หนึ่งในภาพประกอบ | One Shot | By แมวจร - หนึ่งในภาพประกอบ | One Shot | By แมวจร นิยาย หนึ่งในภาพประกอบ | One Shot | By แมวจร : Dek-D.com - Writer

    หนึ่งในภาพประกอบ | One Shot | By แมวจร

    ผมเป็นเพียงนกที่บินล้อลม เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้...

    ผู้เข้าชมรวม

    937

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    937

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 61 / 10:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

          

                                                               

                                                                                   แด่... ภาพประกอบทุกๆภาพ  : )    

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                                                     

                     เธอเป็นลูกศิษย์คนเก่งของผม

                     เธอเป็นเด็กสาวที่อายุห่างกับผมกว่าสิบปีเห็นจะได้ เธอเก่งและมีความสามารถ มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น มีรอยยิ้มหวานฉ่ำ และมีน้ำเสียงไพเราะชวนให้หลงใหล

                     “ อาจารย์คะ ตรงนี้เอาสีอะไรดีคะ ? ”

                     นักเรียนคนเก่งถามพลางยื่นแคนวาสของเธอมาใกล้ๆ ผมก้มลงมองภาพของเธออยู่ครู่หนึ่ง มันเป็นภาพสีอะคริลิคที่สวยงาม ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงแอบแนบชิดกัน หญิงสาวสวมชุดเดรสขาวพลิ้วลม เธอมีผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางาม และชายหนุ่มสวมชุดสูทสีน้ำตาลหม่น ผมไม่อาจรู้ได้ว่าทั้งสองมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะทั้งคู่นั่งหันหลังมองออกไปยังทะเลยามเย็น ท้องฟ้าเป็นสีส้มและดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที


                     มันเป็นภาพที่สวยงาม

                     “ ลองเพิ่มสีชมพูลงไปตรงนี้ก่อนมั้ย ? ”  ผมบอกพลางใช้ด้ามพู่กันที่ถืออยู่ในมือชี้ไปตรงบริเวณท้องฟ้าสีส้มอ่อนๆ

                     “ ที่ท้องฟ้าเหรอคะ ” เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกาย

                     “ อื้ม ภาพนี้อมส้มมากเกินไปนะ ผมว่ามันก็ดูอบอุ่นดี แต่ถ้าเพิ่มสีชมพูลงไปอีกสักหน่อย แล้วภาพจะให้บรรยากาศที่โรแมนติกกว่านี้ ” ผมตอบ และเธอก็ยิ้มรับ

                     แววตาของเธอที่มองมาบางครั้งมันทำให้ผมหัวใจเต้นแรง ถึงแม้ว่าระหว่างผมกับเธอมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม ผมพยายามอยู่ในจุดยืนที่ควรจะเป็นและชื่นชมเธออยู่ห่างๆ แต่ในบางครั้งมันก็ยากเหลือเกินที่จะห้ามตัวเองไม่ให้คิด...


                     ..ไม่ให้คิดว่าเธอก็คิด แบบเดียวกับผมเช่นกัน...




                     “ ดีขึ้นรึยังคะ ? ”

                     เสียงใสๆ ของเธอเอ่ยถามหลังจากที่เธอหายไปแก้ไขภาพเขียนของเธอ คราวนี้ภาพบนแคนวาสดูสวยงามกว่าเดิมมากนัก มันกลายเป็นภาพที่อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นของคู่รัก

                     “ เข้ามาใกล้ๆ สิ ” ผมบอกเธอ

                     ในตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองผม แววตาของเธอดูจะหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย ช่างเป็นความรู้สึกที่อันตราย

                     แคนวาสของเธอถูกส่งมาให้ และเมื่อผมรับมันเอาไว้เธอก็นั่งลงตรงที่ว่างของเก้าอี้ข้างตัวผม มันเป็นที่ประจำของเธอ เรามักจะนั่งด้วยกันแบบนี้ในเวลาที่ผมจะสอนเทคนิคพิเศษในการวาดให้กับเธอ

                     “ เธอชอบดอกลิลลี่รึเปล่า ? ”

                     “ ชอบค่ะ ”

                     เสียงใสๆ ของเธอตอบอยู่ใกล้ๆ ในขณะเดียวกันผมใช้ปลายพู่กันแต่งเติมกระถางต้นไม้พร้อมกับดอกลิลลี่ลงในภาพ หลังจากนั้นก็เพิ่มนกตัวน้อยที่กำลังบินรับลมยามเย็นอีกสองสามตัว หลายครั้งผมแอบชำเลืองมองเธอที่จับจ้องปลายพู่กันของผมอย่างไม่วางตา

                     เวลานี้ ผมมีความสุขมาก


                     “ สวยขึ้นเยอะเลยค่ะ ”  เสียงของเธอทักขึ้น

                     “ เขาเรียกว่าเพิ่มองค์ประกอบของภาพให้ลงตัว ”

                     “ องค์ประกอบเหรอคะ ? ”

                     น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เช่นเดียวกับแววตาของเธอ ผมหย่อนพู่กันลงในแก้วน้ำใกล้ๆ ตัวก่อนที่จะหันไปคุยกับเธออย่างจริงจัง


                     “ ภาพของเธอจุดเด่นของการเล่าเรื่องคือชายหญิงสองคนที่นั่งมองทะเลใช่มั้ย ถ้าพูดถึงการเล่าเรื่องเท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว แต่มันจะสวยขึ้นถ้ามีภาพประกอบอื่นๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อให้ได้องค์ประกอบที่สมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น นกตัวนี้ ถ้าไม่มีมันอยู่ในภาพ ภาพก็ยังคงสื่อความหมายได้ แต่เมื่อเพิ่มมันเข้าไปภาพจะดูสวยขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีความหมายอะไรกับภาพเลยก็ตาม ทั้งดอกลิลลี่หรือกระถางต้นไม้ ภาพพวกนี้ มีไว้เพื่อประกอบให้ภาพของชายหญิงซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอสวยยิ่งขึ้น…” ผมพูด และเป็นอีกครั้งที่แววตาของเธอทำให้หัวใจของผมเต้นแรง


                     “อาจารย์นี่เก่งจังเลยนะคะ” เธอยิ้มร่า

                     ผมลูบหัวเธอเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าความใกล้ชิดเริ่มอยู่ในภาวะที่อันตราย ผมจึงดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกหวั่นไหวด้วยการก้มลงหยิบแก้วน้ำล้างพู่กันของตัวเองไปล้างในห้องน้ำโดยทิ้งเธอเอาไว้กับผลงานชิ้นเอกของเธอ


                     หลายต่อหลายครั้งที่ผมทิ้งเธอเอาไว้ กับความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถสานต่อได้






                     “ ฟ้าใกล้มืดแล้วนะ ยังไม่กลับอีกเหรอ…”

                     ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอล้มตัวลงนอนบนเบาะรองนั่ง เธอทำแบบนี้อีกแล้ว เธอมักจะอยู่เป็นคนสุดท้ายของชั้นเรียนเสมอ ตอนนี้ห้องเรียนทั้งห้องปราศจากเด็กนักเรียนคนใดยกเว้นเธอ แสงข้างนอกบานหน้าต่างก็เหลืออยู่น้อยเต็มที


                     “....”

                     เธอไม่ตอบ


                     “ นี่... ได้ยินรึเปล่า ผมบอกว่าใกล้มืดแล้วนะ เลยเวลาเลิกเรียนมามากแล้ว ”

                     “ รอสีแห้งก่อนค่ะ ”

                     เธอตอบพลางพลิกตัวหันไปอีกทางราวกับจะหลบหน้าผมด้วยความรำคาญอย่างไรอย่างนั้น ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับสอนซึ่งอยู่ห่างจากเธอพอสมควร ในตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่มองไปหาเธอ ผมเริ่มเก็บอุปกรณ์การสอนลงในกล่อง พู่กันถูกเช็ดด้วยผ้าสีมอซอเพื่อให้มันแห้งลงคงรูปสวยงาม เสียงกอกแกกดังขึ้นทุกครั้งที่ผมเสียบด้ามพู่กันลงในกล่อง และบางครั้งผมได้ยินเสียงของนาฬิกาเดิน


                     ห้องทั้งห้องเงียบสนิทเหลือเพียงเสียงนาฬิกาเท่านั้นเมื่อผมเก็บของทุกอย่างจนหมด


                     “ ผมว่ามันคงแห้งแล้วมั้ง ”

                     “ อาจารย์คะ...”

                     เสียงของเธอพูดสวนมา และในตอนนั้นเองเธอก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งโดยที่ไม่ยอมหันมาทางผมเลย เธอเพียงแค่นั่งหันหลังให้ผมเท่านั้น

                     “ วันนี้เป็นวันเกิดของหนูค่ะ ”

                     “ ... เหรอ แต่ผมไม่มีของขวัญให้หรอกนะ เล่นมาบอกเอาป่านนี้ ”

                     ผมตอบเธอไป ผมไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ จำไม่ได้ว่าเธอเคยบอกผมหรือเปล่า แต่ถึงผมจำได้และรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ ผมก็คงจะให้อะไรกับเธอเป็นพิเศษไม่ได้

                     “ หนูอยากกินเค้กจัง...”

                     “....”

                     คำพูดของเธอเหมือนทุบตีผมทางอ้อม สมองของผมถูกบั่นทอนเสียจนไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรต่อไป

                     “... เฮ่อ~ เข้าใจแล้ว จะพาไปกินก็แล้วกัน...”






                     ผมพาเธอออกจากโรงเรียนด้วยรถยนต์ส่วนตัว เราแวะที่ร้านสตาร์บัคส์แห่งหนึ่งใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่โต ซึ่งเป็นโชคดีที่สาขานี้เปิด 24 ชั่วโมง

                     เรานั่งกินขนมเล็กน้อยที่พอจะแทนขนมเค้กแบบที่เธออยากกินได้ และผมเลี้ยงเครื่องดื่มเธอด้วย เมื่อมองออกไปภายนอกร้าน ฟ้าก็มืดแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเลยที่ผมพาเธอออกมาเป็นการส่วนตัว ในขณะที่ยกแก้วช็อกโกแลตเย็นขึ้นดื่ม ผมเหลือบสายตามองไปที่เธอ ที่นี่คงจะไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนอยู่ในฐานะศิษย์และอาจารย์ วูบหนึ่งผมคิดอยากทำเรื่องไม่ดีกับเธอ และรู้สึกผิดมหันต์เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้


                     “ บ้านเธออยู่ที่ไหนเหรอ ”

                     “ อาจารย์จะไปส่งเหรอคะ ? ”  เธอถามพร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ

                     “ ก็ดึกป่านนี้แล้ว แล้วนี่พ่อแม่ไม่โทรมาตามเลยรึไง ”

                     ผมนึกแปลกใจที่เธอไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ของเธอเลย ผมไม่เคยเห็นใครสักคนในครอบครัวของเธอมารับหรือมาส่งเธอที่โรงเรียน และจนกระทั่งตอนนี้ ไม่มีใครสักคนที่โทรตามเธอทั้งๆ ที่มันก็เลยเวลาเลิกเรียนมากมาแล้ว

                     “ ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าหนูอยู่บ้านรึเปล่าด้วย ” เธอยังคงยิ้ม

                     “ อยู่คนเดียวเหรอ ”

                     “ ค่ะ ”

                     ช่องว่างตรงนี้มันเหมือนเปิดโอกาสให้ผมได้ฉวยโอกาส ผมหยุดพูดและแทบจะกลั้นหายใจเพื่อตั้งสติให้หยุดคิดเรื่องแย่ๆ อยู่ครู่หนึ่ง

                     “ ทำไมอย่างนั้นล่ะ ”

                     “...ไม่เล่าได้มั้ยคะ...”

                     รอยยิ้มของเธอจางลงไปแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะเศร้าอยู่นิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าภาพของเธอตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าตามได้มากมาย

                     “ อื้ม.. ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกนะ ”

                     ในตอนนั้นเอง เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กๆ ของเธอพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมมองตามเธอในใจก็คิดว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า

                     “ ช่วยตามหนูออกมาหน่อยได้มั้ยคะ ”

                     “ นี่! เดียวก่อนสิ! ”

                     เธอพูดยังไม่ทันจบดีก็เดินจ้ำอ้าวออกจากร้านไป ผมตะโกนเรียกเธอพลางรีบเก็บข้าวของส่วนตัวและย่ำเท้าตามเธอออกไปอย่างรีบร้อน เท้าเล็กๆ ของเธอก้าวออกไปไวมากจนทำให้ผมเริ่มวิ่งตามเธอทีละนิด อาจจะเป็นเพราะเธอยังเด็กกระมังเธอถึงยังมีเรี่ยวแรงดี

                     ผมวิ่งตามเธอออกจากร้านกาแฟ และเธอเดินพรวดพราดขึ้นไปบนสะพานลอยที่อีกฟากนั้นเชื่อมเข้ากับห้างใหญ่โต เมื่อผมวิ่งขึ้นมาจนถึงบันไดชั้นบนของสะพานลอยก็เห็นเธอกำลังยืนเท้าแขนกับขอบซีเมนต์และเหม่อมองลงไปเบื้องล่างอยู่ที่กลางสะพาน ผมย่อตัวลงเล็กน้อยระคนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ


                     นี่ผมคงแก่มากแล้วสินะ


                     เมื่อพักหายใจจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจึงเดินไปหาเธอ ลมด้านบนนี้แรงพอสมควร เธอยังคงเหม่อมองออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยรถราและผู้คนมากมาย ผมยาวสลวยของเธอปลิวรับลมนิดๆ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามลงตัว  ผมอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้และหยิบพู่กันกับแคนวาสพร้อมสียี่ห้อโปรดราคาแพงขึ้นมาเพื่อวาดรูปของเธอ

                     เพิ่มจำนวนภาพวาดของเธอลงในลิ้นชักห้องนอนอีกสักหนึ่งชิ้น และเก็บมันเอาไว้ให้ลึก ล็อกแน่นหนาด้วยกุญแจอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าภาพเหล่านั้นจะไม่ถูกใครมองเห็นได้อย่างแน่นอน


                     “ อย่าวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะ ”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง และมันปะปนไปกับเสียงหอบหายใจของผม

                     “....” เธอไม่ยอมตอบอะไรและเอาแต่มองออกไปไกลแสนไกล

                     “ อยากพูดอะไรรึเปล่า ”

                     ผมถามเธอ ภาพของเธอตอนนี้มันดูเศร้าเสียจนผมรู้สึกเจ็บหน่วงข้างในใจ ที่เป็นแบบนั้นคงเพราะผมรู้ตัวเองว่า คงจะช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้เลยสักอย่าง


                     “ รูปที่หนูวาดวันนี้สวยมั้ยคะ ”

                     “ สวยสิ่ ยังไม่ได้บอกเหรอ ”

                     ผมตอบ ในขณะเดียวกันผมก็เท้าแขนลงบนขอบปูนซีเมนต์และมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างเช่นเดียวกับเธอ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าจนรู้สึกหนาวขึ้นมานิดๆ ผมสงสัยว่าเธอจะหนาวหรือเปล่า


                     “ ไม่ค่ะ ไม่ได้บอก ”

                     “ สวย... นี่ไงบอกแล้ว ”

                     เธอยังคงเงียบ ในขณะที่ผมสับสนว่าเธอเป็นอะไรอยู่นั้น เธอละมือออกจากขอบปูนซีเมนต์และโผเข้ามากอดตัวผมเอาไว้ แขนเล็กๆ ของเธอกระชับกอดร่างกายของผมแน่น ผมยืนนิ่งขยับไปไหนไม่ได้ หัวใจเต้นโครมครามและเนื้อตัวราวกับเย็นวาบจรดปลายเท้า กลิ่นน้ำหอมของเธอโชยมาดั่งจะเชิญชวนให้ผมขยับเข้าไปสูดดมกลิ่นนั้นใกล้ๆ  ราวกับความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง


                     “ อาจารย์คะ... ”

                     เสียงของเธอเรียก... อาจารย์คะ มันตอกย้ำว่าเธอเป็นใครและผมเป็นใคร

                     ผมจับไหล่เธอไว้เบาๆ ในขณะที่ก้มลงมองหน้าเธอก็ได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกหวั่นไหวลงคอตัวเองไปอย่างยากลำบาก ...ราวกับความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง... และผมควรจะต้องอยู่กับความจริงไม่ใช่ความฝัน


                     ผมควรลืมตาตื่น


                     “ เป็นอะไรรึเปล่า ”

                     “ ในภาพนั้น... ผู้หญิงคือตัวหนูเองค่ะ.. และผู้ชายอีกคนหนูตั้งใจวาดให้เป็นอาจารย์นะคะ ”  เธอพูด

                     ผมนึกโกรธโชคชะตาเหลือเกิน ผมดีใจที่เธอเฉลยออกมาว่าเธอก็รู้สึกดีกับผม และผมเสียใจที่เธอรู้สึกดีกับผมเช่นกัน... มันเป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด ถ้าหากว่าผมเห็นแก่ตัวและเก็บเธอเอาไว้แทนที่รูปภาพที่ผมแอบวาดเธออยู่บ่อยๆ เอาเธอไปใส่ไว้ในลิ้นชักที่ถูกแอบซ่อน.. ถ้าหากว่าผมโอบกอดเธอกลับไปอย่างที่ใจต้องการแล้วมันคงเป็นเรื่องที่ผิดมากเลยใช่หรือเปล่า...


                     “...เหรอ... วาดไม่เห็นเหมือนเลย...”  ผมตอบพลางลูบหัวเธอเบาๆ

                     “ คราวหน้าจะวาดให้เหมือนเลยค่ะ... ”


                     หัวใจของผมพองโตจนคับอก และเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน...


                     ร่างเล็กๆ ของเธอถูกผมดันออกไป มือของผมยังคงจับที่ไหล่ของเธอเอาไว้และดันให้เกิดระยะห่างระหว่างสองเรา อย่างที่มันควรจะเป็น ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผมแสดงสีหน้าออกไปอย่างไรบ้าง และผมต้องทำใจอยู่เกือบนาทีเพื่อที่จะกล้าสบตากับเธอ



                     ... ผมเห็นแววตาที่ผิดหวัง.. ผมรู้ว่าเธอผิดหวัง เข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี...



                     “ ถ้างั้นขอเป็นรูปเดี่ยวนะ ”  ผมตอบ

                     ในตอนนั้นเธอยิ้ม... และเธอยกมือของเธอขึ้นมาปาดน้ำตา เสียงสะอื้นค่อยๆ แผ่วเบาออกมาอย่างช้าๆ ผมยังคงจับไหล่ของเธอเอาไว้ และรู้สึกได้ว่าตัวของเธอสั่น...

                     ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ แต่ความรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออกมันก็ยังคงเล่นงานผม อยู่ข้างใน...


                     ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน... แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้...



                     เราใช้เวลายืนอยู่ตรงนั้นนานมาก... นานเท่าไหร่ผมจำไม่ได้... ผมจำได้เพียงแค่ว่า ผมยืนมองเธออยู่ตรงนั้น รอ... รอจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้ เราปล่อยให้ผู้คนที่สัญจรมาใช้สะพานแห่งนี้ผ่านเราไปโดยที่เราไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย... ผมคิดถึงวันพรุ่งนี้... หากเราต้องเจอกันอีกครั้ง เธอจะยังยิ้มได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ผมจะสามารถห้ามตัวเองไม่ให้รักเธอมากไปกว่านี้ได้หรือไม่...


                     ผมอยากจะขอร้องให้เธอโยนความเสียใจทั้งหมดที่เธอมีมาให้ผม อยากให้มีเพียงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอไม่ใช่คราบน้ำตาที่ผิดหวัง และผมจะเก็บความเจ็บช้ำของเธอเอาไว้ในลิ้นชัก ล็อกมันให้แน่น ซ่อนเอาไว้จากสายตาของใครๆ เก็บมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว...





                     ในภาพภาพวาดของเธอมีผมอยู่...



                     แต่ผมรู้ดี ว่าผมไม่ใช่ชายผู้ที่นั่งอยู่ข้างเธอ... ผมเป็นเพียงนกที่บินล้อลม เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้... เป็นเพียงแค่ภาพประกอบในฉากที่จะผลักดันให้ภาพของเธอนั้นสวยงามยิ่งขึ้นเพียงเท่านั้น


                     ผมเป็นอาจารย์ที่สอนให้เธอวาดภาพ ผมผลักดันพรสวรรค์ของเธอให้โดดเด่น... ทุกครั้งที่มองเห็นเธอผมรู้สึกภูมิใจ เธอเก่งขึ้นทุกวัน เธอน่ารักและสวยขึ้นทุกวัน ... ผมมองเห็นในทุกๆ วันที่เธอเติบโต และถึงแม้ว่าผมจะรักเธอมากเพียงใดก็ตาม... ผมจะขอเป็นเพียงภาพประกอบเล็กๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร...

                     ขอเป็นเพียงแค่สีสันที่ถูกแต่งเติมลงไปเพื่อให้เธอสวยกว่าใคร โดดเด่นอย่างลงตัว... เป็นนก เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้... เพื่อผลักดันให้เธอได้ก้าวต่อไปอย่างสวยงาม...


                     และผมหวังว่าสักวัน...

                     เธอจะได้พบเจอกับคนที่คู่ควรเป็นชายคนนั้น ... คนที่จะที่นั่งอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป ...



      ________________________________________________________________________________________________________



      (c) Music Box

        


      Rewrite ( Oct 24,2018 )
      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

      ติดตามผลงานเรื่องสั้นอื่นๆได้ที่

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "วิจารณ์นิยายเรื่อง เพียงภาพประกอบ"

      (แจ้งลบ)

      สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การ ... อ่านเพิ่มเติม

      สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การจดจำแถมจะทำให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ เนื้อเรื่อง ปย.ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงกันอย่างใกล้ชิดเมว่าน่าจะเป็นในภาพหรือในรูปภาพมีผู้ชายกับผู้หยิงคู่นึงกำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกันแบบนี้มันน่าจะดีกว่านะคะและจะทำให้ปย.ดูสละสลวยขึ้นมาอีกนิดนะคะ ชุดเดรสทีขาวพริ้วลมน่าจะเป็นชุดเดรสสีขาวพริ้วลมแบบนี้ใช่มั้ยคะ ผมยาวเป็นสีน้ำตาลเข้มดูเงางามน่าจะเป็นผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางามหรือผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนยาวพริ้วสลวยน่าจะดีกว่า เฮ่อ เข้าใจแล้ว เมว่าน่าจะเขียนเป็น เฮ่อ~เข้าใจแล้วๆจะพาไปกินก็แล้วกันนะ เธอจะพบเจอคนที่คู่ควรจะเป็นชายคนนั้น เมว่า ผมหวังว่าสักวัน…เธอน่าจะได้พบกับคนที่คู่ควรหรืออาจจะเป็นใครสักคนที่คู่ควร..กับเธอคนนั้น คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอหรือกันและกันตลอดไป……แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ จากที่อ่านมาตั้งแต่แรกจนจบคุรบรรยายได้ดีเมขอชื่นชมตรงนี้แต่คุณก็ยังเขียนประโยคสลับกันหรือแม้กระทั่งคำผิดแต่แค่คุรปรับแก้หรือศึกษาเทคนิกการบรรยาย สำนวนอีกนิดน่าจะเป็นประโยชน์แก่งานเขียนของคุณนะคะ ยังไงก็สู้ๆนะเมเป็นกำลังใจให้คะ คำผิด ทังคู่-ทั้งคู่ เงียบสนิด-เงียบสนิท ฐานนะ-ฐานะ เรียวแรง-เรี่ยวแรง บันใด-บันได สิ่-สิ อก-ออก   อ่านน้อยลง

      lonelyone | 4 ก.ย. 59

      • 1

      • 0

      คำนิยมล่าสุด

      "วิจารณ์นิยายเรื่อง เพียงภาพประกอบ"

      (แจ้งลบ)

      สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การ ... อ่านเพิ่มเติม

      สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การจดจำแถมจะทำให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ เนื้อเรื่อง ปย.ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงกันอย่างใกล้ชิดเมว่าน่าจะเป็นในภาพหรือในรูปภาพมีผู้ชายกับผู้หยิงคู่นึงกำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกันแบบนี้มันน่าจะดีกว่านะคะและจะทำให้ปย.ดูสละสลวยขึ้นมาอีกนิดนะคะ ชุดเดรสทีขาวพริ้วลมน่าจะเป็นชุดเดรสสีขาวพริ้วลมแบบนี้ใช่มั้ยคะ ผมยาวเป็นสีน้ำตาลเข้มดูเงางามน่าจะเป็นผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางามหรือผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนยาวพริ้วสลวยน่าจะดีกว่า เฮ่อ เข้าใจแล้ว เมว่าน่าจะเขียนเป็น เฮ่อ~เข้าใจแล้วๆจะพาไปกินก็แล้วกันนะ เธอจะพบเจอคนที่คู่ควรจะเป็นชายคนนั้น เมว่า ผมหวังว่าสักวัน…เธอน่าจะได้พบกับคนที่คู่ควรหรืออาจจะเป็นใครสักคนที่คู่ควร..กับเธอคนนั้น คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอหรือกันและกันตลอดไป……แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ จากที่อ่านมาตั้งแต่แรกจนจบคุรบรรยายได้ดีเมขอชื่นชมตรงนี้แต่คุณก็ยังเขียนประโยคสลับกันหรือแม้กระทั่งคำผิดแต่แค่คุรปรับแก้หรือศึกษาเทคนิกการบรรยาย สำนวนอีกนิดน่าจะเป็นประโยชน์แก่งานเขียนของคุณนะคะ ยังไงก็สู้ๆนะเมเป็นกำลังใจให้คะ คำผิด ทังคู่-ทั้งคู่ เงียบสนิด-เงียบสนิท ฐานนะ-ฐานะ เรียวแรง-เรี่ยวแรง บันใด-บันได สิ่-สิ อก-ออก   อ่านน้อยลง

      lonelyone | 4 ก.ย. 59

      • 1

      • 0

      ความคิดเห็น

      ×