ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { exo's fiction } pastel yellow : chanbaek

    ลำดับตอนที่ #4 : p a s t e l : y e l l o w : 03

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 57



     





     

    ไอพอดของชานยอลหาย

     

     

    และเย็นวันนั้นแบคฮยอนก็ขออนุญาตออกไปข้างนอกพอดี ...ทุกอย่างก็เลยดูเหมาะเจาะว่าเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มไปเสียหมด

     

     

    “มันต้องขโมยไปตอนเข้ามาเปลี่ยนเสื้อ แล้วก็รีบเอาออกไปขายทำลายหลักฐานแน่ๆ” ชานยอลตั้งข้อสันนิษฐานอยู่คนเดียวบนโต๊ะอาหาร

     

     

    ตอนนี้สองทุ่มแล้ว แต่มื้อเย็นยังเหลืออยู่เยอะ เขาเลยลงมาจัดการต่อให้หมดเกลี้ยง จะได้ไม่เหลือตกถึงท้องเด็กขี้ขโมย

     

     

    อุตส่าห์เหลือไก่ไว้ให้ แต่ดันมาขโมยของกันอย่างนี้ ฉะนั้นมันต้องฟาดให้เรียบ!

     

     

     

    กินอิ่มจนเรอดังลั่น แบคฮยอนก็กลับมาพอดี คนตัวเล็กโค้งศีรษะให้เขาก่อนจะเก็บถ้วยชามทุกใบไปล้างที่ซิงค์โดยไม่พูดจาอะไรออกมาซักคำ

     

     

    ท่าทางเหมือนหมาหงอยของเด็กหนุ่มทำเอาคนที่รอหาเรื่องถึงกับพูดไม่ออก ทีแรกกะว่าจะแรปด่าไม่ยั้งเอาให้ไข้ขึ้นไปสามวันสามคืน แต่คราบน้ำตาที่ติดอยู่กับหางตาตกๆของแบคฮยอนก็ทำให้หัวใจของชานยอลอ่อนยวบ

     

     

    อยากสะกิดถามว่าน้องเป็นอะไร ใครรังแกมาหรือเปล่า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่หน้าที่ที่คนไม่ชอบขี้หน้าจะพึงกระทำต่อกัน

     

     

    ฉะนั้นชานยอลจึงสูดหายใจเข้าลึกและถามโพล่งออกไปว่า

     

     

    “นี่...ขโมยไอพอดของฉันไปรึเปล่า”

     

     

    ปาร์คชานยอลอยากจะตบปากตัวเองที่เสียงนิ่มเสียงอ่อนปานนั้น ไม่ได้มีพาวเวอร์เลยแม้แต่นิดเดียว โอ๊ย!!!

     

     

    เจ้าตัวเล็กยังคงก้มหน้าก้มตาล้างจานอยู่ แต่ส่ายศีรษะเล็กน้อยน้อยแทนคำตอบ

     

     

    “หรอ...” ชานยอลตอบรับการปฏิเสธของเด็กหนุ่มไปแค่นั้น ทั้งที่ความจริงเขาควรจะตะคอกใส่ไปว่าไม่เชื่อ และหาลู่ทางต้อนจนกว่าผู้ร้ายจะยอมจำนนในความผิดของตัวเอง แต่ว่าชานยอลก็ไม่ได้ทำ

     

     

     

    ร่างสูงยังคงนั่งมองสมาชิกใหม่ของบ้านล้างจานอยู่บนโต๊ะอาหารเช่นเดิม แบคฮยอนดูตัวเล็กจ้อยและอ่อนแอกว่าเมื่อวานอยู่โข แต่กระนั้นน้องก็ยังทำความสะอาดจานชามด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

     

     

    แต่แล้วชานยอลก็ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กยกแขนส่วนที่ไม่เลอะฟองน้ำยาล้างจานขึ้นมาปาดแก้มตัวเองป้อยๆ

     

     

     

    ไอ้เปี๊ยกมันร้องไห้...

     

     

     

    ชานยอลนึกโทษตัวเองอยู่ในใจ นี่เขาแกล้งมันแรงไปหรอ หรือว่ามันหิวจนร้องไห้?? เขาควรจะทำยังไงดี พามันซ้อนมอเตอร์ไซต์ออกไปหาอะไรกินที่เซเว่นด้วยกันดีมั้ย? จะทำยังไงดี? ปาร์คชานยอลจะทำยังไงดีนะ??

     

     

    “เปี๊ยก” เรียกมันก่อนแล้วกัน อย่างน้อยก็มีปัญญาทำได้มากสุดแค่นี้

     

     

    แบคฮยอนเปิดก๊อกล้างมือเป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อจัดการกับถ้วยชามครบทุกใบแล้ว

     

     

    แปลกที่ชานยอลไม่รู้สึกโกรธที่โดนไอ้เปี๊ยกหางตาตกมันทำหูทวนลมใส่ เขานั่งตัวชาอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม แม้ว่าแบคฮยอนจะเก็บส้อมอันสุดท้ายลงบนตะกร้า และเดินหน้าเศร้าขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองแล้วก็ตาม

     

     

    ทำไมไอ้เปี๊ยกมันต้องทำตัวให้น่าปลอบด้วยวะ มันมีแฟนรึเปล่า แฟนมันน่าจะปลอบมันได้นะ แต่นี่มันปิดเทอมอยู่ใช่ปะ ถ้าแฟนมันยังอยู่ในวัยเรียนเหมือนกันแล้วเป็นเด็กต่างจังหวัดละ? อย่างนี้แฟนมันก็มาปลอบไม่ได้ดิ มือถือไอ้เปี้ยกมันก็ไม่มี

     

     

    แล้วใครจะปลอบมันละทีนี้ ปลุกป๊ามาปลอบมันดีมั้ย?

     

     

    แม่งเอ๊ย แล้วทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้ด้วยวะ!? ชานยอลได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจตัวเอง

     

     

     

     

    นั่งคิดอยู่นานชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนและเดินกลับห้องของตัวเองบ้าง ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องเอาเรื่องของไอ้เด็กหัวขโมยนั่นมาใส่หัว บางทีมันอาจจะเล่นละครอยู่ก็ได้ เพื่อบ่ายเบี่ยงความสนใจของเขาที่มีต่อไอพอดที่หายสาบสูญไง

     

     

    ใช่...มันต้องเป็นแผนการของไอ้เปี๊ยกแน่ๆ

     

     

    ว่าแล้วปาร์คชานยอลก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง แต่ก็ไม่วายลืมตาโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

     

     

    อาหารที่กินเข้าไปตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลิ้นปี่ ถ้าขืนนอนต่อมีหวังได้เป็นกรดไหลย้อนแหง ...สรุปว่าไอ้การกินข้าวให้หมดนี่มันทำร้ายแบคฮยอน หรือทำร้ายตัวเขาเองกันแน่??

     

     

    ชานยอลจำต้องลุกขึ้น เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟก่อนจะคว้าไอโฟนมานั่งเล่นบนพื้นพรมข้างเตียง หลังกว้างพิงไปกับชั้นวางของ ซักพักชานยอลก็เริ่มผิวปากไปตามจังหวะเพลงที่เขากดเล่นในโทรศัพท์มือถือ

     

     

    ฟังเพลงได้ไม่นานก็เริ่มเบื่อขึ้นมาอีก จึงกดเข้าแอพพิเคชั่นเกมที่กำลังฮิตกันในตอนนี้ เล่นไปห้าตา ดันแพ้รวดทั้งห้าตา... ชายหนุ่มหงุดหงิดจนต้องวางกระแทกเครื่องมือสื่อสารราคาแพงลงกับชั้นหนังสือ

     

     

     

    เคียงข้างกับไอพอดที่วางอยู่ก่อนแล้ว...

     

     

     

    ชานยอลชะงักกลางอากาศเหมือนถูกเสยด้วยหมัดของเฮอร์คิวริส มันหนักหน่วงและแสกเข้ากลางหน้า

     

     

    แบคฮยอนไม่ได้ขโมยไอพอดของเขา เพราะมันวางอยู่ตรงนี้ แต่เขาดันตาเซ่อมองไม่เห็นเอง และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรักปรำอะไรมากเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ แต่ยังไงซะเขาก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี อย่างน้อยเขาก็ฟาดฟันแบคฮยอนไว้มาก ด้วยคำด่าเสียๆหายๆที่ผุดขึ้นกลางใจของเขาในยามที่โทสะเข้าครอบงำสติ

     

     

    ชานยอลยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างแรง เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี แต่ก็คงจะต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นความรู้สึกชวนปวดหัวนี่คงติดตัวเขาไปตลอดชีวิตแน่

     

     

    นั่งโกรธตัวเองอยู่ซักพักปาร์คชานยอลก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดขี้เกียจซ้ายขวา ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

     

     

     

     

    ในมือของร่างสูงมีกุญแจสำรองที่ติดตัวมาตั้งแต่เมื่อเช้า เพราะเขาเดินไปเอามันมาจากที่แขวนเพื่อใช้มันไขเข้าไปปลุกแบคฮยอน และตอนนี้ชานยอลก็กำลังจะใช้มันไขเข้าไปในห้องๆเดิมอีกครั้ง

     

     

    เสียงกริ๊กของลูกบิดที่คลายกลอนดังผะแผ่วในความเงียบงัน

     

     

    ห้องของแบคฮยอนมืดสนิท บ่งบอกว่าคนตัวเล็กเข้านอนเรียบร้อยแล้ว

     

     

    ชานยอลยืนนิ่งอยู่ตรงขอบประตู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่กล้าเดินเข้าไปให้มากกว่านี้ เขายืนอยู่นิ่งนาน นานกระทั่งดวงตาปรับสมดุลจนสามารถมองเห็นภาพต่างๆได้ในความมืด แม้จะไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ชานยอลก็เห็นน้องชายจำเป็นของเขาซุกตัวอยู่ใต้ผืนผ้าห่มด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดูไปพร้อมๆกับน่าสงสาร

     

     

    อากาศในห้องนี้ร้อนอบอ่าวชวนให้เหงื่อแตกพลั่ก ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในห้องอีกนิด เพื่อที่จะเปิดเครื่องปรับอากาศ

     

     

     

    ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกหนักอึ้งในใจก็พลันสลายหายไป คล้ายกับว่าชายหนุ่มได้ไถ่โทษให้ตัวเองสำเร็จแล้ว

     

     

     

    ชานยอลยิ้มจางขณะยืนมองใบหน้าของแบคฮยอนที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง แสงข้างนอกที่ลอดเข้ามาทำให้เขาเห็นเครื่องหน้าจิ้มลิ้มได้ชัดเจนขึ้น ตา หู จมูก ปาก ทุกอย่างล้วนอยู่ในความดูแลของเขาในชั่วยามนี้

     

     

    ร่างสูงไม่ทราบที่มาของรอยยิ้มแน่ชัด แต่เขาก็ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานหลายนาที

     

     

    อันที่จริงแบคฮยอนก็ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวซักเท่าไหร่

     

     

     

     

     

     

    ----------------

     

     

     

     

     

     

    ร้านของปาร์คแดอุนจะปิดทุกวันอาทิตย์

     

     

    แต่แบคฮยอนไม่เคยทราบมาก่อน ฉะนั้นคนตัวเล็กจึงเป็นคนเดียวในบ้านที่ตื่นขึ้นมาเข้าร้านตั้งแต่ตีห้า

     

     

    แบคฮยอนยืนมองประตูเหล็กที่ปิดสนิทพลางกระพริบตาปริบๆ... อ้าววันนี้ร้านไม่เปิดหรอกหรอ?

     

     

    ว่าจะกลับไปนอนต่อ พอหมุนตัวกลับหลังก็ดันชนให้กับแผ่นอกของใครบางคนดังปึ่ก

     

     

    เงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นปาร์คชานยอลคนใจร้ายนั่นเอง ร่างสูงก้มมองเขาด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น กลิ่นกายภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวที่บางโปร่งจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนหอมฟุ้งรับอรุณดิ์

     

     

    แบคฮยอนเบือนหน้าหนีอวัยวะบางอย่างที่ชูชันขึ้นมาเป็นแต้มชัดเมื่อชานยอลใส่เพียงเสื้อกล้ามเนื้อบางเบาในส่วนของท่อนบน

     

     

    ชานยอลมองตามดวงตาของแบคฮยอนที่หลุบหนีไปทางอื่นแล้วนึกขำ จริงๆด้วยความที่เป็นผู้ชายเขาก็ไม่ได้นึกอายอะไรหรอก แต่ดูไอ้เปี๊ยกมันทำหน้าดิ ทำซะอย่างกับเขาเป็นสาวน้อยแก้ผ้าอย่างนั้นแหละ

     

     

    เดี๋ยวปั๊ดแอ่นหัวนมกระแทกหน้าแม่ง

     

     

     

    “ไปเซเว่นเป็นเพื่อนหน่อย” ชานยอลพูดเสียงเรียบ เรียกสายตาของแบคฮยอนให้ช้อนขึ้นมองใบหน้าเขาได้อีกครั้ง ดวงตารีเรียวนั้นใสแป๋ว สะท้อนภาพของชายหนุ่มแสนขี้เก๊ก แต่ความจริงก็ไม่ได้จะใจร้ายอะไรนักหนา

     

     

    “ค..ครับ” ไอ้เปี๊ยกของชานยอลตอบรับเบาหวิว ก่อนมือนิ่มจะถูกดึงไปกอบกุมไว้ในอุ้งมือที่ร้อนผ่าวและใหญ่โต

     

     

     

     

     

     

     

     

    ท้องฟ้ายังเป็นสีเข้มเมื่อยามที่มอเตอร์ไซต์คันโตของชานยอลโลดแล่นไปตามท้องถนนโล่งรถรา ลมที่โบกมาปะทะร่างทำให้ชายหนุ่มในเสื้อกล้ามรู้สึกหนาวขึ้นมาตงิดๆ สุดท้ายก็แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มความเร็วของเครื่องยนต์จนคนซ้อนท้ายยอมโอบสองแขนรอบเอวคนขี่ในที่สุด

     

     

    นั่นละ ชานยอลจึงอุ่นวาบขึ้นทันมาทันตาเห็น

     

     

     

    ร่างสูงลอบยิ้มอยู่ใต้หมวกกันน็อค ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยิ้มไปหาพระแสงอะไรหนักหนา แต่การที่ไอ้เปี๊ยกมันแนบหน้าลงกับหลังของเขาเพราะกลัวจัด มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

     

     

     

     

     

    ไม่นานดูคาติเครื่องแต่งของปาร์คชานยอลก็ทะยานมาถึงร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน ในสภาพที่ปลอดภัยทั้งคนขี่และคนซ้อน แบคฮยอนกระโดดลงจากเบาะหนังอย่างเก้ๆกังๆจนชานยอลต้องเอี้ยวตัวไปช่วยจับข้อมือเล็กเอาไว้

     

     

    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มครางเสียงเบาจนชานยอลแทบจะไม่ได้ยิน ...แต่ แทบจะไม่ได้ยิน ก็มีความหมายเดียวกับ ได้ยินแล้ว

     

     

    ร่างสูงเดินนำเข้าไปในมินิมาร์ทแอร์เย็นฉ่ำ พนักงานกะดึกที่ยังไม่มีคนมาเปลี่ยนเวรเอ่ยทักเขาอย่างสนิทสนนตามประสาคนในหมู่บ้านเดียวกันที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ

     

     

    ชานยอลยิ้มแย้มทักทายตอบอย่างมีชีวิตชีวา จนแบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าคงจะมีแค่เขาคนเดียวที่ชานยอลบึ้งตึงด้วย

     

     

    พนักงานสาวคนนั้นมองแบคฮยอนอย่างใคร่รู้ แต่ชานยอลก็ละเลยขั้นตอนแนะนำตัวให้รู้จัก แบคฮยอนก็เลยได้แต่ยิ้มเก้อๆด้วยไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าหรือพูดจาอะไรดี

     

     

    ร่างสูงเลือกเมนูอาหารเช้าอย่างง่ายๆเป็นไส้กรอกกับนมขวดใหญ่ แล้วก็ขนมคบเขี้ยวสี่-ห้าถุง

     

     

    “จะเอาไร” แบคฮยอนสะดุ้งเมื่อชานยอลหันมาถามตอนที่เขาเหม่อพอดี พอได้สติคนตัวเล็กก็รีบส่ายหน้า เขาไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์ติดตัวมาด้วย และก็ไม่ได้คิดไว้ล่วงหน้าว่าจะซื้ออะไร เพราะชานยอลบอกเองว่าให้มาเป็นเพื่อนเฉยๆ

     

     

    ร่างสูงยักไหล่ไม่ยี่หระในคำตอบนั้น เขาเดินไปชำระค่าสินค้าก่อนจะใช้ให้แบคฮยอนเป็นคนถือของทั้งหมด จากนั้นก็เดินนำออกไปจากร้านสะดวกซื้อ

     

     

    ถึงจะได้ของที่ต้องการครบเรียบร้อยแล้ว แต่ชานยอลยังไม่ขับรถกลับเลยซะทีเดียว เขาขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซต์คันโตในลักษณะคร่อมเบาะฝั่งคนซ้อนเอาไว้ หันหน้าไปยังทิศตรงข้ามกับแฮนด์

     

     

    แบคฮยอนเองไม่รู้จะไปนั่งที่ไหน ก็เลยได้แต่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ข้างรถ มองดูชานยอลที่แย่งถุงไส้กรอกไปจากเขาแล้วจิ้มไปเคี้ยวตุ้ยๆ

     

     

    “หยิบนมออกมาดิ๊” คนอายุมากกว่าออกคำสั่งหน้าตาเฉย แบคฮยอนก้มหน้าลงหาขวดนมในถุงพลาสติก พอเจอก็หยิบขึ้นมาส่งให้อีกฝ่าย

     

     

    “แกะด้วย” นอกจากจะไม่รับแล้วยังเพิ่มอีกหนึ่งคำสั่ง แบคฮยอนจึงต้องหมุนคลายเกลียวนมจืดขวดนั้น ก่อนจะส่งให้ชานยอลเป็นรอบที่สอง

     

     

    “ไม่เห็นรึไงว่ามือไม่ว่าง” นั่นละ....ด้วยคำพูดนั้น คนตัวเล็กจึงต้องปักหลอดเข้าไปในขวดนมและจ่อปลายหลอดให้ถึงริมฝีปากของคนที่ยังเคี้ยวไส้กรอกอยู่

     

     

    ชานยอลดูดน้ำสีขาวเข้าไปอึกใหญ่ พอหายฝืดคอก็ปล่อยออก ตาคมจ้องมองใบหน้าของคนรับใช้จำเป็นด้วยแววกลั่นแกล้งที่แบคฮยอนไม่อาจรับรู้ได้

     

     

    “เดินกลับเองได้ปะ” แกล้งถามไปแบบนั้น แต่แบคฮยอนก็ดันพยักหน้าหงึกๆ

     

     

    ชานยอลพ่นลมหายใจหมั่นไส้ ก่อนจะดึงคนตัวเล็กเข้ามาแทรกตรงหว่างขา เพราะขี้เกียจจะแกล้งเด็กซื่อบื้อแล้ว

     

     

    “อ้าปาก” เขาสั่งแล้วก็ป้อนไส้กรอกให้กินด้วยความรวดเร็ว แบคฮยอนที่อึ้งไปได้แต่อมไว้ไม่กล้าเคี้ยว จนชานยอลจ่อชิ้นที่สองมาใกล้ริมฝีปาก คนตัวเล็กจึงจำต้องเคี้ยวตุ้ยๆแล้วอ้าปากรับชิ้นที่สองเข้าไป

     

     

    ชานยอลเผลออมยิ้มขำ แบคอยอนกับท่าทางตลกๆเหมาะสมกันดี แก้มกลมเต่งนั่นก็เหมาะกับตาเรียวเล็ก ริมฝีปากสีชมพูก็เหมาะกับผิวขาวๆ

     

     

    พอหลายชิ้นเข้าก็ฝืดคอจนต้องยกนมขึ้นดื่ม เป็นหลอดเดียวกับที่อีกคนดูดไปแล้ว แต่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปอย่างไม่ติดขัด เพราะความสุขเล็กๆที่เกิดขึ้นในหัวใจ ทำหน้าที่เป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่นที่ทำให้ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรตะกุกตะกัก

     

     

    ชานยอลชกพุงเด็กหนุ่มเบาๆเมื่อแบคฮยอนกินเพลินไม่หยุดปาก คนตัวเล็กหัวเราะและยิ้มขึ้นมาเหมือนเขินอาย

     

     

     

    และเช้านั้นก็มาถึงอย่างเต็มภาคภูมิเมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามาทั้งดวง ตะวันดวงนั้นสาดแสงสีเหลืองอร่าม เป็นแสงที่เจิดจ้าบาดตา ต่างจากสีเหลืองพาสเทลเหมือนอย่างกระเป๋าสตางค์ของแบคฮยอนโดยสิ้นเชิง

     

     

    เพราะว่ามันเป็นสีเหลืองเจือขาวที่มอบความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน ไม่ต่างจากปาร์คชานยอลในตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

     

     




     

     

    P a s t e l : Y e l l o w

     

     

    ฮิ_________ฮิ



     

    #ยลพท

    Seeme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×