หนึ่งในภาพประกอบ | One Shot | By แมวจร
ผมเป็นเพียงนกที่บินล้อลม เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้...
ผู้เข้าชมรวม
939
ผู้เข้าชมเดือนนี้
20
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เธอเป็นลูกศิษย์คนเก่งของผม
เธอเป็นเด็กสาวที่อายุห่างกับผมกว่าสิบปีเห็นจะได้ เธอเก่งและมีความสามารถ มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น มีรอยยิ้มหวานฉ่ำ และมีน้ำเสียงไพเราะชวนให้หลงใหล
“ อาจารย์คะ ตรงนี้เอาสีอะไรดีคะ ? ”
นักเรียนคนเก่งถามพลางยื่นแคนวาสของเธอมาใกล้ๆ ผมก้มลงมองภาพของเธออยู่ครู่หนึ่ง มันเป็นภาพสีอะคริลิคที่สวยงาม ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงแอบแนบชิดกัน หญิงสาวสวมชุดเดรสขาวพลิ้วลม เธอมีผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางาม และชายหนุ่มสวมชุดสูทสีน้ำตาลหม่น ผมไม่อาจรู้ได้ว่าทั้งสองมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะทั้งคู่นั่งหันหลังมองออกไปยังทะเลยามเย็น ท้องฟ้าเป็นสีส้มและดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที
มันเป็นภาพที่สวยงาม
“ ลองเพิ่มสีชมพูลงไปตรงนี้ก่อนมั้ย ? ” ผมบอกพลางใช้ด้ามพู่กันที่ถืออยู่ในมือชี้ไปตรงบริเวณท้องฟ้าสีส้มอ่อนๆ
“ ที่ท้องฟ้าเหรอคะ ” เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกาย
“ อื้ม ภาพนี้อมส้มมากเกินไปนะ ผมว่ามันก็ดูอบอุ่นดี แต่ถ้าเพิ่มสีชมพูลงไปอีกสักหน่อย แล้วภาพจะให้บรรยากาศที่โรแมนติกกว่านี้ ” ผมตอบ และเธอก็ยิ้มรับ
แววตาของเธอที่มองมาบางครั้งมันทำให้ผมหัวใจเต้นแรง ถึงแม้ว่าระหว่างผมกับเธอมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม ผมพยายามอยู่ในจุดยืนที่ควรจะเป็นและชื่นชมเธออยู่ห่างๆ แต่ในบางครั้งมันก็ยากเหลือเกินที่จะห้ามตัวเองไม่ให้คิด...
..ไม่ให้คิดว่าเธอก็คิด แบบเดียวกับผมเช่นกัน...
“ ดีขึ้นรึยังคะ ? ”
เสียงใสๆ ของเธอเอ่ยถามหลังจากที่เธอหายไปแก้ไขภาพเขียนของเธอ คราวนี้ภาพบนแคนวาสดูสวยงามกว่าเดิมมากนัก มันกลายเป็นภาพที่อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นของคู่รัก
“ เข้ามาใกล้ๆ สิ ” ผมบอกเธอ
ในตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองผม แววตาของเธอดูจะหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย ช่างเป็นความรู้สึกที่อันตราย
แคนวาสของเธอถูกส่งมาให้ และเมื่อผมรับมันเอาไว้เธอก็นั่งลงตรงที่ว่างของเก้าอี้ข้างตัวผม มันเป็นที่ประจำของเธอ เรามักจะนั่งด้วยกันแบบนี้ในเวลาที่ผมจะสอนเทคนิคพิเศษในการวาดให้กับเธอ
“ เธอชอบดอกลิลลี่รึเปล่า ? ”
“ ชอบค่ะ ”
เสียงใสๆ ของเธอตอบอยู่ใกล้ๆ ในขณะเดียวกันผมใช้ปลายพู่กันแต่งเติมกระถางต้นไม้พร้อมกับดอกลิลลี่ลงในภาพ หลังจากนั้นก็เพิ่มนกตัวน้อยที่กำลังบินรับลมยามเย็นอีกสองสามตัว หลายครั้งผมแอบชำเลืองมองเธอที่จับจ้องปลายพู่กันของผมอย่างไม่วางตา
เวลานี้ ผมมีความสุขมาก
“ สวยขึ้นเยอะเลยค่ะ ” เสียงของเธอทักขึ้น
“ เขาเรียกว่าเพิ่มองค์ประกอบของภาพให้ลงตัว ”
“ องค์ประกอบเหรอคะ ? ”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เช่นเดียวกับแววตาของเธอ ผมหย่อนพู่กันลงในแก้วน้ำใกล้ๆ ตัวก่อนที่จะหันไปคุยกับเธออย่างจริงจัง
“ ภาพของเธอจุดเด่นของการเล่าเรื่องคือชายหญิงสองคนที่นั่งมองทะเลใช่มั้ย ถ้าพูดถึงการเล่าเรื่องเท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว แต่มันจะสวยขึ้นถ้ามีภาพประกอบอื่นๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อให้ได้องค์ประกอบที่สมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น นกตัวนี้ ถ้าไม่มีมันอยู่ในภาพ ภาพก็ยังคงสื่อความหมายได้ แต่เมื่อเพิ่มมันเข้าไปภาพจะดูสวยขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีความหมายอะไรกับภาพเลยก็ตาม ทั้งดอกลิลลี่หรือกระถางต้นไม้ ภาพพวกนี้ มีไว้เพื่อประกอบให้ภาพของชายหญิงซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอสวยยิ่งขึ้น…” ผมพูด และเป็นอีกครั้งที่แววตาของเธอทำให้หัวใจของผมเต้นแรง
“อาจารย์นี่เก่งจังเลยนะคะ” เธอยิ้มร่า
ผมลูบหัวเธอเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าความใกล้ชิดเริ่มอยู่ในภาวะที่อันตราย ผมจึงดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกหวั่นไหวด้วยการก้มลงหยิบแก้วน้ำล้างพู่กันของตัวเองไปล้างในห้องน้ำโดยทิ้งเธอเอาไว้กับผลงานชิ้นเอกของเธอ
หลายต่อหลายครั้งที่ผมทิ้งเธอเอาไว้ กับความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถสานต่อได้
“ ฟ้าใกล้มืดแล้วนะ ยังไม่กลับอีกเหรอ…”
ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอล้มตัวลงนอนบนเบาะรองนั่ง เธอทำแบบนี้อีกแล้ว เธอมักจะอยู่เป็นคนสุดท้ายของชั้นเรียนเสมอ ตอนนี้ห้องเรียนทั้งห้องปราศจากเด็กนักเรียนคนใดยกเว้นเธอ แสงข้างนอกบานหน้าต่างก็เหลืออยู่น้อยเต็มที
“....”
เธอไม่ตอบ
“ นี่... ได้ยินรึเปล่า ผมบอกว่าใกล้มืดแล้วนะ เลยเวลาเลิกเรียนมามากแล้ว ”
“ รอสีแห้งก่อนค่ะ ”
เธอตอบพลางพลิกตัวหันไปอีกทางราวกับจะหลบหน้าผมด้วยความรำคาญอย่างไรอย่างนั้น ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับสอนซึ่งอยู่ห่างจากเธอพอสมควร ในตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะไม่มองไปหาเธอ ผมเริ่มเก็บอุปกรณ์การสอนลงในกล่อง พู่กันถูกเช็ดด้วยผ้าสีมอซอเพื่อให้มันแห้งลงคงรูปสวยงาม เสียงกอกแกกดังขึ้นทุกครั้งที่ผมเสียบด้ามพู่กันลงในกล่อง และบางครั้งผมได้ยินเสียงของนาฬิกาเดิน
ห้องทั้งห้องเงียบสนิทเหลือเพียงเสียงนาฬิกาเท่านั้นเมื่อผมเก็บของทุกอย่างจนหมด
“ ผมว่ามันคงแห้งแล้วมั้ง ”
“ อาจารย์คะ...”
เสียงของเธอพูดสวนมา และในตอนนั้นเองเธอก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งโดยที่ไม่ยอมหันมาทางผมเลย เธอเพียงแค่นั่งหันหลังให้ผมเท่านั้น
“ วันนี้เป็นวันเกิดของหนูค่ะ ”
“ ... เหรอ แต่ผมไม่มีของขวัญให้หรอกนะ เล่นมาบอกเอาป่านนี้ ”
ผมตอบเธอไป ผมไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ จำไม่ได้ว่าเธอเคยบอกผมหรือเปล่า แต่ถึงผมจำได้และรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ ผมก็คงจะให้อะไรกับเธอเป็นพิเศษไม่ได้
“ หนูอยากกินเค้กจัง...”
“....”
คำพูดของเธอเหมือนทุบตีผมทางอ้อม สมองของผมถูกบั่นทอนเสียจนไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรต่อไป
“... เฮ่อ~ เข้าใจแล้ว จะพาไปกินก็แล้วกัน...”
ผมพาเธอออกจากโรงเรียนด้วยรถยนต์ส่วนตัว เราแวะที่ร้านสตาร์บัคส์แห่งหนึ่งใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่โต ซึ่งเป็นโชคดีที่สาขานี้เปิด 24 ชั่วโมง
เรานั่งกินขนมเล็กน้อยที่พอจะแทนขนมเค้กแบบที่เธออยากกินได้ และผมเลี้ยงเครื่องดื่มเธอด้วย เมื่อมองออกไปภายนอกร้าน ฟ้าก็มืดแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเลยที่ผมพาเธอออกมาเป็นการส่วนตัว ในขณะที่ยกแก้วช็อกโกแลตเย็นขึ้นดื่ม ผมเหลือบสายตามองไปที่เธอ ที่นี่คงจะไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนอยู่ในฐานะศิษย์และอาจารย์ วูบหนึ่งผมคิดอยากทำเรื่องไม่ดีกับเธอ และรู้สึกผิดมหันต์เมื่อดึงสติของตัวเองกลับมาได้
“ บ้านเธออยู่ที่ไหนเหรอ ”
“ อาจารย์จะไปส่งเหรอคะ ? ” เธอถามพร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ
“ ก็ดึกป่านนี้แล้ว แล้วนี่พ่อแม่ไม่โทรมาตามเลยรึไง ”
ผมนึกแปลกใจที่เธอไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ของเธอเลย ผมไม่เคยเห็นใครสักคนในครอบครัวของเธอมารับหรือมาส่งเธอที่โรงเรียน และจนกระทั่งตอนนี้ ไม่มีใครสักคนที่โทรตามเธอทั้งๆ ที่มันก็เลยเวลาเลิกเรียนมากมาแล้ว
“ ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าหนูอยู่บ้านรึเปล่าด้วย ” เธอยังคงยิ้ม
“ อยู่คนเดียวเหรอ ”
“ ค่ะ ”
ช่องว่างตรงนี้มันเหมือนเปิดโอกาสให้ผมได้ฉวยโอกาส ผมหยุดพูดและแทบจะกลั้นหายใจเพื่อตั้งสติให้หยุดคิดเรื่องแย่ๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“ ทำไมอย่างนั้นล่ะ ”
“...ไม่เล่าได้มั้ยคะ...”
รอยยิ้มของเธอจางลงไปแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะเศร้าอยู่นิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าภาพของเธอตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าตามได้มากมาย
“ อื้ม.. ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกนะ ”
ในตอนนั้นเอง เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กๆ ของเธอพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมมองตามเธอในใจก็คิดว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า
“ ช่วยตามหนูออกมาหน่อยได้มั้ยคะ ”
“ นี่! เดียวก่อนสิ! ”
เธอพูดยังไม่ทันจบดีก็เดินจ้ำอ้าวออกจากร้านไป ผมตะโกนเรียกเธอพลางรีบเก็บข้าวของส่วนตัวและย่ำเท้าตามเธอออกไปอย่างรีบร้อน เท้าเล็กๆ ของเธอก้าวออกไปไวมากจนทำให้ผมเริ่มวิ่งตามเธอทีละนิด อาจจะเป็นเพราะเธอยังเด็กกระมังเธอถึงยังมีเรี่ยวแรงดี
ผมวิ่งตามเธอออกจากร้านกาแฟ และเธอเดินพรวดพราดขึ้นไปบนสะพานลอยที่อีกฟากนั้นเชื่อมเข้ากับห้างใหญ่โต เมื่อผมวิ่งขึ้นมาจนถึงบันไดชั้นบนของสะพานลอยก็เห็นเธอกำลังยืนเท้าแขนกับขอบซีเมนต์และเหม่อมองลงไปเบื้องล่างอยู่ที่กลางสะพาน ผมย่อตัวลงเล็กน้อยระคนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ
นี่ผมคงแก่มากแล้วสินะ
เมื่อพักหายใจจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจึงเดินไปหาเธอ ลมด้านบนนี้แรงพอสมควร เธอยังคงเหม่อมองออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยรถราและผู้คนมากมาย ผมยาวสลวยของเธอปลิวรับลมนิดๆ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามลงตัว ผมอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้และหยิบพู่กันกับแคนวาสพร้อมสียี่ห้อโปรดราคาแพงขึ้นมาเพื่อวาดรูปของเธอ
เพิ่มจำนวนภาพวาดของเธอลงในลิ้นชักห้องนอนอีกสักหนึ่งชิ้น และเก็บมันเอาไว้ให้ลึก ล็อกแน่นหนาด้วยกุญแจอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าภาพเหล่านั้นจะไม่ถูกใครมองเห็นได้อย่างแน่นอน
“ อย่าวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะ ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง และมันปะปนไปกับเสียงหอบหายใจของผม
“....” เธอไม่ยอมตอบอะไรและเอาแต่มองออกไปไกลแสนไกล
“ อยากพูดอะไรรึเปล่า ”
ผมถามเธอ ภาพของเธอตอนนี้มันดูเศร้าเสียจนผมรู้สึกเจ็บหน่วงข้างในใจ ที่เป็นแบบนั้นคงเพราะผมรู้ตัวเองว่า คงจะช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้เลยสักอย่าง
“ รูปที่หนูวาดวันนี้สวยมั้ยคะ ”
“ สวยสิ่ ยังไม่ได้บอกเหรอ ”
ผมตอบ ในขณะเดียวกันผมก็เท้าแขนลงบนขอบปูนซีเมนต์และมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างเช่นเดียวกับเธอ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าจนรู้สึกหนาวขึ้นมานิดๆ ผมสงสัยว่าเธอจะหนาวหรือเปล่า
“ ไม่ค่ะ ไม่ได้บอก ”
“ สวย... นี่ไงบอกแล้ว ”
เธอยังคงเงียบ ในขณะที่ผมสับสนว่าเธอเป็นอะไรอยู่นั้น เธอละมือออกจากขอบปูนซีเมนต์และโผเข้ามากอดตัวผมเอาไว้ แขนเล็กๆ ของเธอกระชับกอดร่างกายของผมแน่น ผมยืนนิ่งขยับไปไหนไม่ได้ หัวใจเต้นโครมครามและเนื้อตัวราวกับเย็นวาบจรดปลายเท้า กลิ่นน้ำหอมของเธอโชยมาดั่งจะเชิญชวนให้ผมขยับเข้าไปสูดดมกลิ่นนั้นใกล้ๆ ราวกับความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
“ อาจารย์คะ... ”
เสียงของเธอเรียก... อาจารย์คะ มันตอกย้ำว่าเธอเป็นใครและผมเป็นใคร
ผมจับไหล่เธอไว้เบาๆ ในขณะที่ก้มลงมองหน้าเธอก็ได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกหวั่นไหวลงคอตัวเองไปอย่างยากลำบาก ...ราวกับความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง... และผมควรจะต้องอยู่กับความจริงไม่ใช่ความฝัน
ผมควรลืมตาตื่น
“ เป็นอะไรรึเปล่า ”
“ ในภาพนั้น... ผู้หญิงคือตัวหนูเองค่ะ.. และผู้ชายอีกคนหนูตั้งใจวาดให้เป็นอาจารย์นะคะ ” เธอพูด
ผมนึกโกรธโชคชะตาเหลือเกิน ผมดีใจที่เธอเฉลยออกมาว่าเธอก็รู้สึกดีกับผม และผมเสียใจที่เธอรู้สึกดีกับผมเช่นกัน... มันเป็นความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวด ถ้าหากว่าผมเห็นแก่ตัวและเก็บเธอเอาไว้แทนที่รูปภาพที่ผมแอบวาดเธออยู่บ่อยๆ เอาเธอไปใส่ไว้ในลิ้นชักที่ถูกแอบซ่อน.. ถ้าหากว่าผมโอบกอดเธอกลับไปอย่างที่ใจต้องการแล้วมันคงเป็นเรื่องที่ผิดมากเลยใช่หรือเปล่า...
“...เหรอ... วาดไม่เห็นเหมือนเลย...” ผมตอบพลางลูบหัวเธอเบาๆ
“ คราวหน้าจะวาดให้เหมือนเลยค่ะ... ”
หัวใจของผมพองโตจนคับอก และเจ็บปวดไปในเวลาเดียวกัน...
ร่างเล็กๆ ของเธอถูกผมดันออกไป มือของผมยังคงจับที่ไหล่ของเธอเอาไว้และดันให้เกิดระยะห่างระหว่างสองเรา อย่างที่มันควรจะเป็น ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผมแสดงสีหน้าออกไปอย่างไรบ้าง และผมต้องทำใจอยู่เกือบนาทีเพื่อที่จะกล้าสบตากับเธอ
... ผมเห็นแววตาที่ผิดหวัง.. ผมรู้ว่าเธอผิดหวัง เข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี...
“ ถ้างั้นขอเป็นรูปเดี่ยวนะ ” ผมตอบ
ในตอนนั้นเธอยิ้ม... และเธอยกมือของเธอขึ้นมาปาดน้ำตา เสียงสะอื้นค่อยๆ แผ่วเบาออกมาอย่างช้าๆ ผมยังคงจับไหล่ของเธอเอาไว้ และรู้สึกได้ว่าตัวของเธอสั่น...
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ แต่ความรู้สึกเจ็บจนพูดไม่ออกมันก็ยังคงเล่นงานผม อยู่ข้างใน...
ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน... แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้...
เราใช้เวลายืนอยู่ตรงนั้นนานมาก... นานเท่าไหร่ผมจำไม่ได้... ผมจำได้เพียงแค่ว่า ผมยืนมองเธออยู่ตรงนั้น รอ... รอจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้ เราปล่อยให้ผู้คนที่สัญจรมาใช้สะพานแห่งนี้ผ่านเราไปโดยที่เราไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย... ผมคิดถึงวันพรุ่งนี้... หากเราต้องเจอกันอีกครั้ง เธอจะยังยิ้มได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ผมจะสามารถห้ามตัวเองไม่ให้รักเธอมากไปกว่านี้ได้หรือไม่...
ผมอยากจะขอร้องให้เธอโยนความเสียใจทั้งหมดที่เธอมีมาให้ผม อยากให้มีเพียงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอไม่ใช่คราบน้ำตาที่ผิดหวัง และผมจะเก็บความเจ็บช้ำของเธอเอาไว้ในลิ้นชัก ล็อกมันให้แน่น ซ่อนเอาไว้จากสายตาของใครๆ เก็บมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว...
ในภาพภาพวาดของเธอมีผมอยู่...
แต่ผมรู้ดี ว่าผมไม่ใช่ชายผู้ที่นั่งอยู่ข้างเธอ... ผมเป็นเพียงนกที่บินล้อลม เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้... เป็นเพียงแค่ภาพประกอบในฉากที่จะผลักดันให้ภาพของเธอนั้นสวยงามยิ่งขึ้นเพียงเท่านั้น
ผมเป็นอาจารย์ที่สอนให้เธอวาดภาพ ผมผลักดันพรสวรรค์ของเธอให้โดดเด่น... ทุกครั้งที่มองเห็นเธอผมรู้สึกภูมิใจ เธอเก่งขึ้นทุกวัน เธอน่ารักและสวยขึ้นทุกวัน ... ผมมองเห็นในทุกๆ วันที่เธอเติบโต และถึงแม้ว่าผมจะรักเธอมากเพียงใดก็ตาม... ผมจะขอเป็นเพียงภาพประกอบเล็กๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร...
ขอเป็นเพียงแค่สีสันที่ถูกแต่งเติมลงไปเพื่อให้เธอสวยกว่าใคร โดดเด่นอย่างลงตัว... เป็นนก เป็นดอกลิลลี่และกระถางต้นไม้... เพื่อผลักดันให้เธอได้ก้าวต่อไปอย่างสวยงาม...
และผมหวังว่าสักวัน...
เธอจะได้พบเจอกับคนที่คู่ควรเป็นชายคนนั้น ... คนที่จะที่นั่งอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป ...
________________________________________________________________________________________________________
ผลงานอื่นๆ ของ แมวจร~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แมวจร~
"วิจารณ์นิยายเรื่อง เพียงภาพประกอบ"
(แจ้งลบ)สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การ ... อ่านเพิ่มเติม
สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การจดจำแถมจะทำให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ เนื้อเรื่อง ปย.ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงกันอย่างใกล้ชิดเมว่าน่าจะเป็นในภาพหรือในรูปภาพมีผู้ชายกับผู้หยิงคู่นึงกำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกันแบบนี้มันน่าจะดีกว่านะคะและจะทำให้ปย.ดูสละสลวยขึ้นมาอีกนิดนะคะ ชุดเดรสทีขาวพริ้วลมน่าจะเป็นชุดเดรสสีขาวพริ้วลมแบบนี้ใช่มั้ยคะ ผมยาวเป็นสีน้ำตาลเข้มดูเงางามน่าจะเป็นผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางามหรือผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนยาวพริ้วสลวยน่าจะดีกว่า เฮ่อ เข้าใจแล้ว เมว่าน่าจะเขียนเป็น เฮ่อ~เข้าใจแล้วๆจะพาไปกินก็แล้วกันนะ เธอจะพบเจอคนที่คู่ควรจะเป็นชายคนนั้น เมว่า ผมหวังว่าสักวัน เธอน่าจะได้พบกับคนที่คู่ควรหรืออาจจะเป็นใครสักคนที่คู่ควร..กับเธอคนนั้น คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอหรือกันและกันตลอดไป แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ จากที่อ่านมาตั้งแต่แรกจนจบคุรบรรยายได้ดีเมขอชื่นชมตรงนี้แต่คุณก็ยังเขียนประโยคสลับกันหรือแม้กระทั่งคำผิดแต่แค่คุรปรับแก้หรือศึกษาเทคนิกการบรรยาย สำนวนอีกนิดน่าจะเป็นประโยชน์แก่งานเขียนของคุณนะคะ ยังไงก็สู้ๆนะเมเป็นกำลังใจให้คะ คำผิด ทังคู่-ทั้งคู่ เงียบสนิด-เงียบสนิท ฐานนะ-ฐานะ เรียวแรง-เรี่ยวแรง บันใด-บันได สิ่-สิ อก-ออก อ่านน้อยลง
lonelyone | 4 ก.ย. 59
1
0
"วิจารณ์นิยายเรื่อง เพียงภาพประกอบ"
(แจ้งลบ)สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การ ... อ่านเพิ่มเติม
สวัสดีคะต้องขอบคุณไรต์อีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสเมมาติชมแนะนำนิยายของไรตืถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ชื่อเรื่อง บอกทุกรอบว่าไม่ถนัดแต่แค่มันสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วนะคะ การตกแต่ง ไม่โฟกัสคะถ้าจะตกแต่งก็เอาแค่พอดีอย่าแต่งเยอะเพราะมันจะทำให้รกหน้าบทความซะเปล่าๆ ตัวละคร ไรต์คงนำมาแค่ตัวหลักๆใช่มั้ยคะเพราะถ้าหากนำมาเยอะยากแก่การจดจำแถมจะทำให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ เนื้อเรื่อง ปย.ในภาพประกอบด้วยชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอิงกันอย่างใกล้ชิดเมว่าน่าจะเป็นในภาพหรือในรูปภาพมีผู้ชายกับผู้หยิงคู่นึงกำลังนั่งอิงแอบแนบชิดกันแบบนี้มันน่าจะดีกว่านะคะและจะทำให้ปย.ดูสละสลวยขึ้นมาอีกนิดนะคะ ชุดเดรสทีขาวพริ้วลมน่าจะเป็นชุดเดรสสีขาวพริ้วลมแบบนี้ใช่มั้ยคะ ผมยาวเป็นสีน้ำตาลเข้มดูเงางามน่าจะเป็นผมยาวสีน้ำตาลเข้มดูเงางามหรือผมยาวสีน้ำตาลเข้มดัดเป็นลอนยาวพริ้วสลวยน่าจะดีกว่า เฮ่อ เข้าใจแล้ว เมว่าน่าจะเขียนเป็น เฮ่อ~เข้าใจแล้วๆจะพาไปกินก็แล้วกันนะ เธอจะพบเจอคนที่คู่ควรจะเป็นชายคนนั้น เมว่า ผมหวังว่าสักวัน เธอน่าจะได้พบกับคนที่คู่ควรหรืออาจจะเป็นใครสักคนที่คู่ควร..กับเธอคนนั้น คนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอหรือกันและกันตลอดไป แบบนี้น่าจะดีกว่านะคะ จากที่อ่านมาตั้งแต่แรกจนจบคุรบรรยายได้ดีเมขอชื่นชมตรงนี้แต่คุณก็ยังเขียนประโยคสลับกันหรือแม้กระทั่งคำผิดแต่แค่คุรปรับแก้หรือศึกษาเทคนิกการบรรยาย สำนวนอีกนิดน่าจะเป็นประโยชน์แก่งานเขียนของคุณนะคะ ยังไงก็สู้ๆนะเมเป็นกำลังใจให้คะ คำผิด ทังคู่-ทั้งคู่ เงียบสนิด-เงียบสนิท ฐานนะ-ฐานะ เรียวแรง-เรี่ยวแรง บันใด-บันได สิ่-สิ อก-ออก อ่านน้อยลง
lonelyone | 4 ก.ย. 59
1
0
ความคิดเห็น