Animals of Myth ; สัตว์ในเทพนิยาย
สัตว์ในเทพนิยาย , สิ่งมีชีวิตในตำนาน
ผู้เข้าชมรวม
25,696
ผู้เข้าชมเดือนนี้
124
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
1.Banshee (แบนชี):ตามตำนานชาวไอร์แลนด์ (Irish) แบนชีเป็นวิญญาณผู้หญิงที่จะร้องเสียงโหยหวนเมื่อได้สัมผัสกลิ่นแห่งความตาย เธอจะติดตามบางครอบครัวเป็นพิเศษ และร้องเสียงโหยหวนเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวใกล้จะตาย แบนชีมีผมพลิ้วไหวและดวงตาสีแดงจากการร่ำไห้ บางตำนานบอกว่าเธอมีช่องจมูกรูเดียว
2.Bunyips (บันยิป): กล่าวกันว่าบันยิปมีบ้านเกิดอยู่ที่ทางน้ำในออสเตรเลีย มันมักจะถูกบอกเล่าว่ามีหางเหมือนจระเข้ และส่วนอื่นเหมือนกับจิ้งจอก นกอีมู หรือคน พวกมันสามารถมีแผงคอหรือศีรษะที่เต็มไปด้วยวัชพืช และเท้าของมันหันกลับด้าน สิ่งหนึ่งที่ทุกตำนานเชื่อเหมือนกัน คือ เสียงร้องไห้ของบันยิปจะดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่ากลัว เมื่อไรที่คุณได้ยินเสียงดังจากหนองน้ำ...นั่นแหละบันยิปล่ะ อ้อ! ระวังอย่าเข้าใกล้มันเชียว เพราะบันยิปกิน (จริง ๆ คือ กลืน) คน และชอบกินผู้หญิงกับเด็กเป็นพิเศษด้วย
3.Chimera (คิเมร่า): ตัวนี้น่าจะคุ้นกันดี คิเมร่าเป็นสัตว์ที่มีหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นแพะ และหางเป็นงู ลมหายใจของมันก่อให้เกิดเพลิงร้อนแรงถึงตายได้เชียวนะ
4.Cyclopes (ไซคลอป): ไซคลอปคือยักษ์ที่มีตาเดียวอยู่กลางใบหน้า กล่าวกันว่าไซคลอปตัว (?) แรกเป็นบุตรของไกอา พระแม่ธรณี กับยูเรนัส สวรรค์ชั้นฟ้า (Uranus, the Heavenly Sky ..แต่งงานกับท้องฟ้าหรือเนี่ย!)
5.Djinn (จิน): อาจไม่คุ้นหูกัน แต่ถ้าบอกว่าเขียนได้อีกหลายคำ ทั้ง Genie, Jinni, Djinni และDjin ก็น่าจะร้องอ๋อ จริง ๆ แล้วตัวนี้คือ ยักษ์จินนี่ ที่เราคุ้นตาในอะลาดินนั่นแหละ มันมาจากตำนานของชาวอาหรับและทางตะวันออก จินเป็นวิญญาณที่มีความสามารถด้านเวทมนตร์สูง พวกมันอาจจะใจดีหรือมุ่งร้ายต่อมนุษย์ก็ได้ ผู้วิเศษสามารถร่ายมนตร์เพื่อบังคับให้วิญญาณเหล่านี้ทำตามคำสั่งได้ จินมักจะถูกผูกมัดกับแหวนหรือเครื่องประดับ (หัวสูงนิ..) แต่ก็เป็นไปได้ที่จะอยู่ในสิ่งอื่น เช่น ตะเกียงอะลาดิน เป็นต้น
6.Dragons (ดรากอน - มังกร): ตัวนี้น่าจะรู้จักกันดียิ่งกว่าห้าตัวแรก คำอ่าน ดรากอน นั้นหมายถึงสำเนียงคนไทยนะ (ถ้าให้อ่านตามจริง จะประมาณ ดรา-เกิน หรือ แดร-เกิน) มังกรพบเจอได้บ่อย ๆ ในเทพนิยายและตำนานต่าง ๆ สำหรับตำนานของชาวบาบิลอน (Babylonian Myth) 'Tiamat (เทียแมท)' เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้กับพระเจ้า Marduk และในนิทานของอังกฤษ นักบุญจอร์จได้ฆ่ามังกรเพื่อปกป้องสาวพรหมจรรย์
7.Golem (โกเลม): ว่ากันว่าพระชาวยิวในเมืองปราก (Prague) เมืองหลวงของเชโกสโลวะเกีย เป็นคนสร้างโกเลมขึ้น ในตอนนั้นชาวยิวที่อาศัยอยู่ในสลัมของปรากกำลังถูกข่มเหง โกเลมจึงเกิดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง (Protection) โกเลมถูกสร้างขึ้นจากดินเหนียว และจะมีชีวิตเมื่อพระเขียนคำว่า shem ("ชื่อ") บนกระดาษหนังแล้วใส่เข้าไปในปากของมัน นอกจากนั้นพระยังเขียนคำว่า emet ("สัจธรรม" Truth) บนหน้าผากของมัน
โกเลมมีร่ายกายที่แข็งแกร่งและคอยปกป้องชาวยิวตลอดมา อย่างไรก็ตาม ผู้คนในเมืองเริ่มเกรงกลัวสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น พระจึงได้ทำลายโกเลมด้วยการเปลี่ยนคำว่า emet เป็น met ซึ่งหมายถึง "ความตาย"
8.Harpies (ฮาร์ปี): ฮาร์ปีมักถูกวาดภาพเป็นสัตว์ที่มีศีรษะและหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ร่างกายเป็นนก (คล้าย ๆ กินรีที่เรารู้จักกันนั่นแหละ) มันเป็นที่รู้จักในเรื่องกลิ่นอันเหม็นอย่างร้ายกาจ ซึ่งจะทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้
9.Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์): แปลตรงตัวคือ "สุนัขล่าเนื้อแห่งนรก" นั่นเองครับ มีหลายตำนานที่พูดถึงสุนัขน่ากลัวซึ่งอาศัยอยู่ใต้โลกพวกนี้ ตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ "Cerberus (เซอร์บิรุส)" สุนัขสามหัว มีหางเป็นงู ผู้เฝ้าประตูนรก (Way to Hades - Hades แปลว่านรกหรือพญายมครับ) เซอร์บิรุสนั้นดุร่ายป่าเถื่อน แต่ก็ถูกเฮอร์คิวลิสปราบลงได้ หรือถูกกล่อมให้หลับด้วยเสียงเพลงเมื่อ Orpheus เดินทางมาที่ใต้โลก (ในแฮร์รี่ก็อิงกับตำนานนี้ครับ)
อีกตัวหนึ่งนอกจากเซอร์บิรุส ก็คือ "Garm (การ์ม)" เป็นสุนัขแห่งนรกในตำนานของชาวนอร์สครับ หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อจากเกมออนไลน์ Ragnarok
10.Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส): อาจจะไม่คุ้นชื่อสำหรับตัวนี้ ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์ครึ่งม้าครึ่งปลา ชื่อของมันแปลว่า "Sea Horse" ครับ (จะแปลว่า ม้าทะเล หรือ ม้าน้ำ ดีล่ะ...) มันมีหัวและขาหน้าเหมือนกับม้า แต่เท้าเป็นพังผืดและแผงคอมีครีบ ลำตัวของมันยาวเหมือนม้า ส่วนท่อนล่างเป็นหางปลา
11.Hippogriff (ฮิปโปกริฟ): ชื่อเต็ม ๆ คือ Hippogriffin (ฮิปโปกริฟฟิน) บางคนอาจรู้จักเจ้าตัวนี้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์มาแล้วนะ ฮิปโปกริฟสืบเชื้อสายมาจากกริฟฟอน (Gryphon สัตว์ครึ่งนกครึ่งสิงโต) กับม้า มันมีลำตัวเหมือนม้า แต่ขาหน้า เล็บ ปีก และจะงอยปากเป็นเหมือนกริฟฟอน ฮิปโปกริฟมักถูกยกไปเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ กริฟฟอนและม้าในรถม้าของอพอลโล และเปกาซัส
12.Hoop Snake (ฮูปสเนค): ฮูปสเนคเป็นสัตว์ในนิทานพื้นบ้านของชาวอเมริกา มันเป็นงูที่อมปลายหางของตัวเองไว้ในปาก และเคลื่อนที่โดยการหมุนตัวบนพื้นดิน ฮูปสเนคสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนไม่มีใครหนีพ้น วิธีเดียวที่จะหนีจากมันก็คือกระโดดลอดผ่านรูที่เกิดจากการอมปลายหางของมัน จะทำให้ฮูปสเนคสับสนและเคลื่อนที่ผ่านเราไปโดยย้อนกลับไม่ทัน
บางครั้งฮูปสเนคก็เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ "Uroboros (อุโรโบรอส)" (ถ้าอ่าน Full Metal Alchemist น่าจะเคยได้ยินนะ) สัญลักษณ์แห่งความอมตะและจักรวาลรวมเป็นหนึ่งในศิลปะของกรีกและอียิปต์ สัญลักษณ์อุโรโบรอสแสดงให้เห็นรูปของงูที่มีปลายหางของมันอยู่ในปาก ตัวของมันโค้งเป็นวงกลม พญางูแห่งมิดการ์ดในตำนานของชาวนอร์สก็โอบล้อมโลกด้วยการอมหางของมันไว้ในปากเช่นกัน
13.Hydra (ไฮดรา): ไฮดราเป็นบุตรของ Echidna กับ Typhon มันอาศัยอยู่ในหนองน้ำของเลอร์นา (Lerna) ไฮดราเป็นสัตว์เก้าหัวที่มีพิษถึงตายได้ และมันมีหัวหนึ่งที่เป็นอมตะ ทุกครั้งที่หัวหนึ่งโดนตัดก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้ (บอสของบางเกมก็เอามุขนี้ไปใช้เหมือนกัน) เฮอร์คิวลิสฆ่าไฮดราโดยการใช้คบไฟลนตรงแผลที่ถูกตัดจนปิดสนิท เพื่อไม่ให้หัวใหม่งอกขึ้นมาได้ และฝังหัวที่เป็นอมตะไว้ใต้ก้อนหิน
14.Incubi & Succubi (อินคิวบิ & ซัคคิวบิ): บางตำนานเรียก Succubus (ซัคคิวบัส) กับ Incubus (อินคิวบัส) เจ้าวิญญาณร้ายสองตัวนี้จะเข้าฝันผู้คนเพื่อสำเร็จความใคร่ให้มนุษย์ อินคิวบิเป็นวิญญาณผู้ชายที่จะเข้าฝันผู้หญิง มันสามารถทำให้ผู้หญิงคลอดลูกที่ชั่วร้ายออกมาได้ หนึ่งในกลุ่มนั้นคือ เมอร์ลิน
ซัคคิวบิเป็นวิญญาณผู้หญิงที่น่าสยดสยอง ซึ่งจะเข้าไปในฝันของผู้ชายและร่วมประเวณีกัน ดูเหมือนซัคคิวบิจะเกี่ยวข้องกับ Lilith (ลิลิธ) ภรรยาคนแรกของอดัม ซึ่งหลังจากเธอถูกขับไล่จาก Eden (อีเดน) เธอก็กลายเป็นมารดาแห่งภูติผีปีศาจ กล่าวกันว่าเธอมักจะไปหาผู้ชายกลางดึก เพื่อสืบเชื้อสายปีศาจให้มากขึ้น
15.Papillon (พาพิลลอน หรือ ปาปิลอน):ปกติใช้เรียกผีเสื้อหรือพันธุ์สุนัขนะครับ แต่ในตำนานมันคือม้าเพลิงคึกคะนองของราชินีแห่งเพลิง มอร์กาน่า เหล่าวัลคีรี่ (Valkyrie) ได้ขี่เจ้าพวกนี้บินไปต่อสู้โดยเลือกที่จะตายอย่างวีรบุรุษ
16.Phoenix (ฟีนิกซ์): มีชื่อเรียกเป็นภาษาจีนว่า Feng Huang หรือแปลได้ว่า "นกสีแดง" พวกมันเป็นนกสวยงามที่หายากและมีชีวิตยาวนาน มันเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ในตำนานของจีน คือ ยูนิคอร์น เต่า (Tortoise) มังกร และฟีนิกซ์ ตัวมันมีสีสดใสคล้ายกับนกยูงและไก่ฟ้า แต่ฟีนิกซ์มีหางโค้งและเล็บยาวกว่า กล่าวกันว่าสีรุ้งบนขนของฟีนิกซ์แทนคำว่า 'ความรักที่ไม่มีวันตาย'
ฟีนิกซ์มีความเกี่ยวข้องกับตำนานของพระอาทิตย์และเป็นสัญลักษณ์แห่งความอมตะ การเกิดใหม่ และพลังอำนาจ ตามตำนานนั้นฟีนิกซ์อาศัยอยู่ในแดนสุขาวดีทางทิศตะวันออกซึ่งไม่มีความหิวและไม่มีกลางคืน ร่างของมันใหญ่และสง่างามยิ่งกว่านกอินทรี ศีรษะ ทรวงอก และหลังของมันนั้นมีสีแดงสด ดวงตาของมันเป็นสีฟ้าทะเล เท้าของมันมีสีม่วงและปีกของมันนั้นมีหลากหลายสี นกฟีนิกซ์ไม่ได้กินหญ้าหรือล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร มันกินเพียงอากาศเท่านั้น
ฟีนิกซ์มีอายุขัยหนึ่งพันปีพอดิบพอดี ในช่วงสุดท้ายของชีวิตมันจะออกจากแดนสุขาวดีและบินไปยังแหลมอาราเบีย ที่นั่นมันจะรวบรวมเครื่องหอมกับเครื่องเทศเพื่อนำไปที่รังของมันซึ่งสร้างอยู่บนต้นปาล์มที่สูงที่สุดในชายฝั่งของ Phoenicia จากนั้นมันจะร้องบทเพลงแห่งความตาย (Death Song) บทเพลงนั้นดีเลิศจนแม้แต่เทพแห่งพระอาทิตย์ยังต้องหยุดเกวียนของเขาเพื่อฟัง หลังจากที่ดวงอาทิตย์ลาลับไป รังของฟีนิกซ์จะลุกไหม้ไปพร้อม ๆ กับเจ้าของรัง หลงเหลือไว้เพียงขี้เถ้าให้นกฟีนิกซ์ตัวใหม่ได้เติบโตขึ้น
ฟีนิกซ์ตัวใหม่จะนำขี้เถ้าจากรังเก่าไปที่ Heliopolis เมืองแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งตั้งอยู่ในอียิปต์ และวางขี้เถ้าลงบนแท่นบูชาของวิหารแห่งดวงอาทิตย์ จากนั้นมันก็จะบินไปทางทิศตะวันออก และเข้าร่วมกับนกตัวอื่นในโลก ไม่ว่าจะเป็นนกผู้ล่าหรือผู้ถูกล่าก็จะตามฟีนิกซ์ไปอย่างสงบสู่แดนสุขาวดี
ตำนานแต่ละตำนานบอกอายุขัยของฟีนิกซ์แตกต่างกันปี ตั้งแต่ 350 ปี 500 ปี บางตำนานก็บอกว่ามีอายุขัยถึง 1460 ปีหรือ 7006 ปี อย่างไรก็ตาม ผู้คนให้ความสนใจกับการให้ความหมายของนกฟีนิกซ์มากกว่า ศาสนาคริสต์ใช้ฟีนิกซ์แทนพระเยซูคริสต์และการฟื้นคืนชีพ ชาวโรมันใช้ฟีนิกซ์ในศตวรรษที่สี่เพื่อแทนคำมั่นสัญญาของการเกิดใหม่ของอาณาจักรโรมัน นอกจากนั้นฟีนิกซ์ยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของ โจน ออฟ อาร์ค (Joan of Arc) หลังจากที่เธอเสียชีวิต สำหรับตำนานของประเทศอื่นเกี่ยวกับฟีนิกซ์ก็มี Feng Huang ของจีน (ดังที่อธิบายไปก่อนหน้านี้แล้ว) และนก Ho-ho ของญี่ปุ่น ซึ่งมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์
17.Jersey Devil (เจอร์ซี เดวิล): เจอร์ซีเดวิล (หรือ ปีศาจเจอร์ซี) มีหัวเหมือนกับม้าหรือแกะ มีปีกคล้ายกับค้างคาวแต่ใหญ่กว่า ส่วนลำตัวนั้นยาวและเหมือนกับงู ในปี 1909 มีพยานหลายคนได้ยินเสียงน่าขนลุกจากแม่น้ำ Delaware และเห็นสัตว์ประหลาดเรืองแสงบินอยู่บนท้องฟ้า นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าแปลกประหลาดบนหลังคาบ้านหรือบริเวณใกล้กับเล้าไก่อีกด้วย
ตำนานเกี่ยวกับเจอร์ซีเดวิลมีหลายตำนาน หนึ่งในนั้นกล่าวว่าเจอร์ซีเดวิลเกิดในปี 1850 จากคำสาปของยิปซีในตัวหญิงสาวคนหนึ่ง และเจ้าปีศาจได้หนีเข้าไปในป่าทันทีที่เกิด ซึ่งยังคงอาศัยอยู่ในป่าจนบัดนี้
18.Kappa (กัปปะ):ตามตำนานของญี่ปุ่น กัปปะเป็นปีศาจน้ำที่ชอบทำให้มนุษย์จมน้ำ มันผอมแห้งเนื้อติดกระดูก และมีศีรษะกลมที่เต็มไปด้วยน้ำ นอกจากนั้นมันยังมีกระดองเต่าอยู่บนหลังและมีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า เหยื่อที่ถูกมันดึงลงน้ำก็จะถูกกิน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาด หลายครั้งที่มันแสดงความโง่ออกมาให้เห็น คนที่เผชิญหน้ากับกัปปะเพียงโค้งให้มันอย่างสุภาพ กัปปะก็จะโค้งตอบ และทำให้น้ำบนศีรษะของมันหกลงมา เมื่อน้ำลดลงกัปปะจะมีแรงดึงให้เหยื่อของมันจมน้ำได้น้อยลง ซึ่งเปิดโอกาสให้เหยื่อหนีไปได้
อีกวิธีหนึ่งที่จะเลี่ยงจากกัปปะได้ คือ ให้แตงกวาแก่มัน แตงกวานั้นต้องมีชื่อและอายุของผู้ให้อยู่ เมื่อคนโยนแตงกวานั้นให้ กัปปะก็จะจำไว้และไม่ทำร้ายคน ๆ นั้น
19.Kelpies (เคลพี):เคลพี หมายถึง ม้าน้ำ (Water Horse) เป็นวิญญาณแห่งน้ำตามความเชื่อของชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งอาจทำอันตรายหรือทำให้มนุษย์ถึงตายได้ เคลพีมีหลายรูปร่าง หนึ่งในนั้นคือชายขนดกกับม้าสวยงาม ขณะที่อยู่ในร่างม้า มันจะเชื้อเชิญให้ผู้ชายขี่มัน จากนั้นผู้ขี่ก็จะพบว่าเขาไม่สามารถลงจากมันได้ และมันก็พาเขาไปที่บ้านใต้น้ำของมัน เหยื่อของเคลพีบางส่วนจะแค่จมน้ำตายไป หรือถ้าโชคร้ายก็จะกลายเป็นอาหารของมันด้วย เคลพีในแม่น้ำส่วนใหญ่มักจะทำให้คนจมน้ำเท่านั้น
ขณะที่มันอยู่ในร่างของม้า สามารถแยกแยะจากม้าทั่วไปได้โดยดูที่รอยเท้าด้านหลังของมัน เคลพีสามารถถูกบังคับด้วยบังเหียนได้ แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักในการควบคุมเคลพีหลังจากที่มันมีพลังอำนาจพอจะร่ายคำสาปใส่ผู้อื่น
นอกจากร่างของม้าแล้ว เคลพียังแปลงเป็นชายรูปหล่อเพื่อล่อลวงหญิงสาวเข้าไปในถิ่นพำนักของมันได้ ในร่างนี้เราสามารถแยกแยะได้โดยการดูกจากกระดองและสาหร่ายในเส้นผมของมัน
20.Kraken (คราเคน): คราเคนเป็นสัตว์ประหลาดในทะเลที่ตัวใหญ่มาก ตามตำนานนั้นมันใหญ่เสียจนคนเข้าใจผิดว่าเป็นเกาะ มันมีหนวดเหมือนหมวดปลาหมึก แต่ส่วนอื่น ๆ นั้นแตกต่างกันไปตามตำนาน กะลาสีเรือสามารถถูกกวาดตกเรือได้ด้วยหนวดของมัน และเรือก็สามารถถูกบดขยี้ด้วยฝีมือของมันได้เช่นกัน ในน้ำทะเลอันเงียบสงบ กะลาสีเรือจะมองหาฟองอากาศและจุดน้ำเดือดบนทะเล ซึ่งบอกให้รู้ว่าคราเคนอยู่ใต้น้ำ
21.Lamia (ลาเมีย): ลาเมียเคยเป็นผู้หญิงธรรมดามาก่อน และได้พบรักกับเทพซูสอีกด้วย เธอถูกสาปให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วยฝีมือของฮีรา ภรรยาของซูสผู้อิจฉาริษยา ลาเมียในร่างสัตว์ประหลาดนั้นมีศีรษะเป็นผู้หญิง ร่างกายเป็นงู มีกีบเท้าแยกออก และหางเป็นสิงโต นอกจากฮีราจะสาปลาเมียแล้ว ยังฆ่าลูก ๆ ของลาเมียด้วย ลาเมียจึงออกฆ่าเด็กเป็นการล้างแค้น
22.Manticore (มันติคอร์): มันติคอร์เป็นสัตว์ประหลาดที่เกี่ยวข้องกับชาวอินเดีย มันติคอร์มีศีรษะเป็นชาย ร่างกายเป็นสิงห์ และหางเหมือนแมงป่อง (บางตำนานบอกว่าหางเหมือนกับลูกบอลหนาม) มันมีฟันสามแถว และสามารถยิงหนามจากหางของมันดั่งเป็นศรธนู มันติคอร์เป็นสัตว์ที่โหดร้ายและตะกละไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนั้นยังชอบล่ามนุษย์ด้วย
23.Minotaur (มิโนทอร์): มิโนทอร์เป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งกระทิง ตามตำนานแล้วมันเกิดขึ้นจากราชินีนามว่า Pasiphae กับวัวกระทิง ซึ่งหลังจากที่มิโนทอร์เกิดมา พระราชา Minos ได้สร้างเขาวงกตขึ้นเพื่อขังมันเอาไว้ และหัวเมืองใหญ่ของเอเธนส์ต้องส่งเครื่องบรรณาการเป็นหญิงรับใช้เจ็ดคนกับเด็กเจ็ดคนมาให้ เพื่อนำไปให้มิโนทอร์ ท้ายที่สุดเจ้าชายของกรีกนาม Thesus เป็นผู้ฆ่ามิโนทอร์ระหว่างที่มันหลับอยู่
24.Monstrous Wolves (สุนัขป่ายักษ์): สุนัขป่าร่างยักษ์พบได้ในตำนานและนิทานพื้นบ้านหลายเรื่อง จากตำนานของชาวนอร์ส Fenris หรือ Fenrir (เฟนริล หรือ เฟนริร์) ผู้เป็นลูกชายของเทพโลกิกับยักษ์ตัวเมีย ได้ถือกำเนิดมาและมีกำลังมากผิดปกติ เหล่าทวยเทพกลัวเขาและพยายามล่ามโซ่แต่เขาก็กระชากโซ่ทุกเส้นจนขาดสะบั้น สุดท้ายเหล่าเทพจึงให้คนแคระหลอมโซ่เวทมนตร์เรียกว่า Gleipnir ที่บางแต่แข็งแกร่ง เฟนริลยอมถูกล่ามด้วยโซ่เวทนั้นหากมีเทพสักองค์ยอมวางมือไว้ในปากของมัน เทพแห่งสงครามนาม Tyr ยอมรับคำท้านั้น เฟนริลพยายามกระชากโซ่แต่ไม่สามารถอะไรโซ่เวทมนตร์ได้ จึงโกรธและกัดมือของ Tyr ขาด ในช่วงสงครามแร็กนาร็อคเฟนริลทำลายโซ่เวทมนตร์ลงจนได้ และออกมาฆ่าเทพโอดินกับ Vidar บุตรแห่งโอดิน
อีกเรื่องหนึ่งก็มาจากตำนานชาวนอร์สอีกเช่นกัน ว่ากันว่าสุนัขป่าตัวใหญ่สองตัวได้ไล่ตามพระอาทิตย์และพระจันทร์ผ่านสรวงสวรรค์ เมื่อมันไล่จับได้จะทำให้เกิดปรากฏการณ์สุริยคราสหรือจันทรคราส โอดินเรียกสุนัขทั้งสองตัวว่า Geri จอมตะกละ กับ Freki ผู้ละโมบ (Geri the Ravenous & Freki the Greedy)
>> หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า มุนษย์หมาป่า ทำไมมีชื่อเรียกถึง 2 ชื่อ แวร์วูล์ฟ / ไลแคนท์ จะบอกให้ฟังอย่างนี้ๆ....
แวร์วูล์ฟ คือมนุษย์หมาป่าที่ ถูกกัดโดย มุนษย์หมาป่าอีกตัว ถึงจะเรียกว่า "แวร์วูล์ฟ(Were Wolf)"
ส่วน ไลแคนท์ เป็นมนุษย์หมาป่าที่ถูกสาบ ให้กลายเป็นมุนษย์หมาป่า จึงเรียกว่า "ไลแคนท์ ( Lycantrope )"
ความแตกต่างของ แวร์วูล์ฟ กับ ไลแคนท์
แวร์วูล์ฟ....จะแข็งแกร่งกว่าไลแคนท์ แต่ไลแคนท์จะรวดเร็วกว่าแวร์วูล์ฟ
แวร์วูล์ฟ....ตัวใหญ่กว่าไลแคนท์ และมีขนสีน้ำตาล-ดำ ส่วนไลแคนท์ จะมีขนสีขาว-เงิน
แวร์วูล์ฟ....จะสามารถแปลงร่างเป็นมุนษย์หมาป่าได้ ก็ต่อเมื่อเห็นดวงจันทร์เต็มดวงแล้วเท่านั้น แต่ไลแคนท์สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ตามใจนึก
แวร์วูล์ฟ....เมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าแล้ว จะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แต่ไลแคนท์เมื่อแปลงร่างแล้วจะสามารถควบคุมตนเอง ได้ตามความนึกคิดของเจ้าของร่าง
แวร์วูล์ฟ....ชอบอากาศอบอุ่น จึงมักพบเห็นใน ฤดูร้อน ส่วนไลแคนท์ ชอบอากาศหนาวเย็น มักจะพบเห็นในแถวๆ ขั้วโลกเหนือ
แวร์วูล์ฟ....มักจะเป็น"ผู้ล่า"เสมอ ส่วนไลแคนท์มักจะเป็น"ผู้ถูกล่า"
25. Jormunndgand(จอร์มุมกานด์): เป็นงูยักษ์ หรือ สัตว์ประหลาดแห่งห้วงสมุทร 1 ในลูกทั้ง 3 ของเทพ Loki เทพแห่งวิบัติ ซึ่งเกิดกับนางยักษ์ Angrboda (เมียคนนี้นับว่าคงเป็นยักษ์สาวพราวเสน่ห์ เพราะว่า loki เคยหายเข้าไปในดินแดนของยักษ์บ่อยๆ กับเมียคนนี้)
ลูกตัวแรกคือ หมาป่า Fenris ตัวนี้คือตัวที่ดุร้ายมีเฉพาะเทพ Tyr เท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้ได้ (และ มันงาบแขน Tyr ในอนาคต - -'' ) ตัวที่ 2 คือ งูยักษ์ Jormundgand คู่ปรับตลอดกาลของเทพ Thor และ ตัวสุดท้ายก็คือ Hel เทพธิดาก็ไม่ใช่ ปีศาจก็ไม่เชิง เพราะว่าเป็นครึ่งหญิงสาวสวยกับครึ่งซากศพ หล่อนกลายเป็น เทพีนรก ในกาลต่อมา
26. Hel : เทพีแห่งความตาย (บุตรีแห่งโลกิ) เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งความตาย ว่ากันว่าส่วนบนของ Hel เป็นสตรีรูปงาม แต่ด้านล่างเป็นศพที่เน่า
ลักษณะเด่นของ Loki ก็คือ สามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจนึก (รวมไปถึงเปลี่ยนเพศของตัวเองอีกด้วย) ร่างแปลงของ Loki จึงมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เหยี่ยว,ปลา,ม้า หรือแม้กระทั่งเป็นเห็บหรือแมลง
Loki เคยแปลงเป็นม้าตัวเมียไปหลอกม้าตัวผู้ของยักษ์ที่ถูกล่อหลอกไปซ่อมกำแพงเมือง Asgard จนได้ถือกำเนิดเป็นม้าแปดขา Sleipnir ออกมา
27. Sleipnir : นามของม้า 8 ขา ที่เทพ Odin ใช้ในสงคราม Ragnarok เป็นลูกของโลกิและสวาดิฟารี เป็นม้าที่วิ่งได้เร็วที่สุดใน 9 โลก และ ทะยานไปได้ทั้งบนบก , ในอากาศ หรือใต้น้ำ ดังนั้น ความสามารถหลักของสเลปเนียร์ คือ "ความเร็ว" ที่ไม่เป็นรองใคร ได้รับการบรรยายว่าเป็นม้าที่ดีที่สุด และในบางครั้งเมื่อขี่มันจะนำไปสู่ตำแหน่งของเฮล
28.Naga (นากา - นาค): ตำนานของนาคริเริ่มจากที่อินเดีย และสามารถพบได้ทั่วไปในตำนานของประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ มันเป็นสัตว์กึ่งเทพและสัตว์กึ่งมนุษย์ที่อยู่ในรูปแบบของงูซึ่งมีกำลังมหาศาล นาคอาศัยอยู่ใต้ดินหรือในแม่น้ำและทะเลสาบ มันเป็นสัตว์ต่ำชั้นกว่ามนุษย์เพราะไม่มีวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่สามารถรับความรู้ได้ นาคมีเจ็ดศีรษะ มีหงอนเหมือนงูเห่า และรูปร่างคล้ายกับไฮดรา มันมักจะปรากฏในเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าซึ่งถูกวาดภาพเป็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่และได้รับการปกป้องจากนาค
29.Nymphs (นิมฟ์): นิมฟ์เป็นจิตวิญญาณหรือตัวตนแห่งสิ่งของในธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ แม่น้ำ ไอหมอก และภูเขา พวกเธอจะอยู่ในรูปของหญิงบริสุทธิ์ผู้งดงาม ในตำนานของกรีก Dryad (ดรายแอด) และ Hamadryad (ฮามาดรายแอด) เป็นจิตวิญญาณแห่งต้นไม้ ดรายแอดอาศัยอยู่ในป่าและฮามาดรายแอดจะมีพันธะกับต้นไม้บางต้นเท่านั้น ชีวิตของพวกเธอจะยืนยาวตราบที่ต้นไม้ที่เธอสิงสู่ยังมีชีวิตอยู่
สำหรับนิมฟ์ของสิ่งอื่น ๆ ก็มี Oread นิมฟ์แห่งภูเขา Naiad นิมฟ์แห่งน้ำ ผู้อาศัยอยู่ในแม่น้ำหรือไอหมอก และ Nereid นิมฟ์แห่งทะเลซึ่งเป็นบุตรสาวของเทพแห่งทะเลนาม Nereus
30.Medusa(เมดูซ่า): เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู และเมื่อมีคนมองมาที่ใบหน้าเธอ เธอจะสาปให้คนผุ้นั้นกลายเป็นหิน ที่จริงแล้วก่อนที่เมดูซ่าจะมีความร้ายกาจดังที่เป็นที่เล่าขานกันมานั้น เมดูซ่านั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมาก
คำว่า เมดูซ่า - Medusa เป็นคำที่มีมานานมากแล้ว ที่ยังคงเป็นรากศัพท์ไว้ในหลายๆภาษาโบราณ เช่น ในภาษาสันสกฤต คือ "เมธา" ในภาษากรีก คือ Metis และในภาษาอียิปต์โบราณ คือคำว่า Met หรือ Maat มีแหล่งกำเนิดจากตำนานของประเทศลิเบีย ที่นำเข้ามา รวมในตำนานกรีกทีหลัง เป็นที่นับถือของชาวลิเบียโบราณว่าเป็น เทพแห่งงู หรือเจ้าป่าเจ้าเขาผู้มีอำนาจดุร้าย
31.Ruhk (รุค): อีกชื่อหนึ่งของเจ้าตัวนี้คือ Roc รุคเป็นนกยักษ์มาจากตำนานของอาหรับ และเล่ากันว่ามันตัวใหญ่เสียจนบังพระอาทิตย์มิดเมื่อมันบิน ขาของมันขาหนึ่งใหญ่เท่ากับขาไก่ 148 ขา มันจะออกล่าช้างมาให้ลูกของมันกินทุกวัน ทุกครั้งที่มันออกบินปีกของมันจะสะบัดอย่างรุนแรงทำให้เกิดพายุและฟ้าแลบ ในตำนานบางเรื่องของอาหรับบอกว่ารุคจะไม่มีวันหยุดยืนบนพื้นโลกเว้นเสียจากบนภูเขา Qaf สำหรับอีกตำนานหนึ่งบอกว่ารุคอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย และมันมักจะบินไปที่อินเดีย คาบสมุทรอาระเบีย หรือแอฟริกาเพื่อหาอาหาร
32.Sea Lion (ซี ไลออน): ซี ไลออนหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ สิงโตทะเล นั้นจัดอยู่ในสัตว์กลุ่มเดียวกับคิเมร่าหรือมันติคอร์ มันมีส่วนด้านหน้าเหมือนกับสิงโต มีเล็บและศีรษะซึ่งมีแผงคอ ส่วนด้านหลังนั้นคล้ายกับปลาสีเงินตัวใหญ่ สิงโตทะเลอาศัยอยู่บริเวณโขดหินใกล้กับชายทะเล มันมีเขี้ยวและเล็บอันทรงพลังที่อันตรายมากเมื่อมันโกรธ นอกจากนั้นยังมีหางอันแข็งแกร่งกับขาหน้าที่เป็นพังผืดช่วยให้เคลื่อนที่ได้เร็วมากในน้ำ เสียงคำรามของมันสามารถได้ยินแม้อยู่ใต้ทะเล กล่าวกันว่าชาวเรือจะได้ยินเสียงร้องของสิงโตทะเลอย่างหิวกระหายเมื่อเรือของพวกเขาเข้าใกล้โขดหินหรือฝั่งทะเลที่อันตราย
33.Shark Man (ชาร์คแมน): ชาร์คแมนหรือ มนุษย์ฉลาม นั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์หมาป่า ชาร์คแมนบริเวณเกาะฮาวายสามารถเปลี่ยนร่างไปมาระหว่างมนุษย์กับฉลามได้ ขณะที่เป็นฉลาม เขาจะมีสัญชาตญาณสัตว์เต็มรูปแบบและมักจะลงมือล่าเหยื่อโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเพื่อนบ้านของร่างมนุษย์ของเขาหรือไม่ ชาร์คแมนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Nanaue บุตรของหญิงใกล้ตายกับพระเจ้าแห่งฉลาม (Shark God) Nanaue มีปากฉลามบนหลังของเขา เมื่อเขาลงน้ำจะกลายร่างเป็นปลาฉลาม และเขาจะบาดเจ็บได้ง่ายถ้าไม่ลงน้ำ เมื่อเขารู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ฉลามก็รีบย้ายไปหมู่บ้านอื่นทันที ในที่สุดเขาได้ติดกับดักของชาวประมงขณะที่ยังเป็นปลาฉลาม และถูกฆ่าโดยตัดเป็นเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปเผา
34.Pegasus(เพกาซัส): ม้ามีปีก หรือ เทพเจ้าแห่งการกวี เกิดขึ้นจากเมื่อเพอร์ซีอุสสังหารเมดูซาด้วยเคียว เลือดที่พุ่งออกมา กลายเป็นเพกาซัส หรือ ม้ามีปีก
35.Unicorn(ยูนิคอร์น): เป็นสัตว์ในตำนาน เชื่อว่าพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรป ตัวโตเต็มที่มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่กลางหน้าผาก (โดยมากเขาจะเป็นเกลียวด้วย) ลูกยูนิคอร์นเเรกเกิดมีขนสีทอง เเละจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัย. เขา เลือด เเละขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง. โดยทั่วไปยูนิคอร์นจะหลีกเลี่ยงการข้องเเวะกับมนุษย์ เเละจะยอมให้เเม่มดเข้าใกล้มากกว่าพ่อมด นอกจากนั้นยูนิคอร์นยังวิ่งได้เร็วมาก จึงยากที่จะจับตัวได้. ในโลกตะวันตก ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายไม่สามารถทำให้เชื่องได้ รักความสันโดษ แต่ในประเทศจีนยูนิคอร์นเป็นสัตว์ที่มีความสุภาพ อ่อนโยน รักสงบ
การกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศรีษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร"
36. Gargoyle (การ์กอยล์) : การ์กอยล์จะเป็นรูปสลักตามมุมต่างๆ ของสถาปัตยกรรมในแบบกอธิคในยุโรป โดยมากจะสลักเป็นรูปมังกร หรือ ปีศาจ ในท่วงท่าต่างๆ โดยท่าที่รู้จักมากที่สุด คือ นั่งยองๆ ตามองไปทางข้างหน้า
>> อ่านแล้วเม้นกันหน่อยก็ดีเนอะ?
ผลงานอื่นๆ ของ 's TiiKer ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ 's TiiKer
ความคิดเห็น