ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SMTM : RAPPER ROOM ᕽ (ALL x GIRIBOY)

    ลำดับตอนที่ #8 : ᕽ ROOM 08 : VASCO

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 471
      2
      23 ส.ค. 58







     


     

    ตั้งแต่ทะเลาะกับโนชางยอมรับเลยว่าชียองค่อนข้างจะเกร็งๆเวลาต้องเผชิญหน้ากันที่บริษัท ดูเหมือนครั้งนี้หมอนั่นจะโกรธเขาจริงๆและไม่ยอมปริปากพูดอะไรด้วยซ้ำแม้ใกล้จะถึงวันเปิดตัวเขาในฐานะแรปเปอร์แล้วก็ตาม มันอึดอัดมากเพราะจริงๆโนชางคือคนที่สนิทที่สุดและเป็นเพื่อนในเส้นทางสายนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนแรกๆและเป็นคนที่ทำให้เขาได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกของค่าย

     

    การไม่พูดกันมันทำให้รู้สึกแย่มากจริงๆ...

     

    ทุกครั้งที่พยายามจะพูดด้วยแต่อีกคนก็จะทำเหมือนไม่อยากจะพูดกับชียองเสียเต็มประดา ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มบึ้งตึงจนใครก็เข้าหน้าไม่ค่อยติด ชียองไม่รู้จะขอโทษยังไงในเมื่อมันเป็นแบบนี้มาตลอดทั้งอาทิตย์ อีกคนไม่เปิดโอกาสให้พูดด้วยซ้ำแถมยังไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทนอกค่ายคนอื่นๆตลอดรวมถึงแฟนสาวก็ด้วย บางครั้งชียองก็นึกโมโหมากๆแต่ให้ทำไงล่ะก็เขาเป็นคนผิด

     

    บ่ายนี้มีแค่วาสโค่คนเดียวที่อยู่บริษัทเป็นเพื่อนชียอง ปกติที่นี่บางวันก็คึกคักจนน่ารำคาญเสียงดังจนคิดว่ามันไม่มีสมาธิจะทำอะไรแต่บางวันก็เงียบซะจนเหมือนร้างผู้คน

     

    “กับโนชางยังไม่พูดกันอีกหรอวะชียอง” วาสโค่ที่กำลังนั่งสไลด์โทรศัพท์มือถือถามด้วยน้ำเสียงเจือเป็นห่วงในความสัมพันธ์ของทั้งคู่นิดหน่อยเพราะมันค่อนข้างจะนานที่สองคนนี้ไม่คุยกัน

    ชียองพยักหน้าแล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด

    “ก็มันทำหน้าตาขึงขังเหมือนไม่อยากให้ผมไปยุ่ง หมาที่ไหนมันกล้าไปขอโทษล่ะ” ชียองบ่น

    “จริงๆโนชางมันก็ค่อนข้างจะเข้าถึงยากนะยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมนายกับมันถึงสนิทกันเร็ว แต่ปกติมันก็จะไม่ค่อยโกรธใครในค่ายนานๆด้วย”

    “จะบอกว่าผมโชคดียังงั้นสิ”

     

    วาสโค่ยักไหล่ เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะใกล้ๆแล้วเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมสีดำของคนนั่งข้างๆแทน ชียองไม่ได้ห้ามเพราะเขาชินแล้ว วาสโค่มักจะแสดงออกไม่ว่าจะเอ็นดู หมั่นไส้หรืออะไรก็ตามไม่ผลักหัวก็จะขยี้ผมเขาจนฟูฟ่อง

     

    “ฉันช่วยเอาไหมล่ะ” วาสโค่เสนอ

    “ยังไงจะขอโทษมันแทนผมหรอ” ชียองเลิกคิ้ว

    วาสโค่ส่ายหน้า

    “จะโทรเรียกมันให้”

     

    ชียองไม่ตอบว่าจะให้โทรหรือไม่ให้โทรแต่อีกคนก็กดโทรศัพท์ออกไปแล้วพูดอะไรสั้นๆก่อนจะวางสาย เขาหันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพิงพนักโซฟาอยู่ข้างๆด้วยสายตาเอ็นดู

     

    “มันมาก็พูดซะเป็นเพื่อนกันโกรธกันนานๆไม่ดีหรอกนะ ยกเว้นพวกนายสองคนจะไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน”

    “จะบ้าหรอเฮีย! ผมกับมันผู้ชายทั้งคู่นะคิดอะไรน่าขนลุกชิปเป๋ง” ชียองตะโกนเสียงดังลั่น

    “แล้วไงวะมันนี่สมัยไหนแล้ว” วาสโค่ตอบอย่างไม่ยี่ระ

     

    ชียองทำท่าขนลุกแบบโอเว่อร์เลยโดนผลักหัวแรงๆไปหลายทีข้อหากวนตีน จริงๆแล้วกับวาสโค่บางทีก็ชอบมาขลุกทำเพลงด้วยกันที่ค่ายบ่อยๆเหมือนกันแต่เพราะอายุที่ค่อนข้างห่างกันทำให้ชียองรู้สึกว่าไม่ควรจะทำตัวที่มันดูปีนเกลียวเกินไปแต่กับสวิงส์แปลกดีที่บางทีก็ยังเล่นหัวเจ้าของค่ายเหมือนเพื่อนแต่กับวาสโค่น่ะมันต่างออกไป ถึงจะเป็นคนที่ดูใจดีและมีรอยยิ้มอยู่เสมอก็ตามแต่สำหรับชียองแล้วดวงตานั่นมันค่อนข้างแข็งกร้าวและดุดันเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

     

    จำได้ว่าโนชางเคยบอกว่าวาสโค่น่ะเคยแต่งงานแล้วแต่ก็หย่ากันกับภรรยาไปแล้วมันเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่ปี แถมยังอยู่ในวงการนี้มานานพอสมควรและอายุก็ยังเยอะที่สุดในค่ายด้วยไม่แปลกเท่าไหร่หรอกที่จะเป็นคนดูแข็งกร้าวไปบ้างคงเพราะมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก เพราะแบบนี้ไงเลยอยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกสบายใจเพราะวาสโค่ไม่ใช่คนที่จะมานั่งงอนเขาเหมือนโนชางหรือว่ากวนตีนเกินไปเหมือนเจ้าบ้าซีแจม ให้คำปรึกษาได้เยอะพอสมควร

     

    “เอ้อ ว่าจะถามนานแล้วว่าเห็นโนชางมันมีแฟนไม่คิดจะมีบ้างหรอ”

    ชียองส่ายหัว

    “ผมไม่ได้หล่อเหมือนมันนะสาวที่ไหนจะมาชอบ ยกเว้นเฮียจะติดต่อให้ผมสักคนสองคน” ชียองยกยิ้ม

    “กากวะแค่สาวยังหาเองไม่ได้” ถึงจะพูดยังงั้นแต่วาสโค่กลับหัวเราะ

    “โถ่..จริงๆตอนนี้ไม่ค่อยอยากจะมีความรักอะไรอยู่แล้ววะเฮีย อยู่แบบนี้ก็สบายดี”

    “ถ้ามีจริงๆคงมีหลายคนอกหัก” วาสโค่พึมพำและชียองก็ไม่ได้ยินมัน

     

    เป็นชั่วโมงแล้วที่วาสโค่โทรไปหาโนชางแต่ก็ยังไม่วี่แววว่าอีกคนจะมา ชียองหาวแล้วหาวอีกจนตอนนี้หลับไปเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาอยู่ในสายตาของวาสโค่ตลอด เขาเอื้อมมือไปถอดแว่นออกจากใบหน้าให้แล้วขยี้หัวคนนอนหลับเหมือนที่ชอบทำ

     

    จริงๆในสายตาของวาสโค่ชียองก็แค่ผู้ชายคนนึงที่กำลังจะเติบโตในทางสายนี้ พัฒนาการที่เห็นมาตลอดหลายเดือนก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชียองก็ทำงานหนักมาก เขาก็ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเท่าที่จะทำได้และคอยสอนทำนู้นนี่ให้เก่งขึ้นกว่าเดิม อีกคนพอมีพื้นฐานที่แน่นพอสมควรเลยใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่บวกกับเป็นคนไม่ค่อยมีอีโก้สูง เพราะยังเป็นแค่เด็กใหม่ด้วยล่ะมั้งเขาเลยคิดว่าชียองเลยยังไม่ได้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเหมือนกับคนอื่นๆ

     

    เพราะเป็นคนที่ก็ไม่ได้เข้าใจยากอะไรมั้งเลยสนิทกับใครๆได้เร็ว

    ชียองน่ะยิ้มเก่งเกินไปด้วยซ้ำ...ในความคิดของเขา

     

     

    ประตูถูกเปิดออก โนชางกลอกตาไปมาเมื่อมองเห็นใครบางคนกำลังหลับอยู่บนโซฟาแต่ไม่มีวี่แววของคนที่โทรตามเขามา โนชางจ้องมองใบหน้าล้าๆของคนหลับที่ขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งเหยิง

     

    “มาช้าจังวะ” วาสโค่เอ่ยทักทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเจอคนที่ยืนอยู่

    “ไปส่งกีซมมาก็เลยนาน” โนชางตอบแล้วรับแก้วกาแฟมาจากวาสโค่ก่อนจะทิ้งตัวลงที่โซฟาตัวเล็ก

    วาสโค่พยักหน้ารับ

    “ตกลงว่ามึงจริงจังกับผู้หญิงคนนั้น? นึกว่าชอบไอ้นี่ซะอีก”

     

    ไอ้นี่ ที่วาสโค่ว่าก็เป็นคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่นี่แหละ โนชางถอนหายใจออกมาแล้วไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขามีแฟนก็เพราะว่าได้ยินข่าวมาเหมือนกันแหละว่าคนคิดว่าเขากับชียองน่ะคบกัน มันคงตลกน่าดูเพราะเป็นผู้ชายทั้งคู่แม้ทุกคนจะสกินชิพกันเป็นเรื่องปกติ หยอกล้อกันแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอโดนจับได้แล้วมีคนพูดนี่ดิ่ มันทำให้คิดว่าต้องหาทางออกและการหาแฟนมันก็ง่ายกว่า

     

    เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงชอบมองชียองนักหนาทั้งๆที่อีกคนก็ไม่ได้จะหน้าตาคล้ายผู้หญิงอะไรเลยสักนิด หุ่นก็เก้งก้างด้วยซ้ำ มันไม่ได้มีอะไรน่าดึงดูดใจให้ชอบแต่พออยู่ใกล้ๆก็ไม่เคยละสายตาไปไหนได้เลย ชียองน่ะธรรมดามากจริงๆแต่ในความธรรมดามันก็มีอะไรที่น่าค้นหา ยังไม่อยากจะเรียกว่าชอบแต่มันเหมือนว่ารู้สึกดีซะมากกว่าล่ะมั้งตอนนี้

     

    “ผมไม่รู้วะ” โนชางตอบออกไปตามที่คิด เขาค่อนข้างกังวลและสับสนกับความรู้สึกที่มีให้ชียอง

    “การมีแฟนแบบนี้มันไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะ มึงก็เห็นหนิว่าไอออนมันเองก็เป็นพวกเดียวกันกับมึง ไหนจะซิโน่อีกถึงตอนนี้มันจะแค่เอ็นดูต่อไปก็ไม่แน่หรอกนะและที่สำคัญ....” วาสโค่เงียบไปครู่นึง “กูเองก็รู้สึกเอ็นดูไอ้ลูกหมานี่ขึ้นมาตงิดๆแล้วด้วย”

     

    คำสารภาพตรงๆจากปากของวาสโค่มันทำเอาโนชางรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขาเองก็สังเกตแทบจะทุกคนในค่ายนั่นแหละแต่กับวาสโค่แล้วก็ทำเหมือนปกติธรรมดามากถ้าเทียบกับไอออน หมอนั่นโคตรจะแสดงออกสุดๆแต่ชียองเองล่ะมั้งที่แม่งโคตรจะซื่อบื้อ

     

    “ถึงมึงจะไม่ชอบใจที่กูเอ็นดูไอ้ลูกหมานี่มันก็เป็นเรื่องของมึงนะ ถ้ายังโกรธมันอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็รู้เอง”

     

    ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คำขู่แววตานั่นแสดงออกมาชัดเจนเลยว่าจริงจัง โนชางพยักหน้าเข้าใจเพราะจริงๆก็อึดอัดเหมือนกันที่ต้องทำท่าทีตึงๆใส่อีกคน ทำไมจะไม่เห็นล่ะว่าไอ้หน้าเอ๋อๆนั่นน่ะจ๋อยขนาดไหนตอนที่เขาเดินหนี

     

    “ผมไม่ยอมให้พี่ทำแบบนั้นหรอกนะ”

     

     

     

    ROOM

     

     

     

    “มองอยู่ได้” โนชางบอกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่เอาแต่นั่งจ้องเขาไม่เลิก

    คนถูกทักยักคิ้ว “ก็แล้วทำไมวะแค่มองทำเป็นบ่นไปได้”

     

    ชียองยักคิ้วกวนอีกหลายครั้งจนโดนคนที่กำลังจ้องมาใช้ช้อนกินข้าวเคาะหัว ทั้งคู่คุยกันเรื่อยเปื่อยช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอ จริงๆเมื่อหนึ่งหนึ่งชั่วโมงก่อนพอชียองตื่นก็เจอแค่โนชางนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียวแล้วหลังจากนั้นก็พูดขอโทษออกมาซะเฉยๆ

     

    มันแปลกแต่ก็ทำให้หายอึดอัดใจไปได้บ้าง

     

    “แล้วเมื่อไหร่มันจะมาสักทีไอ้บ้านั่นน่ะ” โนชางถามถึงบุคคลที่สามที่ชียองเพิ่งจะรับสายไปเมื่อสิบนาทีก่อน

    “คิดถึงผมขนาดนั้นเลยหรอพี่” เสียงทุ้มเอ่ยทักจากด้านหลังแล้วนั่งลงข้างๆโนชางโดยไม่รอให้ใครบอก โนชางชูนิ้วกลางใส่แทนคำตอบ

    “คิดถึงมากจนไม่อยากจะเจอหน้าตลอดชีวิต” โนชางพูดแล้วหันไปยักคิ้วใส่ฮอนชอล

    “เหมือนกันแหละวะ”

    ชียองถอนหายใจ

    “พอสักทีเห่อะหิวจะตาย เลิกกัดกันซะทีทั้งคู่เลย”

     

    ถึงเจอหน้าแล้วชอบทะเลาะกันแต่จริงๆฮอนชอลกับโนชางก็เริ่มสนิทกันแล้วเพราะพักอยู่ที่เดียวกันนี่แหละ  ถึงฮอนชอลจะไม่ได้มีมาแรปในอัลบัมเปิดตัวของชียองเลยสักเพลง แต่ก็ช่วยออกความเห็นหลายเพลงเหมือนกัน

     

    ทั้งคู่คุยกันเกี่ยวกับคอนเสิร์ตเปิดตัวที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า เหมือนว่ามันเป็นการเปิดตัวของตัวเองยังไงยังงั้นจนคนที่เป็นเจ้าของได้แต่นั่งฟังเงียบๆ

     

    “ผมเห็นด้วยนะถ้าให้ทุกคนมีส่วนร่วมบนเวทีหมดเลย อย่างน้อยก็ลดความประหม่าได้ในระดับนึง” ฮอนชอลเห็นด้วยกับความเห็นที่โนชางบอก

    “คิดแบบนั้นแหละทุกคนก็เห็นด้วย ว่าแต่จะมารึเปล่าวะวันนั้นน่ะ”

    “จะชวนนายพอดีเหมือนกันแต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ” ชียองบอก

    ฮอนชอลยกยิ้ม “ผมก็ต้องมาดิ่”

     

     

    ทั้งสามคนกินเสร็จก็ออกมาเดินเรื่อยเปื่อยเหมือนที่ชอบทำกันเป็นประจำ ฮอนชอลอยู่ทางซ้ายชียองอยู่ตรงกลางและโนชางก็อยู่ทางด้านขวา ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเดินไปเรื่อยๆมีบ้างทีเจอแฟนๆมาขอถ่ายรูปแถมยังถามถึงชียองอีกต่างหาก

     

    เสียงโทรศัพท์ทำให้ทั้งสามคนหยุดเดิน โนชางกดรับแล้วก็พูดไม่กี่ประโยคก่อนจะวางแล้วหันมามองสองคนที่เหลือที่กำลังเล่นกัน

     

    “พาโบอีกลับห้องด้วยนะ” เขาพูดกับฮอนชอล “แล้วก็ฉันต้องไปแล้วไว้เจอกัน” คราวนี้บอกกับชียองที่กำลังมองมา

    ชียองพยักหน้า

    “ไหนบอกจะไปดูหนังไงวะ” ฮอนชอลพึมพำมองคนที่กำลังเดินข้ามถนนไป

    “สงสัยแฟนโทรตามล่ะมั้ง” ชียองพูดออกไปแล้วมองแผ่นหลังกว้างที่เดินไปเรื่อยๆจนไกลลิบ

     

    ฮอนชอลเอื้อมไปจับมือของชียองอย่างถือวิสาสะ ชียองมองหน้าแต่ฮอนชอลแค่ยิ้มออกมาก่อนจะยักคิ้วแล้วดึงให้คนข้างๆเดินไปด้วยกัน

     

    ชียองยังเดินไปเรื่อยๆแม้มือจะถูกกุมอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ด่าอีกคนเหมือนทุกที

     

    “พี่อยากไปทำอะไรผมก็จะไปเป็นเพื่อนด้วยทั้งนั้นแหละ ขออย่างเดียว

     

    แม้จะเดินแต่เขาก็ฟังที่ฮอนชอลพูด

     

     

    “อย่านึกถึงใครตอนที่อยู่กับผมก็พอ”

     

     




     

    #

    มีหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าโบอีเคยไม่กากมาก่อนTvT 555
    ผมเคยสวยนาจา คิดถึงสมัยก่อนให้มากๆกับฟิคเรื่องนี้
    บางทีเราย้อนไปดูรูปเก่าๆของโบอียังต้องคิดว่ามันคนเดียวกันไหม ฮื่ออ
    ไอออนโคตรจะแบบ ฟหดก่าสว ทีมคุณพระอย่าเพิ่งกระโดดลงจากเรือค่ะ
    แท็ก #โบอีของทุกคน


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×