Melancholy สีชมพู - นิยาย Melancholy สีชมพู : Dek-D.com - Writer
×

    Melancholy สีชมพู

    เมื่อความซึมเศร้าครอบงำ คงมีแต่ความรักที่พาใจให้สดใส เปลี่ยนโลกให้เปนสีชมพู ภารกิจตามหาอ้อมกอดจากรักแท้ ในกลลวง

    ผู้เข้าชมรวม

    448

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    32

    ผู้เข้าชมรวม


    448

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  7 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 พ.ย. 66 / 06:11 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     FAITH is a hope in that which is not seen which is true - Alma 32:21 

    ความเชื่อเป็นความหวังอย่างหนึ่งที่ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่ามีอยู่จริง ตราบใดที่เราเชื่อทุกสิ่งย่อมเป็นจริง







    มันเป็นพรหมฟ้าชะตาลิขิตหรือกระไรที่ทำให้เราสองคนได้มาพบกันในเวลาที่ดูจะผิดที่ผิดทางไปสักหน่อย ทั้งๆที่ในชีวิตเราได้ประสบพบกับผู้คนมากมาย แต่ทำไมถึงเป็นคนๆหนึ่งที่ลิขิตไว้เพื่อเราให้พบเจอ ไม่ว่าเราจะนึกคิดไปเองว่า ฟ้ากำหนดให้วันนึง เราได้มารู้จักกัน แต่สุดท้าย การตัดสินใจ...เรา...เองต่างหากที่เป็นคนเลือกที่จะอยู่หรือเลือกที่จะไป



    ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญในม่านหมอกสีชมพูหวาน ในชีวิตของคนเรา การได้พบเจอใครสักคนล้วนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ได้รับรู้ถึงความรู้สึกรักและผูกพัน ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระและเพ้อฝันไปวันๆ หากความจริงคือสิ่งที่เราเชื่อว่ามันจะเป็นจริง ทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัวมันเอง



    อีโก้ คือตรรกะของคนยึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 



    ความเชื่อแม้เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน แต่หากไร้ฝันแล้วก็เท่ากับยังไม่ค้นหาว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร

    เมื่อเรามีสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และมีสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิต คนเราเลือกที่จะเปิดใจรับสิ่งใหม่หรือพอใจสิ่งที่มีอยู่เดิม แล้วอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตคนเราคืออะไรกันแน่ 


    .....


    "ฉัน" เป็นคนที่ไม่มีความสุข มองโลกในแง่ร้ายขั้นวิกฤต อ่อนนอก แข็งใน ใจร้อน ขี้โวยวาย ถึงยังงั้นก็อ่อนไหวกับทุกภาวะ  ไร้เดียงสาเป็นเด็กๆไม่รู้จักโต  


    ชอบฝันเรื่องไร้สาระ เพ้อเจ้อ   เพื่อนๆที่พอสนิทกันด้วยมักจะเรียกฉันว่า ยัยเหวิ่นเว้อ เพราะฉันเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเยอะ ชอบหมกตัวอยู่ในโลกของตัวเองเสียส่วนใหญ่ เลยไม่ชอบออกไปพบปะกับผู้คนมากนัก ฉันสบายใจในโลกของฉัน ......กาแฟ เขียนหนังสือ  ฉันหลงรักการชงกาแฟ กลิ่นหอมๆของกาแฟคั่วบด ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เงินทองเป็นของนอกกาย ฉันไม่ชอบพึ่งพาใครเอาเข้าจริงๆ ชอบที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองมากกว่าเพราะการที่เราพึ่งพาใครสักคน เท่ากับเราขาด อิสรภาพ ในชีวิตไป 


    และนี่คือการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทความเขียน  เมื่อรู้สึกไม่สบอารมณ์กับความจริงที่ฉันต้องพบเจอ ความจริงที่ทำให้ฉันย่ำแย่และหวาดกลัว ทำให้ฉันจำต้องหลบซ่อนในดินแดนแห่งความฝัน ม่านหมอกสีชมพูแสนหวานแห่งนี้ 


    ความฝันที่สวนทางกับเส้นทางเป็นจริง จะมีวันมาบรรจบกันได้บ้างมั้ยนะ ความรักคู่ขนาน ที่ถูกกีดกั้นด้วยกระจกบางใส สะท้อนตัวตนที่ต่างออกไปจากภาพที่เห็น หลงรักคนที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบ ที่ถูกสะท้อนออกมา ทั้งที่จิตใจได้ถูกกีดกัน เด็ดขาด 



    เมื่อวันหนึ่งฉันกำลังเดินอยู่บนเส้นทางมหัศจรรย์ที่มืดสนิท รอบกายมืดสลัว มีแต่เสียงฝีเท้าก้าวเป็นจังหวะของตัวเอง และในขณะที่ฉันเดินมาได้สักพักก็ไม่มีหนทางออกมาจากที่แห่งนี้เลย ฉันเดินอย่างไร้จุดหมาย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน แล้วมาตรงนี้ได้อย่างไร แต่เท่าที่รู้คือฉันหลงอยู่ในนี้อยู่นานมากแล้ว ก่อนที่ฉันจะเกิดมาฉันมีไฟฉายในมืออยู่อันหนึ่งที่พอส่องให้เห็นทางคร่าวๆ ฉันเดินไปตามลำแสงนั้น ไม่นานนักแสงไฟก็เริ่มอ่อนกำลังลงตามอายุการใช้งาน ความมืดสลัวย่างกรายเข้ามาใกล้อีกครา หัวใจก็เต้นถี่แรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัวว่าจะพลั้งพลาดในก้าวข้างหน้า อาจจะสะดุดอะไรสักอย่าง อาจจะตกเหวตายก็ได้ ไม่ก็จมน้ำตาย แต่ไม่ก้าวต่อไปก็ต้องตายอยู่ดี 


    จนวันหนึ่งฉันได้รู้จักกับคนๆหนึ่งที่ฉันเคยพบในความฝันสีชมพู มาปรากฎกายในชีวิตความเป็นจริงแต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยาย ความจริงที่เจ็บปวดนั้นฉันยังคงต้องพบเจอ และดูจะหนักหนาสาหัสเอาการ แต่บทเรียนนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าดั่งทองคำที่ฉันไปขุดได้ในนครซิดนี่ย์ที่ที่ฉันได้พบกับเขา  สิ่งที่จะมาเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชีวิตของฉันไปตลอดกาล 

    ....

    ความอยากที่จะถ่ายทอดเรื่องรักหวานๆ เรื่องชีวิตที่ไม่อาจบอกให้คนใกล้ตัวฟังได้ จึงทำให้มีแรงบันดาลใจในการรวบรวมเรื่องนี้ขึ้นมา เขาว่ากันว่านิยายก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงนี่แหละ แล้วอะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน หนทางรักคู่ขนาน ที่ได้แต่ชื่นชมความสวยงาม ให้จิตใจเบิกบาน เพียงพอแล้ว อย่าได้กรายเข้าไปล้ำเส้นเลย ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ไม่อาจทดแทนได้ เท่าความเจ็บปวดตอนนี้ 


    ร้อยสัญญาณที่บอกให้พอกันที



    เป็นภาคต่อจากพ็อกเก็ตบุ้คส์ที่ฉันเขียนไว้ใน Sydney in love กับชีวิตประสบการณ์การทำงานในออสเตรเลียด้วยโครงการ Working and Holiday Visa 2012 และประสบการณ์ชีวิตที่ได้พบเจอในดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว 2014 เนื่องด้วยโอกาสที่ฉันได้รับความหวังดีจากพี่ชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่ช่วยให้ฉันได้พัฒนาตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น แต่มันก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร อย่าว่าอะไรกันเลย ก็เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต มันเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นในปีหนึ่งที่ฉันได้รู้จักกับพี่คนนี้

    แต่ฉันเชื่อว่า สักวันมันต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในชีวิต กับการไม่เคยพอเพียงเพื่อรอต่อไป 

    อยากจะร่วมเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคนที่ผ่านมาทางนี้ เหมือนที่ฉันอยากทำอะไรดีดีให้ตัวเอง และคนรอบข้างที่รักฉัน และสุดท้ายฉันจะได้ส่งมอบบทเรียนนี้ให้เพื่อนๆคนอื่นที่มีปัญหาในชีวิตเหมือนกับฉันต่อไปตามอุดมการณ์ที่พี่ชายได้บอกกับฉันไว้


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น