ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม นุ ษ ย์ แ ม ว | มินิวรรณกรรมโลกหลุดของแมวหนึ่งตัว

    ลำดับตอนที่ #6 : บ ท ที่ ๕ | จิ๊กโก๋ซอยเจ็ด

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 59









    บ ท ที่ ๕


    จิ๊กโก๋ซอยเจ็ด










     


     

    หลังเสียงแหบเย็นนั้นทักทายอย่างไม่เป็นมิตร ผมได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเบาๆ สายตาพยายามเพ่งไปด้านหลังเสาไฟฟ้า แสงสีส้มสาดจ้าลงมาทำให้มองเห็นเงามือเบื้อหลังลำแสงนั้นได้ยากเย็น 


    " ก็ดูงั้นๆนี่... " 

    เสียงชายแปลกหน้ายังคงพูด ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดหลังแสงไฟ 


    " เฮ่ย... ก้มลงมาสิ่วะ " 

    เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็ลดสายตาลงจากเดิม และในตอนนั้นเอง... 


    มีแมว... 


    ใช่ถูกแล้ว 

     

    แมวสีดำหนึ่งตัวนั่งกวัดแกว่งหางอยู่ตรงหน้าผม มันเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตากวนโอ๊ย มิหนำซ้ำจังหวะกระตุกหางของมัยังบ่งบอกได้ถึงลิมิตความกวนตีนที่พุ่งสูงเกินความสูงของตัวมันเสียอีก 

     

    " .... " 

    ผมถูกแมวจิ๊กโก๋หาเรื่องเหรอ นี่ผมโชคร้ายขนาดไหนกันนะ ? 

     

    " เป็นใบ้รึไงวะ... " 

    มันถาม 

     

    " ...เฮ่ย... จะกวนตีนรึไงไอ้เปี๊ยก " 

    ผมจ้องมันตาไม่กระพริบ ในขณะที่มือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ จังหวะหางของผมก็สบัดไปตามอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสุนทรีย์ ไอ้เจ้าแมวจิ๊กโก๋นั่นก็เหมือนกัน ตอนนี้เราทั้งคู่เพียงแค่จ้องตากันและดวลการกวัดแกว่างหางไม่มีใครยอมใคร หางใครหยุดก่อนแพ้ 

     

    " ปากดีนักนะ เดี๋ยวพ่อข่วนให้หน้าแหกซะดีมั้ย " 

    ไอ้แมวเตี้ยมันว่า 

     

    ผมนี่ถึงกับคิ้วกระตุกเลยทีเดียว แต่ละคำพูดของมันทำให้ผมคิดว่าน่าเตะให้ปลิวไปเลยจริงๆ ซ่าไม่ได้ดูขนาดตัวเล๊ย ! และผมคิดว่ามันคงเป็นแมวที่มีอายุพอสมควรแล้ว เพราะขนดำๆของมันมอมแมม มิหนำซ้ำยังมีสีขาวแซมมานิดหน่อย 

     

    " ต้องให้ก้มหน้าลงไปมั้ยลุง... พูดเข้าไปนั่นอ่ะปีนขึ้นมาข่วนถึงเร่อ ? " 

    ผมตอบ 

     



    " ใครเป็นลุงแกมิทราบ... " 

     

    แหน่ะ.. กวนตีนอีก... 


    ผมกับเจ้าแมวจิ๊กโก๋ยืนเถียงกันอยู่นานก็ได้ใจความว่า มันเป็นจิ๊กโก๋แมวจร ชื่อว่า ' จุ่น ' มาจากซอยเจ็ด มันบอกว่าได้ยินข่าวเรื่องผมมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสมาดูให้เห็นกับตาเสียที แล้วมันก็ยังเลียบๆเคียงเคียงๆถามถึงคุณ ชิโรโกะ (แมวสาวสวยที่อยู่ในซอยบ้านผม) อีกด้วย ผมคิดว่าประเด็นที่ไอ้จุ่นมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะมันอยากเจอผมหรอก น่าจะเป็นเพราะคุณชิโรโกะมากกว่า 

     

     






     

     


     

    " แล้วแกจะเดินตามฉันมาทำไมเนี่ย " 

    ผมหันไปว่ามัน เพราะไอ้จุ่นเอาแต่เดินตามผมต้อยๆ หลังจากที่เรายืนคุยกันที่เสาไฟฟ้าก็ไม่รู้ว่ามันถูกใจอะไรผมนักหนาถึงได้ตามติดแจขนาดนี้


    " วันนี้ฉันจะนอนบ้านแก "

    ไอ้จุ่นบอก


    " ฝันเลยไอ้น้อง มาทางไหนเมิงกลับไปทางนั้นเลย "

    ผมตอบทันควัน จะว่าผมใจร้ายก็ได้นะ แต่การรับจิ๊กโก๋ที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้านมันเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง ขนาดคนมีแค่สองเท้านะ แล้วนี่แมวมีตั้งสี่เท้าเชียว คงต้องใช้เวลาทำความรู้จักปลายเท้ากันยาวๆล่ะ


    " ไม่ไปเฟ่ย~ "

    ไม่พูดเปล่ามันกระโดดขึ้นไปนั่งรออยู่บนขอบรั้วบ้านของผม ถ้าหากว่าตอนนี้ผมตะโกนออกไปว่า ช่วยด้วย มีแมวจิ๊กโก๋ปีนบ้านผม จะมีใครสักคนไหมนะที่เชื่อ และเข้าใจผม


    แน่นอนว่าไม่


    ผมจึงทำได้แค่ปล่อยให้ไอ้จุ่นมันทำระยำตำบอนกับรั้วบ้านของผม ผมหมายถึงระยำตำบอนจริงๆเพราะว่ามันฉี่รดรั้วบ้านของผมด้วย ทำอย่างกับว่าหน้าบ้านของผมเป็นส้วมแมวอย่างนั้นล่ะ...


    ในขณะที่ผมยืนมองไอ้จุ่นด้วยความโมโหอยู่นั้น ไฟในบ้านจากชั้นสองก็เปิดจ้า


    ทับทิม ลูกสาวของคุณลุงช่างตัดเสื้อเปิดหน้าต่างห้องนอนของเธอออกมา เธอคงจะได้ยินเสียงผมทะเลาะกับไอ้จุ่นเป็นแน่ ในตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอ เธอก็ส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้


    อ้อ... ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้สิ่นะ ?











    ย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็ก

    ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ป.3 มันเป็นช่วงชีวิตที่แสนลำบากยากเย็น

    ด้วยความที่ฐานะทางบ้านของผมยากจนมาก แม่พยายามหาเลี้ยงครอบครัวด้วยตัวคนเดียว ผมต้องเรียนหนังสือ และผมไม่แน่ใจว่าผมมีพ่อรึเปล่า แม่ไม่เคยพูดถึงพ่อเลย

    ในแต่ละวัน หลังจากที่แม่ไปส่งผมที่โรงเรียนแล้ว แม่ก็จะไปรับจ้างเป็นแม่บ้านตามสถานที่ต่างๆ บางครั้งก็บ้านคนรวยในละแวกนั้น ตามห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า สารพัดที่จะทำได้ ตกเย็นแม่จะรับจ้างแพ๊คของต่อ บางครั้งก็เป็นการแพ๊คช้อนส้อมขนาดต่างๆ ผมเคยเห็นแม่รับคัดแยกขยะไปส่งที่โรงงานด้วย



    แล้ววันหนึ่ง


    ผมร้องให้อย่างหนักเพราะถูกเพื่อนนักเรียนแกล้ง

    ในวันนั้นผมถามแม่ว่าทำไมผมจึงมีหูและหางเหมือนแมวหลังจากที่ผมถูกเพื่อนนักเรียนวัยประถมดึงหางจนเคล็ดไปถึงสันหลัง และสิ่งที่แม่ตอบกับผมคือ


    " วันพรุ่งนี้แม่จะพาไปตัดหูกับหางที่คลีนิคศัลยกรรม "



    หลังจากนั้นผมก็จำอะไรแทบไม่ได้

    ผมจำได้เพียงแค่ว่า วันถัดมาผมไม่เจอแม่ และในเย็นวันนั้นแม่ไม่กลับบ้าน



    ....




    แม่ไม่กลับมาอีกเลย



    คุณลุงช่างตัดเสื้อมาที่บ้านของผมและรับผมไปอยู่ด้วย เขาบอกกับผมว่า จะให้ผมพักอยู่ที่บ้านของเขาจนกว่าแม่ของผมจะกลับมา ช่วงเวลายาวนานที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับคุณลุงช่างตัดเสื้อ ในเย็นของทุกวันหลังเลิกเรียนผมจะเลยไปที่บ้านของผมเพื่อดูว่าแม่กลับมารึยัง


    ผมทำแบบนั้นอยู่เป็นปีๆ  ปีแล้วปีเล่า


    จนกระทั่ง... 

    ผมไม่รู้เลยว่า


    ตั้งแต่เมื่อไหร่... ที่ผมเลิกกลับไปที่นั่น...









      CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×