แกะรอยที่1 เส้นทางที่ถูกลืม
ณ เมืองๆหนึ่ง ในคืนดึกสงัดคืนหนึ่งมีลมกระโชกแรง มองเห็นแสงไฟลอดผ่านออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ภายในบ้านหลังนั้นก็มีเสียงอึกกระทึกคึกโครม เมื่อมองให้ดีๆแล้ว จะพบชาย2คนกำลังถกเถียงกันอยู่ ชายคนแรกน่าจะอายุราวๆ30กว่าๆ ชายคนที่2น่าจะอายุ16ปี แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า
"นี่!คาโรลแกอย่ามาหลอกพ่อซะให้ยาก ถ้าแกไม่ทำแล้วใครจะทำ"
"ก็ผมบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ"
"แกอยู่บ้านคนเดียวตอนพอไม่อยู่
แกยังจะปฏิเสธอีกเหรอ"
"ผมพูดความจริง!"
"ฉันเกลียดคนโกหกที่สุด แกก็รู้! แต่แกก็ยังจะทำท้งที่แกรู้"
"ถ้าผมพูดขาดนี้แล้วพ่อไม่ยอมเชื่อ ผมก็คงไม่ขอพูดดีกว่า พ่อสรุไปแล้วนิว่าผมทำ"
"แกกล้าพูดแบบนี้เหรอ ฉันเป็นใครแกเป็นใครหา!"
"หึ"แล้วคาโรลก็เข้าห้องไป
"แกจะไปไหนรีบกลับมาเดี๋ยวนี้"
แล้วชายหนุ่มผู้เป็นพ่อจึงเงียบลงเพราะคาโรลไม่ยอมกลับมา ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อจึงกลับเข้าห้องไป
กลางดึก!เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆก็มี้สียงดังขึ้นเบาๆ เป็นเสีบงเปิดประตูหน้าต่างพร้อมกับลม ที่พัดเข้ามาภายในห้องของคาโรล
เขาใช้มือเกาะขอบหน้าต่างที่เปิดออกก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนังบนขอบหน้าต่าง คืนนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเต็มตา เพราะหลังจากนี้ผู้ชายที่ไม่เคยมีใครเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นอยู่จะไม่สามารถมองมันได้อีก...
เขาไต่ลงมาจากต้นไม้ข้างหน้าต่างอย่างชำนาญ ก่อนที่จะพาตัวเองลงสู่พื้นดิน เขาเดินไปเรื่อยๆตามทางทีมีแสงของพระจันทร์ส่องลงมาตามพื้น
หนทางที่เขาก้าวเดิน อนาคตของเขา และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่มีใครรับรู้
กอไผ่สั่นไหวไปตามแรงลมที่ผัดผ่านมา ทำให้เกิดเสียงเสียดสีของกอไผ่เขียวชะอุ่มที่เพิ่งแตกกิ่งก้านสาขาแผ่ใบเย้ยจันทรา เขาก้าวเดินตามทางกอนะหยุดลงตรงที่พุ่มกอไผ่สองฝั่งระหว่างทางเดินที่ตัดผ่ามัน
เขาหันกลับไปทางที่เขาเดินจากมาอีกครั้งก่อนที่เสียงเบาๆแต่หากว่าชัดเจน "ลาก่อน"
แกะรอยที่ 2 เข้าสู่โลกคู่ขนาน
ความมืดมิดปกคลุมทั่วทั้งร่างกายและครอบคลุมไปทั้งหัวใจ ความเย็นที่อยู่รอบกายส่งผลให้ร่างกายเย็นเชียบ คาโรลไม่รับรู้เลยว่าตัวเขาได้ก้าวสู่อนาคตที่ไม่อาจหลีกหนี
ไม่มีใครฝืนลิขิตชะตา
ไม่มีลิขิตชะตาที่ผ่านพ้นไปได้ง่ายๆ
..
เมื่อเขาก้าวสู่โชคชะตาที่ไม่อาจหลีกหนี
..
คาโรลหลับตาลงเมื่อถูกแสงสุริยะเข้าตา เพราะไม่ชินกับแสงของมัน เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
เมื่อเขาลืมตาได้อย่างเต็มตาแล้วเขาจึงหันไปมองรอบๆตัว แต่เขาก็กลับต้องแปลกใจ เพราะที่นี้เป็นที่ที่เขาไม่รู้จักและแปลกไปยิ่งกว่าโลกที่เขาอยู่ เขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“ที่นี่ที่ไหนแล้วฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” O^O
เมื่อเขาพูดจบเขาก็เดินไปตามทางเรื่อยๆแต่เขาก็กลับเริ่มท้อแท้เพราะที่นี้ไม่มีสิ่งที่เขารู้จัก และต้นไม้ต่างๆก็แปลกตา เมื่อเขาหิวเขาจึงไม่กล้าทานอะไร เพราะเขาไม่รู้ว่าที่นี่มีสิ่งไหนที่กินได้บ้างไม่ได้บ้าง เขาจึงคิดที่จะกลับบ้านแต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับเขาเพราะได้มีต้นไม้มาปิดทางที่เขาเดินเข้ามา เขาจึงจำใจที่เดินไปตามทางเรื่อยๆ แล้วเขาจึงบ่นพึมพำขึ้นมาว่า
“ที่นี่มันที่ไหนกัน ทำไมไม่มีสิ่งที่ฉันรู้จักเลย สิ่งต่างๆที่อยู่ที่นี้มันแปลกตาเกินกว่าที่ฉันจะรับได้ ไม่มีแม้แต่สิ่งที่ฉันรู้จักแม้แต่ชิ้นเดียว โอ้! แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย”O^O
เขาบ่นพึมพำไปเรื่อยๆจนมาพบกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง ผู้เฒ่าคนนั้นจึงถามเขาว่า
“เจ้ากำลังบ่นอะไรอยู่พ่อหนุ่ม”
“ก็ผมกำลังบ่นอยู่ว่าที่นี่มันไม่มีสิ่งที่ผมรู้จักนะสิ”
“เอ้า! เจ้าจะบ่นไปทำไมก็เป็นคนที่นี้ไม่ใช่รึไง เจ้ายังมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“เปล่านะผมไม่ใช่คนที่นี้ ที่นี่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำจะให้ผมเข้าใจอะไรกัน”
“ไม่จริงน๊า!ถ้าเจ้าไม่ใช่คนที่นี่แล้วเจ้าเป็นคนที่ไหนกันละ” O0O
“ผมมาจากโลกมนุษย์ เอ่อ ว่าแต่ที่นี้มันที่ไหนกันละครับ”
“เป็นไปไม่ได้น๊า!เจ้าจะมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกับครับ ว่าแต่ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย”
“เอ่อ ข้าขอโทษที ที่นี้เป็นโลกที่อยู่คู่ขนานกับโลกมนุษย์” *-*
“งั้นเองเหรอครับ ผมเข้าใจแล้ว ว่าแต่ผมจะสามารถกลับไปยังโลกของผมได้ไหมดรับ”^o^
“ข้าคิดว่าน่าจะได้นะแต่อาจต้องใช้วิธีศึกษาค้นคว้าอีกเล็กน้อย”
“ครับ มันก็คงยากอยู่เพราะที่จะทำให้ประตูมิติเปิดออก”
“ว่าแต่ข้าคุยกัเจ้ามาตั้งนานแล้วข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย”
“ผมชื่อ คาโรล ครับ”^o^
“งั้นรึ ข้าว่าเจ้าไปอยู่บ้านข้าดีกว่านะเพราะเจ้าหลงมาอยู่ที่นี่เจ้าคงไม่มีญาติที่ไหนหรอก”
“ขอบคุณมากครับท่านผู้เฒ่า”
“ไม่เป็นไรหรอก งั้นเจ้ากับข้าก็ไปบ้านข้าด้วยกันเลย”^v^
“ครับ Let’s go”^o^
แล้วผมก็เดินทางไปบ้านท่านผู้เฒ่าซึ่งผมไม่รู้เลยว่าผมจะเจออะไรอีกต่อจากนี้ มันจะมีสิ่งแปลกประหลาดอะไรที่รอผมต่อจากนี้ ผมคิดว่าผมคงต้องเจอสิ่งแปลกๆอะไรมากกว่านี้อีกแน่
..
*คอมเม้น หรือ ติชมกันด้วยนะ
*************โปรดติดตามตอนต่อไป*************
ความคิดเห็น