เธอคนนี้ที่ฉันรัก - เธอคนนี้ที่ฉันรัก นิยาย เธอคนนี้ที่ฉันรัก : Dek-D.com - Writer

    เธอคนนี้ที่ฉันรัก

    ตายล่ะ ฉันเพิ่งจะกลับมาก็ต้องถูกแม่จับคลุมถุงชนซะแล้ว แล้วชีวิตของฉันจะเป็นยังไง

    ผู้เข้าชมรวม

    287

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    287

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ย. 48 / 15:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ฉันสาวน้อยน่ารักอายุ 21 ปี มีนามว่า เจนจิราได้ไปเรียนปริญญาต่อที่ต่างประเทศ ณ บัดนี้ฉันได้กลับมาแล้ว
                      กริ๊งๆ!     กริ๊งๆ!     กริ๊งๆ!   เสียงโทรศัพท์มือถือฉันเองแหละ
             “ฮัลโหลสวัสดีค่ะ”
              “เจนหรอลูก  อยู่ที่ไหนแล้วลูก”
              “ค่ะแม่  เจนอยู่ที่สนามบินแล้วค่ะ  แล้วพ่อกับแม่อยู่ที่ไหนกันค่ะ”
          “คือว่า ลุกวันนี้แม่กับพ่อคงไปรับหนูไม่ได้นะ  คือว่าพ่อกับแม่ติดประชุมด่วนน่ะลูก”
          “อ้าว!  แล้ววันนี้หนูจะกลับยังไงล่ะค่ะ”
          “ไม่ต้องห่วงหรอกลูก  แม่ส่งคนไปรับลูกแล้ว”
          “ใครค่ะแม่”
          “หนูจำพี่อานาธารได้ไหมลูก”
          “อานาธาร  อานาธารไหนค่ะ  หนูไม่เคยได้ยินชื่อ  แต่ก็คุ้นๆอยู่เหมือนกันค่ะ”
          “ก็พี่อานาธารหรือพี่เอ็มที่เป็นคู่หมั้นหนูไงลูก”
          “คู่หมั้น!” ฉันอุทานออกมาเสียงดัง
          “คู่หมั้นอะ...”
          “แค่นี้ก่อนนะลูกแม่ต้องรีบเข้าประชุม”
              ตู๊ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
          “อะอ้าว!  วางไปซะแล้วยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย  อ๋อ!  หรือว่าจะเป็นพี่เอ็มคนที่เราหลงรักมาตั้งแต่เด็กๆ  ต้องใช่แน่ๆเลย  แต่ไม่มีทางฉันจะไม่มีวันยอมหมั้นกับนายเด็ดขาด  ถึงฉันจะเคยรักนายตอนเด็กๆ  แต่นั่นก็นานมาแล้ว  ฉันจะไม่มีวันโดนจับคลุมถุงชนแน่ๆ”
          ( แล้วตอนนี้นายอยู่ไหนนะ  ถ้าฉันไม่เจอนายแล้วฉันจะกลับบ้านได้ยังไงเล่า  เอาล่ะนะฉันจะนับหนึ่งถึงสิบ      ถ้านายยังไม่มาฉันจะฟ้องแม่กับพ่อคอยดูสิ  นับแล้วนะหนึ่ง..สอง..สาม.. สี่..ห้า..หก..เจ็ด..แปด..เก้า..สิ๊บๆๆ)
          “นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงผู้ชายคนหนึ่ง  ดังมาจากข้างหลังฉัน
          (เสียงใครอ่ะ   ทำไมดุจัง)
          “ขะ  ขะ  ขอโทษค่ะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ”  (โอ้โห!  เค้าหน้าตาดีเป็นบ้าเลยแฮ่ะ)
          “ขอโทษแล้วมันหายไหม”
          (แต่ทำไมปากจัดชะมัด)
          “ก็ขอโทษแล้ว  จะเอายังไงอีก” ฉันแหวใส่
          “เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย”
          “ชดใช้อะไรอีกล่ะ  ยังไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย  ต้องชดใช้อะไรไม่ทราบ”
          “ไม่ผิดได้ไง  เธอทำเสื้อตัวเก่งของฉันเลอะหมดเลย  อุตส่าห์ตั้งใจใส่มารับคู่หมั้น”
          “เชอะ!  หน้าอย่างนายมีคู่หมั้นด้วยเหรอ  ขำเป็นบ้าเลย  ฉันอยากจะรู้นักว่าใครจะบ้ามาเป็นคู่หมั้นนาย”
          “ก็คนแถวๆนี้แหละ”
          “อะไรนะ”
          “เปล่า  ไม่มีอะไร”
          “ไม่มีอะไรแล้วทำไมจะต้องทำหน้าทะเล้นด้วยล่ะ”
          “ใคร  ไหนใคร  ใครทำหน้าทะเล้น  ไม่เห็นมีเลย”
          “ก็...  อ้อ!  ฉันลืมไปว่านายมันโง่”
          “เธอนี่มันปากดีจริงๆ เลยนะ”
          “ขอบคุณที่ชม”  แกล้งป่วนประสาทอีตาบ้านั่นเล่นๆ น่ะหมั่นไส้นัก
          “เธอ...”
          “ทะ...  อุ๊บ------!” เค้าดึงฉันเข้ามาจูบ  ในตอนนั้นฉันรู้ทุกคนในสนามบินจะมองมาที่ฉันกับเค้าเป็นตาเดียว
          ฉันผลักเค้าออกจากตัวอย่างสุดความสามารถ
          “นี่นายทำบ้าอะไรเนี่ย”
          “นี่ฉันแถมให้  ของจริงมันไม่ใช่แค่นี้แน่”
          “อีตาบ้า”  ฉันตบหน้าเค้าไปอย่างแรงทีนึง
              เผี๊ยะ---------!
          “สมน้าน่ะ... อุ๊บ -----!” เค้าดึงฉันเข้าไปจูบอีกรอบ และฉันก็ผลักเค้าอย่างสุดแรงอีกครั้ง แต่แปลกเค้าแทบจะไม่กระเด็นเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่ฉันก็ผลักเค้าออกจะแรงซะขนาดนั้น
          “นายมันบ้า ทั้งบ้า ทั้งโรคจิตร”
          “เป็นยังไงล่ะจูบฉันมันหวานพอไหม”
          “ไอ ไอ” ฉันพุดพลางยกมือขึ้นจะตบเค้า”
          “หยุดนะ” เค้าเอามือชี้หน้าฉัน
            “ถ้าเธอตบฉันอีกทีล่ะก็”
          “ก็อะไร”
          “ฉันก็จะจู...”
          “พอ พอ พอแล้วไม่ต้องพูด” ฉันตะโกนใส่อีตาบ้านั่น
          “ไม่อยากลองอีกหรอ”
          “ไม่ ไม่อยาก แล้วนายก็เลิกพูดได้แล้วด้วย”
          “หน่า นะ  ฉันว่าปากเธอน่ะหวานกว่าปากฉันอีก”
          “อีตาบ้า บอกให้เลิกพูดไงเล่า” ฉันตะโกนใส่เค้า ในท่าที่เอามือปิดหูอยู่
          “ก็ได้  ฉันหยุดพูดก็ได้”
          “ดี” (เฮ้อ! ค่อยโล่งอกหน่อย)
          “แต่มีข้อแม้ว่า...”
          “โห! ข้อแม้อะไรอีกล่ะ”
          “เธอต้องไปกับฉัน” เค้าพูดพลางดึงมือฉันไป
          “ปะ ปะ ไปไหน”
          “ตามมาเถอะน่า  อย่าถามมากนักเลย”
          “ไม่เอา ไม่ไป ฉันไม่ยอมไปกับนายเด็ดขาด”
          “จะไปหรือไม่ไป”
          “ไม่ไป” ฉันพูดเสียงแข็ง
          “ถ้าเธอไม่ไปฉันจะ” นัยน์ตาของเค้ามีเลศนัย แค่นั้นฉันก็รู้แล้วว่าเค้าคิดอะไร
          “ไป ไปก็ได้”
          “ดี วันหลังให้มันพูดง่ายๆ หน่อย”
          ( อีตาบ้า ถ้าไม่เพราะว่านายจะทำมิดีมิร้ายฉันล่ะก็  ฉันไม่มีทางยอมไปกับนายเด็ดขาด)
              เค้าลากฉันมาที่รถคันหนึ่ง ท่าทางราคาคงจะแพงหน้าดู
          “นี่นาย นายพาฉันมาที่รถใครเนี่ย เดี๋ยวเจ้าของรถเค้าก็ว่าเอาหรอก”
          “ใครเค้าจะกล้าว่า ก็นี่มันรถฉันเอง”
          “ไม่เชื่อ”
          “จะเชื่อหรือไม่เชื่อ” เค้าทำท่ามีเลศนัยอีกแล้ว
          “เชื่อ เชื่อก็ได้” ฉันรีบวิ่งจู๊ดเข้าไปนั่งในรถ  และเค้าก็ขึ้นรถตามมาติดๆ แล้วก็ขับรถพาฉันออกไป
          “นี่เธอไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันเป็นใคร”
          “รู้สิทำไมฉันจะไม่รู้”
          “เธอรู้”
          “รู้สิ ฉันว่านายก็คงเป็น เอ่อ... อ้อ! นายคงเป็นพวกเพล์บอยล่ะสิ”
          “ไม่ใช่”
          “อ้าว! ถ้านายไม่ใช่พวกเพล์บอยแล้วนายเป็นใคร”
          “ก็เป็น...ช่างมันเถอะ”
          “อ้อ! หรือว่านายจะเป้นเกย์อะ  ใช่ไหมต้องใช่แน่ๆเลย”
          “เธอจะบ้าหรือไง”
          “เอ๊า! หรือว่าไม่จริง ฉันพูดผิดตรงไหนหรอ”
          “จริงไม่จริงจะลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ” เค้าหยุดรถกะทันหัน จนหัวฉันแทบจะไปทิ่มกับกระจกหน้ารถ
          “พิสูจน์ พิสูจน์อะไร”
          “ก็พิสูจน์ว่าฉันเป็นเกย์จริงหรือเปล่าไงเอาไหมล่ะ” ฉันพอจะรู้แล้วว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
          “ไม่เอา ไม่พิสูจน์”
          “แล้วเธอไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าฉันเป็นผู้ชายหรือเป็นเกย์”
          “ไม่ ไม่อยากรู้”
          “แต่ว่าฉันอยากให้เธอรู้”
          “ก็บอกว่าไม่อยากรู้ไงเล่า แล้วก็ช่วยออกไปห่างๆ ฉันด้วย” ฉันพูดพลางผลักเค้าออกไป
          “ไม่อยากก็ไม่อยาก” พอเค้าพูดจบก็ถอยกลับไปนั่งที่คนขับแล้วก็ขับรถต่อไป
          (เฮ้อ! ค่อยโล่งอกหน่อยคิดว่าจะ...แต่ช่างมันเถอะ)
          “เออ!  แล้วว่าแต่นายจะพาฉันไปไหน”
          “ก็พาเธอกลับบ้านไง”
          “แล้วนายรู้เหรอว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน”
          “เถอะน่า ฉันพาเธอไปส่งบ้านถูกแล้วกัน”
          “ตกลงนายเป็นใครกันแน่”
          “เดี๋ยวไปถึงบ้าน เธอก็รู้เองแหละ”
          “ฉันขอถามเธอคำถามเธออย่างนึงสิ”
          “อะไรล่ะ”
          “เธอจะแต่งงานกับฉันไหม”
          “ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ  แล้วก็ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้”
          “ว่าไงล่ะ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม”
          “ไม่รู้สิ  แต่คนที่ฉันรักมีอยู่แล้ว”
          “ใคร” ทำไมต้องเสียงดังด้วยเล่า
          “ฉันถามว่ามันเป็นใคร”
          “เค้าเป็นคนที่ฉันหลงรักมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าฉันจะโตแล้วฉันก็ยังรักเค้าอยู่”
          “เฮ้อ!”
          “อ้าว! หายโกรธแล้วเหรอ  แล้วนายยิ้มอะไร”
          “เปล่า  ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ”
          “เอ้อ! บ้าหรือเปล่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
          “ว่าแต่เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่าเธอจะแต่งงานกับฉันหรือเปล่า”
          “คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยมีคนเดียวเท่านั้น คือ...นี่ไม่ต้องตั้งใจฟังขนาดนั้นก็ได้ คงไม่ใช่นายหรอกน่า”
          “เดี๋ยวถึงบ้านก็รู้เองแหละ ว่าเป็นใคร”
          “นายหมายความว่ายังไง”
          “เอาเหอะ เดี๋ยวถึงบ้านก็รู้เอง อย่าถามมากนักเลย”
          “นายนี่มันยังไงนะถามอะไรไม่เคยคิดที่จะบอกเลย เออแล้วว่าแต่นายชื่ออะไรฉันยังไม่รู้เลย คุยกันมาตั้งนานแล้ว”
          “เธออยากรู้จริงๆเหรอ”
          “ใช่ ฉันอยากรู้”
          “เดี๋ยวถึงบ้านเธอก็จะรู้ทุกอย่างที่เธอต้องการจะรู้”
          “หมายความว่ายังไง”
              แล้วเค้าก็เงียบไป
              (บ้าจริงถามก็ไม่ตอบ)
              สักพักเค้าก็ขับรถพาฉันมาถึงที่บ้าน
              (โอ้โห! บ้านฉันนี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย)
          “เออนี่นายเค้ามีงานอะไรกันหรอรู้ไหม”
          “รู้สิทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันน่ะรู้ดีเลยล่ะ”
          “แล้วมันเป็นงานอะไรหรอ”
          “เดี๋ยวเธอเข้าไปก็รู้เอง แต่งานนี้เกี่ยวกับเธอและฉันโดยเฉพาะ”
              (บ้า ชอบพูดอะไรแปลกๆ)
              (นั่นแม่ฉันเดินออกมาโน่นแล้ว ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืองานอะไรกันแน่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกับอีตานี่)
              ฉันเดินลงไปจากรถ
          “แม่ค่ะ สวัสดีค่ะ”
          “เจนมาแล้วหรอลูก รีบเข้าไปแต่งตัวเร็วงานจะเริ่มแล้ว จุ่น เอาตัวน้องเจนไปแต่งตัวที”
          “ค่ะ! คุณผู้หญิง”
          “ดะ เดี๋ยวค่ะแม่ หนูยังไม่รู้เลยว่างานนี้มันเป็นงานอะไร”
              ฉันยังพูดกับแม่ยังไม่รู้เรื่อง ก็ถูกพี่จุ่นลากตัวไปแต่งตัวซะแล้ว ยังไม่ทันรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
          “เป็นไงบ้างอานาธาร น้องรู้เรื่องนี้รึยัง”
          “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจน”
          “ดีแล้วล่ะ แต่แม่ว่าเอ็มไปแต่งตัวก่อนดีไหม งานใกล้เริ่มแล้ว”
          “ก็ดีครับ งั้นผมขอตัวไปแต่งตัวก่อน”
          “จ๊ะ”
                                                                           -----------------------------------------
          “ณ บัดนี้จวนจะใกล้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว ดิฉันขอกราบเรียนเชิญคุณนภาการณ์(แม่ของฉันเองแหละ)ขึ้นพูดอะไรซักเล็กน้อย เพื่อเป็นสิริมงคลกับคู่บ่าวสาวหน่อยค่ะ เชิญค่ะ”
          นี่พี่จุ่นทำไมติองให้ฉันแต่งตัวเป็นจ้าสาวด้วยล่ะ ฉันไม่ได้แต่งงานเองนะ”
          เอาเถอะค่ะคุณหนู”
              (วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ถามอะไรไม่เห็นจะมีใครตอบซักคน แปลก)            
          “ณ บัดนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้ว ขอเชิญคู่บ่าวสาวออกมากล่าวอะไรซักเล็กน้อย”
          “คุณหนูออกไปเลยค่ะ” พี่จุ่นพูดพร้อมกับผลักฉันออกไปข้างนอก
          “เดี๋ยวพี่จุ่น แล้วทำไมฉันจะต้องออกไปด้วย มันไม่ใช่งานแต่งงานของฉันซักหน่อย”
          “เถอะค่ะคุณหนู”
          “ไม่เอา ไม่ออก”
          “อึ๊บ......!” ในที่สุดพี่จุ่นก็ผลักฉันออกไปจนได้
          “ขอเสียงปรบมือให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวหน่อยค่ะ”
              เฮ้...! แปะๆ เฮ้...! แปะๆ
          “บ้าจริง นี่ฉันถูกจับแต่งงานหรือเนี่ย” ฉันเหลือบตาไปเห็นอีตาบ้านั่น
          “นี่แล้วนายมาทำอะไรบนเวที อยะ อย่าบอกนะว่านายเป็น เอ่อ เป็น”
          “ใช่!     ฉันคืออานาธารคนที่จะแต่งงานกับเธอวันนี้ไง”
              (ตายแล้วเราแล้วอยู่ที่สนามบิน รถ เราพูดอะไรออกไปบ้างเนี่ย แบบนี้เค้าก็รู้หมดสิ)
          “เอ่อ เชิญคู่บ่าวสาวกล่าวอะไรซักนิดนึงค่ะ”
              (อะไร ฉันต้องพูดอะไรด้วยหรอเนี่ย ฉันไม่ได้เต็มใจจะแต่งซักหน่อย แต่ความจริงก็อยากเหมือนกัน)
          “ผมรู้สึกดีใจที่ผมได้มีโอกาศได้อยู่กับคนที่ผมรัก ผมรักเจนตั้งแต่แรกเห็น  และเป็นเกียรติอย่างมากที่วันนี้ที่ทุกท่านได้ให้เกียรติมางานแต่งของผม”
          “ขอเชิญเจ้าสาวกล่าวอะไรเล็กน้อยค่ะ”
              (จะให้กล่าวอะไรอีกล่ะ)
          “เอ่อ คือ ฉันก็...”
          “หยุดเดี๋ยวนี้” เสียงผู้หญิงคนนึงพูดขึ้นมา  แขกทุกคนหันไปมองตามเสียงพร้อมทั้งฉันกับอีตานั่นด้วย
          “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครค่ะ” ฉันถาม
          “ถามได้ นี่เธอไม่รู้หรืแกล้งโง่กันแน่”
          “คือฉันไม่รู้จริงๆค่ะ”
          “ฉันบอกให้ก็ได้ ฉันก็เป็นเมียของคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยไง” น้ำตาฉันเริ่มไหลออกมา ทำไมฉันจะต้องร้องไห้ด้วย  แล้วฉันก็หันไปมองหน้าเค้า
          “คนบ้า คนโกหก หลอกลวง”ฉันตบหน้าเขาไปทีนึงและวิ่งหนีไป    
          “เจน! เจน! เดี๋ยวก่อน”
          “เดี๋ยวสิคะเอ็ม” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมรั้งแขนอานาธารไว้
          “เธอไปเลยนะ ไป  เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ” อานาธารพูดอย่างโมโห
          “แต่... แต่...”
          “ไม่มีคำว่าแต่ ยาม ยาม มาเอาตัวหล่อนออกไปที  แล้วต่อไปนี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก  และเธอจำไว้ด้วยนะว่าคนที่ฉันรักคือ เจน ไม่ใช่เธอ”
          “เอ็ม  ทำไมคุณพูดกับอลิสแบบนี้ล่ะ”
          “ปล่อยผม ผมจะไปตามเจน” อานาธารดึงมือของอลิสออกไป และวิ่งตามเจนจิราออกไปข้างนอก
                                                             -------------------------------------------------------  
          “คนบ้า คนหลอกลวง ไหนบอกว่ารักเราไง   ฮื่อ...! ฮือๆๆๆ!”
          “เจนหลบมาอยู่นี่เอง ฉันหาตั้งนาน”
          “หาฉันทำไม  ทำไมไม่ไปอยู่กับแฟนคุณข้างในล่ะ”
          “ฉันมาตามหาหัวใจของฉัน  เพราะหัวใจของฉันอยู่ที่เธอ ”
          “ไหน ไม่เห็นมีเลย ถ้าหัวใจนายอยู่แถวนี้นายก็คงตายไปแล้วล่ะ”
          “ไม่ตายหรอกเพราะหัวใจฉันฝากไว้ที่เธอไง อยู่ตรงนี้  ที่นี่  แล้วก็จะอยู่ตลอดไปด้วย ” เค้าชี้นิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายของฉัน
          “แล้วหัวใจเธอล่ะอยู่ที่ไหน”
          “หัวใจฉันหรอ ก็อยู่แถวๆนี้แหละ”
          “หัวใจเธออยู่กับฉันใช่ไหมล่ะไ
          “คงงั้นมั้ง”ฉันพูดแบบเขินๆ
          “เจน” เค้าเดินเข้ามาจับมือฉันไว้
          “ฮะ!”
          “เธอรักฉันหรือเปล่า”
          “บ้า ถามอะไร”
          “ฉันรักเธอนะเจน  รักมาตั้งแต่เด็ก  แล้วก็จะรักตลอดไป”
          “ฉัน ฉันก็รักนายเหมือนกัน  รักมาตั้งแต่เด็ก  แล้วตอนนี้ก็ยังรักอยู่และจะรักตลอดไป” เค้าสวมกอดฉันอย่างอบอุ่น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×