คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : SF ; Shouldn't Have
Shouldn’t Have
Nochang x Giriboy
Note: อาจจะไม่จบในตอนนี้ คุณฮอนชอลมาในตอนหน้า ฮิๆ
… อย่าลืมฟังเพลงนะ ( จิ้มๆ ) ปล. ใช้แท็กเดิมนะคะ #โบอีของทุกคน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบแว่นสีดำมองไปที่แผ่นหลังของเพื่อนร่วมคณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหน้า เขาถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองแผ่นหลังนั่นอีกครั้งทำแบบนี้ซ้ำๆจนอาจารย์เข้ามาสอน
เสียงของอาจารย์สาวสวยตรงหน้าห้องไม่ได้ดึงความสนใจจากฮงชียองได้เลย เขายังจดจ้องแผ่นหลังนั่นไม่เลิกจนกระทั่งคนที่เขาจ้องอยู่หันหลังมาแล้วยกยิ้มนิดๆ
“ยืมปากกาหน่อยดิ่” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแล้วหยิบปากกาน้ำเงินบนโต๊ะไปโดยไม่รอให้ชียองพูดอนุญาต เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกคนพูดยืมปากกาแบบนี้ แต่เป็นแบบนี้เกือบทุกคลาสที่เรียนด้วยกัน ชียองก็ไม่เข้าใจอะไรนักหรอกว่าทำไมต้องมานั่งข้างหลังเพื่อมองโนชางจากตรงนี้ตลอด
ถ้าถามว่าเขาสนิทกับโนชางไหม…อันนี้ชียองก็ตอบได้ว่าค่อนข้างสนิทและบอกได้อีกว่ามันไม่ใช่แบบเพื่อนเสียด้วย พวกเขาสองคนคุยกันมาได้พักหนึ่งแล้วก็เกือบๆสี่ห้าเดือนประมาณนั้น แต่ความสัมพันธ์ก็คงยังเหมือนเดิมคือคนที่คุยกันผ่านเครื่องมือสื่อสารเหมือนเดิม เจอหน้ากันก็พูดกันปกตินี่แหละแถมยังเคยไปไหนมาไหนด้วยกันหลายครั้งด้วย หรือแม้กระทั่งกอดจูบก็เคยด้วยซ้ำ…
แต่จะให้พูดว่าเป็นคนพิเศษ
ข้อนั้นชียองเองก็ตอบมันไม่ได้หรอก….
เพื่อนโนชางหลายคนก็เป็นเพื่อนของชียองเหมือนกัน บางคนก็คอยถามอยู่เรื่อยๆว่าเขากับโนชางมันยังไงกันแน่เป็น บ่อยครั้งที่ชียองรู้สึกอึดอัดแล้วตอบไปแบบปัดๆว่าไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตอบไปแบบนั้นแต่ก็รู้สึกแย่อยู่บ่อยๆ แต่พอจะถามโนชางออกไปตรงๆก็ไม่กล้าเอาซะดื้อๆ
ลึกๆก็กลัวไม่ได้พูดกันเหมือนเดิมอีก
“เดี๋ยวไปส่งบ้าน รอที่คณะก่อนได้ป่ะวะ” โนชางหันมาถามคนที่กำลังเหม่อๆให้สะดุ้งเรียกเสียงหัวเราะต่ำๆได้เป็นอย่างดี
ชียองพยักหน้า
“เออ” ชียองตอบออกไปแล้วมองโนชางที่หยิบแค่หนังสือเล่มเดียวออกไปพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ แต่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่โดยไม่ต้องเก็บเสียงเพราะในห้องไม่มีใครอยู่แล้ว
ความกังวลที่สะสมมาหลายอาทิตย์ทำให้ชียองเผลอคิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง เขาไม่เข้าใจหรอกแต่เป็นโนชางที่เข้ามาทำความรู้จักกันแบบเพื่อนแล้วหลังจากนั้นก็เป็นอย่างทุกวันนี้แหละ โนชางไปส่งเขาที่บ้านเป็นประจำบางครั้งยังอยู่กินข้าวเย็นกับแม่ของเขาด้วย โนชางน่ะทำตัวให้ชียองสับสนบ่อยๆบางทีจะไปข้างนอกก็ส่งข้อความมาว่ากำลังจะไปไหน ทำอะไร จบด้วยการชวนเขาไปด้วย
มันดูดีใช่ไหมล่ะถ้าพูดให้ฟังแบบนี้แต่โนชางน่ะดันทำแบบนี้กับคนอื่นด้วยน่ะสิ ชียองฟุบลงไปกับโต๊ะใต้ตึกคณะตามที่โนชางบอกให้รอ
“จะกลับหรือจะนอนที่นี่” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูของชียองจนอีกคนตกใจเด้งตัวขึ้นมาอย่างเร็ว เพราะเร็วเกินไปทำให้แก้มขาวไปชนเข้ากับปากของโนชางพอดิบพอดี
ตึกตักตึกตัก…
ชียองรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นแรง
“ก็กลับดิ่จะอยู่รอใครมาตัดริบบิ้นถามโง่ๆ” มันไปสไตล์การตอบไปแล้วสำหรับชียอง เขาคุยกับโนชางทว่ามันไม่ได้หวานๆอะไรหรอกก็คุยเหมือนปกติ ด่ากันด้วยซ้ำบางทีแต่ชียองก็ยืนยันว่าแบบนี้สนิทใจดีกว่าเยอะ ดีกว่าต้องมานั่งพูดจาแบบที่ทำให้อึดอัดใจ
โนชางมีเจ้าดูคาติสีดำเลือดนกเป็นเพื่อนคู่ใจและเจ้านี่แหละที่ใช้ไปส่งชียองเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน หมวกกันน็อคสีดำถูกยื่นให้แต่เพราะชียองเอาแต่เหม่อทำให้โนชางต้องดึงรั้งร่างขาวเข้ามาใกล้ๆแล้วสวมมันให้แทน
“ชักช้านะเราน่ะ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่ใบหน้าหล่อกลับยกยิ้มพร้อมยักคิ้วกวนๆออกมา
“กวนตีน” ชียองตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเล็กๆมุมปาก
ดูคาติเคลื่อนไปตามท้องถนนในตอนเย็นชียองจับเอวของโนชางเอาไว้แน่นตามที่อีกคนสั่งตั้งแต่เคยได้ซ้อนท้ายรถคันนี้ใหม่ๆ ตอนแรกๆก็เกร็งอยู่หรอกแต่หลังจากจูบกันแล้วก็ทำให้การแตะเนื้อต้องตัวมันดูเบาไปเลยในความคิดของเจ้าตัว รถเลี้ยวเข้ามาในซอยก่อนจะหยุดลงที่บ้านหลังขนาดกลาง ชียองลงจากรถแล้วถอดหมวกกันน็อคคืนให้เจ้าของ
“กินข้าวด้วยกันป่ะ แม่ให้ถามตั้งแต่ตอนเที่ยงละแต่ลืม” ชียองเลิกคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบ
“ไม่ได้วะต้องรีบไปอ่ะนัดกีซมไว้”
คำตอบของโนชางทำให้ชียองขมวดคิ้วแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านโดยไม่คิดจะทักทายคนที่นั่งคร่อมเจ้าดูคาติสีเลือดนกนั่นเหมือนทุกครั้ง ใบหน้าบึ้งๆจ้องมองโนชางแล้วก็ปิดประตูใส่โดยไม่สนใจเสียงตะโกนตามหลังมาเลยสักนิด
“ชียอง เฮ้ ฮงชียองเป็นอะไรวะ!” เสียงเรียกดังขนาดที่ทำให้แม่ของชียองต้องออกมาดู
ชียองถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดยามที่มองคนที่ยังตะโกนอยู่หน้าบ้านก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่ต่างกัน
“ไปไกลๆตีนเลย!” คำตอบที่ทำให้คุณนายฮงต้องผงะแล้วตีเข้าที่แขนลูกชายตัวขาว “บอกให้มันกลับไปเลยนะแม่ผมไม่อยากยุ่งกับมันแล้ว ฮึ้ย”
ชียองบอกผู้เป็นแม่แล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องไปโดยทิ้งคำถามคาใจให้กับคนเป็นแม่แถมยังต้องไปบอกให้โนชางกลับไปอีก เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายตัวเองกับเด็กหนุ่มตัวผอมนี่เท่าไหร่หรอก ชียองไม่เคยบอกเธอด้วยซ้ำว่ากับโนชางเป็นอะไรกันเธอเองก็คิดว่าชียองโตเกินกว่าจะมายุ่งเรื่องรักๆใคร่ๆของลูก รอให้เจ็บมาเมื่อไหร่นั่นแหละแม่อย่างเธอถึงจะมีบทบาทเต็มที่
ม่านตรงหน้าต่างถูกปิดเข้าที่เดิมเมื่อเห็นว่าใครที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบ้านกลับไปแล้ว ข้อความที่โนชางส่งมาเมื่อไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนยังคาอยู่บนหน้าจอมือถือที่ชียองไม่อยากจะกดตอบไปเหมือนทุกที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วหยิบหมอนข้างมากอด
“จะมาขอโทษทำห่าอะไรวะ แม่งผิดเรื่องอะไรก็ยังไม่รู้ตัวเลย หัวทึบเอ๊ย!” ชียองสถบเมื่อนึกถึงข้อความที่ถูกส่งมาจากโนชาง
เพราะทะเลาะกันแบบงงๆตั้งแต่เมื่อคืนเช้านี้โนชางเลยไม่ทันจะได้รับชียองมามหา’ลัยด้วยกันเหมือนอย่างทุกที คุณนายฮงพูดด้วยสีหน้ากังวลนิดหน่อยว่าชียองออกไปก่อนหน้านี้เป็นชั่วโมงแล้วแถมยังไม่ยอมกินข้าวกินปลาอีกต่างหาก
“ยังไงก็ดูชียองให้แม่ด้วยนะโนชาง เมื่อวานก็ไม่ยอมลงมากินข้าวจนแม่ต้องปล่อยเลยตามเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ครับแม่ งั้นผมไปมหา’ลัยก่อนนะครับ”
โนชางจอดรถเสร็จก็ก้าวฉับๆไปที่คณะกวาดตามองห้าตัวปัญหาแต่ก็ไม่เจอ พอถามกับคนอื่นก็บอกว่าไปกินข้าวเดี๋ยวก็คงมาโนชางเลยเลือกจะนั่งรอจนกระทั่งอีกคนมาที่โต๊ะเพราะกระเป๋าสะพายยังอยุ่ที่นี่
“มานี่เลย” พูดเสียงเข้มแล้วก็ดึงข้อมือขาวให้เดินตามไปท่ามกลางความงงงวยของคนในคณะที่ไม่ค่อยจะได้เห็นสองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยนัก
“ปล่อยกูเลยไอ้ห่ากูเจ็บนะเว้ย” ชียองโวยวาย
“มึงเป็นอะไรของมึงวะ แม่มึงเป็นห่วงนะที่มึงเป็นงี้” โนชางไม่สนใจข้อมือแดงๆที่เขาเป็นคนทำมันแต่กลับยิงคำถามที่ค้างคาใจตั้งแต่เมื่อวาน
ชียองกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด “กูจะเป็นอะไรแล้วมึงจะมายุ่งอะไรด้วย”
“นี่กูถามมึงดีๆนะชียอง” จากคุยเสียงปกติตอนนี้มันกึ่งตะคอกไปแล้ว
ชียองยกมือกอดอกแล้วเบนหน้าหนีสีหน้าไม่พอใจที่ถูกส่งมา เขาอยากจะบีบคอโนชางเขย่าๆจนกว่าสมองที่เรียกว่าอัจฉริยะของคณะจะหายโง่ในเรื่องของเขาได้บ้าง แต่ก็คงทำมันได้แค่ในความคิดเท่านั้นแหละ
“กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ กูถามหน่อยว่ากูน่ะสำคัญแบบไหนกับมึงหรอโนชาง” คำถามของชียองจริงจังสังเกตได้จากใบหน้าน่ารักที่มีแว่นตาบดบังอยู่
โนชางเงียบเหมือนเขาพยายามครุ่นคิด…
“คือกู...กู” โนชางอึกอัก
“กูคิดไปคนเดียวงั้นสิ เข้าใจแล้วล่ะ” ชียองพูดมันออกไปทั้งที่รู้สึกปวดหนึบในใจ
“แล้วกูต้องทำไงวะแบบว่ากูก็ไม่รู้เหมือนกันชียอง…” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นมา “เรื่องของเรามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”
ตั้งแต่วันนั้นชียองก็ไม่เคยให้โนชางไปส่งบ้าน ไม่ตอบข้อความ ไม่รับโทรศัพท์ ไม่แม้แต่จะพาตัวเองไปนั่งมองแผ่นหลังนั่นเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว ความเสียใจยังกัดกินใจของชียองอยู่เขาแคร์ความรู้สึกโนชางอยู่มากก็เถอะแต่ตอนนี้จะให้เป็นเหมือนเดิมหมาที่ไหนมันจะไปทำได้กัน ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นซะหน่อย
เพราะชียองแสดงออกเลยว่าตีตัวออกห่างมันทำให้เพื่อนๆในคณะสงสัยจนต้องถามออกมาอีกครั้ง ชียองพูดมันได้เต็มปากแล้วในครั้งนี้เมื่อมีคนอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์เขากับโนชาง ก็ตอบไปว่าแค่เพื่อนกันครั้งนี้น่ะจริงๆแถมมันเจ็บกว่าตอนที่ไม่รู้จะระบุสถานะตัวเองซะอีก
Hong SiYoung
ฉันได้แต่สงสัยจนนอนไม่หลับ…ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น
มันอาจจะดูงี่เง่าไปหน่อยที่ถามแบบนี้ :(
ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอ ?
Mesurechiffon, Gaygaykim, mightyirony, Lilboi, andupindahouse และคนอื่นๆ 301 คนถูกใจสิ่งนี้
Mightyirony เป็นอะไรรึเปล่าพี่ชียอง? โทรไปคุยได้ป่ะเนี่ย???
Lilboi เกิดไรขึ้นวะ?
Mightyirony ผมโทรไปรับด้วยนะ…
โพสต์เฟซบุ๊กออกไปแบบนั้นทำให้หลายๆคนแตกตื่นถึงชียองจะเพ้อถึงซูจีตอนที่รู้ว่าไอดอลสาวสวยที่ชอบมานานคบกับลีมินโฮดาราหนุ่มสุดหล่ออะไรนั่นก็เถอะ มันยังไม่ได้ครึ่งนึงของตอนนี้เลยมั้งทำเอาเพื่อนๆและน้องๆในเอกเดียวกันเป็นห่วงโดยเฉพาะบางคนที่เป็นห่วงออกนอกหน้าจนโนชางรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตงิดๆ
แต่ให้ทำไงได้เป็นคนปฏิเสธไปเองนี่หว่า ถ้าชียองจะมีใครสักคนที่คบจริงๆเขาก็คงต้องยอมรับมัน จริงๆโนชางก็คิดเรื่องนี้ได้สักพักและยังหาคำตอบที่เป็นทางออกที่ดีสำหรับเขาและชียองไม่ได้ บางทีก็หวงชียองแต่พอจะให้คบจริงๆจังๆก็รู้สึกไม่อยากคบ จนมาโดนจี้ถามแบบนั้นก็เลยเลือกจะตอบออกไปตามที่คิดดีกว่า
Hong SiYoung
ไม่ต้องมากดไลค์ได้ป่ะวะ…
Mightyirony, andupindahouse, incredivle, song minho, Lilboi และคนอื่นๆ 94 คนถูกใจสิ่งนี้
Mesurechiffon
จบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน.
Gaygaykim, Mightyirony, Lilboi, cjadoublem, vassco ,Cho kisum และคนอื่นๆ 482 คนถูกใจสิ่งนี้
J Or L
ความคิดเห็น