ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] chanbaek

    ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Suicidal King - Part 2 - END

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 57





    Suicidal King










    แบคฮยอนตื่นขึ้นมาพร้อมการรับรู้ว่าตัวเขาได้นั่งอยู่บนเครื่องบินของสายการบินเอเชียไลน์

     

     

    เปลือกตาสีมุกปิดฉับลงโดยอัตโนมัติ ปากบางเม้มแน่นด้วยความหวาดผวาเมื่อรับรู้ได้ว่ามันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งเพียงแค่นับหนึ่งถึงสาม

     

     

    หนึ่ง...สอง...สาม

    พระเจ้า...ได้โปรด...ได้โปรด

     

     

    แบคฮยอนคร่ำครวญในใจ แต่มันก็สายไปเสียแล้วสำหรับการวิงวอนที่ไม่มีผู้ใดเมตตาจะรับฟัง

     

     

    อากาศในช่องอกของเด็กหนุ่มลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแรงเหวี่ยงมหาศาลและกลิ่นพลาสติกไหม้ที่ทำให้แสบเยื่อบุโพรงจมูก เสียงกรีดร้องของผู้โดยสารดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นเต้นหวาดเสียว แต่มันคือเสียงหวีดสยองที่รวดร้าวที่สุดเท่าที่แบคฮยอนเคยได้ยินมา

     

     

    ต้องหมอบตัวลง

     

     

    เด็กหนุ่มบอกตัวเองและคลานเข่าคุดคู้อยู่ในห้องโดยสารที่มีดหั่นสเต็กลอยปะปนกับจานชามต่างๆจนวุ่นวายไปหมด

     

     

    “โอ๊ย!” เด็กน้อยคนหนึ่งร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกมีดที่ลอยมาปักเขาที่แขนข้างซ้าย

     

     

    แบคฮยอนเบิกตากว้างจนแทบถลนเมื่อพบว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของพี่ชายเขาเอง และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นทุกคนในครอบครัวกำลังดิ้นรนเอาตัวรอด

     

     

    พี่สะใภ้ของเขากอดเด็กๆและปลอบประโลมว่าเราพวกเราจะปลอดภัย แต่ไม่เลย ไม่มีอะไรที่จะปลอดภัยทั้งนั้นในชั่วยามนี้

     

     

    แบคฮยอนได้กลิ่นน้ำมันไหม้ผสมกับกลิ่นโลหะหลอมละลาย ทุกอย่างโกลาหลพร้อมจะระเบิดเป็นจุลในทุกๆเมื่อ ยานพาหนะลำนี้กำลังดิ่งลง แรงกดดันมหาศาลทำให้แม้แต่น้ำตาก็ต้องสวนกลับลงไปนอนขดในต่อมผลิต

     

     

    ท้องไส้ของเด็กหนุ่มปั่นป่วน แต่ขณะเดียวกันก็หัวใจก็วูบโหวงราวกับไม่ล่องลอยอยู่ในระบบสูญญากาศ กล้ามเนื้อทุกส่วนหดเกร็ง ควันไฟเริ่มมีอิทธิพลกับทุกชีวิต และอ๊อกซิเจนมีไม่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง อันเนื่องมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้น

     

     

    แบคฮยอนเห็นพ่อสละท่ออ๊อกซิเจนให้แม่ของเขา ทั้งคู่รักกันมาก ข้อนั้นแบคฮยอนรู้ดี

     

     

    พี่ชายกับพี่สะใภ้สละอากาศทั้งหมดให้ลูกแฝดที่น่ารักทั้งสองคน ความอ่อนโยนในแววตาของคุณแม่ยังสาวช่วยทำให้เด็กๆสงบนิ่งได้จนน่าประหลาดใจ

     

     

    แต่ในท้ายที่สุด ความหวังก็ถูกกระชากออกจากรูโหว่เล็กๆที่เป็นรอยรั่วอยู่นหัวใจ LBN ตกลงกระแทกพื้นแข็งด้วยแรง G อันเลื่องชื่อ ความวินาศสันตะโรฟังดูเล็กจ้อยไปเลยเมื่อเทียบกับความระเนระนาดที่เกิดขึ้น

     

     

    ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนรับรู้ได้ถึงจิตวิญญาณอันแตกสลาย มอดไหม้จนสิ้นไร้แม้แต่เศษซากที่จะเอาไปใส่ในโรงศพ

     

     

    เขาได้ตายลงแล้วในเช้าวันนี้

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มกระเด้งตัวชักกระตุกรุนแรงก่อนหอบหายใจจนตัวโยนเมื่อผ่านพ้นจินตนาการที่รวดร้าวนั้นมาได้ เปลือกตาคู่สวยเปิดขึ้นอีกครั้ง

     

     

    และพบว่าศัตรูอันดับหนึ่งกำลังยืนมองเขาอยู่...

     

     

    ชานยอลรีบนั่งลงบนเตียง มือใหญ่ดันแบคฮยอนให้นอนอยู่กับที่ “ไม่ต้องกลัวฉันหรอก”

     

     

    คนตัวเล็กอยากจะเถียงไปว่าเขาเกลียดต่างหาก แต่แค่ควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติยังยากพอๆกับการทำโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิคระดับชาติ

     

     

    ชานยอลช่วยปลดกระดุมเสื้อให้แบคฮยอนหายใจได้ถนัด จับเด็กหนุ่มนอนหนุนหมอนที่ถูกเหวี่ยงไปคนละทิศคนละทาง ก่อนจะลูบหัวปลอบประโลมเป็นการตบท้าย

     

     

     

    “ใจเย็นนะเด็กน้อย... นายก็แค่ฝันร้าย”

     

     

    แบคฮยอนอ่อนแอเกินกว่าจะฝืนตัวออก เขารู้ดีว่าต้องรอเวลาให้ร่างกายปรับสภาพซักพัก เขาถึงจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้

     

     

    “นายควรจะไปหาหมอ” ชานยอลละคำว่าโรคจิตเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ อันที่จริงเขารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่เคยคิดว่าแบคฮยอนนอนช่วยตัวเองอย่างเผ็ดร้อนในคืนนั้น

     

     

    ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหนูนี่มีอาการฝังใจขั้นสุดกับการตกของเครื่องบิน LBN

     

     

    “ปล่อย” แบคฮยอนเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นหลังจากสภาวะหวาดผวาเริ่มทุเลาลงแล้ว ชานยอลคร่อมเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนโน้มใบหน้าลงไปมอร์นิ่งคิสเบาๆบนริมฝีปากสีชมพูอ่อน

     

     

    “จะมองกันแบบนี้ทำไม” ร่างสูงหมายถึงแววตาที่ก้าวร้าวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาปัดปอยผมที่หน้าผากมนออก ก่อนจะจุมพิตอ่อนโยนลงไปตรงนั้น “นายก็รู้ว่าฉันถนอมนายมากแค่ไหน นั่นคือความพยายามที่สุดในชีวิตของฉันแล้วนะ”

     

     

    “หน้าด้าน” แบคฮยอนสวนกลับ เนื้อตัวเริ่มคลายอาการเกร็งจนในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติ

     

     

    “ด้านไหนก็ดูดี” ชานยอลต่อปากต่อคำด้วยรอยยิ้มทะเล้นที่เผยให้เห็นลักยิ้มข้างแก้ม เขาสงสารแบคฮยอน รู้สึกผิดต่อแบคฮยอน แต่ที่อยู่เหนือความรู้สึกอื่นใดคือเขามีความสุขที่ได้ใช้เวลาไปกับการกลั่นแกล้งแบคฮยอน แค่ได้เห็นปื้นแดงบนแก้มที่เขาไล่จูบไล่ฟัดไปหลายต่อหลายครั้งในคืนนั้น เขาก็รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจอย่างน่าประหลาด

     

     

    “คนเลว” แบคฮยอนหมดปัญญาหาถ้อยคำมาเสียดสีผู้ชายไร้ยางอายที่คุกคามอยู่บนร่างกายของเขา เขาได้แต่หลบสายตาและกัดริมฝีปากอย่างโกรธแค้น

     

     

    ชานยอลหอมแก้มนิ่มอยู่ซักพักจนหนำใจ เขาลุกขึ้นยืนและอุ้มเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างทะนุถนอม

     

     

    “ได้เวลาอาบน้ำแล้วที่รัก”

     

     

     

     

    . . . . . . . . . . .

     

     

     

     

    ชานยอลคิดเรื่องการตายของเขาอีกครั้ง

     

     

    เขาจำเป็นต้องทำให้มันแนบเนียนและเหมือนอุบัติเหตุที่สุด เพราะถ้าบริษัทประกันจับได้ว่าเขาทำร้ายตัวเองเงินประกันก้อนโตนั่นจะต้องหลุดลอยไป

     

     

    เขาจะทำยังไงกับการตายครั้งนี้ดี?

     

     

    ด้วยการคิดไม่ตก ชายหนุ่มจึงออกไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุด ซื้อเบียร์หนึ่งโหลกับข้าวของที่เขาคิดว่ามันจำเป็น

     

     

    ชานยอลแวะดื่มกาแฟที่ร้านริมฟุตบาท เขาเลือกนั่งที่โต๊ะนอกร้าน จากนั้นก็เฝ้ามองจราจรวิถีบนถนนเลนส์ใหญ่

     

     

    นานๆครั้งจะมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน รถเก๋งไม่ชุกชุมเหมือนในเมือง และถ้าเขาทะเล่อทะล่าออกไปกะระยะทางอยู่ๆบ่อย กล้องวงจรปิดจะต้องจับได้แน่ว่าเขามีจุดประสงค์จะฆ่าตัวตาย ฉะนั้นถ้าเขาจะตายด้วยวิธีนี้ เขาต้องรอจังหวะเหมาะเหม็ง วิ่งออกไปทีเดียวให้รถซัดเปรี้ยงเข้าตรงจุดยุทธศาสตร์

     

     

    แต่ชานยอลกังวลว่าวิธีนี้อาจไม่นำความตายอย่างแท้จริงมาสู่เขา

     

     

    จะเป็นยังไงถ้าเขาต้องมีชีวิตต่อด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เสียแขน เสียขา เสียดวงตา หรือการได้ยิน ...บางทีเขาควรคิดให้รอบคอบกว่านี้ มันน่าจะมีวิธีที่เป็นเสมือนทางออก

     

     

    เขามองเบียร์ในถุงประทับตราห้างสรรพสินค้าที่เขาเพิ่งซื้อมา ถ้าเขาดื่มมันหมดทั้ง 12 กระป๋อง จากนั้นก็ลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำที่ใส่น้ำไว้จนปริ่มขอบล่ะ? หรือถ้าเขาใส่โน้ตบุ้คที่สายไฟชำรุดลงไปในน้ำด้วยล่ะ? ไม่มีใครคิดหรอกว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย ผู้คนอาจจะคิดว่าเขาเป็นแค่ชายโง่ที่เสพติดการทำงานขณะแช่น้ำอุ่น หน้าหนังสือพิมพ์ลงเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้ระวังการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในระหว่างอาบน้ำ

     

     

    นั่นละ...เจ๋งเป้ง!

     

     

    รอยยิ้มมผุดพรายขึ้นเมื่อชายหนุ่มเริ่มเห็นแสงแห่งทางออก เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะเดินกลับบ้านไปพร้อมถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาตามที่คาด เด็กหนุ่มดูหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ออร่าสีเทาแผ่ซ่านรอบตัวคล้ายคนเป็นไข้หวัดอ่อนๆตลอดเวลา

     

     

    “เด็กดี” ชานยอลครางเรียกและเดินไปนัวเนียจากข้างหลัง เขาคล้องแขนไว้ที่ลำคอขาวก่อนจะหอมแก้มนิ่มอย่างหลงใหลไปนับครั้งไม่ถ้วน “เหงาไหมตอนฉันไม่อยู่”

     

     

    แบคฮยอนกำหมัดแน่นจนสั่น ร่างเล็กสะบัดหน้าหนีการรุกลานที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

     

     

    “ผมจะคืนมัดจำและค่าเช่าเดือนนี้ให้ ขอความกรุณาย้ายออกไปก่อน 24 ชั่วโมง”

     

     

    ชานยอลทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เขากระโดดข้ามโซฟามาจากทางด้านหลังเหมือนเด็กๆ ก่อนจะทุ่มร่างใส่แบคฮยอนและกอดรัดเนื้อนุ่มอวบอัดเอาไว้แน่น

     

     

    “อย่าทำแบบนี้ที่รัก” เขาปรามน้ำเสียงทะเล้น “อย่าปิดกั้นตัวเองจากฉัน ยอมรับมาเถอะว่านายเองก็มีใจ”

     

     

    แบคฮยอนพยายามหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อระงับสติอารมณ์ เขากำลังเผชิญหน้ากับคนบ้า ฉะนั้นเขาจะต้องไม่บ้าตาม

     

     

    “ฟังนะคุณปาร์ค คุณเข้ามาที่นี่เพื่อล่วงละเมิดทางเพศกับผมที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี ฉะนั้นผมจะลากคุณเข้าซังเตเมื่อไหร่ก็ได้” มันไม่ใช่เขาซักหน่อยที่ต้องกลัว แต่เป็นไอ้ผู้ชายหน้าด้านคนนี้ต่างหากที่ทำผิดกฏหมาย!

     

     

    “ผมเก็บหลักฐานไว้ครบทุกชิ้น คุณไม่มีทางปฏิเสธไปได้หรอก!

     

     

    “หลักฐาน? ไอ้กางเกงในที่นายแช่ช่องฟรีซไว้อะนะ?”

     

     

    “คุณ!” เด็กหนุ่มหน้าแดงซ่าน ไอร้อนพุ่งพวยจากความกระดากอายที่ถูกพบของสำคัญเข้า ใช่แล้ว...กางเกงในแช่แข็งตัวนั้นเป็นของเขาเอง หลังจากที่ถูกขืนใจ เขาก็ห่อมันอย่างดีและเก็บไว้ในช่องทำความเย็นเพื่อคงสภาพของคราบอสุจิที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ว่าเขาถูกกระทำทางเพศ

     

     

    “ไม่เอาน่า” ชานยอลขมวดคิ้วเอ็ดเสียงเคร่ง “นี่ไม่ใช่การบังคับขู่เข็ญ” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาอ่อน “แล้วก็ไม่ใช่การสะกดจิตด้วย”

     

     

    พอแบคฮยอนมีทีท่าสงบลง น้ำเสียงทุ้มต่ำก็เปล่งประชิดใบหูอีกครั้ง

     

     

    “แต่นายเริ่มชอบฉันแล้ว นายชอบฉัน ร่างกายของนายมีปฏิกิริยาที่ดีกับฉัน”

     

     

    เขาพิสูจน์ด้วยการลูบไล้เรียวขากลมกลึงแผ่วเบา ก่อนจะบีบนวดหนักหน่วงเมื่อเข้าใกล้ขาอ่อนด้านในเข้าไปทุกขณะ  

     

     

    “ปล่อยผม” แบคฮยอนอ้อนวอนเสียงสั่น ชานยอลใช้นิ้วโป้งลูบวนแก้มขาวอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากกดประทับจุมพิตลงบนรอยแผลเป็นซีดเซียวใกล้แอ่งชีพจรบนลำคอระหง

     

     

    “ฉันถูกชะตากับนายนะ” เขาตะล่อมด้วยน้ำเย็นขนานหนักที่ใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตกลั่นกรองออกมา “ฉันชอบนาย”

     

     

    “คุณทำกับคนที่คุณชอบแบบนี้หรอ” แบคฮยอนถามกลับเสียงเครือ ไม่ใช้เพราะกำลังร้องไห้ แต่เป็นเพราะความวาบหวามที่ไต่ระดับขึ้นจากมือกร้านที่ผ่านปราการไปจนถึงเนื้ออ่อนด้านใน

     

     

    “งั้นลองบอกมาสิ ว่าคนที่ชอบกันเขาทำกันยังไง” เสียงพร่าแตกกระสานซ่านเซ็นอยู่ชิดใบหู ชายหนุ่มวัยกลางคนช่างเซ็กซี่เกินกว่าคนด้อยประสบการณ์จะทัดทานไหว ชานยอลยกขาเพรียวขึ้นเกี่ยวบ่า มือหนาตรงเข้าลูบคลึง ณ จุดกลางกาย

     

     

    “ถ้าการเห็นภาพหลอนอย่างที่นายเป็นอยู่ทุกวันคือการตกนรก เด็กดีอย่างนายก็ควรได้ขึ้นสวรรค์บ้างไม่ใช่หรอ”

     

     

    “ค..คุณ”

     

     

    “ฉันจะพานายขึ้นสวรรค์เองที่รัก” กระซิบนัยยะสำคัญก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่แสนเกะกะออกทีละชิ้นอย่างใจเย็น แบคฮยอนยกฝ่ามือขึ้นกั้นกลาง สะบัดใบหน้าหนีการรุกลานที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ชานยอลหัวเราะก้องในลำคอ มือใหญ่ตามไปแกะเกี่ยวมือเล็กมากุมไว้และตรึงขึ้นเหนือร่าง ริมฝีปากร้อนชอนไชไปตามลำคอขาว เรียกขนอ่อนให้ลุกชันเป็นที่ขบขันแก่ชายหนุ่ม

     

     

    “เด็กดี...”

     

     

    “อ๊ะ...”

     

     

    “ครางให้ฉัน”

     

     

    “อื้ออ ปล่อยผม”

     

     

    “ไม่เอาน่า ลองขอร้องอย่างอื่นสิ” เขากระซิบขี้เล่นเหมือนน้ำมือที่สุดจะซุกซนไม่ต่างกัน “อย่างเช่น...ขออีก ...ขอแรงๆ”

     

     

    แบคฮยอนร้อนผ่าวไปในทุกจุดที่ถูกล่วงล้ำ ไม่ว่าจะจากปาก มือ เนื้อหนัง ไม่เว้นแม้กระทั่งสายตาแพรวพราวเจ้าเสน่ห์

     

     

    “ผ่อนคลายหน่อยคนดี” เขาอ้อล้อสารพัด ใช้น้ำเย็นเข้าลูบหวังช่วงชิงรสพิศวาสจากเด็กหนุ่ม ซึ่งมันก็เริ่มจะได้ผลเมื่อหนุ่มน้อยอ่อนลงจากทางแววตา

     

     

    นั่นอาจเพราะขาดที่พักพิงมานานมากแล้วในความรู้สึก กลไกในจิตใจของแบคฮยอนกำลังไขว่คว้ารักจอมปลอม ด้วยหวังว่ามันจะเป็นรักแท้ แม้มันจะไม่ใช่แม้แต่เพียงซักนิดเดียวเลยก็ตาม

     

     

     

     

    . . . . . . . . . .

     

     

     

     

     

    จักรวาลนี้ช่างเย็นชาต่อเขานัก

     

     

    แบคฮยอนได้แต่ขบคิดอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนเดือนมืด

     

     

    หลังจากที่ชานยอลตักตวงจากเขาจนหนำใจ อีกฝ่ายก็งีบหลับไปจนกระทั่งตอนนี้ ดวงตารีเรียวทอดมองร่างสูงที่ซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความรู้สึกสับสนระคนหวั่นไหว

     

     

    ราวกับมีเวทมนต์ดลใจ เพียงแค่นึกอยากให้คนใจร้ายตื่นขึ้นมาพูดคุยกันเสียให้รู้เรื่อง เปลือกตาคู่นั้นก็อ้าเผยอเผยให้เห็นนัยน์ตาสุกสว่าง

     

     

    “ไม่พักหน่อยหรือคนดี” ป้อคำหวานทันทีที่ลืมตา แบคฮยอนแค่นหัวเราะแกนๆ ก่อนจะชักมือออกจากมือหนาที่ดึงหลังมือเขาไปจุมพิตราวกับเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์

     

     

    “ผมไม่ใช่คนดี” ใช่...ไม่มีคนดีที่ไหนเป็นสาเหตุของการพังพินาศของครอบครัวกันหรอก

     

     

    คิดมาถึงตรงนี้แบคฮยอนก็เหนื่อยใจจนเริ่มอยากจะพักผ่อนบ้าง ความคิดที่ต้องการพูดคุยสูญสลายไปพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจคล้ายหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

     

     

    “โกรธที่ฉันรังแกหรอ หือ?”

     

     

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนอยากแทนลงไปว่าเขาเกลียดต่างหาก แต่น้ำคำของเขาก็มีค่าเกินกว่าจะพ่นใส่คนไม่รู้ดีร้ายอย่างปาร์คชานยอล

     

     

    “คุณยั่วโมโหผมไม่สำเร็จหรอก”

     

     

    “อะไรทำให้นายคิดว่าฉันกำลังยั่วโมโห”

     

     

    แบคฮยอนมองร่างเปลือยของชานยอลนิ่ง อีกฝ่ายมีเจตนาชัดเจน ตั้งแต่เหวี่ยงผ้าห่มออกโชว์เรือนร่างกำยำ ไหนจะท่าทาง น้ำเสียง เหมือนราชสีห์ที่กัดกินเหยื่อจนสาแก่ใจ จากนั้นก็ยิ้มเยาะล้อเลียนซากกระดูก

     

     

    “เปลี่ยนคำถามแล้วกัน... ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะทำไมสำเร็จ” เขาว่าพลางยื่นหน้าเข้ามากดจมูกสูดดมพวงแก้มหอม แบคฮยอนไม่ได้เลี่ยงหลบอย่างที่ควรจะเป็น

     

     

    “เพราะชีวิตของผมต่อจากนี้ มีไว้สำหรับการลงโทษ”

     

     

    “ลงโทษ?”

     

     

    “คุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ อันที่จริง นี่คงเป็นผลกรรมที่ผมสมควรได้รับ”

     

     

    ชานยอลเปล่งหัวเราะ เขาโถมกายกอดร่างอุ่นนุ่มไว้เต็มรัก ก่อนจะจูบประทับอย่างมันเขี้ยวลงบนปลายจมูกรั้น

     

     

    “รันทดขนาดนี้ ทำไมไม่ตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ” เขาแกล้งหยอกเย้า

     

     

    “ถ้าตายก็ง่ายไปน่ะสิ” แบคฮยอนเหม่อลอยขณะที่ชานยอลเริ่มเล้าโลมอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้ง บังคับให้คนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก ฝ่ามือเข้าเฟ้นฟัดเนื้อสะโพกจนขึ้นรอยอย่างน่าหวาดเสียว

     

     

    “ผมไม่มีทางหนีปัญหาด้วยการทำแบบนั้น...อ๊ะ...จะต้องมี อื้ออ”

     

     

    ชีวิตต่อ เพื่อต่อลมหายใจให้กับคนที่ตายไปแล้ว

     

     

     

    เด็กหนุ่มได้แต่ต่อข้อความในใจ เมื่อริมฝีปากถูกริดรอนเอาไปดูดดุนจนสิ้นเชิงหลุดเสียงครางหวานออกมา รสรักของชานยอลเฉียบขาดปานใบมีดที่กรีดดวงใจ มันหวานล้ำจนแบคฮยอนเริ่มสงสัยว่าเขากำลังตกนรกทั้งเป็นหรือไต่เมฆขึ้นสวรรค์อยู่กันแน่

     

     

     

     

    . . . . . . . . . .

     

     

     

     

    ความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้หายออกไปจากสมองของชานยอลแล้ว

     

     

    ไม่รู้ว่าจะหายไปได้นานซักเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆคือเขาลืมมันไปทุกครั้งยามที่ได้สัมผัสเรือนร่างของเด็กแรกรุ่น แบคฮยอนฉุดดึงวิญญาณของเขา ฉุดให้สลักลงกับกายหยาบมากกว่าเก่า

     

     

    นอกจากนั้นแบคฮยอนยังทำให้จิตวิญญาณของเขากลับมาหลงรักร่างกายอีกหน เพราะเขาสามารถใช้ร่างกายของตัวเองหาความสุขจากอีกฝ่ายได้ ...ราวกลับไม่อาจเพียงพอ

     

     

    ชานยอลจุมพิตลงบนหน้าผากเนียนของคนที่ยังหลับไม่รู้สติอยู่อย่างแผ่วเบา ถ้านับจากวันที่เขาบังคับขืนใจแบคฮยอนไปบนดาดฟ้า นี่ก็วันที่ห้าเข้าไปแล้ว ที่เรื่องรักบนเตียงได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของพวกเขาสองคน

     

     

    แบคฮยอนทำให้เขามีความสุข แม้จะฉาบหน้าความทุกข์ไว้ได้เพียงผะแผ่ว แต่ก็มากพอจะต่อลมหายใจให้ยาวยืดไปจนถึงวันพรุ่งนี้

     

     

    ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาเครื่องดื่มดับกระหาย เขาหยิบเบียร์ที่ซื้อมาแช่ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนขึ้นมายกซดหลายต่อหลายอึก จากนั้นความซาบซ่านในรสขมของมันก็กระตุ้นให้นักดื่มตัวยงอย่างเขาแกะฝากระป๋องที่สอง สาม ...และสี่

     

     

    ชานยอลบี้อะลูมิเนียมที่ว่างเปล่าลงกับพื้น ซบหน้าลงกับฝาตู้เย็นเมื่อรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดที่กระชากเขาจากความเป็นไปสู่ความตาย

     

     

    ถูกต้องแล้ว...ความรู้สึกนี้ไม่ผิดแน่

     

     

    มือใหญ่สั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม ลมหายใจของเขาเริ่มกระชั้นถี่ ...มีบางอย่างผิดแผกไป

     

     

    ชานยอลหยิบกระป๋องโลหะที่เขาเพิ่งบี้มันขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นกระป๋องที่หกที่เขาดื่ม และสีฉลากของมันไม่เหมือนกับกระป๋องก่อนหน้า

     

     

    พระเจ้า...มันคือเบียร์ที่เขาซื้อมาเมื่อห้าวันที่แล้ว

     

     

    “ผมเก็บหลักฐานไว้ครบทุกชิ้น คุณไม่มีทางปฏิเสธไปได้หรอก!

     

     

    คำพูดของแบคฮยอนย้อนเข้ากระแทกหัวที่กำลังอื้ออึงสุดขั้วประสาท ชานยอลเริ่มหอบหนักหน่วง สายตาพร่ามัว จุกแน่นในช่องอกราวกับมีเหล็กร้อนมาวางนาบไว้

     

     

    เขาวางเบียร์ผสมยาฆ่าแมลงไว้บนขอบปูนบนดาดฟ้าก่อนขืนใจแบคฮยอน ซึ่งเด็กหนุ่มผู้ไร้เดียงสาก็เก็บมันไว้เป็นหลักฐานเอาผิดเขาข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี

     

     

    ชานยอลไถลลงไปนอนกับพื้นเมื่อไม่อาจต้านทานพิษเคมีไหว

     

     

    เป็นอีกครั้งที่เขาคิดว่า

     

     

    ถ้าเขาไม่วางแผนฆ่าตัวตาย...

     

     

    ถ้าเขา...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คนเรามันกะต้องมีหลายแนว แนวตะเข็บชายแดนกะต้องลองบ้าง

    นั่น งงเลย

    ขอโทษที่หั่นฟีลกันแบบนั่งค้าง รัก เดี๋ยวเรื่องหน้าขอแก้ตัวใหม่


     

    Seeme


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×