ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] chanbaek

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] m a g i c ' Baekhyun - END -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.94K
      33
      30 ก.ค. 57

     





     

    เมื่อแรกเจอกับเธอก็ละเมอ ดั่งต้องมนต์
    ก็เหมือนคนที่ถูกสะกดดวงใจเอาไว้ ไม่ให้ไปไหน


    เพ้อแต่เธอ
    นี่เธอช่วยหันมามองฉันทีนะคนดี


    อยู่ในชั่วโมงต้องมนต์
    ชั่วโมงที่ใจไหวหวั่น
     

     



     

     




     

     

     

    “เฮ้ออ~

     

    “...”

     

    “เฮ้ออออ~

     

    “จะถอนหายใจทำไมนักเนี่ย”

     

     

    แบคฮยอนที่นั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะจ้องหน้าเพื่อนด้วยแววตาหงอยๆ  ถึงคริสจะมีทีท่าว่ารำคาญการถอนหายใจทิ้งขวางของเขา กระนั้นคนตัวเล็กก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวเหยียดออกมาอีกครั้ง

     

     

    “เฮ้ออออ~...”

     

    “ทุกข์ใจอะไรนักหนา” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม เขาแทบจะเขียนลงไปในกระดาษรายงานว่าเฮ้ออยู่แล้ว

     

     

    แบคฮยอนทำตาเศร้า ริมฝีปากบางยู่ออกมาเหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจ

     

     

    “คริสว่าชานยอลจะชอบเรามั้ย”

     

    “จะไปรู้หรอ”

     

    “ชานยอลต้องมีคนที่ชอบอยู่แล้วแน่ๆเลยอ่ะ”

     

    “รู้ได้ไง นายก็มั่วไปเรื่อย ...ฉันหล่อกว่าแท้ๆดันไปชอบไอ้ติ๊งต๊องนั่น” เดือนคณะบ่นไม่จริงจังนัก เขากับแบคฮยอนเป็นเพื่อนข้างบ้านกันมาตั้งแต่เด็ก   จริงๆก็เคยลองคบกันแบบคนรัก แต่คบกันได้แค่ไม่กี่วันก็มีอันต้องเลิกรา 

     

     

    ว่ากันว่า คนที่เหมาะสมกันอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กันเสมอไป โลกนี้มีอีกตั้งหลายความสัมพันธ์ที่เราจะเลือกเป็น และคริสกับแบคฮยอนก็คิดว่าการอยู่ดูแลซึ่งกันและกันในฐานะเพื่อนสนิทคือความสัมพันธ์ที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา

     

     

    “ก็อาการของชานยอลเหมือนคนกำลังมีความรักเลยอ่ะ”

     

    “หรออ”

     

    “ชานยอลต้องชอบไคแน่เลยอ่ะ”

     

    “เฮ้ย!

     

    “ไม่เฮ้ยอ่ะ เราว่าแน่ๆเลย” แบคฮยอนไถหน้าลงไปนอนท้อแท้กับพื้นโต๊ะ เบะปากเหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา

     

    “ทำไมคิดงั้นอ่ะ ไม่ใช่ม้างงง อย่างจงอินเนี่ยนะ”

     

    “อื้อ... ก็ไคผิวแทน แล้วก็เซ็กซี่ด้วย ...ชานยอลต้องชอบไคอยู่แน่เลยๆ”

     

     

    คริสทำหน้าไปไม่เป็น ไม่ปฏิเสธหรอกว่าจงอินเป็นคนที่ดูดีและมีสเน่ห์คนหนึ่ง  แต่กับชานยอลเนี่ยนะ  มันจะใช่หรอ?

     

     

    “คริสช่วยไปกันไคออกจากชานยอลให้หน่อยสิ  ไปจีบไคให้แบคฮยอนหน่อยน้า น้าา นะๆๆ” มือเรียวกอดก่ายเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างออดอ้อน

     

     

    คริสทำหน้าพิลึก “พอๆ ไม่ช่วยอะไรแล้ว  ทุกวันนี้นายก็ติดฉันเข้าคณะเป็นตังเมจนคนอื่นๆเขาคิดว่านายกับฉันคบกันหมดแล้ว  ขืนช่วยอะไรนายอีกมีหวังฉันได้ขึ้นคานตลอดชีวิตแหง”

     

     

    แบคฮยอนคลายมือออกจากกล้ามแขนของเพื่อนรัก สภาพหมาหงอยทำให้คริสเห็นใจอยู่บ้าง  แต่จะให้ไปจีบจงอิน ยังไงก็ขอบายจะดีกว่า...

     

     

    คนตัวเล็กฟุ่บหน้านอนไถโต๊ะหินอ่อนอีกครั้ง  แล้วหัวใจอันแสนว้าวุ่นตามประสาคนแอบรักเขาข้างเดียวก็คิดพะวงไปถึงครั้งแรกที่ได้พบกันจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันรับน้อง มีกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างคณะวิศวะกับบริหารธุรกิจ   ตอนนั้นแบคฮยอนเป็เด็กปีหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว  เลยติดคนที่พอจะพึ่งพาได้อย่างคริสแจ  แต่วันนั้นเพื่อนตัวสูงข้างบ้านดันโดนส่งไปคัดลีด เขาก็เลยลอยลำอยู่ท่ามกลางลานหน้าคณะวิศวะแบบมึนๆ

     

     

    ถึงแบคฮยอนจะไม่ฉลาด แต่แบคฮยอนก็ยังโง่ด้วย(?)

    ถึงจะช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังเอ๋ออีกต่างหาก(?)

     

     

    กิจกรรมสันทนาการในช่วงเช้าผ่านไปโดยที่แบคฮยอนก็ยังไม่มีเพื่อนซักคน  คณะบริหารไม่ค่อยนัดรับน้องหลังเลิกเรียนกันซักเท่าไหร่ก็เลยไม่สนิทกันเหมือนพวกเด็กวิศวะที่ดูเหมือนจะถูกรุ่นพี่พาไปซ้อมเช้าซ้อมเย็น 

     

     

    ช่วงเวลาพักกลางวันที่คนตัวเล็กรอคอยมาถึงพร้อมข้าวกล่องแล้วน้ำขวดที่แจกให้น้องๆทุกคน แบคฮยอนรับข้างกล่องมาแกะกินใต้ต้นไม้คนเดียว  มองไปรอบๆก็เห็นคนอื่นจับกลุ่มกินด้วยกันสนุกสนาน...นี่ถ้าคริสมาด้วยเขาคงไม่ต้องเหงาขนาดนี้

     

     

    “เฮ้ยๆ! นายอ่ะ”

     

    คนตัวเล็กหันไปทางเสียงเรียก ตอนแรกก็ไม่คิดว่าคนแปลกหน้าคนนั้นจะเรียกเขาหรอก แต่พอโดนสะกิดที่ต้นแขนยิกๆก็เลยหันไป

     

     

    สภาพที่เห็นคือนิสิตรุ่นเดียวกันแต่อยู่คณะวิศวะ ฝ่ายนั้นหลับตาปี๋เหมือนแสบตา ทั้งหน้าเต็มไปด้วยสีกับแป้งเละเทะไปหมด

     

     

    “ขอน้ำหน่อยดิ แสบตา เร็วๆเลย”

     

    แบคฮยอนงงๆมึนๆ อีกฝ่ายเร่งอีกครั้ง

     

    “น้ำอ่ะ ขอน้ำหน่อย!

     

    แบคฮยอนมองขวดน้ำในมือตัวเองก่อนจะแกะฝาขวด  แต่ว่า...

     

    “เราแกะไม่ออกอ่ะ”

     

    “โอ๊ย!! แสบตา โอ๊ะๆ ไหลเข้าตาอีกแล้ว!” อีกฝ่ายโอดครวญยกใหญ่  คนตัวเล็กที่เห็นเพื่อนร่วมโลกกรีดร้อง(?)อย่างน่าเวทนา จึงรีบออกแรงเปิดขวดน้ำอีกครั้ง บิดจนฝ่ามือถลอก

     

     

    ขวดน้ำสีฟ้าคลายจากเกลียวในที่สุด  แบคฮยอนบอกให้อีกคนอยู่เฉยๆ ก่อนที่จะเขาจะค่อยๆเทน้ำล้างให้บริเวณดวงตา และกระจายไปทั่วๆ

     

     

    คนร่างสูงยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆอยู่ซักพัก ก่อนจะไล่ปาดสีและแป้งออกจนเกือบหมดทั้งหน้า และถึงแม้ว่าทั้งน้ำทั้งสีจะกระเด็นเลอะเสื้อผ้าของเจ้าของขวดน้ำไปหมด แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ว่าอะไร

     

     

    คนตัวสูงยังไม่กล้าลืมตา คงเพราะยังเคืองอยู่มาก  แต่พอน้ำหมดขวดแล้วก็ผงกศีรษะขอบคุณยกใหญ่  เสียงทุ้มๆที่กล่าวคำว่าคัมซาฮัมนิดาทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาบางๆ

     

     

    อีกฝ่ายเหมือนไฮเปอร์ พอเขาบอกว่าไม่ต้องการน้ำคืนจากอีกฝ่าย ไม่ต้องลำบากไปหาคืนมาให้ คนตัวสูงก็ยิ้มกว้างปรบมือเหมือนแมวน้ำเสียสติ บอกว่าเขาช่างมีน้ำใจประเสริฐอะไรอย่างนี้

     

     

    แบคฮยอนอมยิ้มกับท่าทีกระตือรือร้นทั้งที่ยังหลับตาปี๋อยู่ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นหน้าเขา แต่ก็ฉีกยิ้มให้อย่างสดใส  ดูจะม่โกรธหรือติดใจอะไรพวกรุ่นพี่เลยที่ถูกรุมละเลงหน้าซะเละขนาดนั้น

     

     

    วันนั้นเขาจึงสละผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายไป...

     

     

     

     

     

     

     

     ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     

     

     

     

     

     

    เจอกันครั้งที่สองน่ะหรอ...อือ...ก็ตอนเปิดสายรหัสคณะวิศวะตอนปีสอง

     

     

    “แต่งตัวเวอร์จัง จะหล่อไปมั้ยครับอู้อี๋ฟาน” แบคฮยอนแซวเพื่อนรักชาวจีนที่อยู่ในชุดสูทเต็มยศ ปกรีดคมกริบ ทรงผมก็เซ็ทไว้อย่างดี

     

    “ก็น้องรหัสฉันเป็นผู้หญิงนี่  จะไปแต่งตัวเป็นลิงทะโมนเหมือนคนอื่นได้ไง  ถ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ก็ว่าจะแต่งฮาๆแล้วชวนไปกินเหล้านอกรอบซักยก”

     

     

    แบคฮยอนจิ๊ปากอย่างหมั่นไส้ น้องรหัสของเขาก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เขาไม่เห็นจะได้ใส่สูทผูกไทยังงี้เลย...อู๋ฟาน คนขี้เก๊ก

     

     

    “แล้วจะไปด้วยจริงๆใช่ป่ะ ถ้าเบื่ออย่างมาบ่นกันนะ”

     

     

    แบคฮยอนนิ่งไปซักพัก ก่อนจะยิ้มตอบอย่างน่ารัก  “ไม่เบื่อหรอก คณะคริสมีคนที่เราอยากเจอ ถ้าวันนี้เจอเราก็ไม่เบื่อหรอก”

     

     

     

     

     

     

    งานเริ่มไปบ้างแล้วตอนที่สองเพื่อนรักไปถึง คริสเจิดจ้าและโดดเด่นด้วยเครื่องหน้าและรูปร่างสูงๆประกอบกับการแต่งกายหรูหรา เรียกสายตาคนทั้งคณะให้มุ่งตรงมาได้ไม่ยาก เล่นเอาคนที่อยู่ข้างๆขัดเขินเล็กน้อยกับการตกเป็นจุดสนใจ

     

     

    เพื่อนรุ่นเดียวกันโบกไม่โบกมือทักทาย คริสจูงเพื่อนตัวเล็กให้เดินไปแจมในกลุ่มด้วยกัน  แบคฮยอนเดินตามต้อยๆ ตาเรียวก็สอดส่ายหาคนที่อยากเจอไปด้วย

     

     

    “หล่อไม่เกรงใจไคเลยนะคริส” เสียงแซวดังมาจากข้างหลัง เจ้าของชื่อหันไปพร้อมกับแบคฮยอนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับประโยค

     

     

    คนพูดเป็นหนุ่มผิวเข้มที่ยืนกอดอกยักคิ้วแบบกวนๆส่งมาให้  คริสทักทายคนๆนั้นพอเป็นพิธีก่อนจะแนะนำให้แบคฮยอนรู้จัก (ที่จริงแล้วอี๋ฟ่านแอบคิดว่าอาจจะเป็นไคก็ได้ที่เพื่อนตัวเล็กของเขาแอบชอบอยู่)

     

     

    แบคฮยอนฟังหูออกหู เพราะว่าตั้งแต่วินาทีที่หันไปตามเสียงเรียก คนตัวเล็กก็ไม่อาจถอนสายตาไปจากคนตัวสูงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างจงอินได้เลย

     

     

    ชานยอลดูเก้ๆกังๆตอนที่ถูกจงอินสะกิดให้เป็นฝ่ายแนะนำตัวบ้าง  แบคฮยอนโค้งอย่างมีมารยาทและหวังว่าอีกฝ่ายจะจำตนเองได้

     

     

    แต่สุดท้ายก็หมดหวัง

     

     

    ชานยอลจำวันแรกพบของพวกเขาทั้งสองในวันรับน้องตอนปีหนึ่งไม่ได้

     

     

    แบคฮยอนดีที่ได้เจอกันอีก  แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดอยากมีเวทมนต์....ถ้าเสกอะไรก็ได้นะ อย่างน้อยๆตอนนี้ก็จะเสกให้ชานยอลจำเขาได้

     

     

    ชานยอลในวันนี้ไม่แตกต่างกับครั้งแรกที่เจอกันนัก อาจจะตลกกว่าด้วยซ้ำ เพราะนอกจากหน้าจะเต็มไปด้วยแป้งและสีแล้ว ทั้งผมและชุดก็เข้าคอนเซ็ปต์มาสคอตโจ๊กเกอร์จมูกโต

     

     

    คริสจึงตัดชานยอลออกจากตัวเลือกหนุ่มที่แบคฮยอนกำลังเพ้อพกอยู่ แล้วมุ่งไปที่จงอินอย่างเดียว  วันนั้นทั้งวันแบคฮยอนจำได้ว่าถูกคริสฝากให้จงอินช่วยดูแลเกือบห้าครั้ง  ซึ่งเขาเองก็เต็มใจ เพราะทุกที่ที่จงอินอยู่ ก็จะมีชานยอลอยู่ด้วยเสมอ

     

     

    ดวงตาคู่เรียวมองแต่ชานยอล

     

     

    ชานยอลเป็นคนตลก

    ชานยอลใจดี

    ชานยอลร่าเริงแล้วยิ้มตลอดเลย

    ชานยอลน่ารัก

    เดินก็น่ารัก

    เต้นก็น่ารัก

    ตอนดุรุ่นน้องยังน่ารักเลย

    ชานยอลน่ารักๆๆๆๆ

     

     

    โอ๊ย!! แบคฮยอนชอบชานยอลจริงๆแล้วนะ!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คริสสส~” พอขึ้นมาอยู่บนรถด้วยกัน คนตัวเล็กก็ทำหน้าเพ้อ หันมาเรียกเพื่อนรักเสียงอ้อน

     

    “จงอินใช่มะ” คริสสตาร์ทเครื่องยนต์ ถามทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาออกจากกระจกมองหลังขณะถอยรถอกจากที่จอด

     

    คนตัวเล็กส่ายหัวจะผมเพ้ายุ่งเหยิง “เหอะ”

     

    “เลย์ล่ะสิ?”

     

    “ไม่ช่ายย”

     

    “คยองซู? จุนมยอน? อือออ...จงแด!?

     

    “เหอะ”

     

    “เทา? ลู่หาน? ซิ่วหมิน? เฮ้ย! เซฮุนหรอ”

     

    “มั่วแล้ว~

     

    คริสทำหน้าหงุดหงิด  “งั้นก็เฉลยเหอะ ฉันทายหมดวงเอ็กโซล่ะ -_-

     

     

    แบคฮยอนหัวเราะคิกคัก กวักมือเรียกอีกคนให้มาฟังใกล้ๆ  คริสทำสีหน้ารำคาญแต่ก็ยอมหยุดรถเลียบฟุตบาท  ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกเข้าไปใกล้

     

     

    แบคฮยอนทำมือป้องปากเป็นเด็กๆ จงใจกระซิบข้างหูของเพื่อนสนิท

     

    “ชานยอลแหละ...เราชอบชานยอลมากๆ มากๆๆๆ มากๆเลยอ่ะคริส~

     

     

     

    คนตัวสูงนิ่งไป จริงๆไอ้ชานยอลก็ดีล่ะมั้ง(?) แต่ติ๊งต๊องไปหน่อย เพื่อนเขาก็เป็นจำพวกเหยาะแหยะหยังกะเด็กอนุบาล

     

    “ไม่ไหวม้างง เปลี่ยนคนๆ”

     

    แบคฮยอนส่ายหัวยิก  ริมฝีปากบางฉีกยิ้มอย่างน่ารัก  “ไม่เอา  รักแล้วรักเลย~

     

    “จ้า ก็แล้วแต่ -__-

     

     

     

     

     

     

     

     

     ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อาจารย์อ่ะ...ขอผมเรียนอีกคนเหอะนะ น้าๆๆๆ นะ” แบคฮยอนกระโดดเหย่งๆตรงหน้าอาจารย์ภาควิชาดอว์อิ้ง  พยายามส่งสายตาออดอ้อนไปให้ แต่อีกฝ่ายก็ดูจะใจแข็งเสียเหลือเกิน

     

    “เธอก็เห็นนี่ว่าระเบียบมันจำกัดจำนวนคนเอาไว้แค่นั้น  ถ้าอยากเรียนจริงๆทำไมไม่รีบสมัครล่ะ”

     

     

    ก็เพิ่งรู้ว่าชานยอลเลือกลงวิชานี้นี่นา...แบคฮยอนได้แต่คิดอยู่ใจใน

     

     

    “อาจารย์คร้าบบบ อาจารย์สุดสวยให้ผมเรียนด้วยเหอะนะ  อีกแค่คนเดียวเองยังไงห้องก็ไม่เต็มอยู่แล้ว นะๆๆ ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่น จะตั้งใจเรียนนะครับ..นะๆ”

     

    “ไม่ได้หรอกน่า”

     

    “น้า...”

     

    “ไม่ได้...แต่ถ้าเธอช่วยอาจารย์ทำความสะอาดห้องเก็บของในคณะวันนี้ อาจารย์จะพิจารณาอีกทีล่ะกัน”

     

     

    เย็นวันนั้นจึงกลายเป็นว่าแบคฮยอนต้องอยู่ทำความสะอาดห้องศิลปะจนถึงดึกดื่น เพื่อแลกกับการได้ลงเรียนวิชาดอว์อิ้ง ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนถนัดเรื่องการวาดรูปเลยแม้แต่น้อย...

     

     

     

     

     

    หลังจากทั้งห้องสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนสร้างใหม่คนตัวเล็กจึงได้ฤกษ์กลับบ้านมาอาบน้ำและนอนพักผ่อน

     

     

    แบคฮยอนนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนุ่ม พอเพ้อถึงคนที่ตัวเองแอบชอบมากๆก็อดไม่ได้ที่จะหยิบไอโฟนขึ้นมาดูรูปถ่ายที่คริสเป็นคนแอบถ่ายและส่งมาให้เมื่อไม่กี่วันก่อน

     

     

    “ทำยังไงชานยอลถึงจะหันมามองฉันบ้าง...นี่! ชอบอยู่นะรู้ตัวบ้างสิ”

     

     

    “ไม่หันมามองกันบ้างเลยนะ...ใจร้ายจริง~

     

     

    ว้าวุ่นใจอยู่ได้ซักพัก แบคฮยอนก็เสิร์ชหาในเว็บสำหรับค้นหาว่า

     

    วิธีทำให้คนที่แอบชอบหันมาสนใจ

     

     

    ผลข้อมูลออกมาหลายเว็บ  ส่วนมากก็จะเป็นทางกายภาพและการวางตัว ...ซึ่งแบคฮยอนก็ทำมาหมดแล้ว  ไม่ว่าจะ

     

     

    เดินโฉบไปโฉบมาที่คณะวิศวะให้อีกฝ่ายเห็นหน้า

     

    ส่งสายตาให้รู้ใจ (แต่ชานยอลไม่เคยหันมามองเลยอ่ะ)

     

    และอีกสารพัดวิธีที่ไม่ได้ผล

     

     

    คนตัวเล็กถอนหายใจท้อแท้  ฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลิงค์สุดท้าย

     

     

    ’10 เวทมนต์ที่จะช่วยให้ความรักของคุณสมหวัง

     

     

    เอาวะ.... ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา

     

     

    แต่มันก็แลหลอกเด็กอยู่ไม่น้อย  ให้เขียนชื่อคนที่ชอบไว้ใต้หมอนเนี่ยนะ ไหนจะให้เขียนคำว่ารักให้ตรงกับพยางค์ในเพลง  วิธีอนุบาลอะไรกัน?

     

     

    แต่เชื่อมั้ย แบคฮยอนก็ทำตามหมดทุกวิธีนั่นแหละ

     

     

    ก็เผื่อชานยอลจะหันมาสนใจกันบ้าง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันเรียนวิชาเลือกมาถึงในสองวันถัดมา  แบคฮยอนเดินหน้าง่วงเข้าไปในในคลาส  รู้สึกเซ็งหน่อยๆที่เห็นจงอินนั่งอยู่กับชานยอล  แถมที่ข้างๆชานยอลก็เต็มหมดแล้ว  สุดท้ายจึงต้องจำใจเดินเป็นเพนกวินไปนั่งอยู่แถวหน้า โชคยังดีที่ได้นั่งหน้าชานยอล

     

     

    เมื่อคืนเขาลองทำตามวิธีในเว็บที่เคยเสิร์ชไปเมื่อสองวันที่แล้ว  ในนั้นบอกว่าให้ทาโลชั่นวนซ้ายพร้อมเรียกชื่อคนที่แอบชอบไปด้วย  พอเจอกัน คนนั้นๆก็จะสนใจเรา แล้วก็เป็นฝ่ายทักเราก่อน

     

     

    หวังว่าจะได้ผลนะ...

     

     

    เวลาล่วงเลยไปอย่างช้า สิบนาที  ยี่สิบนาที...

     

     

    ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ชานยอลยังไม่ทักอีกหรอ!!

     

     

    แบคฮยอนหน้างอ พยายามเอียงตัวหันไปในองศาที่ชานยอลจะเห็นได้  แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะสนใจ...ทำไมนะ ทักหน่อยสิ เฮ้! ทักแบคฮยอนหน่อยสิชานยอล!

     

     

    ความท้อแท้และน้อยใจทำให้คนตัวเล็กฟุ่บหน้านอนลงไปในที่สุด  แต่ก็ยังคงแว่วเสียงชานยอลคุยอะไรบางอย่างกับจงอิน แถมยังหัวเราะกันสนุกสนาน

     

     

    เชอะ...จงอิน ไม่ชอบจงอินเลย!

     

     

    แบคฮยอนนอนคิดอยู่ได้ไม่นาน มนต์ของเขาก็ไม่สำเร็จซักที ดูสิ ทาโลชั่นจนตัวเปื่อย มันเยิ้ไปหมดเลยเนี่ย ไม่เห็นชานยอลจะทักอะไรเลย

     

     

    ช่วยไม่ได้...เป็นฝ่ายทักเองเลยแล้วกัน

     

     

     

    คนตัวเล็กทำทีเป็นหันซ่ายหันขวา  จ้องชานยอลอยู่หลายครั้ง กว่าอีกฝ่ายจะจ้องตอบกันพอดี

     

    เยสส!!! สบตากันแล้ว มิชชั่นคอมพลีท!

     

     

     

    ชานยอลใช่มั้ย?” แบคฮยอนตีเนียนทำเป็นถาม อีกฝ่ายดูมึนๆเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา

     

    ช..ใช่ๆ

     

    จำเราได้รึเปล่า ที่งานวันนั้นไง

     

    นี่มันลุ้นยิ่งกว่าตอนหวยออกอีก!!

     

    เวลาลุ้นว่าคนที่แอบชอบจะจำเราได้รึเปล่า...แม่ง...โคตรตื่นเต้นอ่ะ

     

     

     

     

    ชานยอลอ้าปากแล้ว

    จะจำได้มั้ย?  จะจำได้มั้ยเนี่ย

     

     

     

    จำได้สิ

     

    เย้!!!

     

     

    แบคฮยอนตีปีกพั่บๆในใจ  ภายนอกทำเป็นนิ่งเฉย แต่ข้างในนี่ฟินไปสามชาติ

     

     

    ชานยอลอ่า...น่ารักจังเลย~

     

     

    แต่ไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกันไปมากกว่านี้  เสียงของอาจารย์ก็แยกพวกเขาออกจากกัน

     

     

     

     

    “ใครคือนายคิม กันสาดเหลือง?”

     

     

    ทั้งห้องปล่อยกร๊ากออกมาพร้อมกัน  ดูเหมือนจงอินจะหัวเราะดังที่สุด  หนุ่มผิวเข้มหันมาพูดกับเพื่อนรัก

     

    “ใครวะชื่อคิม กันสาดเหลือง  ไอ้เหี้ยเอ๊ย โคตรขำ ฮ่าๆๆๆ”

     

     

    แบคฮยอนหน้างอ  หลังจากชานยอลบอกว่าจำเขาได้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะเจ้าตัวเอาแต่สนใจคนบ้าบอซักคนที่มีชื่อว่าคิม กันสาดเหลือง

     

     

    “ของใครเนี่ย  งานชิ้นนี้เนี่ยของใคร!?” อาจารย์ถามออกไมค์เสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะแปะภาพนั้นลงบนสไลด์ ฉายที่โปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่

     

     

    เสียงหัวเราะของจงอินหายไป

     

    “เหี้ยล่ะ....ของกูเอง”

     

     

     

     

     

     

     ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     

     

     

     

     

     

    “คริส”

     

    “หือ?”

     

    “คริสสส~

     

    “อะไรเล่า เรียกแล้วก็ไม่พูด บ้าป่ะเนี่ย”

     

    “หนูมารีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว หนูมารีมีลูกแมวเหมียว เมี้ยวๆๆๆ~

     

    “???”

     

    “เพี้ยง!! ชอบเราเดี๋ยวนี้นะ เพี้ยง!

     

    “เล่นบ้าอะไร -__-

     

    “ไม่ชอบเราเลยหรอ  ชอบเราขึ้นมาบ้างป่าว”

     

    -__-

     

    “ไม่เลยหรอ?”

     

    “คิดว่าไอ้คาถาหนูมารีมีกระจั๊วสีเขียวอะไรนั่น จะทำให้ฉันชอบนายหรอ?”

     

    “ก็ในเว็บมันบอกไว้อย่างงั้นอ่ะ...ไม่ได้ผลหรอ  งั้นถ้าเอาไปใช้กับชานยอลก็คง...”

     

    “ได้ผลก็ลิงออกลูกเป็นกบแล้ว  นี่นายเป็นนักศึกษานะแบคฮยอน  เป็นปัญญาชน ทำอะไรโง่ๆอยู่ได้”

     

     

    แบคฮยอนหงอยลงถนัดตา  ถึงคริสจะรู้สึกผิดที่พูดแรงไปหน่อย  แต่เขาก็ไม่อยากให้แบคยอนเชื่ออะไรในเว็บไซต์นั่นแล้วทำตามจนนอนดึกดื่นเสียสุขภาพไปเปล่าๆปรี้ๆ

     

     

    แบคฮยอนถอนหายใจยาวเหยียด ....เวทมนต์ก็ไม่มีผล  ทำยังไงก็ไม่ได้ผล

     

    อยากเป็นแบบไคจัง

     

     

     

    “คริส”

     

    “อะไรอีกเล่า”

     

    “บายเนียร์คณะคริส เราขอไปด้วยนะ”

     

     

     

    สุดท้ายพ่อเดือนคณะสุดหล่อ ก็ต้องพ่วงเพื่อนรักตัวเล็กไปร่วมงานด้วยเหมือนเคย  ถึงจะไม่อยากให้แบคฮยอนมาขัดโอกาสสละโสดของตัวเอง แต่เขาก็ทนสายตาออดอ้อนนั่นได้ที่ไหน

     

     

    อี๋ฟานพาเพื่อนรักเข้าไปในงาน ก่อนจะถูกจับแยกออกจากกันตอนที่เดินมาถึงโต๊ะ

     

     

    แบคฮยอนมองหาเป้าหมาย  เห็นชานยอลนั่งอยู่กับจงอินเจ้าเก่าเจ้าเดิม ไม่อยากเห็นชานยอลจู๋จี๋กับจงอินก็จริง แต่แบคฮยอนก็อยากนั่งใกล้ๆ

     

     

    สุดท้ายคนตัวเล็กจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆคนที่ตัวเองแอบชอบ

     

     

    แบคฮยอนโค้งทักทาย ก่อนจะนั่งลงข้างๆกับเบาะนั่งข้างชานยอล  รอให้อีกฝ่ายทักอยู่นาน ก็ไม่ได้รับการตอบรับอย่างเคย  สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน

     

     

    วันนี้ใส่สูทด้วยแหะ

     

    อือ วันนี้งานพิเศษ จะมาแบบเซอร์ๆได้ไง

     

     ชานยอลพูดยิ้มๆแค่นั้น แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก  แบคฮยอนรู้สึกอึดอัด...

     

    อยากหาเรื่องชวนคุย

     

    คุยอะไรอีกดี...อือ...

     

     

    แต่เราชอบวันเปิดสายรหัสนะ หัวฟูๆหยิกๆ...น่ารักดี

     

    น่ารักอะไรล่ะ นี่ล้อกันหรอชานยอลทำหน้าตึงจนคนตัวเล็กใจคอไม่ดี

     

    เปล่าซักหน่อย เราชอบนะ

     

    เหอะ ทาหน้าทาตาแทบไม่เหลือสภาพคนอย่างนั้นน่ะหรอ

     

    อื้ม...ก็เราชอบของเราอ่ะ เราว่าน่ารักดี

     

     

    แบคฮยอนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง  รู้สึกแปลกๆที่พูดจาเปิดเผยออกไปแบบนั้น

     

    แต่ชานยอลก็ไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อไปอยู่ดี...

     

    ชานยอลไม่รับรู้เลยว่ามีคนแอบชอบอยู่

     

    เฮ้อออ  อกจะตกแล้วนะ!!

     

     

     

     

    วันนั้นจบลงที่ชานยอลเมาแอ๋ คอพับคออ่อนให้จงอินไปส่งที่บ้าน  ส่วนคนตัวเล็กก็นั่งรถกลับไปกับเดือนคณะเฉกเช่นกับขามา

     

     

    ไม่มีอะไรที่พัฒนาเลย...แบคฮยอนได้แต่คิดแล้วก็น้อยใจ

     

     

    อดกังวลไม่ได้ ชานยอลเมาซะขนาดนั้น  จงอินวันนี้ก็แต่งตัวเซ็กซี่แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกตั้งสองเม็ด

     

     

    จะเมาจนปล้ำกันรึเปล่านะ...กลัวชะมัด

     

     

     

     

     

     ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

     

     

     

     

     

    จงอินผิวสีน้ำผึ้ง

    จงอินเหงื่อออกแล้วดูมีสเน่ห์

     

     

    “เฮ้ย! จะไปไหนน่ะ” คริสร้องถามเพื่อนรักที่อยู่ดีๆก็ลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ในโรงอาหาร ตอนที่พวกเขากำลังทานมื้อเที่ยงกันอยู่

     

    “จะไปเดินตากแดด”

     

    “คราวนี้คาถาบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?”

     

    “เราไม่เอาแล้วผิวขาว  เดี๋ยวมานะ” แบคฮยอนพูดแค่นั้น ก่อนจะวิ่งออกจากแคนธีนคณะวิศวะไป  คริสได้มองตามแล้วก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา

     

     

    แบคฮยอนนะแบคฮยอน

    พาโบ~

     

     

     

     

     

     

    คนตัวเล็กทำสีหน้ามุ่งมั่น  แกะกระดุมนักศึกษาสองเม็ดบนออก ก่อนจะลุยภาคสนามเดินตากแดดยามเที่ยงอย่างไม่กลัวว่าผิวจะเสีย

     

     

    คอยดูนะ จะเอาให้ชานยอลหันมามองให้ได้เลย!

     

     

     

    แบคฮยอนคนติ๊งต๊องเดินเงยหน้าท้าแดดอยู่ได้ซักพักก็เริ่มหน้ามืด  เสียน้ำไปกับเหงื่อจนรู้สึกเหมือนจะวูบได้ตลดเวลา  แต่เพราะความซื่อบื้อที่มีมาแต่กำเนิด คนตัวเล็กจึดเดินต้อกแต้กต่อไปโดยไม่สนสภาพร่างกาย

     

     

    อยากให้ชานยอลหันมามอง...

    ฉันชอบชานยอลอยู่นะ คนโง่ ไม่รู้ตัวเลยรึไง

     

     

     

     

    แล้วทำไมจู่ๆฟ้าก็มืดแบบนี้ล่ะ? แถมยังอื้ออึงไปหมด...เห? แผ่นดินไหวหรอ ทำไมโลกเหวี่ยงขนาดนี้

     

    เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

     

    ฉับพลัน คนตัวเล็กก็ล้มตึงลงไป...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กลิ่นแอมโมเนียฉุนๆปลุกให้แบคฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง

     

    ภาพที่โฟกัสได้ตรงหน้าคือชานในฝันที่กำลังใช้สำลีชุบแอมโมเนียอังอยู่ปลายจมูกของเขา

     

     

    แต่เพราะคิดว่าเป็นความฝัน  แบคฮยอนจึงหลับตาลงไปอีกรอบ

     

     

    ชานยอลจะมาใกล้เราขนาดนี้น่ะหรอ??....ฝันสิไม่ว่า

     

     

     

    “แบคฮยอน...แบคฮยอนรู้ตัวมั้ย?”

     

    “...”

     

    “นี่ รู้สึกตัวรึเปล่า”

     

    แต่เสียงทุ้มๆแบบนี้มันเสียงของชานยอลนะ?

     

     

    แบคฮยอนคิดชั่งใจอยู่ซักพัก เปลือกตาบางก็ค่อยๆลืมขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

    เป็นชานยอลจริงๆด้วย?  ทำไมมาอยู่ด้วยกันได้?

     

     

    “ผมเห็นแบคฮยอนเป็นลมอยู่ที่สนามก็เลยพามาห้องพยาบาลน่ะ  เป็นอะไรมากรึเปล่า  ปวดหัวมั้ย?”

     

    แบคฮยอนยิ้มแหยๆเมื่อนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าออก ...เขานี่งี่เง่าจริงๆ

     

     

    “เฮ้ออ แล้วนี่ออกไปเดินตากแดดทำไม  เห็นไอ้รุ่นน้องที่เตะบอลอยู่บอกว่าแบคฮยอนเดินตากแดดอยู่ตั้งหลายรอบ”

     

    “...”

     

    “เสียสติรึเปล่าเนี่ย” ชานยอลแหย่ขำๆ  คนตัวเล็กก้มหน้านิ่งไปซักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา  ลูกตาดำกลมๆพราวระยับ

     

     

    “ก็เพราะชานยอลนั่นแหละ”

     

    “เพราะผม?”

     

    “ก็เราอยากผิวแทนแบบไค แล้วก็...อยากดูเซ็กซี่แบบไคด้วย”

     

    “ตกลงเป็นเพราะผมหรือเพราะจงอินกันแน่?”

     

     

    แบคฮยอนเงียบไป ความรู้สึกน้อยใจและอาการเมาแดดทำให้เขาพูดออกไปในที่สุด

     

     

    เอาสิ...ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

    จะเสียใจอีกซักอย่าง เป็นไรไป

     

     

     

     

    “เพราะ...ก็...ก็ชานยอลชอบไค”

     

    “...”

     

    “แต่เราชอบชานยอลนี่นา เราอยากเป็นเหมือนไค ชานยอลจะได้ชอบเราบ้าง”

     

     

    ก็ส่งสายตาก็แล้ว ไปให้เห็นบ่อยๆก็แล้ว

    ใช้เวทมนต์ก็แล้ว....

     

     

     

    “ชานยอลไม่ชอบเราซักที เราก็เลยอยากลองเป็นแบบคนอื่นที่ชานยอลชอบดู”

     

    “...”

     

    “แต่ไม่ชอบเราก็...ก็ไม่เป็นไรนะ ...ไม่โกรธหรอก”

     

     

    ชานยอลมีสีหน้าเรียบเฉยจนไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกใดๆได้  แบคฮยอนรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ถึงเขาจะเหยาะแหยะไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่พวกชอบเสียน้ำตาโชว์ใครหรอกนะ

     

     

    ฉะนั้นจะไม่ร้องไห้หรอก  ถึงชานยอลจะไม่ชอบ ก็จะไม่ร้องไห้

     

     

    คนตัวสูงหันมาสบตากันตรงๆ  ชั่วอึดใจนั้น แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกร่ายมนต์...

     

     

     

    “ไม่ใช่จงอินนะ”

     

    “...”

     

    “เป็นแบคฮยอนต่างหาก”

     

    “....”

     

     

    “คนที่ผมชอบคือแบคฮยอนนะ ไม่ใช่นายคิมกันสาดเหลือง”

     

     

    แบคฮยอนกระพริบตาปริบๆ “อย่าล้อเล่นนะ นี่เรายังไม่ได้ใช้คาถาหนูมารีมีลูกแมวเหมียวกับชานยอลเลย ชานยอลจะชอบเราได้ไง”

     

     

    คนตัวสูงที่ตอนนี้เขินจนแก้มแดงหัวเราะเบาๆ  “ดูเว็บเดียวกับผมเลย  10 วิธีที่ทำให้คนที่แอบชอบหันมาสนใจใช่มั้ย?”

     

     

    “อ...อื้ม”

     

    “เหมือนว่าจะได้ผลเนอะ”

     

    “อืม...”

     

     

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก  ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ชานยอลพูดเลยซักนิด  “ชานยอลชอบเราจริงๆหรอ  ชอบตอนไหน”

     

    คนตัวสูงเกาท้ายทอยแก้เขิน  รู้สึกหวิวๆจนพูดจาตะกุกตะกักไปหมด

     

    “ก็ชอบตั้งแต่...ตั้งแต่วันเปิดสายรหัสแล้ว”

     

    “....”

     

    “ร่ายมนต์ใส่แบคฮยอนทุกวัน  แบคฮยอนไม่เห็นชอบผมเลย”

     

     

    คนตัวเล็กหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ  แต่ไหนๆก็ใจตรงกันแล้ว  มาถึงขนาดนี้แล้ว...แบคฮยอนไม่ถอยหรอก

     

     

    “ก็จะไปได้ผลได้ไง...เราชอบชานยอลมาตั้งแต่ปีหนึ่ง  ชานยอลมาร่ายมนต์ใส่ตอนปีสอง คงจะได้ผลอยู่หรอก”

     

    “...”

     

    “ชอบมาตั้งแต่ตอนที่ล้างหน้าให้ แอบมองมาตั้งหนึ่งปี”

     

    “หรอ...”

     

    “อื้ม”

     

    “น่ารักจัง”

     

    “...”

     

     

    “เราลองมา...ลองคบกันดูมั้ย?”

     

     

    แบคฮยอนตาโต แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน  ดวงตาของชานยอลอ่อนโยน เป็นแววตาที่สะกดคนตัวเล็กได้เสียยิ่งกว่าคาถาใดๆ

     

     

    ความหวั่นไหวสั่นสะเทือนไปทั้งหมด

     

     

     

    แบคฮยอนอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ของแท้

     

     

    พ่อมดชานยอลยิ้มร่า ตอนที่คนตัวเล็กอ้าปากพูด

     

     

    “อื้ม...คบแล้วห้ามเลิกนะ”

     

     

     

    รักแต่แบคฮยอนเท่านั้นนะชานยอล

    โอมมมม....เพี้ยง!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

    ฮูเร่ \^O^/ จบจริงๆจังๆแล้ว อยากหวานมั่งเลยแต่งเล่นๆ

     

     

    กิกิ เจอกันกับ 50% หลังของงานแต่งงานเรื่องหลักนะจ๊ะ

    จุ๊บๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×