ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Melancholy สีชมพู

    ลำดับตอนที่ #1 : หนี

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 66


    ชีวิตที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ไม่นานก็ต้องมีวันที่ร่วงโรย



     

    ฉัน...


    ฉันเติบโตมาในครอบครัวใหญ่อันอบอุ่นและฐานะทางบ้านก็ใช่ว่าจะย่ำแย่ ฉันได้รับความสบายมาตลอดแทบจะไม่ได้ประสบกับความยากลำบากเลย เมื่อถึงคราวที่ฉันต้องเจอกับปัญหาที่แก้ไม่ตกแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ฉันก็ยากที่จะรับมันได้

     

    ฉันเป็นคนที่ไม่มีปากเสียง ค่อนข้างจะพูดน้อยและยอมคนไม่ว่าจะถูกตำหนิติเตียนอย่างไรก็เลือกที่จะเงียบ แต่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้สึกให้พวกเขาต่อว่าฉันฝ่ายเดียวที่ไหน ฉันรับฟังแบบดื้อเงียบ ถึงจะไม่พอใจแค่ไหนแต่ฉันอ่อนไหวเกินที่จะทำอะไรได้   นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ คือ การต่อต้านแบบที่ไม่ได้ขัดใจอะไรใคร

     

    ความเก็บกดย้ำคิดย้ำทำเริ่มซึมซับและติดเป็นความเคยชินมาตลอดที่แก้ไม่ตก ได้แต่คอยสมเพชตัวเอง และนึกโทษสภาพแวดล้อมที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ฉันที่ทำอะไรไม่เป็นแม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็แก้เองไม่ได้ ฉันอ่อนแอกับทุกสถานการณ์ที่ต้องเจอ ฉันเกลียดตัวเอง และพลอยเกลียดคนอื่นที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ความคิดที่ทำให้ฉันลืมมองข้ามความเป็นตัวของตัวเองไป ความคิดนึกเสียใจหนึ่ง คือ ความเป็นห่วงของแม่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากอยู่บ้าน ฉันรู้สึกท้อใจที่ตัวเองไม่มีค่าที่จะทำอะไรได้เลย ในเมื่อฉันจะทำอะไรสักอย่างกลับมาตำหนิฉันทุกที ทั้งที่ฉันก็ไม่ได้ทำตัวเกะกะระราน เสเพลไปวันวัน

     

    ทุกวันนี้ ชีวิตฉันก็ดูเหมือนไม่มีความหมายอะไรเลย ใช้เวลาสิ้นเปลืองไปวันๆหนึ่งกับการไม่ทำอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันร่ำเรียนหนังสืออย่างขยันขันแข็ง พยายามทุ่มเทความสามารถเพื่อให้ได้เกรดเฉลี่ยดีๆ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้พ่อแม่และครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่ง และฉันก็ทำได้ด้วยเกรดไม่ต่ำกว่าสามในสี่ แต่หารู้ไม่ว่า ภายใต้ท่าทีมุมานะขยันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตนั้น ฉันกลับไม่ได้มีความตั้งใจจริงอะไรเลยสักอย่างเดียว สักแต่ว่าทำเพื่อให้มันเสร็จๆเท่านั้น สุดท้ายแล้วการทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ฉันดีขึ้นในเรื่องอะไรสักอย่างหนึ่งเลย รู้แค่แบบเป็ดๆเท่านั้น

     

    เป้าหมายชีวิตในการเรียน คือไม่ให้สอบตก นอกจากนั้นฉันก็ไม่เคยคิดต่อยอดเลยว่าฉันจะนำผลการเรียนดีเด่นนี้ไปทำมาหากินอะไรในอนาคต ไม่มีสภาพแวดล้อมใดใดที่มากดดันให้ฉันแข็งขันเพื่อการดำรงอยู่ในชีวิตที่แร้นแค้น ฉันเกิดมาในครอบครัวที่ถึงไม่ได้มีฐานะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลำบากอะไร ฉันมีชีวิตที่สบายในครอบครัวที่ทำให้ฉันทุกอย่าง ให้ความรักทะนุถนอมฉันไม่ขาด ปกป้องฉันจากอันตรายใดใดทั้งปวง จนเรียกได้ว่าชีวิตช่วงนี้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่หารู้ไม่ว่า มันได้ซ่อนหนามมาทำร้ายฉันจนเจ็บปวดทีหลัง

     

    ฉันไม่ได้คิดที่จะกล่าวโทษให้ครอบครัวที่รักและเป็นห่วงฉัน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ครอบครัวจะทำให้ฉันอย่างสุดความสามารถ แต่ผิดที่ฉันเองที่ไม่คิดจะทำอะไรเองต่างหาก เพราะความสบายส่งผลให้ฉันไม่มีความคิดที่จะทำอะไรให้ชีวิตต่อ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้เหนื่อยยากมากไปกว่านี้นี่ ชีวิตฉันก็เลยไร้แก่นสารแบบนี้


    ฉันเหนื่อยเกินที่จะอธิบาย เพราะไม่มีใครคิดที่จะอยากฟังด้วยความเข้าใจจริงๆ ต่างคนต่างมีปัญหา ไม่คิดที่จะเอาปัญหาตัวเองไปที่ใคร ชีวิตตัวเองก็ต้องรับผิดชอบเอง นับจากนี้ จักต้องเดินทางเพียงลำพัง 

     

    ฉันเคยเรียกร้องได้มากเท่าที่ฉันเคยทำ เวลาไม่มีอะไรได้ดั่งใจ แต่มาในวันนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว จากเดิมที่ไม่เคยคิดอยากจะออกจากบ้านไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ มาในวันนี้ฉันอยากหนีไปอยู่ไกลๆจากบ้าน ไม่อยากพบหน้าใครทั้งสิ้น พลอยทำให้ฉันเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้   

     

    ชีวิตการทำงานของฉันไม่ได้มีความคาดหวังหรือเป้าหมายในแต่ละวัน ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เผาผลาญเวลาตัวเองให้มอดลงไปช้าๆ อย่างไม่รู้สึกเสียดาย นับจากวันนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันมันช่างย่ำแย่ อย่างน้อยๆจบมาก็ต้องหางานหาการทำ แบ่งเบาภาระของพ่อแม่และครอบครัวที่ส่งเสียเรามา เพื่อเป็นการตอบแทนสิ่งที่ท่านทำให้เรา นอกเสียจากให้คนอื่นมาดูถูกเหยียดหยามที่ลูกสาวบ้านนี้ไม่ยอมหางานทำ เอาแต่มาเกาะพ่อแม่กินแบบนี้

    ฉันไม่เคยมีความคาดหวัง เพราะไม่มีอะไรมากระตุ้นให้ฉันหวังได้

    เงินเดือนแรกที่ให้พ่อแม่ คือสิ่งหนึ่งที่ฉันใฝ่ฝัน และการออกไปมีชีวิตของตัวเอง คือสิ่งที่ปรารถนา

    แต่ฉันกลับไม่สามารถทำสิ่งที่คิดไว้ได้เลย ในเมื่อครอบครัวกลับไม่ได้คาดหวังให้ฉันช่วยแบ่งเบาภาระจากทางบ้าน แล้วก็ยังรังเกียจเดียดฉันท์เรื่องการทำงานที่เงินเดือนต้ำต้อยแต่ไม่ได้ด้อยค่า เงินเดือนเดือนแรกที่ฉันได้รับก็เป็นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับเด็กจบใหม่ ประมาณ 14,000 บาท ถูกหักค่าประกันสังคมอีกต่างหาก ฉันก็ภูมิใจของฉันที่จะมีเงินเก็บเป็นของตัวเองครั้งแรก และก็อ้างเหตุผลมากีดกันเรื่องเวลางานที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา คือเข้างานไม่เป็นเวลาแบบงานออฟฟิศทั่วไป ก็ตอนนั้นฉันทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับ พวกเขากดดันฉันจนฉันทนไม่ไหวต้องออกจากงาน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าครอบครัวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับฉันมากนัก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไรจากฉันบ้างไหม

     

    ชีวิตที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นความปรารถนาขั้นสุดยอด ก็เหมือนชีวิตที่ไร้ค่าและหมดความหมาย ทำให้ฉันหมดอาลัยตายอยากกับการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ฉันอยากตาย แต่ใจมันกลัวที่จะตายทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น

    แน่นอนว่า ชีวิตก็คงไม่ได้มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้หรอก ที่มันแย่เพราะสิ่งที่เราทำหรือเราเป็นอยู่ต่างหาก

    ในเวลาแบบนี้ ฉันจะไม่พยายามหันกลับไปมองสิ่งเหล่านั้น และไม่ได้คิดตระหนักว่า ชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นชีวิตเราก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสักที

    เมื่อนั้นฉันคิดถึงการทำบุญอย่างเดียวที่ทำให้สบายใจ เมื่อจิตใจสงบก็ทำให้มีสติในการคิดแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตได้ ความจริงที่ฉันไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ กลับมาทำให้ฉันคิดถึงคนอื่นมากขึ้น มองโลกให้กว้างและไม่จำกัดตัวเอง

    ฉันจะเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญสักอย่างในชีวิตนับแต่นี้ไป จุดเริ่มต้นของการเดินทางของฉัน คือการหนีออกมาจากบ้าน อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่แบบนี้


    การหนีออกมาอาจจะเป็นการเยียวยารูปแบบหนึ่ง ไม่ได้เห็นแก่ตัวที่จะรักตัวเองมากจนกล้าหนีจากทุกอย่างที่ทำร้าย ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่จะทำร้ายตัวเองนะ จงใจดีกับตัวเองให้มากๆ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×