ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { exo's fiction } pastel yellow : chanbaek

    ลำดับตอนที่ #5 : p a s t e l : y e l l o w : 04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.98K
      7
      15 ส.ค. 57


     





     

    ขากลับทุลักทุเลกว่าขามาหลายเท่านัก

     

     

    ชานยอลต้องชะลอความเร็วของดูคาติสีดำ-แดงจนเหลือเพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเจ้าตัวจ้อยที่ซ้อนอยู่ข้างหลังเกิดอาการเด็กอนุบาลกำเริบ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนอนดึกไป? หรือตื่นเช้าไป? หรือพอหนังท้องตึงหนังตาจึงหย่อน?... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้แบคฮยอนก็ฝังหน้าจมแผ่นหลังของเขา สองแขนเอื้อมมากอดเอวสอบแน่น แถมยังครางงิ้งๆมาให้ได้ยินเป็นระยะๆอีกด้วย

     

     

     

    รถเซไปทางซ้ายเมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มไถแกมแนบแผ่นหลังกว้าง...

     

     

    ชานยอลได้แต่ขบเคี้ยวในใจ มันจั๊กจี้นะเว้ย! แล้วทำไมต้องถูเหมือนอ้อนด้วยวะ!

     

     

     

    โชคดีที่เช้าวันหยุดรถราไม่พลุกพล่านนัก เถ้าแก่ขี้โมโหจึงขับมอเตอร์ไซต์ฉวัดเฉวียนได้โดยไม่เป็นอันตรายเท่าไรนัก

     

     

    คนตัวสูงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องขับรถอ้อมเส้นทางด้วย อาจจะเพราะวันนี้อากาศดีล่ะมั้ง

     

     

     

    แล้วมือไอ้เปี๊ยกนี่จะต่ำไปถึงไหน... จะต่ำไปแล้วนะ

     

     

    จะ...

     

     

    จะ...จะ

     

     

    ไม่จะอ่ะ... โดนแล้ว... สองมือที่กุมกันไว้ตรงเอวมันเลื่อนมาจนโดนเป้าเขาแล้ว!

     

     

     

    ชานยอลใจหายวาบตกลงไปถึงตาตุ่ม มือน้อยๆของคนที่กำลังหลับขยับยุกยิกเป็นจังหวะสอดคล้องไปกับใบหน้าจิ้มลิ้มที่เอาแต่ไซร้หลังเขาไม่หยุด

     

     

     

    “เหวออ!!” เสียงทุ้มเปล่งคำรามเมื่อดูคาติคันเก่งเซเข้าพงหญ้าข้างทาง ก่อนจะแฉลบล้มลงไปเกือบตกคูน้ำ

     

     

     

    นั่นล่ะ ไอ้เปี๊ยกที่เป็นตัวการถึงได้ฤกษ์ตื่นเต็มตา

     

     

    “ฮื่อ...” ตื่นปุ๊บก็ครางด้วยความเจ็บปวดปั๊บ เสียงไม่ดังเท่าไหร่คงเพราะยังเบลอๆอยู่

     

     

    ชานยอลรีบทรงตัวและยกมอเตอร์ไซต์คันโตขึ้นอย่างทุลักทุเล โดยไม่ลืมบ่นไปด้วยตามประสาผู้ชายช่างติ นี่ยังถือว่าโชคเข้าข้างอยู่นะเนี่ยที่เขาบิดแค่ 30 ถ้ามากกว่านี้มีหวังไถลลงคลอง ดับอนาถด้วยกันทั้งคู่

     

     

    เห็นไอ้เด็กแสบนอนร้องครางจับข้อศอกอยู่ก็ไม่คิดสงสาร อุบัติเหตุมันเกิดเพราะใครละ

     

     

    นั่น แล้วดูมัน...ดูมันมองค้อนเค้า ทำอย่างกับเขาเป็นคนผิดงั้นแหละ

     

     

     

    “เจ็บ” แบคฮยอนบ่นเบาๆเหมือนจะให้มันลอยไปตามลม จนแล้วจนรอดคนแก่กว่าก็ทนใจร้ายไม่ไหว มือหนาดึงแขนอีกข้างที่ไร้บาดแผลจนเจ้าตัวจ้อยลอยวืดขึ้นมา

     

     

    “เพราะนายแท้ๆ” รีบคาดโทษ เพราะดูจากสายตาแล้ว คนเจ็บมันกำลังโทษเขาอยู่

     

     

    “จะเพราะผมได้ไง ก็พี่ชานยอลขี่” แหน่ะ มีเถียง เจ็บตัวแล้วเถียงเก่งขึ้นมาได้ไงวะ ชานยอลอดจะสังสัยไม่ได้

     

     

    “ก็นายจับปะ...ก..ก็นายนั่นแหละผิด!!” ชำนาญการใช้อำนาจทางเสียงอยู่แล้วครับ งานนี้ชานยอลเป็นต่ออยู่หลายขุม ซึ่งน้ำเสียงดุดันของชานยอลก็ได้ผลเสมอ ไม่เชื่อดูจากสีหน้าที่จ๋อยสนิทของแบคฮยอนได้

     

     

     

    ร่างเล็กดึงแขนตัวเองออกจากกอบกุมของคนชอบตะคอก ก่อนจะใช้มือคลำแผลสดที่ข้อศอกจนโลหิตสีเข้มทะลักติดฝ่ามือมาด้วย

     

     

    “เจ็บ...”

     

     

    “รู้แล้วล่ะน่า” ชานยอลสะบัดปลายเสียงห้วนๆ เห็นแผลไอ้เปี๊ยกแล้วอยากเจ็บแทน ก็ทำไมไม่รู้อีกนั่นแหละ แต่อยากเจ็บแทนจริงๆนะ คงเพราะไอ้เปี๊ยกมันตัวเล็กมั้ง พอร้องเจ็บๆๆก็เลยดูน่าสงสารผิดปกติ

     

     

    “อย่าจับซี่” แบคฮยอนร้องห้ามเมื่อมือแกร่งยื่นมาใกล้แผลเขา

     

     

    “ไม่ได้จะจับซักหน่อย ขอดูเฉยๆ อย่าขยับดิวะ” ดุเข้าให้ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายก้มตัวลงมาดูเอง เพราะแบคฮยอนดื้อเงียบชักแขนหลบไปข้างหลัง

     

     

    “ลึกนี่หว่า อย่างนี้ติดเชื้อต้องตัดแขนทิ้งแน่”

     

     

    “ฮื่อ”

     

     

    ชานยอลหลุดอมยิ้ม ...ไอ้เปี๊ยกมันขู่น่ารักว่ะ

     

     

    บ้าดิ น่ารักบ้าไร เพ้อเจ้อ

     

     

     

    ร่างสูงสะบัดศีรษะไล่ความคิดพิลึกพิลั่นออกจากหัว ก่อนจะสาวเท้าไปยังมอเตอร์ไซต์ เช็คสภาพรอบคันพอเป็นพิธี ก่อนขึ้นคร่อมและสตาร์ทเครื่อง

     

     

    “เร็วดิ” ส่งเสียงไปเร่งไอ้เด็กหางตาตกที่คงกลัวการโดยสารกับเขาไปแล้ว มันหน้าง้ำเหมือนจะร้องไห้ แต่พอเขาถลึงตาดุใส่เข้าหน่อย มันก็ยอมเดินมาซ้อนท้ายแต่โดยดี

     

     

    “คราวนี้อย่าหลับอีกล่ะ” เพราะถ้าเกิดเรื่องหวาดเสียวแบบเดิมขึ้นอีก ปาร์คชานยอลขอไม่รับประกันความปลอดภัย ถ้าไม่จบที่รถตกคูน้ำ ก็นู่นเลย จบลีลาที่บนเตียง

     

     

    “เอ้า ใส่ซะ”

     

     

    แบคฮยอนทำหน้างง เมื่อจู่ๆชานยอลก็ถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวตัวเองแล้วยื่นมาให้ แต่สงสัยจะงงนานไปหน่อยจนอีกฝ่ายรำคาญ สุดท้ายก็เลยโดนจับใส่ทั้งๆที่ยังนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาอยู่ท้ายรถ

     

     

    พอสิ้นสุดการเสียสละ(ที่ชานยอลให้เหตุผลว่าเพราะเขาอายุมากกว่า) ดูคาติคันโก้ก็แล่นฉิวบดเบียดล้อหรูไปกับถนนคอนกรีตอีกครั้ง คราวนี้เร็วขึ้นแต่มั่งคงจนแบคฮยอนอุ่นใจ

     

     

    กลิ่นแชมพูกับอาฟเตอร์เชฟของชานยอลอบอวลเต็มหมวกกันน็อค เป็นกลิ่นที่ทำให้ไอ้เด็กตัวขาวถึงกับหน้าแดง ได้แต่เม้มปากอย่างขลาดอายอยู่ภายใต้การครอบคลุมของตัวหมวก

     

     

     

     

     

     

     

    …………………………

     

     

     

     

     

     

    อย่าได้คิดว่าคนอย่างปาร์คชานยอลจะลดตัวลงไปทำแผลให้เด็กเมื่อวานซืนหน้าตาซื่อบื้อพันธุ์นั้นเชียว

     

     

    อย่าคิดเด็ดขาดนะ...อย่านะ...ก็บอกว่าอย่าคิดไงเล่า!

     

     

     

    “จ..เจ็บ พี่ชานยอลเบาหน่อยซี่” แบคฮยอนโอดครวญเมื่อสำลีชุบเบตาดีนป้ายปาดที่ปากแผลอย่างไม่ปรานีปราศรัย

     

     

    “ป๊อด”

     

     

    โดนว่าอย่างนั้นไอ้เปี๊ยกก็ถึงกับจืดเจื่อน ก็คนมันเจ็บนี่ เกี่ยวอะไรกับป๊อดไม่ป๊อด

     

     

    แต่ถึงจะปากดีว่าเด็ก ทว่าชานยอลก็เบาน้ำมือลงจนแบคฮยอนรู้สึกได้

     

     

     

    “สองสามวันนี้ก็อย่าโง่ทำแผลโดนน้ำล่ะ” เตือนพลางพันผ้าก็อซทบสุดท้ายเป็นอันจบกระบวนการ

     

     

     

    ทำแผลเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแผล แต่เจ้าของแผลมันดันโน้มหน้าลงมาซะใกล้ กลิ่นแป้งเด็กที่แก้มมันนี่หอมฟุ้ง จนอยากจะถามไปตรงๆว่าใช้ยี่ห้อไหน

     

     

     

    “ขอบคุณครับ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นแผ่วเบา อันที่จริงแบคฮยอนอยากยิ้มให้ชานยอลด้วย แต่กลัวชานยอลหาว่าสติไม่ดี

     

     

    “เออ จะไปไหนก็ไปเหอะ” พูดตัดเยื่อใยมือขวาก็โบกไล่ไปด้วย แน่นอนว่าแบคฮยอนเองก็ไม่อยากอยู่กับคนปากร้ายสองต่อสองนานไปกว่านี้ซักเท่าไหร่ คนตัวเล็กจึงรีบโค้งศีรษะแสดงความขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปเข้าครัวทำอาหารเช้าสำหรับคุณลุงปาร์คแดอุนผู้ใจดี ส่วนชานยอลก็เดินกระแทกเท้าขึ้นไปยังชั้นสอง

     

     

     

    แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้แบคฮยอนเดินออกมาจากครัว ชะโงกหน้ามองคนตัวสูงที่ขึ้นบันไดไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีกเช่นกัน ที่จูงใจให้ชานยอลก้าวถอยหลังลงบันไดมาชะโงกหน้าหาคนตัวเล็ก

     

     

    ทั้งคู่สะดุ้งเมื่อสบสายตากันเข้าพอดี ตะหลิวในมือแบคฮยอนแทบร่วง

     

     

    “ฉ...ฉัน จะบอกว่า”

     

     

    “...”

     

     

    “ทำครัวเสร็จแล้วอย่าลืมปิดไฟ มันเปลือง”

     

     

    พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบันไดจนพื้นสะเทือนเสียงดังลั่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบวิ่งทำไม ทำอย่างกับจะหนีอะไรอย่างนั้นแหละ

     

     

    กว่าจะหยุดฝีเท้าได้ก็ตอนที่มาถึงห้องนอนตัวเองแล้ว

     

     

    ชานยอลพิงแผ่นหลังลงกับประตู ใจเต้นแรงจนร่างกายแทบทรุดฮวบ

     

     

    แม่ง...บ้าไปแล้ว ...ปาร์คชานยอลต้องบ้าไปแล้วแหงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………………….

     

     

     

     

     

     

     

    “ใจมึงคิดจะอ๊อฟเด็กไง มึงอย่ามาซึน”

     

     

    ชานยอลมองเพื่อนรักที่พูดไม่เข้าหูด้วยสายตาพิฆาต “อ๊อฟเหี้ยไร กูเกลียดแม่มันจะตาย”

     

     

    “เอ้า ก็มึงจะอ๊อฟเขานิ ไม่ได้จะอ๊อฟแม่เขา”

     

     

    เออก็จริงของไอ้ลู่หานมัน...

     

     

    จริงบ้าอะไรละ!!

     

     

     

     

    “กูไม่ได้จะอ๊อฟอะไรทั้งนั้นแหละ! มึงมันก็มั่วไปเรื่อย” ทำหัวเสียใส่เพื่อนอิมพอร์ตจากแดนปักกิ่ง แต่ก็เอาเถอะ ต่อให้เงื้อมีดขึ้นขู่ไอ้ลู่หานมันก็กลัวซะที่ไหน แม่งยิ้มล้อจนตีนกาถล่มทั้งหน้าแล้วนั่น

     

     

    “แหน่ะ ทำซึนเป็นวัยรุ่นริรัก โตๆกันแล้วมึงหยั่มมา”

     

     

    “โตเหี้ยอะไรอายุแค่ยี่สิบ มึงจะรีบตายตอนยี่สิบห้ารึไง” เถียงกันไปจนถึงเรื่องอายุ สุดท้ายลู่หานก็ยอมเงียบเสียงลง แต่ศึกน้ำลายครั้งนี้ดูเหมือนคนแพ้จะไม่ใช่คนหยุดเถียง แต่เป็นคนซึนอย่างปาร์คชานยอลต่างหาก เพราะนอกจากจะหงุดหงิดจนเผลอชูนิ้วกลางใส่รุ่นพี่แล้ว มันยังกร่างจนหวิดจะวางมวยกับประธานเอกไปอีกหนึ่งดอก

     

     

     

    “มึงไปเป็นพี่ว๊ากเลยปะไอ้ชายกาง” ลู่หานใช้มือที่สามสะกิดแข้งเพื่อน ฉายาชายกางนี่ไม่ต้องมีลอลิงนะครับ เพราะมันไม่ได้มาจากชายกลางแห่งบ้านทรายทอง แต่มาจากหูมันนี่แหละ กางจนโดนรุ่นพี่ล้อตั้งแต่วันเฟิร์สเดท

     

     

     

    อ่อ ลืมบอกไป ตอนนี้สองหนุ่มนั่งเถียงกันอยู่ในวาระการประชุมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องรับน้องประจำปี 2014

     

     

     

    “พี่ว๊ากห่าไร กูลงชื่อชิงตำแหน่งพี่แฝงไปแล้ว”

     

     

    “แหน่ะ อยากเนียนไปแต๊ะอั๋งน้องอะดี๊ ชอบเด็กก็บอก ...เฮ้อ จะไปเป็นพี่แฝงทำไมว้าคนเรา เด็กที่บ้านก็มีให้คุยอยู่แล้ว” ลู่หานแซวคาบเกี่ยวไปถึงเรื่องปวดหัวของเพื่อน แซวจนโดนชายกางโบกเข้ากบาลในที่สุด

     

     

    “ฟาย กูอุตส่าห์เล่าให้ฟัง เสือกเอามาล้อ” ว่าพลางแยกเขี้ยวทำหน้าโหดใส่ แต่อย่างลู่หานน่ะหรอจะกลัว โหดกว่ามึงก็คือกูเองอะครับ

     

     

    “มึงก็จะจริงจังทำเป็นว้าวุ่นทำไมวะ อย่างมึงนี่มันเข้าตำราหนังจีนเจ้าแห่งยุทธภพที่บ้านกูเลย”

     

     

    “หนังอะไรของมึง?” เลิกคิ้วถามแต่ไร้ซึ่งความเชื่อถือ ก็หน้าตาไอ้คุณลู่นี่ไม่ได้มีความน่าเคารพเลยซักกะติ๊ดดดดเดียว

     

     

    “ก็เรื่องไอ้หนุ่มหมัดเมา หวังฟันเจ้าร้อยท่าในห้านาทีไง” ตอบหน้าตายคล้ายว่าจริงจัง ถุย! ปาร์คชานยอลอยากจะกระโดดตบเพื่อนให้หัวแม่งติดหน้าเน็ต

     

     

    “สัด นั่นมันหนังจีนหรือหนังโป๊มึงเอาดีๆ”

     

     

    “ก็หนังจีนที่โป๊ๆไง เออนั่นแหละ มึงอะหวังฟันเขาไง มึงก็ลองไปเต๊าๆะดู ถ้าได้เดี๋ยวก็ได้เอง”

     

     

    ไม่ได้คล้อยตามมันนะครับ แต่แค่สงสัย “แล้วถ้าไม่ได้อ่ะ”

     

     

    “ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ได้ไง มึงถามควายอะไรเนี่ย”

     

     

    ขอซักป๊าบ ไม่งั้นคืนนี้ชายกลางคงนอนไม่หลับ ว่าแล้วฝ่ามืออรหันต์สไลต์หนุ่มหมัดเมาก็เฮดช็อตคุณเพื่อนรักไปหนึ่งที

     

     

    “มึงจะบ้ารึไง เด็กมันแค่สิบหก”

     

     

    “สิบหกนมก็ขึ้นแล้ว”

     

     

    “นมขึ้นห่าไร เด็กผู้ชาย”

     

     

     

    เอ๊อะ... มาถึงตรงนี้เสี่ยวลู่หานคนแมนแดนมังกรก็ถึงกับชะงักไป ที่ไอ้ปาร์คมันเล่าๆมานี่เด็กผู้ชาย? ใจหวิวๆกับเด็กผู้ชาย? เอาแล้วไงเพื่อนกู จากชายกางจะกลายร่างเป็นยอดมนุษย์อุลต้าแมนแล้วครับ

     

     

     

    “เฮ้ยแต่ถ้าคิดในแง่ดี เด็กผู้ชายก็ท้องไม่ได้ดิวะ ลาภปากมึงมาแล้วชานยอล”

     

     

    “กูไม่ได้คิดนรกอย่างมึงนะเว้ยไอ้ลู่” ไม่คิดจริงๆ นี่ยังก่ำกึ่งอยู่เลยว่าจะชอบหรือจะเกลียด แล้วอยู่ดีๆจะมาข้ามขั้นไปถึงเรื่องใต้สะดือแบบนั้น... แค่(แอบ)จิ้นก็หน้ามืดแล้ว  

     

     

     

    “มึงคิด”

     

     

    “ไม่ได้คิด”

     

     

    “คิด”

     

     

    “ไม่ได้คิด”

     

     

    “ไม่ได้คิด”

     

     

    “คิด”

     

     

    เฮ้ย! หลงกลไอ้ลู่แล้วมั้ยล่ะ

     

     

    “น่ะ มึงคิดจริงๆด้วย”

     

     

    ปาร์คชานยอทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างหงุดหงิด คิดห่าไร ถ้ามึงไม่ล่อลวงกูด้วยการพูดสับไปมากูไม่มีทางพูดว่าคิดแน่ๆ

     

     

    “มึงมาปรึกษากูเองนะไอ้กาง พอกูตอบตามประสบการณ์ก็ทำมาเป็นรับไม่ได้” แอบมีโชว์ภูมินิดหน่อยพอเป็นกระสัย ลู่น้อยร้อยแรงม้านะครับเห็นแบบนี้ สาวๆกว่าครึ่งคณะนี่เคยขอเบอร์เขาไปแล้วทั้งสิ้น (แต่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ขอไปแล้วไม่โทรมา)

     

     

     

    ว่าแล้วลูลู่คนจริงไม่ทิ้งลายก็หายเข้าไปในกลุ่มสาวสวยของคณะ ทิ้งชายกางเอาไว้กับปัญหาคาใจที่ดูจะทบทวีมากกว่าเก่า

     

     

    สรุปอาการที่เป็นอยู่นี่คือหวังฟันเด็ก?

     

     

    เฮ้ยมันใช่แน่หรอวะ?

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………………….

     

     

     

     

     

     

     

    “ป๊า ไอ้เปี๊ยกอะ?”

     

    เลิกประชุมกลับมาบ้านปุ๊บ ก็ถามถึงสมาชิกใหม่ของครอบครัวปั๊บ

     

     

    ปาร์คแดอุนทำเป็นหูทวนลม อยากจะรู้นักเชียวว่าลูกชายตัวดีจะงัดฟอร์มอะไรมาเป็นเหตุผลในการถามถึงคนที่เจ้าตัวตั้งแง่ไม่ชอบมาตั้งแต่ต้น

     

     

    “ป๊า เปี๊ยกไปไหน” ถามซ้ำแบบเร่งวอลุ่มเมื่อคิดว่าคุณป๊าของตัวเองไม่ได้ยิน

     

     

    แดอุนลอบหัวเราะ “แล้วแกจะรู้ไปทำไม”

     

     

    “ก็มันเจ็บแผลอยู่ เที่ยวไปซนที่อื่นเดี๋ยวแผลก็เปิดพอดี” ก็ว่าไปนั่น แต่จริงๆที่รีบกลับมาถามหาก็เพราะอยากเช็คความรู้สึกตัวเอง ไม่ใช่จะจับไอ้เปี๊ยกมันขึ้นเตียงตามที่ไอ้ลู่มันแนะนำ แต่แค่...แค่...ก็แค่อยากเห็นหน้าเฉยๆอะ จะทำไม

     

     

    “ไปแถวโรงหนังมั้ง” ชี้พิกัดไปแบบกว้างๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็รู้ว่าเด็กคนนั้นออกไปทำธุระที่ไหนทุกเย็น

     

     

     

    ชานยอลขมวดคิ้วมุ่น “ไปหาแม่มันหรอ” พูดถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ขึ้น โคตรตลกเลยเอาลูกมาฝากให้ป๊าเขาเลี้ยง ทั้งที่ตัวเองก็มาพักอยู่ไม่ไกลจากบ้านเก่าซักเท่าไหร่ จะบอกว่าบ้านเก่าขายทิ้งไปแล้วยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี

     

     

    “ไม่รู๊” แดอุนแสร้งทำเสียงสูง แสดงพิรุธแบบตั้งใจ

     

     

    “เดี๋ยวก่อนดิป๊า! ป๊าจะไปไหน” ตะโกนเรียกเมื่อคนเป็นพ่อจงใจเดินทิ้งระยะห่าง เดินตามไปก็เห็นแผ่นหลังแวบๆเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟใกล้บ้าน นั่นละปาร์คชานยอลจึงละลดความตั้งใจที่จะเค้นอะไรจากคุณพ่ออีก

     

     

     

    ร่างสูงล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง โยนขึ้นลงให้ใจเย็น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปลากดูคาติคันเก่งออกมาจากโรงจอดรถ

     

     

    ถึงเวลาที่เขาจะต้องรู้ซักที ว่าไอ้เปี๊ยกมันหายไปไหนของมันทุกเย็น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มอเตอร์ไซค์สองสูบคันหรูไต่ระดับความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆตามอำนาจความร้อนรนของคนขับขี่

     

     

    ชานยอลลอบพ่นลมหายใจหงุดหงิดอยู่ในหมวกกันน็อคใบโต นี่เขาวนรถมาหลายเที่ยวแล้วไม่ยักจะเจอไอ้เด็กหางตาตกนั่นซักที มันไปมุดหัวอยู่ไหนของมันวะ นี่บ้านแม่มันก็ไปจอดรถเฝ้านานแล้วไม่เห็นใครเข้าออกซักกะคน

     

     

     

    ว่าแล้วชายหนุ่มก็หักรถไปทางหลังหมู่บ้าน ทะลุโรงหนัง ก่อนจะวกกลับมาที่บ้านเช่าเล็กๆของผู้หญิงสุดแสบสันที่เขาชังน้ำหน้าอีกครั้ง

     

     

     

    คราวนี้ได้เจอบยอนแบคฮยอนสมใจ แต่ไม่ได้เจอที่บ้านแม่มันหรอกนะ... มันเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่ติดกับบ้านแม่มันต่างหาก

     

     

     

    เดินมาคนเดียวยังพอทน นี่เดินมากับผู้ชายแก่คราวพ่อ แล้วดูทั้งกอดทั้งโอบ ไม่ใช่แล้วมั้ง นี่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบธรรมดาแล้ว

     

     

     

    ชานยอลกอดอกแอบมองอยู่หลังต้นเสาอย่างร้อนใจ จริงๆไอ้เสานี่ปิดหูเขายังไม่มิดเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้เด็กแสบนั่นไม่ยักเห็น สงสัยเพราะมัวแต่สนใจเงินเป็นฟ้อนที่ไอ้เศรษฐีแก่มันยื่นให้อยู่มั้ง

     

     

    เหอะทำเป็นอิดออด สุดท้ายก็รับอยู่ดี

     

     

    อำนาจเงินหยวนของไอ้ลู่หานถ้ามาแบทเทิลกับไอ้แก่นี่คงมีตกขอบ... ชานยอลได้แต่คิดอย่างก้าวร้าวในหัวคนเดียวเงียบๆ

     

     

     

    ชายหนุ่มยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน แม้เป้าหมายที่เขาตามหาจะโบกรถรับจ้างออกไปจากบริเวณนี้แล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนกำหมัดอยู่

     

     

    หึ ไอ้เราก็นึกว่าใส ที่จับเป้ากันตอนเช้านี่ตั้งใจก็บอก ยั่วก็บอก

     

     

    ออกตัวเลยว่าปาร์คชานยอลไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายที่ใครเสนอมาแล้วต้องสนอง เขาไม่มีตรรกะใครให้ต้องรับหมดอยู่ในพจนานุกรมเลยแม้แต่น้อย

     

     

    ต่อจากนี้ไปนะ ถ้าไอ้เปี๊ยกมาเฉียดเขาจะหลีกให้ห่างเลย

     

     

    โว๊ยยย หงุดหงิด!! ปิดชมรมโชตะค่อน โลลิค่อนอะไรเถือกนั้นไปได้เลย เพราะคนอย่างชานยอลไม่มีวันเข้า!!!

     

     

    ไม่ชอบเด็กแล้วว้อยยย เด็กมันหลายใจว้อยยย!!!

     

     

     

    (*อนึ่ง : หลายใจคือการที่คนๆหนึ่งชอบพอกับใครคนหนึ่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ไปมีใจให้กับใครอีกคน ซึ่งในกรณีนี้ไม่ใช่ เพราะแบคฮยอนไม่เคยบอกว่าชอบชานยอล พี่ชานมั่ว พี่ชานเข้าข้างตัวเอง พี่ชานศรีธัญญา พี่ชานบ๊องตื้น)

     

     

     

     

     

    P a s t e l : Y e l l o w

     

     

     

    อยากจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น พี่ชานคนเพี้ยน

    รักนะคะ

     

    #ยลพท

    Seeme


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×