยานได้ สายตาของคุณตาดุเป็นนัย
“ครับก็ได้ - - - ”กล้าหลบสายตาพลางคลานออกจากห้องของคุณตาไปและปิดประตูไม้ด้วยเสียงที่เงียบกริบ
สายตาของคุณตาวกกลับไปมองที่นาฬิกาเรือนใหญ่มุมห้อง เที่ยงคืนแล้ว คุณตายังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ชายชรามองไปยังถ้วยน้ำชาที่ไม่เหลือหยดน้ำเพียงสักหยด เขาเพ่งเล็งมองไปยังถ้วยที่ว่างเปล่า ทันใดนั้น น้ำชาค่อยๆเพิ่มอย่างรวดเร็วและปริ่มเต็มที่พร้อมที่จะหกได้ทุกเมื่อ ชายชราเอื้อมมือจิบน้ำชาสองสามอึก พลางหยิบกรอบรูปสีทองลายไทยมาระยะประชิด
ในรูปนั้นประกอบด้วยหญิงใบหน้าเกรงขามวัยกลางคนในชุดแขนหมู่แฮมคอตั้งมีผ้าไหมสะพานข้าง โจงกระเบนจับจีบเป็นมันวาว เข็มกลัดรูปซออู้ติดอยู่บนผ้า ผมของนางเกล้าม้วนไปด้านหลัง ต่างหูเป็นมุข ดูสวยงาม ใบหน้าที่คมกริบของหญิงคนนั้นมีส่วนคล้ายกล้าอยู่ส่วนเดียวคือคิ้วที่เข้ม
“ ที่รัก - - - คุณคิดว่าผมควรจะให้กล้าเดินสายนั้นอีกไหม มันดูดีกว่าทุกสายที่ผมได้มอง เจ้ากล้ามันมีความสามารถด้านดุริยางศิลป์ตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเรื่องซออู้ แววตากล้ามันบอกบางสิ่งบางอย่างผมได้ เหมือนผมเมองเห็นอักขระอาคมในสายตาของกล้า ... ผมสับสน เขาปิดเทอมแล้วละ จะขึ้น ม.ปลายเหมือนสายอาชีพที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ก็ไม่นานนี้แล้ว เป็นโอกาสเลือก หากกล้าเข้าไปได้ สักวันคงเก่งจนเป็นถึงพ่อครู แม่ครู หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ถ้าเป็นไปได้ กล้าอาจจะไปได้ไกล ด้วยความซื่อของเขา ความจงรักภักดิ์ดี แด่พ่อครูแม่ครูผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้แก่เขา ตำแหน่งพระซอเสียงอู้วัยนักเรียนคงมิพ้นเจ้ากล้า ทั้งอำนาจและอาคม บุญวาสนาทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ก็ดีมิใช่น้อย ญาติฝ่ายพ่อของกล้าเป็นเจ้านายขุนมูลนาย ถึงแม้จะมิเคยสนใจใยดีมันเลย ฉันควรไหมที่จะให้เขาไปศึกษาที่นั่น ชีวิตนี้ฉันทุกทรมานมาทั้งชีวิต ตั้งแต่ออกมาจากอาณาจักรอรุโณทัยฉันก็ตั้งตนใหม่ที่จะเลี้ยงดูแลหลานของเรา ..... ”ไม่ช้า เปลวไฟบนโต๊ะไฟค่อย ๆ โบกไสว มีลมพัดแรงขึ้นในห้องฉับพลันจนทำให้เปลวไฟดับลง พรึบ!!! ทำให้คุณตาสะดุ้งเล็กน้อย
“คุณท่านค่ะ ”เสียงหญิงวัยชราดังขึ้นทำให้คุณตาหันหลังไปยังมุมห้อง แลมองเห็นหญิงในชุดคอตั้งแขนหมูแฮม นั่งโจงกระเบนสีเขียวใส่ถุงเท้าดูเป็นผู้ดีโบราณ ผมเกล้ามวยไปด้านหลัง ใบหน้าเข้มมีต่างหูสีมุกและสร้อย อัญมณีสีทับทิม ดูสมฐานะ ปรากฏขึ้น
“นั่นเธอจริงๆ หรือ นางซอสายสั่น ที่รัก ”คุณตาค่อยๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาระยะหนึ่ง
“ช่าย อิฉันเอง เรียกฉันเหมือนเดิมเถอะ” หญิงชราในชุดโบราณกล่าว
“แม่นาง เธอมาเพราะเรื่องที่ฉันกำลังสับสนหรือเปล่า” คุณตาถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
“ใช่ - - อิฉันมาเพราะเรื่องนี้ ส่งเขาไปเถอะ เราถูกลิขิตมาทางนี้ ดุริยศาสตร์และอาคม ใยจึงหามิรักษาให้คู่สกุลเล่า ” หญิงชรากล่าว พลางส่งสายตาที่เป็นห่วง
“หลานของเรา - - - ฉันกลัวว่าจะเหมือนแม่ของเขา ตายเพราะเลือกทางนั้น พ่อก็ด้วย เขาต้องตาย
- - - -ไม่ไม่จริง เสียงหญิงชราขัดด้วยท่าทีที่รับฟังไม่ได้ ทั้งคู่ตายเพราะถูกลอบฆ่า ไม่ใช่เพราะเลือกเรียนเสียหน่อย คุณท่านเจ้าคะ ฉันเรียนที่นี่มาตลอดชีวิต ทำงานก็ทำที่อาณาจักรอรุโณทัย อาณาจักรนั่นเหมือนเป็นต้นตระกูลของเรา พฤษศิลป์ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ เราอยู่ที่นั่นมาช้านาน นะ
เจ้า กล้า หลานเราอาจจะเป็นผู้เริ่มทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ ฝีมือและพื้นฐานก็มีบ้างแล้ว
คุณท่านเองก็เคยเป็นพระดุริยฤทธิ์มาก่อนนิ การประชันก็มิแพ้ผู้ใด ทั้งเอกทุ้ม ดีด สี ตี เป่า ท่านเองก็สามารถเลอด้วยปัญญาที่แตกฉาน ”
“พอแล้ว - พระดุริยฤทธิ์ นั่นเป็นอดีต ผมลืมมันไปแล้ว แล้วไงละ พ่อครูแม่ครูก็หายอมรับในผลงานข้าไม่ มองไกลไปอีก มองสิ มองลึก ๆ ”
“- - - - -ไม่จริง พวกพ่อครูแม่ครูโดนเป่าหูแน่แท้ - - - ” หญิงชราแทรกขึ้น
“แล้วไง ไฉนเลยสุดท้ายฉันก็โดนไล่ออกจากโรงเรียนที่เลื่องชื่อมีนามว่า เวทางค์ งั้นรึ !!!!!! ”เปรี้ยง สายฟ้าแลบผ่านหลังคาและเสียงดังกระหึ่ม เมื่อคุณตาพูดประโยคนั้นจบด้วยสำเนียงที่ห้วนที่สุด
“คุณท่านค่ะ คุณเครียดไปหรือเปล่า ”หญิงชราทำสีหน้าเป็นห่วง
“ก็ช่ายนะสิ หลานผมทั้งคน ชายชรา ทุบโต๊ะ - - - และเรื่องนั้นอีก - - - ” ชายชราทำหน้ากลุ้มใจ
“อะไร - - ”หญิงชราทำหน้าสงสัย
“ผู้เลื่องลือเรื่องดนตรีกาฬ นางมารแห่งดนตรี ”ชายชราพูดสายฟ้าเปรี้ยงดังสั่นหลังจากจบประโยคอีกครั้ง
“คุณพระช่วยอิฉันลืมสนิท อย่างน้อยเขาต้องมีอาคมคุ้มครอง ให้เขาไปดีที่สุด คุณท่านคะ ฉันพูดได้แค่นี้ เพื่อรอพระดุริยฤทธิ์ สักวันฉันคงได้เห็นคุณหรือไม่ก็เจ้ากล้าได้ตำแหน่งนั้นนะ ปัทมาและพวงรัตน์ รุ่นน้องของฉัน คงจะดูแลได้ที่เวทางค์ ”
“อย่าหวังว่าจะได้เลย ไอ้แก่ ! ?” เสียงหญิงชราดังขึ้น อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลำแสงสีม่วงเจิดจรัสขึ้นภายในห้อง ไม่ช้าเรือนร่างของหญิงร่างผอมดูดี ในชุดคอตั้งแขนยาวสีดำทะมึนโจงกระเบญสีม่วงเข้มจับจีบดูสวยงาม ทรงผมของหล่อนสั้นเหมือนคนสมัยโบราณ มีผมทรงเกล้าเก็บผม ต่างหูสีดำสะท้อนแสง โครงหน้าของหล่อนดูสวย จมูกโด่ง ขอบตาดำ ริมฝีปากสีดำปรากฏตัวขึ้น
คุณตาและนางซอสายสั่นถึงกลับตกใจเล็กน้อย เจ้า - - - นางศรีสายลวด - - คุณตาพลั้งปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ช่าย ข้า เอง ยังจำได้รึ ”แววตาของหญิงชราผมเกล้ามวย มองทั้งคู่ด้วยความไม่เป็นมิตร มือทั้งสองข้างของนาง ประกบกันไว้ที่ระหว่างหน้าท้อง ดูเป็นผู้ดีมีสง่าราศี
“เจ้ามาทำไม - - กลับไปซะ ”นางซอสายสั่น มองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“โอ่ว ไม่ประทับใจเสียเลย เราเจอกันทั้งที ใช่ไหมละ ไหนมากอดทีสิ ”หล่อนเอื้อมือท่าทีจะไปสวมกอดหญิงชราที่ยืนนิ่งอยู่ริมโต๊ะ
“อย่าเชียวนะ อย่าเอามืออันสกปรก เข้ามาใกล้ตัวข้า ”หญิงชรากล่าวอย่างเหยียดหยาม สายตาของนางฝืนสู้เต็มที่ ทำให้หญิงชราชุดโบราณสีดำ ถึงกลับเปลี่ยนสีหน้า และโมโหสุดขีด
“เออ - - - ได้ - - มาทั้งที ข้าคงต้องไปบอก ผู้คุมโลกแห่งวิญญาณ ว่า มีวิญญาณดวงหนึ่ง ออกมาจากโลกแห่งความตาย แถม ยังมาในเขตมนุษย์ ”หล่อนพูดกระชากเสียงอันแดกดัน แววตาของหล่อนมองศีรษะตั้งแต่หัว จรดปลายเท้าของนาง
“เหยียดหยามกันนักนะสายตาของเจ้า - - ว่าแต่เจ้ามีอะไร นางศรีสายลวด ถึงต้องมาที่นี่ พูดให้ตรงประเด็น ข้าไม่ชอบ พวกแดกดัน เสียดสีชาวบ้าน - - - ”คุณตาพูดพลางจ้องตาเขม็ง
“ก็ได้ - - ฮึ ตรงประเด็นแน่ อย่างเป็นความลับ ” หล่อนเดินเลื่อนลอยไปยังริมหน้าต่าง เฉียดกับชายเสื้อของนางซอสายสั่นเพียงเสี้ยว
“ก็ได้ รอก่อนจะไปปิดประตู” ชายชราหันควับ กำลังจะเดินไปปิดประตู
“โอม ปอ ระ ตะ” เสียงหญิงชราตะโกนดังสนั่น ลำแสงสีแดงประกายพวยพุ่งเฉียดใบหน้าของคุณตาไปยังประตู ปั้ง! ประตูปิดเองอัตโนมัติ ทำให้กล้าที่กำลังแต่งตัวอยู่ห่างจากห้องนี้สองเมตรถึงกับสะดุ้ง
“มันจะมากไปแล้วนะ นี่เจ้าใช้อาคมข้าวหัวข้าเลยรึ” คุณตาถึงกลับหันควับมา สายตาของคุณตามองด้วยความไม่พอใจ
“มีอะไร เยอะแยะนะ ที่ข้าจะบอกเจ้า ”
“อะไร- - ”
“หญิงชราชุดดำมองไปยังนอกหน้าต่าง พลางพูดออกมา เจ้าเองก็รู้ หึ ว่าตำแหน่งนั้นคงไม่พ้นหลานข้า ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ทั้งความสามารถ ทั้งต้นตระกูล ด้วยอาคมเวทย์ที่เต็มเปี่ยม ”
“- - หึ นางซอสายสั่นผ่อนลมหายใจ - - พวกมนต์ดำ ”
“แล้วไงละ นางศรีสายลวดขึ้นเสียงตะหวาด มนต์ขาว ช่วยชีวิต รั้งชีวิตได้ไหมละ นี่ไง อาคมขาวที่คนงี่เง่า เหล่าผู้วิเศษ วิทยาธรแห่งหิมพานต์ใช้ เฉ๊อะ แล้วไงต่อละ หึ- - - ก็กลายเป็นวิญญาณเหมือนเจ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้า”
“หยุดนะ อย่าได้ดูถูกอาคมขาวเป็นอันขาด ตั้งแต่ที่เวทางค์แล้ว เจ้าใช้อาคมในการเล่นดนตรีก็ผิดมิพ้นไล่ออก มิหนำซ้ำ ยังเป็นอาคมดำอีก แต่เจ้าก็รอด ช่ายรอด - - คุณตา หยักหน้าช้าๆ - - ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเจ้าถึงทำให้ข้าถูกไล่ออก ออกมาพร้อมกับความอับอายและไม่เห็นด้วย หึ หากย้อนกลับไปได้ ข้าจะแฉเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนั้น”
“ก็คงรอให้พระสุริยะปรากฏในยามราตรีก่อนกระมัง . . ถึงเจ้ารู้ก็สายไปเสียละ คิดนานไหมละพ่อพระ น่าแปลกคนคิดดีอย่างเจ้า ถึงอยู่ได้ไม่ได้นานนะ เจ้ามันโง่ โง่ที่สุด แทนที่จะโยนความผิดทั้งหมดให้แก่ ไอ้แสน เพื่อนของเจ้าคนนั้น หึ ไม่งั้น พระดุริยฤทธิ์คงอยู่คู่กับเจ้าไปสู่หลายชายของเจ้า แต่นี่คือโอกาสของข้าตระกูล วรเชษฐ์ จะรุ่งมากกว่า พฤษศิลป์ ”
“หุบปากของเจ้า - - หุบซะ ”
“ทำไมละ ยอมรับมิได้รึท่าน”
“เจ้าเองสร้างบาปกรรมไปถึงไหน เจ้าฆ่าคนได้โดยที่ไม่รู้สึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่หรือไง ”
“แล้วเจ้าเองละ ไอ้แก่ ลูกของเจ้าก็ตายไปแล้ว คงไม่มีใครหรอก ฮึ เสียงคุยกันในวงใน ปีนี้จะเกิด
จันทรุปราคา เจ้าเองก็คงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อครบ ร้อยห้าสิบปี ”
“- - นางมาร - -- เจ้าแห่งดนตรีกาฬ ”นางซอสายสั่นพูดสั้นๆ อย่างไหวหวั่น พลางนำมือขึ้นมาป้องไว้ที่ปาก
“หึ หญิงชราชุดดำขยับมุมปาก ช่าย - - ข้าจะมีพลังเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง และทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไป แม้แต่ - - หึ เจ้าก็จะรู้ หลานเจ้าเอง - - - ก็นั่นสินะ - - - แล้วนั่น ”สายตาของนางมองไปยังประตูที่ปิดสนิท - - - มารยาทนั่น ไม่เหมาะเสียเลย หล่อนพูดประโยคสุดท้ายจบ ประตูค่อยๆ เปิดออกช้า ๆ เรือนร่างของเด็กหนุ่มหมอบอยู่ริมประตู หูของเขากำลังแนบฟัง
“กล้า - - - ” คุณตาอุทานอย่างตกใจ สายตาของนางซอสายสั่นหวั่นใจเล็กน้อย
“นาคาพยายม! ”เสียงหญิงชราตะโกนลั่น ลำแสงสีดำอมม่วงเปล่งประกายที่ฝ่ามือและพุ่งเป็นลำแสงไปยังเด็กหนุ่มหน้าห้อง สายตาของ คุณตาและนางซอสายสั่นถึงกับ ช้อกและทำอะไรไม่ถูก
“เอหิ เอหิ ครุฑากำแหง ” เสียงหญิงคนหนึ่งตะโกนแทรกขึ้นด้วยความตกใจ และหอบสุดขีด ลำแสงสีแดง พวยพุ่งมาจากมุมมืด ลำแสงสีแดงกลายเป็นรูปพญาครุฑบิน และลำแสงสีดำกลายเป็นนาคราชสีดำอมม่วง ไม่ช้า ครุฑก็ค่อยๆ กลืนกินลำแสงสีม่วงไปและลำแสงทั้งสองก็หายไปอย่างไร้ร่องลอย
“มันจะมากไปแล้วนะ นี่มันหลานอิฉัน นางศรีสายลวดไม่ควรทำอย่างนั้น ”เรือนร่างของหญิงวัยกลางคนผิวแทน ตาดุ ในชุดแขนยาวจับจีบคอตั้งสีขาวโจงกระเบญสีเขียว ผมของหล่อนเหล้ามวยไปด้านหลัง ปรากฏขึ้น
“ถ้าฉันไม่มาจะเกิดอะไรขึ้น หลานฉัน ก็คงต้องตายด้วยน้ำมือของท่านงั้นรึ ท่านก็จริงเชียว กล้าทำได้แม้เด็ก จะปริชีวิตคน ท่านทำได้ เราก็ทำกับหลานท่านได้ หึ ”
“- - หยุดเดี๋ยวนี้นะ -- - - - น้ำเสียงของหญิงชรายานและดูมีน้ำหนัก - - ความอาวุโสของข้ามากกว่าเจ้า เอมอร อย่ากำแหง ”สายตาของหญิงชรามองด้วยความไม่พอใจ
“อิฉันรู้ แต่ท่านกลับมาทำแบบนี้อีกครั้งเดียว ท่านคงได้โดนปลดออกจาก เวทางค์แน่ - - -
“อย่าขู่ข้านะเอมอร หญิงชราลากเสียง
เปล่าขู่นิ หญิงมีนามว่าเอมอรเย้อหยัน
“กริยาของเจ้า มันบ่งบอกถึงการไม่เคารพผิดธรรมเนียมและกฎของสมาพันธ์วิทยาธรแห่งประเทศไทย ”
“คงงั้นแน่ - - ”เอมอรตัดบทอย่างกวนประสาท
“และที่ข้ามาที่นี่ ข้าขอบอก ไอ้กล้าหลายชายเจ้าแทบจะไม่มีสิทธิ์เข้าเวทางค์แน่ หากไม่มีอวยยศและวงตระกูล ”
“อิฉันก็มีเรื่องจะบอกเหมือนกันเจ้าคะ ว่าถ้าหากกล้าได้มีวงตระกูลที่สูงพอควรละ ” เอมอรพูด และยิ้มอย่างเป็นนัย
“อะไรเจ้าจะพูดอะไร - - ” หญิงชราถึงกับร้อนรน
“ปัทโธ่ ใยจึงชอบกินปูนละ ร้อนจริงท่าน - - - - - ก็แค่มิมีอันใดมากนัก หากแต่เจ้าคุณย่าของกล้าเรียกพบ แล้วท่านจะคิดอันใด เรียกไปยามนี้ นี่ก็ใกล้ทุกเพลาที่ เวทางค์จะเปิด
“เจ้าคุณย่างั้นรึ เอมอร เจ้าหมายถึง หม่อมวรรณาลักษณ์ ”
“ช่ายนะสิ กล้า คงโชคดีเพราะบุญที่ทำไว้ ”
“เจ้าหมายความว่า..... ”นางศรีสายลวดหน้าซีดทันที
“ช่าย ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนนะสิ นางศรีสายลวด”
สายตาของนางศรีสายลวดถึงกับลุกโชคโชย นางอึ้งไปพักใหญ่ นี่อะไรกัน กล้ามีผู้รับรองเป็นถึงเจ้าคุณย่า อธิปวราชศึกษาก็สนิทชิดเชื้อเหลือประมาณ ข้าจะทำอย่างไรดี นางสายสีลวดคิดในใจอย่างกระวนกระวาย
“เอมอร แกตายซะ ”ฝ่ามือของนางค่อยๆ ยกขึ้น ลำแสงสีม่วงอมดำปรากฏขึ้นวูบวาบประกายแวววับ
“ก็ลองสิ เจ้าคะ - - อธิปวราชศึกษาและกรม ทบวง ต่าง ๆ ได้ จะได้รู้และไล่ท่านออกทั้ง ๗ ชั่วโคตรในราชการเลยไงเจ้าคะ ว่าแต่คงเสียชื่อแย่ นางศรีสายลวด นางจะเข้เอก แห่งเวทางค์วิทยาลัยกระทำการไม่ชอบ สังหารปริชีวิตเด็ก แถมเรื่องราวเก่าๆ คงกระฉ่อนมามิน้อย หึ”
“พอได้แล้ว หึ แล้วจะได้เห็นดีกัน - - - แกจะได้รู้ - - - ”เรือนร่างของหญิงชรา ผมทรงดอกกระพุ่ม หายไปหลังจากแววตาอันเคียดแค้นหลับลง ดูเหมือนว่าคำขู่เล่นๆ ของหญิงคนนี้จะได้ผล กล้ากำลังงงกับปรากฏการที่เกิดขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงหรือ เด็กหนุ่มเหงื่อแตกนั่งอยู่ริมประตู
สายตาของหญิงวัยกลางคนมีนามว่า เอมอร ละสายตามายัง กล้าเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งสั่นรัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “หลับเสียเถอะหลาน - - ” หล่อนกระซิบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา พลางนำฝ่ามือลูบไล้กระหม่อมของกล้า ไม่ช้าลำแสงสีเขียวเปล่งประกาย เด็กหนุ่มก็ผล็อยหลับไปอย่างน่าอัศจรรย์
ขอคอมเม้นด้วยน้าค้าบผมเปนงายอ่า ไว้จะมาอัพต่อคับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น