ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปัญหาก็คือ...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหา
ในเมื่อปัญหามันได้เกิดขึ้นแล้ว จะไปหงุดหงิดก็ใช่เรื่อง สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือทำใจที่จะยอมรับแล้วอยู่กับมันให้ได้ ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
'IF YOU DON'T KNOW WHERE YOU ARE GOING, ANY ROAD WILL TAKE YOU THERE'
-ALICE'S IN WONDERLAND-
ตลอดเวลากว่ายี่สิบห้าปี ฉันหลงทางและเคว้งคว้างในที่สิ่งมีชีวิตต่างวิ่งกันพลุกพล่าน ชีวิตที่มีแต่ความเร่งรีบในเมืองหลวง ไฉนชีวิตฉันกลับเดินช้าลง เรื่อยๆเอื่อยๆ ดั่งสายน้ำไหล ไม่รู้จะเดินทางไปที่ไหนดี สับสนและวุ่นวาย ได้แต่เดินตามสิ่งที่สังคมได้ปูทางไว้ให้แล้วสิ่งที่สังคมเห็นว่าดีงาม เราก็คล้อยตามไปอย่างไม่รู้สึกตัว ทั้งที่บรรทัดฐานของสังคมที่ปฎิบัติตามต่อกันมาอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดี สิ่งใช่สำหรับเราก็ได้ ก็ได้แต่เดินตามความคาดหวังของสังคม ใช้เป็นรูปแบบในการดำเนินชีวิตเรื่อยมา
Don't let someone else's standard define you
Before someone take it away from you
จนถึง ณ จุดหนึ่งของชีวิต ที่รู้สึกร้อนรุ่มข้างในอก ต้องการที่จะหลุดออกมาจากกำมือของคนอื่น ฉันไม่อยากพึ่งพาใครไปมากกว่านี้แล้ว รู้สึกอึดอัดกับตัวเองเหลือเกิน ฉันจะยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
ฉันจะเริ่มต้นที่จะออกเดินทางไปในที่ไกลแสนไกล เพื่อที่จะค้นหาตัวเองว่าสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆคืออะไรกันแน่ ฉันจึงออกตามหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองที่ยังคงหลบซ่อนภายใต้เงาของตัวเอง รอวันออกมาพบกับแสงสว่าง
อิสรภาพคือสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันหา
ปัญหามีไว้แก้ไข ไม่ว่าใครก็ต้องประสบปัญหากันทั้งนั้น
บางคนมีปฏิภาณทักษะในการแก้ไขปัญหาดีมาก แต่อาจจะไม่แข็งแรงมากพอที่แบกปัญหาไว้นานๆ บางคนอาจจะแก้ไขปัญหาได้ไม่ดีนัก แต่มีความอดทนมากพอที่จะแบกปัญหาไว้จนมีทางออก
ทำไมฉันถึงยังคงหวาดกลัว เอาแต่หลบซ่อนอยู่แบบนี้ ....ฉันกลัวตัวฉันเอง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินทางครั้งนี้ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่ามานั่งจมทุกข์กับที่เป็นอยู่แบบนี้
หนีเพื่อนำพาไปสู่ชีวิตที่ดีกว่านี้
จุดหมายปลายทางของฉันอยู่ที่ซิดนี่ย์ตามที่ปรากฎในวีซ่าที่ฉันได้ทำเรื่องไว้ แล้วจากนี้ไปฉันจะอยู่อย่างไรต่อไปก็ต้องติดตามกันต่อไป ภายในระยะเวลาหนึ่งปีตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของวีซ่าที่ให้ใช้ชีวิตอยู่ประเทศออสเตรเลียนี้ได้
แล้วการเดินทางที่ยาวนานกว่าสิบชั่วโมงก็สิ้นสุดลงที่ Kingsford Smith Airport `ที่ซิดนี่ย์อันเป็นจุดหมายปลายทาง ฉันเดินอย่างรู้จุดหมายว่าจะไปทางไหนแต่ไม่รู้ว่าจะมาที่นี่ทำไม เพราะฉันหนีออกจากบ้านได้สำเร็จแล้ว แต่มันยังไม่จบอยู่แค่นั้น ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไปตราบใดที่ยังมีลมหายใจแผ่วๆ ฉันต้องอยู่ให้รอดในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงลิ่วแบบนี้โดยไม่แบมือขอเงินที่บ้านอีก ทิษฐิที่ยึดติดในตัวฉันมันร่ำร้องบอกแบบนั้น หรือจะพูดให้ดีคือ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้กับที่บ้านอีกเด็ดขาด
"ทิษฐิ" ของฉันมันร่ำร้องมากกว่าเสียงของหัวใจ
ความอวดดี หยิ่งยโสโอหังทำให้ฉันไม่ฟังเสียงใคร กลับกลายมาเป็นความจริงที่เจ็บปวดมาตลอด ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีโอกาสหนีออกมาแบบนี้ เพราะฉันยึดติดกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากกว่าใดใด
ขอบคุณความกดดันที่ทำให้ฉันได้เป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดลมหายใจแล้วกันนะ
"เริ่มเดินทาง"
ไม่ว่าการเดินทางครั้งไหนๆ ฉันก็ต้องเดินทางคนเดียวเปล่าเปลี่ยว ไม่มีเพื่อนร่วมทางเลยสักครั้ง แต่ฉันกลับได้พบเพื่อนระหว่างทางมากมายที่มาเป็นบทเรียนในแต่ละครั้งให้กับฉัน ฉันเชื่อว่าตัวเองทำดีและมีดีอยู่ในตัว ฉันจึงได้แต่ดึงดูดแต่เพื่อนดีๆเข้ามาหา ไม่มีใครเคยคิดจะทำร้ายฉันระหว่างทางเลย ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ เมื่อจิตใจเราไม่ได้คิดร้ายอะไรกับใคร ก็เหมือนกับกระจกที่สะท้อนสิ่งดีๆกลับมาให้เราก็แค่นั้น หรือต่อให้เราพบเจอเรื่องไม่ดี เมื่อเราคิดในแง่ดี ความอัปโชคก็ทำอะไรเราไม่ได้อยู่ดี นี่แหละที่ทำให้ชีวิตในการเดินทางแต่ละครั้งของฉันถึงราบรื่นตลอด
ความคิดของเราเป็นตัวกำหนดทุกอย่างในชีวิต
ปัญหาไม่จำเป็นต้องแก้ได้ทุกเรื่อง บางเรื่องก็ยากจะแก้ไข แค่คนเราได้เรียนรู้จากปัญหาเหล่านั้น ถึงจะแก้มากไม่ได้ ก็ยังพอจะหาทางออกได้ในที่สุด แต่ปัญหาตอนนี้คือ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาใดใดนี่สิ
ปัญหาคือฉันไม่รู้ตัวเองว่ามีปัญหา หรือเพิ่งจะรู้ว่ามีปัญหา
แต่ที่เป็นปัญหาที่สุดคือไม่ยอมรับว่าตัวเองมีปัญหา
ในเวลาที่มีปัญหา คนส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นสองก้อน
ก้อนแรกให้ลงมือแก้ไขอย่างเต็มที่
ส่วนอีกก้อนให้ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นแล้วรอแก้ไขด้วยตัวเอง
เมื่อประสบปัญหาใดใดแล้วก็ขอให้อดทนแล้วยิ้มไปกับมัน
EVEN IF YOU DO NOT HAVE A SMILE, I WILL GIVE YOU ONE OF MINE
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น