คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] L o v e after ' L o v e ' part 1
Title : Love after love 1
Actors : Chanyeol,Baekhyun
Author : See’me
Note : แปลงมาจากฟิคที่เคยแต่งเมื่อสามร้อยล้านปีมาแล้ว (ไม่ได้เว่อร์ซักวันจะตาย)
มอบแด่ความรัก ไม่รัก กำลังจะรัก และกำลังจะไม่รัก…
*---Love after Love---*
ผมน่ารัก ผมดูดี ผมฉลาด ผมทำงานเก่ง ผมคุยด้วยแล้วสบายใจ
คำพูดเหล่านี้มาจากปากบรรดาผู้ชายมากหน้าหลายตาที่แวะเข้ามาทักทายเติมรสหวานให้ชีวิตของผม ก่อนพวกเขาเหล่านั้นจะ...
‘เลิกกันเถอะ...’
ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป…
‘คุณบ้างานเกินไปรู้มั้ย เวลาของเรามันน้อยลงไปทุกทีๆ’
‘ทำไมเวลาคุณจะทำอะไรคุณไม่บอกผมก่อน แล้วไอ้คำแก้ตัวที่ว่าคุณเองก็พึ่งตัดสินใจได้เดี๋ยวนั้นล่ะก็เก็บไปเลย ผมไม่อยากฟัง!’
ไอ้สองเหตุผลข้างต้นผมเองก็พอรับได้อยู่ จริงอยู่ผมมันคนบ้างาน รักและเคารพการตัดสินใจแบบฉับพลันของตนเอง ดังนั้นเหตุผลจากแฟนสองคนที่เลิกกันไปก็พอจะฟังขึ้น...จะมีก็แต่เหตุผลจากไอ้แฟนคนที่สามนี่แหละ ที่ทำให้ผมไม่เข้าใจมาจนถึงปัจจุบัน
‘บยอนแบคฮยอนคุณจะไปรู้อะไร การได้อุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน มันทำให้เรารู้สึกว่าเราตัวใหญ่แค่ไหน คุณไม่รู้หรอกว่าการที่เด็กน้อยที่เราอุ้มอยู่นั้นเรียกเราว่าพ่อ เราจะรู้สึกวิเศษเพียงใด’
‘ใช่...ฉันไม่รู้’
‘ถูกแล้ว คุณไม่รู้ ผมก็ไม่รู้..’
‘…’
‘แต่ตอนนี้ผมอยากรู้แล้ว’
‘หมายความว่ายังไง คุณจะสื่ออะไรกันแน่’
‘...’
‘…’
‘แบคฮยอน...ผมอยากมีลูก’
ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงนั้นผมเฮิร์ตหนักแทบเป็นแทบตาย เขาเป็นรักครั้งที่สามก็จริง ถึงมันจะไม่น่าประทับใจเท่าครั้งแรก แต่ผมก็ปฏิเสธไปไม่ได้ว่าเขาเป็นรักที่สำคัญที่สุดสำหรับผม
ทว่าสุดท้ายเขาก็ทิ้งผมไปด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมมีลูกให้เขาไม่ได้
ตลกชะมัด...เขาเองก็รู้ดีไม่ใช่รึไงว่าผมเป็นผู้ชาย ที่เขามาชอบผมก็เพราะเขาชอบผู้ชาย แล้วอย่างนี้รสนิยมทางเพศของเขาคงจะมีวันทำให้เขาได้อุ้มเด็กอย่างที่ปรารถนาได้อยู่หรอก!
*---Love after Love---*
ภายในร้านกาแฟแพงแสนแพง ‘Starbucks’ บรรยากาศเงียบสงบเย็นสบาย ดนตรีคลาสสิกคลอเบาๆทำให้ลูกค้าในร้านผ่อนคลาย ยกเว้น...ผมเอง
หลังจากช้ำรักมาสามครั้งรวดทำให้ผมปิดใจไม่ยอมรับใครอีก จนกระทั่งอาทิตย์ที่แล้ว…
ผมเจอกับผู้ชายคนหนึ่งในงานเทศกาลหนังสือ วันนั้นผมยุ่งอยู่กับการเซ็นต์ลายเซ็นให้แฟนคลับหนังสือท่องเที่ยวของผม ไม่มีเวลากระดุกกระดิกไปไหน
ท้องที่ร้องจ๊อกๆของผมร้องหนักเขาไปใหญ่ เมื่อแฟนคลับคนหนึ่งยื่นหนังสอให้ผมเซ็นด้วยมือซ้ายส่วนมือข้างขวาของเขา มีกาแฟม็อคค่าของโปรดของผมอยู่
พอผมเซ็นเสร็จผมก็คืนหนังสือให้กับเขาพร้อมเงยหน้ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร...
พระเจ้า!! ทำไมพระองค์จึงได้สรรค์สร้างประติมากรรมชั้นเอกชิ้นนี้ได้ยอดเยี่ยมนัก!
ดวงตากลมโตที่ใสแป๋วเปล่งประกายตลอดเวลา คิ้วได้รูปเหมาะเจาะกับดวงตางดงามไร้ที่ติ จมูกของเขาโด่งเป็นสันสุดแสนจะน่าอิจฉา ริมฝีปากเป็นกระจับสีธรรมชาตินั่นทำเอาใจผมแทบหยุดเต้น
แต่ผมรู้สึกได้...ไม่ใช่มีแค่ผมหรอกนะที่นิ่งอึ้งกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา เพราะดูจากสายตาของเขาแล้ว เขาก็ดูจะหลงใหลกับรูปลักษณ์เบื้องนอกของผมไม่น้อยไปกว่าผมเลย
เราคุยกันทางโทรศัพท์หลังจากวันนั้น เขาชื่อปาร์ค ชานยอลทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเกาหลี และที่สำคัญเขายังเป็นสถาปนิกมือหนึ่งของบริษัทอีกด้วย และนั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าเขาไม่ใช่จำพวกคนรวยที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ที่วันๆดีแต่ผลาญเงินพ่อแม่
ชานยอลไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่ทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความฉลาด หลักแหลม และน่าเชื่อถือ เขาเป็นสุภาพบุรุษที่ไร้ที่ติ ตรงไปตรงมา เรียกได้ว่าเพชรน้ำหนึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้นไอ้ความคิดที่ว่าจะปล่อยให้เขาหลุดมือไปล่ะก็ ไม่มีซะหรอก!
และนี่เป็นเดทแรกระหว่างเรา ผมมาก่อนเวลาซักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ อีกแค่ไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลานัด จริงๆแล้ว.. อ๊ะ! นั่นไงเขามาแล้ว!
“สวัสดีครับ ผมมาสายรึเปล่าเนี่ย?”
“ไม่หรอก คุณมาตรงเวลาเป๊ะเลย” ผมยิ้มให้เขาเล็กน้อย เขายิ้มตอบก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผม
เรารักในรสขมอมหอมหวานของกาแฟเหมือนกัน เราชอบอ่านหนังสือและชอบเที่ยวเหมือนกัน เรามีความคิดเห็นที่ตรงกันในหลายๆเรื่อง
ผมคิดว่า...นี่อาจจะถึงเวลาที่ผมจะต้องมีชีวิตคู่กับคู่ชีวิตอย่างจริงๆเสียที
“คุณเคยเดทมั้ย?” ชานยอลถามออกมา ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่า ‘เคยสิ’
“งั้นคุณก็คงรู้ใช่มั้ยว่าเวลาเดทเราต้องทำยังไง”
“รู้สิ ต้องเล่นเกมถามตอบใช่มั้ยล่ะ”
“อื้ม เพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น ..ผมเริ่มก่อนนะ”
ผมจิบกาแฟเล็กน้อย สายตาของเขาน่ากลัวจัง ไม่ใช่ว่าเขาดูน่ากลัว แต่ที่ผมรู้สึกกลัว ก็เพราะผมกลัวว่าจะต้องหลงใหลดวงตาคู่นี้เสียจนโง่หัวไม่ขึ้นต่างหาก
“แฟนคนเก่าของคุณเป็นยังไง”
“...เขาหรอ ก็...ดูดี ตัวสูง พูดเก่ง แล้วก็เข้มแข็ง”
คุณสมบัติของคนรักเก่าของผมทำเอาชานยอลหรี่ตาลง ผมจึงรีบพูดดักคอไว้ก่อน
“แต่ผมว่าคุณดีกว่าเขา...ตอนนี้ผมชอบคุณมากกว่าเขานะ” พอผมพูดจบเขาก็ยิ้มกว้างออกมา รอยยิ้มของเขาทำให้โลกของผมสว่างไสวขึ้นมาทันตาเห็น
“ตาผมถามบ้างนะ...แฟนเก่าของคุณล่ะ เป็นไงบ้าง”
“เธอชื่อ คิม ซองอา..สวย น่ารัก เป็นแม่ศรีเรือน แล้วก็..”
ชานยอลเว้นประโยคเอาไว้ก่อนจะกวักมือเรียกผมให้มาฟังใกล้ๆ ผมโน้มตัวไปฟังเขาที่เตรียมรอพูดโดยการเอามือป้องปากไว้ราวกับมันเป็นความลับระดับชาติ
“เรื่องบนเตียงเธอเก่งอย่างนี้เลย..”
คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้ผมหึงหวงแต่อย่างใด กลับกันมันกับทำให้ผมขำขันเสียมากกว่า รู้มั้ย? ความวิเศษที่คู่รักหญิงชายไม่มีเหมือนคู่รักชายชายก็คือเรื่องนี้นี่แหละ
เราสามารถแชร์ความรู้สึกต่อกันได้โดยไม่ต้องขวยเขิน ไม่จำเป็นต้องปั้นแต่งให้สวยให้หล่อเพื่อให้อีกฝ่ายประทับใจอยู่เสมอ สามารถพูดเรื่องเพศและ...เซ็กซ์ได้พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
“จริงหรอ ..แล้วทำไมเลิกกับเธอซะล่ะ”
“..” เขานิ่งไป
“นี่ อย่าผิดกติกาเกมถามตอบสิ ตอบผมมาเร็วเข้า”
วินาทีนั้นผมเห็นความอึดอัดในแววตาคู่คม
“เธอ...อยากมีลูกน่ะ แต่ผมไม่อยากมี ผมไม่พร้อมที่จะมีเด็ก ..”
ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน ริมฝีปากล่างของเขาถูกกัดจากฟันได้รูปของเขาด้วยความเคร่งเครียดที่ปิดเอา ไว้ไม่มิด
ผม...อยากจะ
ปิดหมู่บ้านฉลองจังโว๊ยยยยยย!!
“ ฮ่าๆๆๆ วิเศษ!”
“ หือ? คุณว่าอะไรนะ แล้วคุณหัวเราะทำไม”
“ ผมพูดว่าวิเศษ ปาร์ค ชานยอลคุณน่ะคือสิ่งวิเศษสุดสำหรับผม”
“ หมายความยังไง...”
“ ผมเองก็ไม่ชอบการมีลูกเหมือนกัน”
เขาดูโล่งใจที่รู้ว่าผมเองก็ไม่อยากมีลูกเหมือนเขา เราเหมือนกันหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย เราไม่ต้องการมีพันธะที่ยิ่งใหญ่แบบนั้น..เอ่อ หมายถึงลูกน่ะ
“เฮ้อ..ผมนึกว่าคุณจะคิดว่าผมเห็นแก่ตัวซะอีก”
“ไม่เลย ชานยอล การที่คุณเลิกกับผู้หญิงคนนั้นเพราะเธออยากได้ในสิ่งที่คุณไม่อยากได้ มันไม่ใช่เรื่องผิด”
“...”
“เพราะเหตุผลที่ผมเลิกกับแฟนเก่าก็คือเรื่องลูกเหมือนกัน เขาเลิกกับผมเพราะผมมีลูกให้เขาไม่ได้”
“จริงหรอ? ทำไมเขาถึงอยากมีลูกล่ะ”
“ไม่รู้สิ ถ้ารู้ ผมคงอยากมีไปแล้วซิ ลูกน่ะ”
เราหัวเราะกันอีกหนึ่งยก ก่อนจะจูบกันแบบดีฟคิสสุดแสนประทับใจ ผมไม่รู้ว่าทำไมเราทั้งสองถึงได้ติดไฟง่ายได้ขนาดนี้ แค่เดทแรกก็จูบกันขั้นลึกซึ้งแล้ว...สงสัยที่ไวไฟก็คงเพราะเชื้อเพลิงมันแรงล่ะมั้ง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่เราจะเจอคนที่ถูกใจ ตรงใจ และเข้าใจเราได้แทบทุกอย่าง เพียงแค่เวลาไม่กี่วัน ทำให้ผมพูดได้เต็มปากว่า ‘ผมตกหลุมรักเขาไปแล้ว’
*---Love after Love---*
‘คู่รักชานแบคเป็นคู่รักน่าอิจฉาที่สุดในรอบปี’
นี่คือคำพูดของอิน ฮยองเพื่อนสาวคนสนิทของผม ผมยิ้มปลื้มดีใจจนหน้าบานไปเลย
อินฮยองเป็นนักเขียนเหมือนกับผม ต่างกันตรงที่เธอเขียนนิยายรักน้ำเน่าน้ำหนอง ส่วนผมเขียนพ็อกเก็ตบุ้คแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เธอเป็นตุ๊กตาเริงระบำในสายตาของผม เพราะเธอจะระบำไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุด เธอไม่มีสามีหรอก แฟนก็ไม่มี แต่ที่เธอมีเยอะเป็นกระตักก็คือคู่นอนเป็นหนุ่มเอ๊าะๆ ในแบบที่เธอชอบ
เธออิจฉาตาร้อนทุกครั้งที่ชานยอลมารับผมไปกินข้าวกลางวัน แล้วก็เวลาที่พวกเราหนีงานไปพักร้อนต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ ผมกับชานยอลยังรักกันดีไม่มีเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้น้อยลงเหมือนกับคู่อื่นๆที่จืดลงทุกวันจนต้องเลิกลากันไปในที่สุด
นั่นทำให้ผมแน่ใจ...ครั้งนี้ไม่ใช่หวานชั่วคราว แต่มันจะเป็นนิรันดร์ตลอดไป
*---Love after Love---*
ชานยอลขอผมแต่งงานในวันครบรอบสองปีที่เราคบกัน..ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำตอบที่ผมให้เขาจะเป็นเช่นไร
เราจัดพิธีวิวาห์กันในโบสถ์ตามธรรมเนียมคลิสเตียน ก่อนจะหนีไปเข้าเรือนหอกันไกลถึงเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น...แน่นอน พวกผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยนักหรอกในเรื่องนี้น่ะ
ครอบครัวของชานยอลไม่กีดขวางความรักของเราทั้งคู่ แต่ผมรู้ดีว่าพวกท่านไม่พอใจนัก การที่ลูกชายคนเดียวมาตกล่องปล่องชิ้นกับผู้ชายด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องน่า ยินดีเลยซักนิดเดียว
แต่ชานยอลก็คอยปลอบผมอยู่ตลอดเวลา เขาบอกว่าเขารักผมจนไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก...
แค่นี้ก็พอแล้ว แค่เขารักผม เหมือนที่ผมก็รักเขา…
ความรักของเราเบ่งบานราวดอกทานตะวันยามต้องแสงอาทิตย์...ผมคิดเสมอวันมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
จนกระทั่งแสงตะวันนั้นเริ่มหายไป ทีละนิด ..ทีละนิด
ลูกสาววัยเจ็ดปีของพี่สาวของผมกลับมาจากอเมริกาหลังจากข้อตกลงแบ่งลูกกัน เลี้ยงระหว่างพี่เขยและพี่สาวขอผมจบลง เธอเป็นหนูน้อยน่ารักชื่อว่า โบอึม
แม้ว่าพี่สาวของผมและสามีของเธอจะเลิกรากันไปแต่โบอึมก็ดูจะไม่เป็นปมด้อยซักนิดกับข้อนั้น เธอยังคงเป็นเด็กน้อยที่ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
ชานยอลเอ็นดูโบอึมมาก มากเสียจนมาเล่นกับเธอที่บ้านทุกวันจนเจ้าด็อกกี้สุนัขที่พ่อผมเลี้ยงไว้ไม่ เห่าใส่เขาแล้วเหมือนในช่วงแรกๆ
ดูเหมือนว่าชานยอลจะรักเด็กเอาซะมาก...เขาดูมีความสุขเวลาอุ้มโบอึมแล้วหมุนไปหมุนมา
*---Love after Love---*
“ชานยอลไปส่งผมที่ร้านกาแฟหน่อยสิ พอดีว่าเมื่อกี้อินฮยองโทรมาชวนไปหาน่ะ บอกว่ามีเรื่องจะเซอร์ไพร์ส”
ผมบอกกับเขาในบ่ายวันหนึ่ง เขาหอมแก้มผมเบาๆก่อนจะจูงมือผมไปที่รถ
“อันยอง~เพื่อนเกลอมานั่งนี่เร็ว”
พอไปถึงอินฮยองก็เรียกผมกับชานยอลให้ไปหาเธอทันที เราสองคนนั่งลงก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร
“อะไรคือเรื่องเซอร์ไพรสที่เธอบอกว่าจะบอกฉันน่ะ” ผมทวงถามทันทีเมื่ออาหารมาเสิร์ฟครบตามที่สั่งแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรนอกจากลูบท้องของตัวเองอยู่บ่อยๆ จนผิดสังเกต
“อย่ารีบร้อนนักซี่ ใจร้อนมากๆเดี๋ยวก็หน้าเหี่ยวเร็วหรอก จริงมั้ยค่ะ ชานยอล~” อินฮยองหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ชานยอลคนรักของผม ก่อนที่ผมจะส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเพื่อนรักอย่างเอือมๆ
ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มภูมิฐานดีคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งร่วมวงกับพวกเรา ผมรีบส่งสายตาเป็นคำถามไปให้เพื่อนรักตัวดีทันที
“แบคฮยอน คุณชานยอลค่ะ นี่แซมค่ะ...เป็น”
“คู่นอนคนใหม่” ประโยคนี่ผมหันไปกระซิบชานยอลเบาให้พอได้ยินอยู่สองคน
แต่..แต่! คำพูดของอินฮยองกลับทำให้ผมแทบกระอักน้ำลายตัวเอง!
“เป็นสามีของฉัน...”
ผมแทบจะลงไปแดดิ้นกับพื้น...เพื่อนรักตุ๊กตาเริงระบำของผมแอบไปมีสามีเป็นตัวเป็นตนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
อินฮยองที่ผมรู้จักก็เป็นเหมือนผมเด๊ะๆ เกลียดการผูกมัด ที่สำคัญ สิ่งที่เราเกลียดนักเกลียดหนาก็คือ...
“ฉันกำลังมีลูก..”
ส..สิ่งที่เราเกลียดนักเกลียดหนา
ก็คือการมีลูก!!!
*---Love after Love---*
ภายในรถนิ่งเงียบ ผมยังช็อคไม่หายกับข่าวที่ได้รับรู้ ชานยอลเอื้อมมือที่ไม่ได้จับพวงมาลัยรถมากุมมือผมก่อนจะพูดออกมา
“คุณไม่น่าแสดงสีหน้าอย่างนั้น คุณควรจะดีใจกับพวกเค้าสิถึงจะถูก”
“แต่..”
“คุณมีอคติเกินไป...บางทีคุณอาจจะไม่รู้ว่าสำหรับผู้หญิงการมีลูกก็เป็นเรื่องสำคัญ”
“แต่...กับยัยอินฮยองเนี่ยนะ?!”
“คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้...”
สายตาของชานยอลที่ผมเห็นจากกระจกรถ..มันทำให้ผมหัวใจกระตุก
*---Love after Love---*
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ชานยอลแวะมาเล่นกับหนูน้อยโบอึม แต่พอถึงเวลากลับ เขากลับชวนผมไปทานอาหารเย็นกับครอบครัวเขาด้วย ทีแรกผมอยากปฏิเสธแต่คิดมาคิดไปก็ตอบตกลงไปกับเขา เพราะคิดว่านานๆทีไปหาให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชานยอลเห็นหน้าบ้างก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
แต่ผมก็คิดผิด! เพราะวันนี้เป็นรวมญาติชอบตระกูลปาร์ค
“ลูกของเธอเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่เกรดอะไรแล้ว” ลูกพี่ลูกน้องของชานยอลถามพี่สาวของชานยอลที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“เกรด 3 น่ะ กินเก่งมากๆด้วย ไม่รู้โตขึ้นไปจะอ้วนเป็นหมูรึเปล่า”คุณแม่ยังสาวตอบกลับไป ก่อนที่ลูกของตนที่นั่งกินไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่จะเงยหน้าขึ้นมาโวย
“คุณแม่อ่า!”
“ฮิฮิ ไม่เอาน่าเฮมี ถึงหนูจะเป็นลูกหมูแต่คุณแม่ก็รักหนูนะ”
“พ่อก็ด้วย”
บรรยากาศน่ารักๆของครอบครัวสมบูรณ์แบบ ทำให้ทุกหัวใจอบอุ่น
พี่สาวของชานยอลแต่งงานมีลูกมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว งานรวมญาติครั้งนี้จึงมีเด็กๆเต็มไปหมด ซึ่งดูเหมือนว่าชานยอลจะเอ็นดูบรรดาหลานๆเหล่านั้นมาก...
แม่ของชานยอลมองมาทางผมบ่อยครั้ง ผมรู้ว่าท่านผิดหวัง...ผมรู้ว่าท่านเสียใจ
ถึงหลานของท่านจะมีลูกๆวิ่งให้วุ่นแล้วก็เถอะ แต่ผมก็รู้...ว่ามันคงเทียบไม่ได้ถ้าเด็กเหล่านั้นมีซักคนหนึ่งที่เป็นลูก ของชานยอล ลูกชายคนเดียวของเธอ ส่วนที่เหลืออีกสองคนเป็นลูกสาว ..แน่นอน ลูกของพวกเธอเหล่านั้นถือเป็นทายาทของตระกูลฝ่ายผู้ชายอยู่แล้ว ...ดังนั้นตระกูลปาร์ค ในตอนนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่มีผู้สืบทอดสกุลรุ่นถัดจากชานยอลเลยซักคนเดียว(ก็ชานยอลเป็น ลูกชายคนเดียวนี่นา...ต้องแต่งหญิงเข้าบ้าน มีลูกด้วยกัน เด็กคนนั้นจึงถือเป็นกรรมสิทธ์ของตระกูล)
คิดดูซิเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ผู้ฝากความหวังไว้กับลูกชาย...ต้องฝันสลายเมื่อลูกชายของเขาไม่สามารถมีทายาทไว้สืบกิจการต่อไปได้
แต่ถึงผมจะมีลูกได้ มีรังไข่ มีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนผู้หญิง ผมก็ขออยู่แบบนี้ไปจนตายจะดีกว่า
ระหว่างรับประทานอาหาร ผมอึดอัด อัดอั้น อยากจะร้องไห้ออกมา ผมรู้ว่าผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ครั้งนี้ผมรู้ว่าญาติของชานยอลตั้งใจกระทบกระแทกผมจริงๆไม่ใช่เป็นเพราะผมคิดไปเอง
พวกเขาเอาแต่พูดเรื่อง ลูก ลูก ลูก แล้วก็ลูก พูดว่ามีลูกแล้วดีอย่างนู่น มีลูกแล้วดีอย่างนี้ ทีแรกผมก็ยิ้มรับฟังไปตามมารยาท แต่หลังๆก็ชักจะไม่ไหว ซึ่งชานยอลก็คงเข้าใจผม เขาเลยเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้นแทนผมทั้งหมด
“แก่ตัวไปจะลำบากนะ อย่างน้อยมีลูกไว้ซักคนก็ดีเหมือนกัน โตขึ้นจะได้เลี้ยงเราได้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...เราดูแลกันและกันได้” ชานยอลตอบพี่สาวไปพร้อมรอยยิ้ม เธอไม่ยอมแพ้ยิงกระสุนมาอีกหนึ่งดอกทันที
“ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนหรอกนะ ถ้าเกิดพวกนายสองคนมีคนใดคนหนึ่งตายก่อนล่ะ ไม่เหงาแย่หรอ?”
“...”
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรออกมา เขาก้มหน้านิ่ง ...ส่วนมือของผมที่กำลังตักซุปข้าวโพดก็สั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ
“คิดดูนะชานยอล ธุรกิจยักษ์ใหญ่จะดำเนินการต่อได้ยังไง ถ้าไม่มีผู้สืบทอด”
ชานยอลเงียบเหมือนเดิม...แต่ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น
“นายรักเด็กไม่ใช่หรอชานยอล แล้วอีกอย่างพวกพี่ก็อยู่เมืองนอกกันหมดกว่าจะกลับมาเกาหลีซักทีก็นานๆครั้ง คุณแม่ท่านก็คงเหงาแย่ ถ้ามีหลานมาให้ท่านเลี้ยงก็คงจะดีไม่น้อย ใช่มั้ยค่ะคุณแม่?”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยลูก...แบคฮยอน ไม่ต้องคิดมากนะ”
คำพูดของแม่ชานยอลไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ผมรู้ว่าที่ท่านพูดแบบนั้นก็เพราะว่าท่านต้องพูด ท่านเป็นผู้ใหญ่ คงไม่งามแน่หากจะพูดตามความประสงค์ของตนเอง...แต่ก็ขอบใจนะครับ ที่ไม่พูดมันออกมาตรงๆ
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา...ผมก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผมร้อนใจและเจ็บปวด
*---Love after Love---*
ตอนนี้เรากำลังเหยียบพื้นทรายแห่งนามิอยู่ล่ะ! ผมชวนชานยอลมาให้วันหยุดสุดสัปดาห์ ถือซะว่ามาฮันนีมูนกัน~ นอกจากชานยอล เพื่อนตัวแสบอินฮยอง แล้วก็ครอบครัวของผม สิ่งที่ผมรักอีกอย่างหนึ่งก็คือการท่องเที่ยวนี่แหละ
เวลาแห่งดินเนอร์มาถึง เราอยู่บนดาดฟ้าโรงแรมสุดหรู บนโต๊ะมีอาหารเลิศรส ไวน์ชั้นดี เชิงเทียนสว่างไสว ดอกกุหลาบสีแดงในแจกัน และมีผมที่หัวใจเต้นตึกตัก
มือขวาของผมจงใจวางไว้บนโต๊ะ รอว่าเมื่อไหร่เขาจะเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้อย่างที่เขาชอบทำ
แต่ว่า..ไม่มีความอบอุ่นอ่อนโยนจากชานยอลเหมือนแต่ก่อน
เขาทานเสต็กในจากโดยไม่สนใจผม นานทีกว่าจะจิบไวน์ ดวงตาคมที่ผมหลงนักหลงหนาเอาแต่มองไปยังทะเลยามราตรี...
“มีอะไรไม่สบายใจ...คุณบอกผมมาเถอะชานยอล”
ผมไม่ใช่นางเอก ผมไม่จำเป็นต้องเก็บความสงสัยไว้คงเดียวให้มันคอยกัดกินจิตใจ ในเมื่อยังมีเขาอยู่ตรงหน้า ผมก็พร้อมจะถามได้ตลอดเวลา ...และยังต้องการฟังคำตอบของเขาอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
“แบคฮยอน...”
“...”
“ผมอยากมีลูก”
ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี วินาทีนั้นผมหนาวจับขั้วหัวใจ ทั้งคำพูด ทั้งสายตาของเขา มันฆ่าผมให้ตายทั้งเป็นได้ไม่ยากนัก
“คุณเคยบอกผมว่าคุณไม่อยากมีลูกไม่ใช่หรอ”
“ก็ตอนนั้นผมยังไม่พร้อม...แต่ว่าตอนนี้”
“คุณบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าคุณไม่อยากมีภาระ”
“แบคฮยอน...”
“คุณบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าเราสองคนจะดูแลกันและกันตลอดไป...เราอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรอ”
“คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้...”
จริงด้วยซินะ ...เปลี่ยนแปลงกันได้
ก็เหมือนที่เขาเปลี่ยนจากชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชายอย่างผมยังไงล่ะ...เขาไม่ ชอบการผูกมัด ดังนั้นเขาจึงเลี่ยงที่จะคบกับผู้หญิงที่สามารถหาเรื่องเสี่ยงๆมาให้เขาได้ อยู่ตลอดเวลา มาคบกับผู้ชายตัวเล็กเหมือนผู้หญิงอย่างผมแทน ...อย่างนั้นใช่มั้ย?
“คุณก็รู้ว่าผมมีลูกไม่ได้..”
“แต่ผมอยากมีลูก”
“...ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงต้องเลือก”
.
“...”
ผมกลืนก้อนขมๆลงลำคอ ก่อนตัดสินใจพูดออกไป
“คุณเลือกได้อย่างเดียวชานยอล.. ผม หรือ ลูก”
ชานยอลเป็นคนฉลาด ผมรู้น่าว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ผมพูดดี ถ้าเลือกผมเขาก็ควรจะหุบปากในเรื่องลูกซะ แต่ถ้าเขาเลือกลูกล่ะก็...เราก็จบกัน เท่านั้นเอง
“ผมเลือกทั้งสองอย่าง...”
“ชานยอล..”
เสียงเข้มของผมทำให้เขายิ้มบางออกมา มือขวาของผมที่วางไว้บนโต๊ะถูกเขาดึงไปกุมไว้ในที่สุด
“เลือกคุณ...ยังไงผมก็เลือกคุณ”
คำตอบของเขาทำเอาผมหัวใจพองโต ผมมองมือของตัวเองที่ถูกมือใหญ่จับเอาไว้ด้วยความสุขล้นหลาม ก่อนความสุขเหล่านั้นจะมลายหายไปเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาสบตาของเขา..และเขาก็ หลุบตาลงเพื่อซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมในนั้น
ตอนนั้นผมรู้...รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว
*---Love after Love---*
พอพักผ่อนที่นามิเสร็จผมก็กลับมาเคลียร์งานอย่างไม่ลืมหูลืมตาทันที ช่วงหลังมานี่ผมแทบจะนอนค้างที่บริษัททุกคืน
ซึ่งคืนนี้ก็เช่นกัน ผมโทรไปบอกชานยอลไว้เรียบร้อยแล้วว่าคงจะไม่กลับบ้าน เขาดูจะห่วงผมมากสั่งนู่นสั่งนี่ใหญ่ กินข้าวบ้างล่ะ อย่าหักโหมบ้างล่ะ ตาคนบ๊องเอ๊ย! ทีตัวเองหอบงานมานั่งทำที่บ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน บยอน แบคฮยอนคนนี้เคยว่าซักคำมั้ย?
บ่นในใจไปเท่านั้นล่ะ...เพราะผมรู้ ที่ชานยอลทำแบบนี้ ก็เพื่อแสดงว่าเขาเป็นห่วงผม แค่นี้ แค่มีเขาอยู่เคียงข้าง ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
แปลก...ที่ครั้งนี้ชานยอลโทรไปสั่งอาหารให้ผมให้ร้านเอามาส่งให้ถึงออฟฟิศ เป็นเรื่องน่าดีใจนะ แต่ก็แปลกใจนิดน้อย เขาไม่เคยทำแบบนี้..
หลังๆมานี้เราเจอกันน้อยลง ผมมีงานเข้ามาถ่วงเวลาชีวิตเยอะขึ้น ส่วนชานยอลก็เช่นกัน เขาเริ่มงานรัดตัวหลังจากดำรงตำแหน่งประธานเครือปาร์คในที่สุด
เราเจอกันวันล่ะไม่ถึงห้าชั่วโมง ที่แย่ไปกว่านั้นคือบางวันผมก็ไม่มีโอกาสเห็นหน้าเขาเลย
แต่ว่าวันนี้ไม่ใช่! ผมกับเขาแบกเป้มาเที่ยวกัน~ ตอนนี้เราอยู่โมกโพแล้ว~ ลมเย็นๆทำให้หัวใจและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานของผมชุ่มช่ำ แต่การที่มีชานยอลอยู่ข้างกายมันทำให้ผมไม่ขาดรัก...
รัก สิ่งที่หล่อเลี้ยงผมจนมีวันนี้ได้ ขอบคุณที่มีเขา ขอบคุณที่เรายังอยู่ข้างกัน...
“เด็กคนนั้นหน้าเหมือนคุณจัง” ชานยอลโพล่งขึ้นขณะที่เรากำลังนอนอาบแดดอยู่บนหาดทราย
“ตลกน่า ผมไม่เคยไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนซักหน่อย”
ผมมองไปยังเด็กคนนั้นไม่วางตา เป็นเด็กผู้หญิงอายุน่าจะสามขวบได้ ผมสีน้ำตาลเข้ม ตารีเรียวใสแจ๋ว ปากแดงเหมือนผลสตอร์เบอร์รี่
“ผมไม่ได้จะหมายความถึงอย่างนั้น...”
“แล้วคุณจะสื่ออะไร”
“ถ้าเรามีลูกด้วยกันล่ะก็ หน้าตาแกคงจะเป็นแบบนั้น...นี้แหละสิ่งที่ผมจะหมายความ”
ผมก้มหน้าซบสองแขนที่วางไว้เหมือนเคย ปล่อยให้แดดอาบแผ่นหลังของผมต่อไป
ผมเจ็บตา...เพราะครีมกันแดดของผมมันไม่กันน้ำ
ดังนั้นมันจึงไม่สามารถกันน้ำตาของผมที่ชุ่มชื้นจนเปียกปอนจนละลายเนื้อครีมมาทำให้ผมแสบตาได้
ผมนึกว่าเขาจะลืมเรื่องลูกไปแล้วซะอีก...แต่ไม่เลย เขายังคงโหยหาสิ่งนั้นอยู่เต็มหัวใจ
สิ่งที่ทำให้ผมช็อคมากนั่นก็คือ
‘ผมขอโทษนะแบคฮยอน พอดีมีงานด่วนผมต้องกลับโซลเดี๋ยวนี้ คุณอยู่เที่ยวต่อคนเดียวได้นะ’
ชานยอลบอกผมในวันที่สองของการเที่ยว ผมนิ่งไปซักพัก เหมือนถูกสาปเลยล่ะ แต่เขาก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาสวมให้ผม นั่นทำให้ผมยิ้ม ออกและปล่อยให้เขากลับโซลไป
สิ่งนั้นคือสร้อยคอทองคำขาว จี้หัวใจเป็นเพชรเม็ดเล็กๆมาต่อกัน ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ย? ต่อให้ผมต้องเจ็บใจแค่ไหน แต่ถ้าเขายังแสดงว่าเขายังรักผมอยู่ล่ะก็...ผมก็สุขเกินพอแล้ว
*---Love after Love---*
ผมกลับมาจากโซลหลังอยู่เที่ยวอีกสองวัน ปรากฏว่าชานยอลไม่อยู่บ้าน โทรไปถามเลขาที่บริษัทเธอก็บอกว่าชานยอลไม่ได้อยู่ที่นั้น และที่สำคัญ วันที่เขาขอกลับโซลไปคนเดียว ก็ไม่มีประชุม หรืองานด่วนเข้ามา
เขาโกหกผมอย่างนั้นหรือ?
ผมตัดสินใจไปปรับทุกข์กับพี่สาวของผม พี่แจยองเธอมีประสบการณ์ความรักมากกว่าผม อย่างน้อยเธอก็น่าจะช่วยผมได้
แต่ไม่เลย...คำพูดของเธอมันทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิมเสียอีก
“สามีนายเขาโกหกขนาดนั้น แสดงว่าเรื่องมันต้องไม่ธรรมดาแน่..อ้อแล้วที่สำคัญ ถ้าเขาเริ่มทำอะไรดีๆให้นายแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนล่ะก็...”
“?”
“เอ่อ อย่างเช่น ดูแลเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ พูดจาหวานๆมากกว่าเก่า ซื้อดอกไม้ให้ ซื้อเครื่องเพชรให้”
“แล้ว..”
“เขานอกใจชัวร์!!”
วินาทีนั้น..ผมกำสร้อยคอจี้รูปหัวใจที่เขาให้ผมแน่น
ผมกลับมาถึงบ้านหลังจากที่ปรึกษากับพี่แจยองจบ ผมพยายามไม่เชื่อ ไม่หวั่นไหว เพราะผมเชื่อ...เชื่อใจเขา
ชานยอลยังไม่กลับบ้าน ผมโทรไปหาเขา เขาบอกว่ากำลังคุยงานกับลูกค้าอยู่ ผมจึงไม่ได้ซักอะไรเข้าอีก
ที่บ้านไม่มีอะไรพอจะทำเป็นอาหารเย็น(และถึงจะมีผมก็ทำไมเป็นหรอก) ผมเลยตัดสินใจไปหาอาหารเย็นกินนอกบ้าน
ผมไม่ใช่คนสิ้นเปลืองหรอกนะ แต่ที่ผมมาทานดินเนอร์ที่โรงแรมหรูนี้ก็เพราะผมเสียดายบัตรลด 40% ที่ได้มาจากอินฮยองน่ะสิ
บนห้องอาหารระดับห้าดาว มีแต่คู่รักเต็มไปหมด ผมแอบน้อยใจอยู่ลึกๆ ที่ชานยอลไม่มาด้วย..ช่างเถอะเขาติดงานนี่นา จะให้ทำไงได้
ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างจะกลับไปยังโต๊ะ ผมเดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอมีนัยน์ตาสีน้ำตาสว่างเหมือนมีประกายระยิบระยับอยู่ในนั้นตลอดเวลา ริมฝีปากแดงธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลเข้มทิ้งตรงเงางาม เธอยิ้มพร้อมเอ่ยขอโทษผม...ตอนนั้นเอง
“รู้มั้ยแบคฮยอน?..สิ่งที่ผมชอบที่สุด ก็คือรอยยิ้มที่สว่างไสวของคุณ”
ไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงประโยคนี้...ไม่รู้สิ เป็นเพราะผมคงเห็นรอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้ง
ผู้หญิงที่ชื่อ...คิม ซองอา
อย่านะ...อย่าทำแบบนี้
ผมบอกตัวเองในใจ อย่ามองตามเธอคนนั้นไปเด็ดขาด...ต้องเชื่อใจสิ ต้องเชื่อใจชานยอล
แต่จนแล้วจนรอด สายตาเจ้ากรรมของผมก็มองตามเธอจนเธอหยุดนั่งลงบนโต๊ะริมกระจกใส...โต๊ะที่มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ผู้ชายที่ผมเองก็รู้จักดี...
*---Love after Love---*
ตีสองแล้ว...
ผมนั่งรอการกลับมาของชานยอลบนโซฟา น้ำในตาไม่ไหลงมาซักที มันทำให้ผมมองภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
เขาโกหกผมอีกแล้ว...แล้วเรื่องแฟนเก่าของเขาอีก ทำไมต้องทำร้ายผมแบบนี้ด้วย
เขาไม่อยู่เที่ยวกับผม...ผมยอมได้
เขาไม่ซื่อสัตย์กับผม...ผมยอมได้
แต่ถ้าเขาไม่รักผม...ผมคงยอมไม่ได้
กริ๊ก...
ประตูถูกเปิดในที่สุด ชานยอลยิ้มให้ผมบางๆ เมื่อเห็นผมรอเขาอยู่ เขาอยู่ในสูทสีขาวตัวเดียวกับที่เขาใส่ตอนดินเนอร์กับแฟนเก่าที่โรงแรม
“คุยกับลูกค้าเป็นยังไงบ้าง”
“...ก็ดี”
ผมยิ้มให้เขา...หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ ชานยอลขอตัวไปอาบน้ำ ซึ่งผมก็อนุญาตแต่โดยดี
ผมมองเห็นแผ่นหลังที่เดินเข้าไปในห้องน้ำของเขาได้อย่างชัดเจน...เพราะหยดน้ำตาที่คลออยู่ภายในก่อนหน้า
มันได้หยดไหลออกมาแล้ว...
จบพาร์ท 1
เม้นด้วยนะที่รัก จูด๊วบบบ
ความคิดเห็น