ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] The Eschatology

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 04

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 57


    Chapter 4

     

     

                ในค่ำคืนที่ผู้คนต่างหลับใหลมีเพียงแค่ซูโฮนอนหงายลืมตาตื่นโพลง  ค่ำคืนนี้เขาและพี่น้องต้องหนีออกจากที่นี่ก่อนจะมีการนองเลือด  ซูโฮหันไปดูด้านข้างๆช้าๆ  ดีโอกำลังหลับเขาจะหนีไปไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

     

    “ดูแลตัวเองด้วยนะ  ดีโอ”  ไม่รู้อะไรสั่งให้ซูโฮยื่นหน้าจุมพิตที่หน้าผากมนของอีกคนที่นอนตะแคงมาทางเขา

     

    “ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น”  ซูโฮลุกขึ้นออกจากบ้านพักรวมอย่างช้าๆ  พอออกมาได้เสร็จก็รีบเดินหน้าไปหลังป้อมเพื่อหาเตรียมรถให้มินซอก  จงแด  และจงอิน  ซูโฮใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพราะที่นี่มีทหารเดินไปเดินมาเต็มไปหมด

     

    ซูโฮเดินไปที่รถกระบะคันหนึ่งที่จอดห่างไกลค่อนไปทางป่า  ซูโฮค่อยแอบย่องไปช้าๆ  เห็นนายทหารนายหนึ่งแอบหลับมีกุญแจรถอยู่ที่กระเป๋าด้านข้าง  ซูโฮใช้ความมือเบาของตัวเองจากประสบการณ์ตั้งแต่เด็กที่ใช้ชีวิตโดยการขโมยเพื่อความอยู่รอด  จากนั้นหยิบก็ใช้มืออุดปากอีกฝ่าย

     

    “อือๆๆๆ”  นายทหารเมื่อรู้สึกตัวว่าโดนทำร้ายก็ร้องออกมาแต่โดนมืออีกฝ่ายปิดไว้  พอหายใจไม่ออกก็สลบไป

     

    “เสร็จไปหนึ่ง  ทีนี้ก็ได้แต่รอ”  ซูโฮกะเวลาพวกนี้ต้องรีบมาถีงให้ไวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นไม่งั้นทุกอย่างจบเห่

     

     

     

     





     

    ในเวลาเดียวกันนั้นจงแดเห็นซูโฮลุกออกไปก่อน  ตัวเขาต้องลุกไปด้วย  จงแดลุกขึ้นออกจากบ้านพักอย่างรวดเร็ว  จากนั้นเตรียมจะมุ่งหน้าไปที่หลังป้อมแต่โดนมือหนึ่งฉุดเข้าไปในอ้อมกอดแกร่งของร่างสูง

     

    “นายออกมาทำไมตอนดึก”  คริสเหล่ตามองดูคนในอ้อมกอด

     

    “ผมอยากเข้าห้องน้ำ”  จงแดพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติทั้งที่ในใจกลัวว่าโดนจับได้  หรือว่าหวั่นไหวกันแน่

     

    “เดี๋ยวฉันพาไป”  คริสจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตามเขามา  พอมาถึงหน้าห้องน้ำคริสลูบผมจงแดอย่างเอ็นดู

     

    “รีบเข้าซะ”  คริสดุนหลังให้คนตัวเล็กออกเดินไป  จงแดทำตามคำสั่งพอเดินเข้ามาห้องน้ำเรียบร้อย  จงแดมองไปทั่วเพื่อหาทางหนี  เห็นช่องแอร์ช่องหนึ่งที่อยู่เหนือหัวไป  เขาไม่รู้ว่าจะนำทางไปที่ไหนแต่ที่แน่ๆเขาต้องหนีจากคริส  

     

    จงแดดึงกรงเหล็กออกและปีนขึ้นไปที่ช่องแอร์และไต่ไปตามช่องเรื่อยๆ  พอมาถึงตรงที่หนึ่งด้านล่างดูเหมือนห้องเก็บของ  จงแดก็ค่อยๆดึงกรงเหล็กออกและหย่อนตัวลงไป  จงแดเดินไปที่ประตูมองซ้ายมองขวาก็เดินออกจากห้องพอผ่านห้องน้ำจงแดหลบอยู่มุมหนึ่งสายตามองดูคริสที่ดูเหมือนกระวนกระวายใจที่เข้าไปนาน

     

    “คริสคุณดีกับผมเหลือเกิน  แต่อย่าสนใจคนเลวอย่างผมเลย”  น้ำตาเหมือนจะไหลออกมา  พอแล้วเขาทำมามากพอ  ถึงเวลาที่จะต้องหยุดสักที  จงแดค่อยๆวิ่งออกไปจากตรงนั้นไปช้าๆ  มุ่งหน้าไปหลังป้อมทันที

     


     

     




     

    มินซอกได้แต่นั่งเปล่าเปลี่ยวดูลู่หานนั่งคิดเหมือนจะวางแผนอะไรสักอย่าง  เขาแทบจะลุกหนีไปไหนไม่ได้  ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ถึงกักตัวไว้ไม่ให้ไปไหน   แต่ดูลู่หานดูจริงจังกับเรื่องที่คิดอยู่มาก  ดูไปดูมาลู่หานดูหล่อมีเสน่ห์จนใครๆก็หลงได้

     

    “จะจ้องอีกนานไหม”  ลู่หานที่ก้มหน้าคิดอะไรสักอย่างหลังพิงเก้าอี้เท้าพาดไว้ที่โต๊ะเริ่มรู้สึกตัวเหมือนมีคนแอบมอง

     

    “ปะ  เปล่า”  มินซอกได้แต่เสมองไปทางอื่น

     

    “นายไม่คิดจะหนีใช่ไหม”  ลู่หานส่งยิ้มแบบที่มินซอกเองก็ไม่รู้ความหมาย

     

    “หนี  หนีอะไร  ทำไมต้องหนี”  มินซอกตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง  ผู้ชายคนนี้ดูหน้ากลัว  ลู่หานลุกขึ้นและนั่งยองๆตรงหน้าเขาสบตากับดวงตาที่เหมือนกวางแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์  แถมยังเอามือมาเขี่ยผมมืนซอกไปมา  หัวใจของเขาเริ่มกระตุกเหมือนสั่นไหว

     

    “เหรอก็ไม่ได้ว่าอะไร”  ลู่หานลุกขึ้นและลุกออกจากห้องไปทำให้มินซอกเอ๋อไปชั่วขณะ  ลู่หานทำอะไรกับใจของเขาทำไมเต้นแรงขนาดนี้  มินซอกรีบลุกออกจากห้อง  พอเดินออกมาไม่เห็นวี่แววลู่หาน  หายไปไหน  แต่ไม่เสียเวลาคิดมินซอกรีบวิ่งออกจากที่พักไป  สายตาก็คอยระแวดระวังภัยไปทั่ว

     

    “นายออกมาทำอะไร”  เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังของมินซอก  มินซอกรู้สึกขนลุกผู้ชายคนนี้ดูหน้ากลัวจริงๆ

     

    “พะ  พอดีหิวเลยออกมาหาอะไรกิน”  มินซอกรีบตอบพร้อมปั้นยิ้มให้  ลู่หานอมยิ้มเห็นท่าทางที่มินซอกทำ  ทำไมน่ารักอย่างนี้

     

    “นายหิวอีกแล้ว  กินเยอะเกินไปแล้วนะ”  ลู่หานทำเสียงเข้มเอ็ดจนมินซอกสะดุ้งปกติเขาหลอกใครก็เชื่อทั้งนั้น  แต่คราวนี้เขาเริ่มสูญเสียความมั่นใจ

     

    “แต่ก็น่ารักดี  ขอกอดหน่อยได้ไหม”  ลู่หานสวมกอดมินซอกจากด้านหลัง  รู้จักกันไม่กี่วันแต่ทำไมเขารู้สึกห่วงคนนี้มากๆ  ไม่เข้าใจจริงๆ 

     

    “เอ่อ  คือ……”  มินซอกไม่รู้จะพูดอะไรปล่อยให้คนตัวสูงกว่าโอบกอดอย่างนั้น  ลู่หานคลายอ้อมกอดออก

     

    “นายไปเถอะ”  ลู่หานบอกลา  ไม่ใช่บอกลาแค่ไปหาอะไรกินเท่านั้น  เหมือนบอกลาแบบจากลา  ลู่หานเดินไปแล้ว  มินซอกรู้สึกเจ็บกับคำที่ดูเหมือนให้ไป  แต่เป็นคำที่เหมือนไล่  มินซอกเดินมาเรื่อยๆ  จนถึงหลังป้อม  สายตามองเห็นซูโฮ  และจงแดคอยอยู่

     

     

     

     




     

    จงอินได้แต่มองดูดาวในอ้อมกอดของคนอีกคนบนเก้าอี้นวมที่ถูกปรับให้สามารถให้นอนเอนพิงได้สบาย  ชานยอลเล่าเรื่องต่างๆ  และเรื่องของพระจันทร์และดวงดาว

     

    นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง มีพระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย และพระจันทร์สองดวงนี้ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้ง 2 ไม่เคยแยกห่างจากกัน ทุก ๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์หลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไป ทีละน้อย ๆ จนแยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด เมื่อค่ำคืนมาถึงจึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่เพียงดวงเดียว ดวงจันทร์ดวงนั้นจึงได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ ด้วยความคิดถึงและอยากพบให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้เจอแน่ๆจึงตัดสินใจ…..ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งนั้น เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงได้เห็นถึงความจริงว่า แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามสักปานใด แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้านั้นแต่เพียงตนเท่านั้น ยังส่องแสงไปยังดวงอื่น ๆ อีกมากมาย ดวงจันทร์จึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้งแต่หาเท่าไหร่ก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ ต่อมาจึงได้รู้ว่า

    ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเองเพียงเพื่อตามหาตนจนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยว เล็กๆ ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอกับดวงดาวผู้ชายอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจ แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิงทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตนส่องให้ถึง ดวงจันทร์ผู้หญิง เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเคียงข้างดวงจันทร์ จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาวให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้

     

    “นายเคยฟังเรื่องแบบนี้ด้วย”  จงอินที่นอนซบไหล่ชานยอลและฟังนิทานไปด้วยถามหลังจากฟังจนจบ  สายตาทอดมองไปที่พระจันทร์ถึงแม้จะยังไม่เต็มดวงแต่ก็ยังคงสว่างไสวในค่ำคืนนี้

     

    “หึ  ฉันยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ”  ชานยอลก้มลงไปจูบที่กระหม่อมของจงอินอย่างแผ่วเบาใช้นิ้วเขี่ยผมคนในอ้อมกอดไปมา

     

    “อืม  จะนอน”  จงอินพูดเสียงเบาและหลับตาลงเป็นสัญญาณบอกว่าอย่ากวน   ชานยอลมองตามเวลาหลับเหมือนเด็กน้อยเลย  ชานยอลซบลงที่หัวของอีกคนและหลับตาลง

     

    ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้  จงอินลืมตาขึ้นและค่อยๆลุกออกจากที่นั่งช้าๆ  สายตาที่มองชานยอลเขาเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน  ทำไมจะจากกัน  แต่เขาไม่อยากจาก  ถ้าอยู่ต่อเขาก็ตาย  จงอินรีบเดินไปที่หลังป้อมทันที

     

     

     

     



     

    แบคฮยอนตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นจงแดแอบออกไปข้างนอกในเวลาดึกๆ  แบคฮยอนแอบตามไปแบบห่างๆ  จงแดคิดกำลังจะทำอะไรกันแน่  แบคฮยอนสะกดรอยตามไปถึงหน้าห้องน้ำ  พอรอสักพักไม่เห็นจะออกมาแบคฮยอนคิดว่าคงแค่มาเข้าห้องน้ำเฉยๆ  แต่สายตาเห็นจงแดวิ่งตรงไปที่ป้อมหลัง  อะไรกันอยู่ในห้องน้ำไม่ใช่เหรอ  แบคฮยอนรีบตาม

     

    พอมาถึงที่หนึ่งก็ยืนแอบดูสักพัก  ซูโฮ  จงแดและผู้ชายอีกสองคนที่เห็นหน้าผ่านๆ  พอจำชื่อได้ว่ามินซอกและจงอิน   พวกนี้จะหนีเหรอ  มันเกิดอะไรขึ้น

     

    “หรือว่า  พวกนี้คือ  พี่น้องตระกูลคิม”  ไม่น่าทำแบคฮยอนรู้สึกคุ้นหน้าจงแดมากเพราะพ่อของพี่น้องตระกูลคิมเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ผลิตยาที่เป็นชนวนของการเกิดสงครามนี้เอง  ในที่สุดเขาก็เจอคนร้ายแล้ว

     

     

     

     

     





     

    เลย์ที่แอบตื่นและแอบเดินตามซูโฮมาเรื่อยๆอย่างสงสัยในสิ่งที่ซูโฮทำ  เขาไม่รู้หรอกว่าซูโฮจะหนีทำไม  แต่เขาก็พอเดาออก  เลย์แอบตามมาเรื่อยๆ จนถึงป้อมทางด้านหลัง รอสักพักนึงก็มีคนเพิ่มมาอีกสามคน  ถ้าเดาไม่ผิดพวกนี้คือ  พี่น้องตระกูลคิม

     

    “ครบแล้วไปกันเลย”  ซูโฮขึ้นไปสตาร์ทรถ  มินซอกไปนั่งข้างฝั่งคนขับ  จงแดและจงอินไปนั่งท้ายรถกระบะ  หลังจากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกจากป้อมอย่างรวดเร็ว  เลย์รีบวิ่งตามไป  เขาคิดว่ามีเขาคนเดียวที่ตามไป  แต่แบคฮยอนก็แอบตามมา

     

    ทั้งสองวิ่งเกือบถึงรถกระบะ   เลย์ใช้ความสามารถพิเศษในการเกาะรถและพยายามปีนแยขึ้นไป  จงอินรีบใช้เท้าเตะ  แต่เลย์หลบได้อย่างคล่องแคล่ว  จงแดที่ตกใจคิดว่าเลย์จะไร้เดียงสา  เป็นผู้ชายอ่อนโยนไม่มีทางสู้แต่ทำไมดูว่องไว  แบคฮยอนยังวิ่งตามไปแต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น  เลย์ขึ้นมาบนรถได้จงอินชกเข้าที่แก้มซ้ายอย่างแรง  จนเลือดชิบแต่เลย์ก็เตะเข้าที่สีข้างของอีกคน

     

    ทั้งสองคนนี้สู้กันไปสู้กันมา  ในที่สุดแบคฮยอนก็เกาะรถกระบะจนสำเร็จ  จงแดเห็นเขาไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับแบคฮยอนคงทำได้แต่แงะมือของแบคฮยอนออกไป

     

    “เฉิน  นายคิดจะหนีไปไหน  พวกนายต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ”  แบคฮยอนร้องตะโกนต้านแรงของรถที่ดูเหมือนคนขับจะรู้สึกตัวว่ามีคนบุกรุก  ก็ขี่ปาดซ้ายปาดขวา  ทำให้เลย์และจงอินเสียหลักไปบ้างแต่ก็ยังยืนไหว

     

    “เลย์  นายมาทำอะไรที่นี่”  จงแดที่ดูตกใจกับท่าทางของเลย์ที่ดูเหมือนไม่ใช่คนรู้จัก

     

    “ก็มาจับพวกนายไง”  เลย์ร้องบอกและผลักจงอินให้ไปชนกับจงแดทำให้ทั้งคู่ล้มลงไป  แบคฮยอนที่ดูตกใจ  เลย์ไม่ได้เป็นใบ้  แล้วเลย์เป็นใคร

     

    “ย๊ากกกกก”  จงอินร้องลั่นและเตะเข้าที่ลำตัวของเลย์จนผลัดตกรถไปแต่เลย์ก็คว้าตัวแบคฮยอนให้ล้มลงไปด้วย  รถของสี่พี่น้องได้ขับไปไกลที่ทิ้งทั้งสองไว้เบื้องหลัง

     

    “โธ่เว้ย”  เลย์สบถออกมาเขาต้องทำภารกิจให้สำเร็จตอบแทนผู้มีพระคุณที่เลี้ยงเขามา  แต่ตอนนี้เขาพลาด

     

    “โอ๊ย  เจ็บ”  แบคฮยอนรู้สึกกระดูกหักร้องลั่นไปทั่วเนื้อตัวเปื้อนเศษดินไปหมด  มองไปทางไหนก็มีแต่สถานที่รกร้างห่างบ้านตึกอาคารได้รับความเสียหาย

     

    เลย์ได้แต่มองแบคฮยอนจากนั้นก็เดินไปทิศทางอื่นเขาต้องจับสักคนให้ได้  ไม่งั้นเขาไม่กลับไปหาผู้มีพระคุณเด็ดขาด  แบคฮยอนรีบวิ่งตาม

     

    “นายเป็นผู้ชายที่สวมหมวกแก๊ปคืนนั้น”  แบคฮยอนพูดให้อีกฝ่ายหยุดเดิน

     

    “นายเป็นพวกเดียวกับชายร่างใหญ่นั่น”  แบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนๆเดียวกัน

     

    “นายหลอกทุกคนและนายยังหลอกเทา”  แบคฮยอนเจ็บที่ข้อมือไปอีก  เลย์เห็นและรีบจับข้อมือบิดไปบิดมา

     

    แกร๊ก

     

    “โอ๊ย!!!!!!!”  แบคฮยอนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด  แต่รู้สึกว่ากระดูกถูกต่อแล้ว  เลย์ยังเดินหน้าต่อไปอีก  ตอนนี้เลย์กับเขาอุดมการณ์เดียวกันคือจับคนใดคนหนึ่งในสี่พี่น้องนั่น  แบคฮยอนเลยจำยอมเดินตามเลย์ไป

     

    “นายจะไปหาพวกนั้นใช่ไหม” 

     

    “ใช่”

     

     

     

     




     

    ดีโอลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆในวันที่แสงอาทิตย์เจิดจ้า  แต่กลับไม่มีคนข้างกาย  ซูโฮหายไปไหน  ดีโอลุกพรวดออกจากที่นอนเดินตามหาซูโฮในที่ต่างๆที่คิดว่าจะไปได้  หายไปไหน  หยาดน้ำใสๆเริ่มไหลออกมา  หรือว่าซูโฮหนีไปแล้ว  หนีไปโดยไม่บอกลา  เขาเข้าใจว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย  แต่ไปไม่ลาเขาเจ็บ

     

    “ซูโฮ  ผมรักคุณนะ”  ดีโอเริ่มร้องไห้อย่างหนัก  เขาเพิ่งรู้ใจตนเองในวันที่ซูโฮจากไป  ได้โปรดกลับมาหากันอีกครั้ง

     

    “เป็นไรไปดีโอ”  เซฮุนทักเมื่อเห็นอีกคนร้องไห้  เซฮุนหยิบเศษผมที่ติดดีโอมาหนึ่งเส้น  เส้นผมเป็นสีดำ  ขณะที่ดีโอออกน้ำตาลเข้ม  เซฮุนยิ้มกริ่มเมื่อได้ของที่ถูกใจ

     

    “ไม่เป็นไรนะดีโอนายควรไปหาอะไรกินซะ”  เซฮุนปลอบโยนพอจะเดาออกว่าเรื่องอะไร

     

     

     

     




     

    “เป็นไงบ้าง”  ลู่หานถามขึ้นพร้อมหยิบซองพลาสติกที่บรรจุเส้นผมของมินซอกไว้

     

    “มีหรือจะทำไม่ได้”  ชานยอลโชว์ในสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนนี้  เส้นผมของจงอิน

     

    “นี่ไง”  คริสยื่นให้ดูเป็นเส้นผมของจงแด

     

    “ได้หล่ะของอีกคน”  เซฮุนคาดเดาว่าเป็นของซูโฮที่ปกติจะตัวติดกับดีโอตลอดเวลา

     

    แปะๆๆๆ

     

    “พวกพี่เก่งมาก  แต่แบคฮยอนและเลย์ก็หายไป”  เทาบอกเขาสงสัยว่าสองคนนี้หายไปไหน

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกพวกนี้คงไปไหนไม่ไกล  แต่เลย์ดูแปลกๆนะว่าไหม”  สัญชาตญาณของชานยอลมักเป็นจริงเสมอ  เทาไม่พูดอะไรได้แต่เงียบ  ทำไมรู้สึกกลัวและเจ็บไปพร้อมกัน  เซฮุนมีสีหน้าที่เป็นกังวลเมื่อรู้ข่าวว่าแบคฮยอนก็หายไปด้วย

     

    “แล้วเอาไงต่อ”  คริสถามเสียงนิ่ง  พวกเขารู้แล้วว่าสี่คนนี้ต้องหนีแต่ไม่รู้ว่าเลย์และแบคฮยอนจะหนีไปด้วยซึ่งอาจผิดแผนไปหน่อย

     

    “แค่รอเวลาที่พวกนั้นเจอคนที่ก่อสงคราม  พวกนั้นถึงจะจุดชนวนแต่ถ้าคนเราไม่โลภสิ่งนี้ก็คงไม่เกิดรอให้พวกที่ก่อสงครามจริงๆโผล่ออกมา”  ลู่หานอธิบาย

     

    “แต่ก็มีโทษเหมือนกันนิ”  ชานยอลคิดโทษส่วนใหญ่คือประหาร  แต่ถ้าพวกเขายกโทษให้  ประชาชนที่สูญเสียไปคงไม่ยอม  ใครๆก็ไม่อยากให้เกิด  คือฆ่าพวกนั้นเสีย  แต่ดีหน่อยที่พวกเขาแอบร่วมมือกับหลายๆที่ช่วยกัน  พอถึงเวลานั้นทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม

     

    “ก็ต้องรอ  ระหว่างรอก็ตรวจดีเอ็นเอเพื่อความแน่ใจ”  เซฮุนรวบเส้นผมของแต่ละคนออกจากห้อง   โดยมีดีโอแอบฟังอยู่ไม่ไกล

     

     

     

     




     

    “เป็นไงบ้าง  ทุกคนปลอดภัยนะ”  ซูโฮถามขึ้นมาเมื่อมาถึงที่ห่างไกลพอสมควร

     

    “ปลอดภัย”  จงอินตอบแต่ก็เจ็บอยู่บ้างแหละ  อีกคนหมัดหนักตีนหนักใช่เล่น

     

    “แล้วเอาไงต่อ”  จงแดถาม

     

    “ก็หายาต่อต้านเชื้อไวรัส  จากนั้นพวกเราก็เอาไปใช้กับซอมบี้ให้กลับมาเป็นคนอีกครั้ง  และหายสาบสูญเหมือนที่เคยหายเมื่อตอนเด็ก”  ซูโฮบอกแผนการ

     

    “งั้นเราก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้”  มินซอกบอกพวกเขาทำผิดไปบ้างเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  แต่ไม่ต้องการให้เลวร้ายแบบนี้

     

     

     

     





     

    หลายวันผ่านไปแบคฮยอนใช้ชีวิตเดินทางไปเรื่อยๆกับเลย์ที่ไม่รู้จักเหน็ดและเหนื่อยกับการตามหาคน

     

    “นายต้องการให้โลกเป็นแบบนี้จริงหรือ” 

     

    “ฉันต้องการตอบแทนพระคุณ”  เลย์ตอบสั้นๆ  ยังเดินตามหาในที่ดูเหมือนจะเป็นนอกเมือง

     

    “อ๋อ   อืม”  แบคฮยอนไม่อยากพูดมากอีก  แต่ก็ยังเดินตามอีกคนไป

     

    “ฟังสิ  ได้ยินไหม” เลย์หยุดกึก  และมองไปรอบๆ

     

    “อะไร”  แบคฮยอนงงกับเหตุการณ์ตอนนี้มาก  จู่ๆเลย์ก็ออกตัววิ่ง  วิ่งไปทางที่ดูเหมือนจะเห็นคนสี่คนยืนอยู่

     

    “ทุกคน  วิ่ง”  มินซอกร้องตะโกน  พี่น้องเขาต่างแยกย้ายวิ่งกันกระจัดกระจายไปทั่ว  เลย์พุ่งเป้าหมายมาที่มินซอก  มินซอกยังคงวิ่งหนีต่อไปเรื่อยๆ 

     

    แบคฮยอนไม่รู้จะวิ่งตามใครก็เลยวิ่งตามจงแดที่ดูเหมือนเขาจะไล่ตามง่ายที่สุดแล้ว  เลย์ยังคงวิ่งหลบหลีกสิ่งของที่มินซอกโยนมาให้อย่างว่องไว  เลย์คว้าตัวมินซอกไว้ได้และจัดการอุดทางเดินหายใจไม่ให้หายใจออกจนมินซอกสลบไป

     

    “ขอโทษด้วยนะ”  เลย์อุ้มมินซอกเดินตรงไปที่รถคันหนึ่งจากนั้นสตาร์ทรถที่มีกุญแจเสียบคาไว้อยู่  จากนั้นก็พุ่งออกไป

     

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ  เฉิน”  แบคฮยอนหอบเหนื่อยเขาคิดผิดอย่างมหันต์ที่ไล่ตามจงแด

     

    “ใครจะหยุดให้โง่หล่ะ”  จงแดร้องบอกแต่ยังวิ่งไปเรื่อยๆ  ไม่ดูทางจนสะดุดหกล้ม  แบคฮยอนใช้จังหวะนั้นวิ่งมาถึงตัวจนได้

     

    “ฮ่าๆๆๆ  นายจะหนีไปไหนพ้น”  แบคฮยอนรวบตัวจงแดไว้

     

    “ขอถามชื่อจริงหน่อยแล้วกัน  ตกลงว่าชื่ออะไร”  แบคฮยอนถามไปงั้นๆแหละ  ไม่รู้จะถามอะไรจากอีกฝ่ายดี

     

    “จงแด”  จงแดตอบออกไปแต่รู้สึกว่าที่นี่ไม่มีแต่พวกเขา  ไม่ใช่มนุษย์

     

    กร๊าซซซซ

     

    “อาๆๆๆๆๆๆๆๆ”   ทั้งจงแดและแบคฮยอนร้องพร้อมกันเมื่อเห็นซอมบี้วิ่งมาจากทุกทิศทุกทาง  ทั้งสองวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต  แบบไม่คาดคิด  ซอมบี้เนื้อตัวเหวอะหวะวิ่งตามด้วยความหิวโซอย่างทรมานเมื่อเห็นมนุษย์น่ากิน

     

    “หนีใครหนีมันสิ  แบค”  จงแดไล่ให้แบคฮยอนหนีไปอีกทาง

     

    “ไม่  อุตส่าห์หานายเจอ  ฉันจะไม่พลาดโอกาส”  แบคฮยอนร้องตะโกนบอกตอนนี้เขาเหนื่อยที่จะวิ่ง  แต่เพื่อความมีชีวิตรอดต้องวิ่ง

     

     

     





     

    “ผลสรุป  ซูโฮ  มินซอก  จงอินและจงแด  หรือ  เฉิน  เป็นพี่น้องตระกูลคิม”  เซฮุนพูดสรุปให้ทุกคนฟัง  พวกเขาต่างไปสืบหาประวัติของคนสี่คนนี้มาอยู่หลายวันกว่าจะได้ข้อมูลตรงเป๊ะ

     

    “งั้นทำไงต่อไปดี”  เทาถามในใจเป็นห่วงเลย์มาก  ทั้งเป็นใบ้  ดูใสซื่อจะมีชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ได้ไง

     

    “ออกตามหาแบคฮยอนและเลย์กันเถอะ”  เซฮุนเป็นห่วงแบคฮยอน  แบคฮยอนถ้านายไม่สนใจเรื่องชาวบ้านคงไม่หายไปแบบนี้หรอก

     

    “ก็ดีเหมือนกัน”  ชานยอลชักปืนเหมือนเตรียมพร้อมที่จะออกไปลุยอยู่แล้ว  เขาอยากเจอจงอินมาก  อยากลงโทษให้สาสมกับที่ทิ้งเขาไป

     

    “เออ  ได้ออกไปตามสองคนนั้นกัน”  คริสสรุปและเตรียมลุกขึ้น

     

    “เดี๋ยวก่อน  ให้ผมไปด้วย”  ดีโอที่โผล่พรวดเข้ามาขออาสาไปด้วยคน

     

    “ไม่ได้ไปชายหาดเพื่อไปเล่นน้ำนะ  เด็กน้อย” คริสพูดหยอกดีโอที่เข้ามา  แต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วย

     

    “นายจะไปทำไม”  เซฮุนถามขึ้น

     

    “ผมอยากไป”  ดีโออยากไปหาซูโฮ  ถึงซูโฮจะเป็นยังไงในสายตาคนอื่น  แต่สำหรับเขาคือคนที่เขารัก

     

    “อยากไปเหรอ” ลู่หานถามเพื่อความแน่ใจ  สายตาดีโอเปล่งประกายด้วยความแน่วแน่

     

    “ครับ  ผมอยากไป”  ดีโอตอบเสียงหนักแน่น

     

    “งั้นก็ได้  แต่นายต้องดูแลตัวเองนะ”  ลู่หานยอมไปด้วย

     

    “และอย่าไปเป็นภาระให้คนอื่น”  ชานยอลพูดแทรกขึ้นมา






    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×